ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] The Dormitory หอพักนี้มีแต่คน(น่า)รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : 1st Floor : Guest..

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 55





     
    @ Cube Place

    ~ คือ บี ดัลลา นัมดัลลา แทแทแทแท กาดัลลา I like it I like it ~

    " สวัสดีครับ ยุคซองเจ พูดครับ " หนุ่มหน้าหวานรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร่าเริง เนื่องจากรู้ว่าปลายสายคือใคร

    [ ซองเจเหรอลูก ทำอะไรอยู่น่ะ เสียงดังโครมครามเชียว ] เสียงปลายสายถามด้วยความเป็นห่วง

    " เอ่อ ผมกำลังทำมื้อเย็นอยู่น่ะครับ แต่มันออกมาไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร " ซองเจพูดพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องครัวซึ่งเละราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆ

    [ อ่อเหรอ แล้วพี่อึนกวังล่ะ ไม่อยู่เหรอ ลูกถึงต้องทำเอง ] ผู้เป็นมารดาพาดพิงไปถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกคน

    " วันนี้พี่อึนกวังไปอ่านหนังสือกับพี่มินฮยอกครับ คาดว่าคงไม่กลับ เพราะพรุ่งนี้มีสอบ "

    [ แหม!! กล้าทิ้งน้องไปอ่านหนังสือกับแฟนนะ เดี๋ยวแม่ต้องโทรไปเช็คซะละ ว่า่อ่านหนังสือจริงรึเปล่า ฮิฮิ ] เสียงปลายสายพูดราวกับเป็นเรื่องสนุก

    " โถ่ แม่ครับ ปล่อยพี่เค้าเถอะครับ ว่าแต่แม่มีอะไรรึเปล่าครับ โทรมาเวลางานแบบนี้ " ซองเจมองนาฬิกาข้างผนังพลางทดเวลาท้องถิ่นของอีกฟากในใจ

    [ อ้อ... แม่มีเรื่องจะรบกวนน่ะ วันพรุ่งนี้ ลูกชายของเพื่อนแม่เค้าจะย้ายไปเรียนที่นั่น และเค้าจะไปพักที่หอเรา คาดว่าคงมาถึงประมาณตี 4 ลูกช่วยไปรับเค้าที่สนามบินด้วยนะ ]

    " ผมเหรอครับ ... ก็ได้ครับ " ซองเจตอบรับเสีบงอ่อย เนื่องจากไม่อยากตื่นเช้า

    [ อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วยนะลูก  เราน่ะยิ่งแต่ขี้เซาอยู่ งั้นแม่ฝากด้วยน๊าาา เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะบินกลับไปหานะจ๊ะ รักนะจุ๊บๆ ] ผู้เป็นแม่เมื่อฝากข้อความเสร็จ ก็รีบวางสาย ผมรู้หรอกน่ะ ว่าแม่อยากโทรไปแกล้งพี่อึนกวังใจจะขาด

    " เฮ้ออออออ พี่อึนกวังก็ไม่อยู่ แล้วใครจะปลุกเราล่ะเนี่ย แต่ก่อนอื่นเก็บห้องครัวก่อนดีกว่า " ซองเจบ่นกับตัวเอง งึมงำๆ พลางเริ่มลงมือเก็บกวาดซากหลังสงครามมื้อเย็นของตนเอง



               เนื่องจากแม่ของผมเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ทำให้ผมต้องอาศัยอยู่กับพี่อึนกวัง พี่ชายของผมตามลำพังในบ้านหลังใหญ่เกินกว่าที่เด็กสองคนจะอยู่ด้วยกัน เราก็เลยตกลงเปิดเป็นหอพัก ให้คนเช่า แต่ว่าภายนอกมันดูหรูหราและใหญ่โต ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้ามาเช่าเนื่องจากกลัวราคาที่แพง แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย
    ปกติพี่อึนกวังจะมีหน้าที่ดูแล เรื่องอาหารการกิน ผมเลยแทบไม่ต้องเข้าครัวด้วยตัวเองเลย แต่ช่วงนี้เป็นเวลาแห่งการสอบ พี่อึนกวังจึงจำเป็นต้องไปอ่านหนังสือกับพี่มินฮยอก ซึ่งมีมันสมองอันเป็นเลิศพ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของเค้า ผมจึงต้องหา ของกินตามยถากรรม หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินไล่ปิดไฟในบ้านทั้งหมด จะเหลือก็แต่ตามบันไดและทางเดิน ก็ผมไม่ค่อยชอบที่มืดๆนี่ฮะ ถึงบ้านผมจะเป็นหอพัก แต่ตอนนี้มันก็เงียบเชียบเนื่องจาก ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอม ทำให้ยังไม่มีคนมาเช่าห้องอยู่ บ้านผมจะบอกว่าเป็นหอพักเลยก็ไม่เชิง เพราะมันมีลักษณะเป็นบ้านสองชั้น แต่หลังใหญ่เกินไปและมีห้องนอนหลายห้อง ซึ่งแม่อ้างว่าไว้ใช้รับแขก ผมกับพี่อึนกวังก็เลยเปิดเป็นโฮมสเตย์ซะเลย โดยห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเราจะใช้ร่วมกันและปลายปีกด้านตะวันออกก็มี สตูดิโอสำหรับเล่นดนตรี แม่ทำไว้เพราะพี่อึนกวังชอบร้องเพลง และผมชอบเล่นดนตรี ผู้ที่มาเช่าสามารถใช้ห้องนี้ได้เหมือนกัน ผมเดินสำรวจประตูและหน้าต่างโดยรอบ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน แต่เอ๊ะ!!ผมรู้สึกว่าผมลืมอะไรไปอย่างนะ

    ~ You make me go insane.She gives me so much pain. I won't be back again. ~
    (เสียงนาฬิกาปลุกแบบนี้ ใครจะตื่นฟะ -_-!! writer)
     
    เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังต่อไป แต่ไร้การตอบสนองจากเจ้าของมัน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยจนพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า

    “ ห๊าววว พี่อึนกวังกี่โมงแล้วฮะ ” ซองเจเดินหาวหวอดๆ พลางขยี้ตาเดินลงมาจากบันได ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองอยู่คนเดียว เมื่อนึกได้ตาก็เหลือบมองนาฬิกาข้างผนังบอกเวลา 6 โมง ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งทันที

    “ จ๊ากกก สายแล้วๆทำไงดี เค้าจะยังรออยู่มั๊ยเนี่ย” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ก็รีบกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วแสง ก่อนจะสตาร์ทมินิคูเปอร์คู่ใจบึ่งไปสนามบินทันที

    “ อยู่ไหนน๊า...ขอให้เค้ายังรอด้วยเถอะ” ซองเจพึมพำกับตัวเองด้วยความกังวล นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบ 8 โมงเข้าไปแล้ว

    “ เอ๊ะ!! ว่าแต่เค้าชื่ออะไรล่ะ โอ๊ยยยย ทำไมไม่ถามแม่มานะ ยุกซองเจ” ซองเจบ่นพลางขยี้หัวตัวเองไปด้วย ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณผู้โดยสารขาเข้า แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป้าหมายเป็นใคร

    ( แล้วชาตินี้มันจะเจอกันมั๊ยเนี่ย =_= writer )

    ปึ๊ก...โอ๊ย

    ผมมัวแต่มองไปทั่ว ทำให้ไม่ทันสังเกต ผู้ที่เดินสวนมาชนเข้าอย่างจัง

    “ ขอโทษครับ ผมไม่ทันสังเกต ”  ซองเจโค้งศีรษะขอโทษคนที่อยู่ตรงหน้าเขา

    Sorry” อีกฝ่ายกล่าวขอโทษกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผมต้องมองหน้าเค้า จริงๆแล้วก็เหมือนคนเกาหลีนะ แต่ทำไมพูดภาษาอังกฤษล่ะ

    “ เอ่อ ... ขอโทษนะ  ม่ายทราบว่าจาไปที่นี่ ได้ยังไง” ภาษาเกาหลีแปร่งๆถูกเอ่ยออกมาจากปากคนตรงหน้า ผมก้มมองที่อยู่ที่เค้าถือไว้ก่อนจะชะงักงัน เพราะสิ่งที่เค้าถืออยู่คือ ที่อยู่ของบ้านผมเอง ผมยิ้มแหยๆพลางถามกลับอย่างเกรงๆ

    “ เอ่อ นายมารอใครรึเปล่าฮะ” คนตรงหน้าเงยหน้ามองหน้าผมพลางพยักหน้าอย่างเนือยๆ

    “ แม่บอกว่า ลูกชายของเพื่อนจะมารับ แต่ผมรอเค้ามาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มาสักที ผมคิดว่าคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” เขาพูดด้วยใบหน้าเศร้านิดๆ แต่ก็คลี่ยิ้มออกมาราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมมองหน้าเค้าอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะโทรศัพท์ต่อสายหามารดา

    [ ห๊าววว ว่าไงลูก แม่เพิ่งจะได้นอนเมื่อกี้เองนะ มีอะไรรึเปล่า ] เสียงแม่รับสายอย่างงัวเงีย

    “ คนที่แม่ให้ผมไปรับ เค้าชื่ออะไรเหรอครับ” ผมถามไปอย่างเกรงๆ

    [ ห๊า!! นี่ลูกเพิ่งไปรับเค้าเหรอ เอ้อ แต่แม่ก็ผิดเองล่ะที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน เค้าชื่อ พีเนียล น่ะลูก หมดธุระแล้วใช่มั๊ย งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ ] แม่พูดจบก็วางสายไปทันทีซึ่งปกติแม่จะต้องบ่นผมยาวเป็นหางว่าว แต่สงสัยวันนี้คงจะเหนื่อยจริงๆ

    หลังจากผมวางสายแล้วก็หันหน้าไปทางคนที่ยืนคอยคำตอบ ราวกับว่าถ้าผมไม่บอกเขา เขาคงจะยืนอยู่อย่างนั้นไม่ก้าวเท้าไปไหน

    “ นายชื่อ พีเนียล รึเปล่า” เขามองหน้าผมยิ้มๆพลางพยักหน้าช้าๆ ตายล่ะวา เจอตอเข้าอย่างจัง

    “ แหะๆ ผมขอโทษนะ ที่มารับนายช้าไปหน่อย ผมชื่อ ยุกซองเจ” ผมแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงแหยๆ เขายิ้มให้ผมอย่างใจดี ก่อนจะกล่าวด้วยสำเนียงแปร่งๆ

    “ มาช้า ก็ดีกว่าไม่มาล่ะนะ ผมชื่อ พีเนียล หรือ ชินดงกึน แล้วแต่นายจะเรียก” เขายื่นมือมาข้างหน้าผมจึงจับมือทักทายตามมารยาท แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เขาดึงผมเข้าไปกอดทันที ผมยังคงอึ้งอยู่เลยไม่ได้ต่อต้านอะไร

    “ ง่วงนอนมากๆเลย ผมยังไม่ชินกับเวลาที่นี่ ขอผมกลับไปนอนได้มั๊ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังข้างหู ทำเอาผมขนลุก ผมค่อยๆดันเขาออกจากตัว  ก่อนจะช่วยลากกระเป๋าไปที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านนอก เมื่อนำสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อย ผมสตาร์ทรถพลางมองไปที่เบาะนั่งข้างคนขับ เจ้าคนที่ผมเพิ่งคุยไปเมื่อกี้ก็หลับปุ๋ยเลยแฮะ สงสัยคงง่วงจริงๆ ใบหน้าขาวใสด้านข้าง ปากรูปกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน มองๆไปหน้าตาแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย ก่อนผมจะเลื่อนลอยไปมากกว่านี้ เสียงแตรรถด้านหลังฉุดสติผมให้กลับมาก่อนจะเหยียบคันเร่งนำทางไปสู่บ้านของเรา

    __________________________________________________________________________________________________         

    แค่ตอนแรก มักเน่ของเราก็ทำพลาดครั้งใหญ่ซะแล้ว ต่อไป พีเนียลจะยังคงให้อภัยอีกมั๊ยน้้ออออ คงต้องติดตามกันต่อล่ะค่ะ



           


     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×