ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] Memory of Heart จะรักกันได้ไหม?ถ้าหัวใจยังไม่ลืม...

    ลำดับตอนที่ #3 : MEMO 2 : Family ( KwangMin )

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 56




     


    MEMO 2 : Family

    @ Night Club

    คืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่มีผู้คนแน่นขนัดในคลับแห่งนี้ คลับขนาดกลางบริหารโดยหุ้นส่วนสองคน คนนึงมีใบหน้าสะสวย ส่วนอีกคนมีใบหน้าคมคาย ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ในแบบที่ทุกคนเข้าใจดี

    “ กวัง ฉันเป็นห่วงน้องจัง ลีชางซอบไม่มาทำงานเป็นอาทิตย์แล้วนะ” ผู้มีใบหน้าสวยกล่าวด้วยความกังวลคิ้วเรียวนั้นขมวดมุ่นแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่รอมร่อ

    “ ใจเย็นน่าที่รัก เดี๋ยวเราถามฮยอนชิคเอาก็ได้ เขาเป็นเพื่อนสนิทกัน น่าจะติดต่อกันบ้างล่ะ” ผู้ที่กำลังทำบัญชีอยู่หลังเคาท์เตอร์เงยหน้าขึ้นมามองคนรัก นึกขำในความขี้กังวลของอีกคน

    “ นั่นไง...มานู่นแล้ว ” เมื่อเบือนสายตาจากคนสวยไปได้พลันเห็นร่างใครบางคนเดินเข้ามา

    “ ฮยอนชิค มินมินมีอะไรจะถามแน่ะ ” ชายหนุ่มตะโกนเรียกผู้มาใหม่เพื่อปัดปัญหาออกจากตัว คนสวยจึงแลบลิ้นใส่คนรักก่อนจะเดินไปหาเด็กหนุ่มแทน

    “ มีอะไรเหรอครับ พี่มินฮยอก” ฮยอนชิคถามอย่างงุนงงเมื่อเถ้าแก่เนี้ยเดินเข้ามาใกล้

    “ ชางซอบไม่มาทำงานเป็นอาทิตย์แล้ว นายรู้บ้างมั๊ยว่าเขาไปไหน ฉันชักจะเป็นห่วงซะแล้วสิ ปกติเขาจะโทรมาลางานทุกครั้งนี่นา” มินฮยอกยืนกอดอกพลางใช้นิ้วเคาะแขนตัวเองเป็นจังหวะอย่างครุ่นคิด

    “ อ่าว เขาไม่ได้โทรบอกพี่หรอกเหรอครับว่าจะหยุดทำโปรเจคน่ะ ใกล้จบแล้วงานเลยรัดตัวมาก” ฮยอนชิคมีอาการเหวอเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ชางซอบเคยเปรยๆกับเขาไว้ว่า จะหยุดงานเพื่อทำโปรเจคจบแล้วหลังหลังจากนั้นฮยอนชิคก็ไม่เห็นหน้าเพื่อนซี้อีกเลย เขาก็นึกว่าชางซอบลางานแล้วเรียบร้อยจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรที่อยู่ดีๆเพื่อนก็หายหน้าไป

    “ ซวยล่ะสิ แล้วนายได้ไปหาเขาที่บ้านบ้างรึเปล่า เขาจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ ยิ่งแต่อยู่คนเดียวด้วย จะป่วยรึเปล่านะ” มินฮยอกบ่นงึมงำอย่างคนไม่สบายใจราวกับเป็นคุณแม่ก็ไม่ปาน

    “ ผมว่าพี่ใจเย็นก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้วผมจะไปดูให้เอง ตอนนี้ลูกค้าเยอะแล้ว งั้นผมไปเปลี่ยนกะกับซองแจก่อนนะครับ” ฮยอนชิคจับมือสวยมากุมอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินไปยังข้างเวทีเพื่อบอกให้นักร้องรู้ว่าดีเจมาถึงแล้ว

    “ เอาล่ะครับ เราจะเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงแดนซ์มันส์ๆกันบ้าง ผมขอยกเวทีนี้ให้กับดีเจ ลิมฮยอนชิค ครับ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังมาจากผู้ชายหน้าตาน่ารักซึ่งทำหน้าที่ขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะให้นักท่องราตรีได้ฟัง ฮยอนชิคเดินขึ้นประจำตำแหน่งของตัวเองเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้ไม่น้อย ซองแจจึงโค้งทักทายเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินลงจากเวทีไป

    “ เหนื่อยหน่อยนะซองแจ ดื่มอะไรหน่อยมั๊ย” เจ้าของร้านหน้าสวยถามขึ้นพลางโอบไหล่คนอายุน้อยกว่า เขารู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกนักที่รับนักร้องซึ่งมีอายุไม่ถึงเกณฑ์มาทำงานในร้านแบบนี้ แต่ก็ไม่อาจต้านแรงปณิธานของเด็กคนนี้ได้ หนุ่มน้อยนาม ยุกซองแจ เดินเข้ามาในคลับของเขาทั้งๆที่อายุไม่ถึงเพียงเพราะแค่เห็นประกาศรับสมัครนักร้องประจำคลับ รอบแรกทั้งคู่ได้ปฏิเสธไปแล้ว แต่หนุ่มน้อยคนนี้ก็ยังดื้อดึงโดยท้าพนันกับทั้งสองว่าถ้าคืนนี้เขาขึ้นร้องแล้วลูกค้าชอบ พี่ต้องรับเขาเป็นนักร้องประจำ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เขาจะขอรับผิดชอบทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว อึนกวังผู้ชื่นชอบความท้าทายจึงยอมเสี่ยงกับเกมส์นี้ แล้วมันก็เป็นไปดังคาดจริงๆ ซองแจได้เข้ามาเป็นนักร้องประจำในที่สุด

    “ ผมขอน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวนะครับ” ถึงแม้จะทำงานในคลับแต่ซองแจไม่เคยคิดจะลองเครื่องดื่มมึนเมาเลย เถ้าแก่เนี้ยจึงเอ็นดูเด็กหนุ่มราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ

    “ พี่ว่า...นายไปพักที่ห้องรับรองดีกว่านะ นั่งตรงนี้มันดูไม่ค่อยดีเท่าไร” อึนกวังเดินมาวางมือลงบนไหล่น้องชายซึ่งนั่งอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่ม พลางมองสบตาคนรักนิ่ง มินฮยอกจึงลดมือที่เผลอโอบไหล่น้องอย่างลืมตัวลงพลางพยักหน้าหงึกๆ

    “ ซองแจไปรอในห้องก่อนนะ เดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาน้ำไปให้ ถ้าใครมาเห็นนายนั่งตรงนี้เข้าคงดูไม่ดีแน่ ถึงจะดูสูงไม่เหมือนเด็กก็เถอะ แต่มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี” มินฮยอกพูดพลางดึงมือน้องชายให้ลุกขึ้นแต่คนอ่อนกว่ากลับแกะมือนั้นออกอย่างสุภาพ

    “ เดี๋ยวผมไปเองได้ครับ พี่ดูแลลูกค้าเถอะ” ซองแจกล่าวอย่างเกรงๆพลางมองหน้าอึนกวังที่ยืนมองตนนิ่ง มินฮยอกจึงหันไปค้อนใคนรักวงนึง

    “ อะไรกันกวัง มองน้องอย่างกับจะกินเขาอย่างนั้นล่ะ” เมื่อน้องชายเดินออกไปแล้วมินฮยอกก็หันมาไล่เบี้ยกับคนรัก ร่างบางเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง

    “ ก็ฉันไม่ชอบให้มินสนิทกับคนอื่นเกินไปนี่นา โดยเฉพาะผู้ชายด้วย” อึนกวังกล่าวอย่างงอนๆ

    “ ขี้หึงนักนะ พ่อคนนี้นี่ ฉันขอน้องชายคนนี้ไว้คนนึงไม่ได้หรือไง ก็ฉันคิดกับเขาแค่พี่น้องจริงๆนี่นา” มินฮยอกหลุดขำออกมาเมื่อรู้ว่าอีกคนคิดอย่างไร พลางใช้สองมือหยิกโหนกแก้มสูงเบาๆ จากใบหน้าบูดบึ้งจึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง

    “ งั้นฉันยกให้แค่ซองแจคนเดียวนะ” อึนกวังยืนยันความแน่ใจของตัวเอง

    “ งั้นฉันขอฮยอนชิคกับชางซอบด้วยอีกสองคน” มินฮยอกได้ทีต่อรอง ทำเอาอึนกวังจุ๊ปากอย่างขัดใจ

    “ มินนี่ได้คืบจะเอาศอกนะ” อึนกวังเริ่มยืนกอดอกบ้างแล้ว

    “ นะกวังนะ...ก็ฉันรักพวกเขาเหมือนน้องจริงๆนี่” มินฮยอกเริ่มใช้ไม้ตายโดยการออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน

    “ เฮ้ออออออ ฉันไม่น่าให้มินมาทำงานด้วยเลยจริงๆ ให้มาช่วยที่ร้านนี่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสุดๆ ไหนจะสายตาของลูกค้าอีกล่ะ ถ้ามินเปรียบเสมือนน้ำแข็งแล้วสายตาเหล่านั้นเป็นเปลวไฟ มินมินคงละลายไปหมดแล้วล่ะ” อึนกวังยังคงบ่นพึมพำๆ

    “ ก็ใครอยากให้กวังมีแฟนสวยล่ะจ๊ะ จริงมั๊ย?” มินฮยอกอดหมั่นไส้คนรักไม่ได้จึงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นเบาๆ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะสวีตกันไปมากกว่านี้ ประตูทางเข้าก็ปรากฎร่างสูงร่างหนึ่ง เขามีลักษณะโดดเด่นจนใครเห็นเป็นต้องสะดุด

    “ เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า ลิม ฮยอนชิคทำงานอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ” ร่างสูงถามกับเจ้าของร้านทั้งสองคน มินฮยอกยิ้มการค้าพลางเดินไปหาเขาทันที

    “ ถ้าจะรอพบฮยอนชิค ผมขอแนะนำว่าคุณควรจะดื่มอะไรรอไปก่อนนะครับ เพราะตอนนี้เขาทำงานอยู่ อีกสักครู่คงเปลี่ยนกะ” มินฮยอกทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อึนกวังรู้สึกอึดอัดกับผู้ชายตรงหน้านิดๆ เขารู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นอกเหนือสิ่งอื่นใดเขาไม่ชอบสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองคนรักของเขาเลย

    “ ไม่ทราบว่าคุณจะรับอะไรดีครับ” อยู่ดีๆอึนกวังก็โพล่งออกมาพลางดึงมินฮยอกไปยืนข้างตัว มุมปากร่างสูงกระตุกยิ้มนิดๆก่อนจะตอบเสียงทุ้มกลับไปพลางเดินไปยังมุมเงียบๆเป็นส่วนตัว

    “ กวังรู้จักเขาเหรอ ทำไมดูระแวงจัง ว่าแต่เขาหล่อดีเนอะ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย” มินฮยอกกล่าวอย่างอารมณ์ดี แต่คนข้างตัวไม่ได้มีอารมณ์ดีตามไปด้วย

    “ ฉันไม่รู้จักเขาหรอก แต่ดูแล้วรู้สึกอันตรายชะมัด ว่าแต่ว่า พรุ่งนี้มินไม่ต้องมาช่วยที่ร้านแล้วนะ” อึนกวังพูดนิ่งๆพลางเดินไปยังบาร์เครื่องดื่มเพื่อสั่งเครื่องดื่มของร่างสูง

     

    ผ่านไปชั่วครู่

    “ เอ่อ...รอนานมั๊ยครับ พี่จีฮุน” หลังจากเปลี่ยนกะกับนักร้องแล้ว ดีเจเสียงดีก็เดินลงมาพบแขกของตน

    “ สักพักแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่...นายได้ข่าวของชางซอบบ้างรึเปล่า” ฮยอนชิครู้สึกแปลกใจที่อยู่ดีๆร่างสูงก็ถามถึงเพื่อนซี้ของเขา

    “ เอ่อ...จริงๆแล้วผมไม่ได้คุยกับเขามาเป็นอาทิตย์แล้วครับ ผมคิดว่าเขาหยุดงานเพื่อทำโปรเจคจบก็เลยไม่ได้สงสัยอะไรที่ไม่เห็นเขามาทำงาน แต่คืนนี้ว่าจะแวะไปดูเขาสักหน่อย โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ชักจะเป็นห่วงซะแล้วสิ ว่าแต่พี่มีธุระอะไรกับชางซอบเหรอครับ” ฮยอนชิคร่ายยาวก่อนจะถามถึงจุดประสงค์ของอีกคน

    “ เปล่าหรอก ฉันแค่จะมาบอกนายว่า ไม่ต้องห่วงตอนนี้ชางซอบอยู่กับฉัน เขามาทำงานน่ะ โทรศัพท์เขามีปัญหานิดหน่อยเลยติดต่อไม่ได้ นายเองก็อาจจะไม่ได้เจอเขาสักพักนึงเท่านั้นเอง ฉันมาเพื่อบอกนายเท่านี้ล่ะ” พูดจบร่างสูงก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง คนอายุน้อยกว่าจึงได้แต่โค้งลา เขามองตามร่างสูงอย่างงงๆ ปกติไม่ว่าชางซอบจะไปไหนหรือทำอะไร เพื่อนคนนี้จะโทรบอกเขาเสมอ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆก็หายไปแบบนี้ แต่อย่างน้อยเมื่อรู้ว่าอยู่กับจีฮุน ฮยอนชิคก็สบายใจไปได้เปลาะนึงล่ะ

     



    ขออภัยอย่างสุดซึ้งที่ไรต์หายไปนานราวกับสาบสูญไปแล้ว จริงๆแล้วตอนนี้เขียนเสร็จนานแล้วแต่ไม่มีที่อัพอ่าาาาา คือไรต์ต้องซ้อมดนตรีเพื่อแข่งดนตรีนานาชาติ ไรต์เลยจำเป็นต้องเข้าค่ายและขาดการติดต่อจากเทคโนโลยีอย่างยาวนาน ยังไงก็ขอให้รีดเดอร์ทุกคนโปรดให้อภัยไรต์ด้วยนะคะ พลีสสสสสสส
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×