ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter : 10 รอยร้าว!!! T^T
Chapter 10
" อาวล่ะ ถ่ายอีก 2 ชุด แล้วจะพักทานข้าวแล้วนะ " เสียงพ่อของผมดังมาจากหลังกล้องถ่ายรูป ผมนั่งดูเรถ่ายแบบมาได้ระยะนึงแล้วล่ะ ยิ่งมองผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเรซะเลย คุณอาราเสะเธอดูสวยเป็นธรรมชาติ นางแบบคนอื่นๆสู้เธอไม่ได้จริงๆ นอกจากนี้ก็ยังมีชูตะ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืน ผมกลับไปที่ห้องได้ยังไง ทั้งๆที่คุยอยู่กับหมอนี่ จะว่าไปแล้วเวลาชูตะทำงาน เขาดูจริงจังมาก ความสนใจอยู่แต่กับหน้ากล้อง เมื่อมายืนคู่กับเรแล้ว ดูเหมือนเทพบุตรทั้งคู่ ผมชักรู้สึกว่าอยากลองไปยืนคู่กับเรอีกครั้งเหมือนตอนที่ถ่ายแบบกับเรครั้งแรก เสื้อผ้าครั้งนี้มีแม่กับคนอื่นๆดูแลอยู่ ผมก็เลยว่างงาน มานั่งเอ้อระเหยดูเขาทำงานกัน แต่ใช่ว่าผมจะนั่งเฉยๆนะ ผมก็เตรียมนํ้าให้เหล่านางแบบและนายแบบด้วยเหมือนกัน
" เอาล่ะ พักได้" ในที่สุดเสียงสวรรค์ก็ดังออกมา ผมจึงหยิบนํ้าและผ้าเช็ดหน้าเดินไปหาเรจิ
" เรจิ นํ้าจ๊ะ " นั่นย่อมไม่ใช่เสียงผมอย่างแน่นอน คุณอาราเสะเดินไปทางเรจิ พลางยื่นนํ้าดื่มให้ เรจิรับมันมาพร้อมกับยิ้มให้เธอ ไม่แม้แต่จะหันมามองผม ผมจึงทำได้เพียงแต่หันหลังกลับ
" ขอนํ้าหน่อยสิ" ทันไดนั้นเสียงก็ดังเข้าโสตประสาทผม ผมหันกลับไปพร้อมกับยิ้มหน้าบาน แต่มันก็ต้องหุบลง เมื่อคนๆนี้ไม่ใช่เรจิ ผมยื่นให้เขาก่อนจะหันหลังกลับ
" ทำไมไม่เข้าไปหาเขาเลยล่ะ ยืนมองเหมือนกับตัวเองไม่ใช่เจ้าของอย่างนั้นล่ะ"
คำพูดของหมอนี่ฟังแล้วจี๊ดชะมัด คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครนะ ผมค้อนให้เขาวงหนึ่งก่อนจะเดินออกมา ผมออกมานั่งเล่นในสวนคนเดียวพร้อมกับข้าวกล่องของตัวเอง ทั้งๆที่ตอนแรกผมหิวไส้แทบขาด แต่พอมาถึงเวลานี้ ผมแทบไม่อยากจะเอาอะไรลงท้องเลย ผมนั่งเหม่อพลางคิดถึงเรื่องที่ชูตะเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ของคนทั้ง 2 ผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งข้างๆ
" กินข้าวคนเดียวมันจะอร่อยเหรอ " เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู แต่มันไม่ใช่เสียงของคนที่ผมอยากเจอ
" เป็นผู้ชาย เขาไม่มานั่งร้องไห้อย่างนี้หรอกนะ" ชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งข้างผม พลางเอามือปาดนํ้าตาให้ผมอย่างอ่อนโยน
ผมนี่น่าอายชะมัด มานั่งร้องไห้ให้คนที่ไม่รู้จักเห็น ผมรู้ว่าเขาเป็นนายแบบแต่ไม่เคยคุยกันมาก่อน
" ผมชื่อ มาโกโตะ จุนเป เป็นนายแบบของ AAA แล้วคุณล่ะ" ชายหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพกับผม
" ผมชื่อ โคอิเดะ ยู เป็นผู้ช่วยสไตลิสครับ" ผมตอบกลับไปหลังจากจัดการกับใบหน้าตัวเองเรียบร้อย
ชายหนุ่มคนนี้ มีลักษณะเด่นอยู่ที่ลักยิ้มทั้งสองข้าง เขามีผมสีนํ้าตาลอ่อน ผิวเข้มนิดๆ หุ่นนักกีฬา ที่สำคัญคือ เขาสูงกว่าผม จมูกโด่งเป็นสัน ค้ิ้วเข้ม ตาคม จะว่าไปเขาก็หล่อไปอีกแบบ ชีวิตผมเนี่ยเจอแต่คนหน้าตาดีแฮะ แต่ผมไม่ยักกะดูดีกับเขาบ้าง
" ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ" จุนเปพูดพลางเอามือมาจับเส้นผมของผมเล่น
" ผมก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะฮะ" ผมตอบพลางยิ้มให้เขา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยน จนทำให้ผมนึกถึงใครบางคน
" งั้นผมขอนั่งทานข้าวด้วยคนละกัน" จุนเปหยิบข้าวกล่องออกมา แต่ผมสังเกตเห็นว่าเขาเขี่ยแครอทออก
" มาโกโตะซังไม่กินแครอทเหรอ ทำไมล่ะ มีประโยชน์นะ ทำให้ผิวสวยด้วย" ผมคีบชิ้นแครอทที่ถูกหั่นอย่างสวยงามไปจ่ออยู่ที่ปากได้รูปของจุนเป เขาเม้มปากนิดนึงก่อนจะงับมันเข้าไปในปาก แต่ก็ยังคงส่งสีหน้าแหยๆมาให้
" ไม่เห็นอร่อยเลย ผมว่าโคอิเดะซังทานหมูดีกว่านะ หุ่นบางขนาดนี้ มันไม่ค่อยเหมาะกับอาชีพนี้หรอก" พูดจบจุนเปก็ส่งเนื้อเข้าปากผม ผมจึงต้องเลยตามเลย โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเราสองคน มันทำให้ใครบางคนเจ็บอยู่ข้างใน
วันนี้หลังจากที่พักกองแล้ว ผมก็ไม่เห็นเรจิอีกเลย เขาไปไหนของเขากันนะ ผมเดินตามหาเขาจนทั่วจนกระทั่งเย็น ผมจึงเดินกลับที่พักไป เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นเรจินั่งอยู่หน้าจอทีวี มือกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจมันเลย ผมจึงเดินไปปิดมันซะ เรจิหันมามองหน้าผม ก่อนจะเปิดทีวีขึ้นอีกครั้ง
" นี่! ถ้าไม่ได้อยากดูก็ไม่ต้องเปิดก็ได้นะ" ผมพูดอย่างหมดความอดทน เรจิจึงกดปิดทีวีแล้วเดินไปนั่งลงที่ฟูกปูนอน
" เป็นอะไรไปน่ะ แล้ววันนี้หายไปไหนมา ฉันเดินหาเรซะทั่ว" ผมบ่นพลางนั่งลงข้างๆเขา เรจิไม่ตอบก่อนจะผลักผมและกดผมลงกับฟูก สองมือตรึงข้อมือผมไว้แน่น กิริยานี้มันช่างก้าวร้าวไม่ใช่เรจิคนที่ผมรู้จัก
" คุณต่างหากที่ควรจะบอกผม ว่าคุณไปไหน ทำอะไร กับใคร" ผมขมวดคิ้วมุ่น ผมไม่เคยเห็นเรจิโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อน เขาโกรธมาก แม้กระทั่งชื่อผมเขายังไม่เรียก ดวงตาที่มองผมช่างว่างเปล่า เย็นชา จนผมชาวูบไปทั้งตัว
" นายเป็นอะไรไปน่ะ ฉันเจ็บนะ...ปล่อย" ผมเม้มริมฝีปากแน่น นํ้าตาคลอหน่วงตาทั้งสองข้าง
" คุณอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าคุณอยู่กับใคร ทำไมเหรอ ผมมันไม่ดีตรงไหน รึว่ามีแค่ผมคุณไม่พอใจใช่มั๊ย" นํ้าเสียงกราดเกรี้ยวลอดออกมาจากปากคนที่ผมรัก มันช่างเจ็บเกินจะบรรยาย นํ้าตาผมมันร่วงลงมาเกินกว่าจะกลั้นไว้อยู่
" ฮึก...ทำไมเหรอเรจิ ฉันทำอะไรผิด ฮือๆ..ทำไมนายถึงโกรธมากขนาดนี้ ฮึกๆ..ฮือ" ผมถามพลางสะอึกสะอื้น ดูเหมือนเรจิจะอารมณ์เย็นลง สายตาเขาเริ่มอ่อนลง แต่ก็ยังคงจ้องผมอยู่อย่างนั้น
" คุณรู้มั๊ย? ผมตั้งใจทำงานนี้เพื่อแลกกับวันหยุดยาว เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ผมรัก แต่ในขณะที่ผมกำลังพยายามอยู่นั้น คนรักของผมกลับไปอยู่กับคนอื่น มันน่าเจ็บใจมั๊ยล่ะ ไหนบอกหน่อยซิว่าผมจะทำมันไปเพื่ออะไร" นํ้าเสียงที่แฝงแววประชดประชันปนตะคอกเล็กน้่อย มันทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน
" ถ้าเป็นเรื่องของจุนเปซัง มันไม่มีอะไรเลยนะ"
" อ้อ...นี่สนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อเลยเหรอ ลับหลังผมคุณคงไปแอบทำอย่างนี้กับคนอื่นสินะ" เรจิพูดพร้อมกับเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือของผม
" เรจิ มันจะมากไปแล้วนะ ฉันไม่...อุ๊บ..." คำพูดของผมกลืนหายไปกับจูบที่ร้อนแรง ดุดันและเอาแต่ใจของร่างสูง แรงขัดขืนที่มาจากร่างบางเริ่มผ่อนแรงลง ทำให้ร่างสูงสัมผัสได้ถึงนํ้าอุ่นๆที่ไหลลงมาข้างแก้ม เรจิเงยหน้าขึ้นมา ลมหายใจของเขาสะดุดกึก ก่อนจะพ่นถ้อยคำแสนปวดร้าวออกไป
" ตอนนี้คุณก็แค่คุย แต่อีกไม่นานก็คงจะถึงขั้นนี้สินะ" เมื่อพูดจบก็สะบัดตัวออกจากห้องนี้ไป
ร่างบางเอามือที่หลุดจากพันธนาการ มาประกบปิดริมฝีปากที่บวมชํ้า พร้อมกับร้องไห้ ออกมาเงียบๆ
ป.ล. คนญี่ปุ่น ถ้าเพิ่งเจอกันครั้งแรกหรือเพิ่งรู้จักกัน มักจะเรียกแทนกันด้วยนามสกุล แล้วลงท้ายด้วยซังหรือคุง ถ้าคนที่คุยด้วยเป็นผู้ใหญ่กว่าหรือให้ความเคารพ มักจะใช้คำลงท้ายว่า" ซัง " แต่ถ้าคนที่คุยด้วยรุ่นราวคราวเดียวกันหรือเด็กกว่าหรือสนิทกันมักจะใช้คำว่า " คุงหรือจัง" แต่ " จัง " ใช้ในกรณีของผู้หญิง และอีกอย่างนึง ถ้าสนิทกันมากๆ อาจจะเรียกชื่อเล่นหรือชื่อที่ตั้งเล่นๆก็ได้ เช่น เรจิ ก็เป็นเรคุง ประมาณนี้ล่ะค่ะ
..................................................................................................................................................................................................................
" อาวล่ะ ถ่ายอีก 2 ชุด แล้วจะพักทานข้าวแล้วนะ " เสียงพ่อของผมดังมาจากหลังกล้องถ่ายรูป ผมนั่งดูเรถ่ายแบบมาได้ระยะนึงแล้วล่ะ ยิ่งมองผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเรซะเลย คุณอาราเสะเธอดูสวยเป็นธรรมชาติ นางแบบคนอื่นๆสู้เธอไม่ได้จริงๆ นอกจากนี้ก็ยังมีชูตะ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืน ผมกลับไปที่ห้องได้ยังไง ทั้งๆที่คุยอยู่กับหมอนี่ จะว่าไปแล้วเวลาชูตะทำงาน เขาดูจริงจังมาก ความสนใจอยู่แต่กับหน้ากล้อง เมื่อมายืนคู่กับเรแล้ว ดูเหมือนเทพบุตรทั้งคู่ ผมชักรู้สึกว่าอยากลองไปยืนคู่กับเรอีกครั้งเหมือนตอนที่ถ่ายแบบกับเรครั้งแรก เสื้อผ้าครั้งนี้มีแม่กับคนอื่นๆดูแลอยู่ ผมก็เลยว่างงาน มานั่งเอ้อระเหยดูเขาทำงานกัน แต่ใช่ว่าผมจะนั่งเฉยๆนะ ผมก็เตรียมนํ้าให้เหล่านางแบบและนายแบบด้วยเหมือนกัน
" เอาล่ะ พักได้" ในที่สุดเสียงสวรรค์ก็ดังออกมา ผมจึงหยิบนํ้าและผ้าเช็ดหน้าเดินไปหาเรจิ
" เรจิ นํ้าจ๊ะ " นั่นย่อมไม่ใช่เสียงผมอย่างแน่นอน คุณอาราเสะเดินไปทางเรจิ พลางยื่นนํ้าดื่มให้ เรจิรับมันมาพร้อมกับยิ้มให้เธอ ไม่แม้แต่จะหันมามองผม ผมจึงทำได้เพียงแต่หันหลังกลับ
" ขอนํ้าหน่อยสิ" ทันไดนั้นเสียงก็ดังเข้าโสตประสาทผม ผมหันกลับไปพร้อมกับยิ้มหน้าบาน แต่มันก็ต้องหุบลง เมื่อคนๆนี้ไม่ใช่เรจิ ผมยื่นให้เขาก่อนจะหันหลังกลับ
" ทำไมไม่เข้าไปหาเขาเลยล่ะ ยืนมองเหมือนกับตัวเองไม่ใช่เจ้าของอย่างนั้นล่ะ"
คำพูดของหมอนี่ฟังแล้วจี๊ดชะมัด คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครนะ ผมค้อนให้เขาวงหนึ่งก่อนจะเดินออกมา ผมออกมานั่งเล่นในสวนคนเดียวพร้อมกับข้าวกล่องของตัวเอง ทั้งๆที่ตอนแรกผมหิวไส้แทบขาด แต่พอมาถึงเวลานี้ ผมแทบไม่อยากจะเอาอะไรลงท้องเลย ผมนั่งเหม่อพลางคิดถึงเรื่องที่ชูตะเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ของคนทั้ง 2 ผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งข้างๆ
" กินข้าวคนเดียวมันจะอร่อยเหรอ " เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู แต่มันไม่ใช่เสียงของคนที่ผมอยากเจอ
" เป็นผู้ชาย เขาไม่มานั่งร้องไห้อย่างนี้หรอกนะ" ชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งข้างผม พลางเอามือปาดนํ้าตาให้ผมอย่างอ่อนโยน
ผมนี่น่าอายชะมัด มานั่งร้องไห้ให้คนที่ไม่รู้จักเห็น ผมรู้ว่าเขาเป็นนายแบบแต่ไม่เคยคุยกันมาก่อน
" ผมชื่อ มาโกโตะ จุนเป เป็นนายแบบของ AAA แล้วคุณล่ะ" ชายหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพกับผม
" ผมชื่อ โคอิเดะ ยู เป็นผู้ช่วยสไตลิสครับ" ผมตอบกลับไปหลังจากจัดการกับใบหน้าตัวเองเรียบร้อย
ชายหนุ่มคนนี้ มีลักษณะเด่นอยู่ที่ลักยิ้มทั้งสองข้าง เขามีผมสีนํ้าตาลอ่อน ผิวเข้มนิดๆ หุ่นนักกีฬา ที่สำคัญคือ เขาสูงกว่าผม จมูกโด่งเป็นสัน ค้ิ้วเข้ม ตาคม จะว่าไปเขาก็หล่อไปอีกแบบ ชีวิตผมเนี่ยเจอแต่คนหน้าตาดีแฮะ แต่ผมไม่ยักกะดูดีกับเขาบ้าง
" ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ" จุนเปพูดพลางเอามือมาจับเส้นผมของผมเล่น
" ผมก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะฮะ" ผมตอบพลางยิ้มให้เขา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยน จนทำให้ผมนึกถึงใครบางคน
" งั้นผมขอนั่งทานข้าวด้วยคนละกัน" จุนเปหยิบข้าวกล่องออกมา แต่ผมสังเกตเห็นว่าเขาเขี่ยแครอทออก
" มาโกโตะซังไม่กินแครอทเหรอ ทำไมล่ะ มีประโยชน์นะ ทำให้ผิวสวยด้วย" ผมคีบชิ้นแครอทที่ถูกหั่นอย่างสวยงามไปจ่ออยู่ที่ปากได้รูปของจุนเป เขาเม้มปากนิดนึงก่อนจะงับมันเข้าไปในปาก แต่ก็ยังคงส่งสีหน้าแหยๆมาให้
" ไม่เห็นอร่อยเลย ผมว่าโคอิเดะซังทานหมูดีกว่านะ หุ่นบางขนาดนี้ มันไม่ค่อยเหมาะกับอาชีพนี้หรอก" พูดจบจุนเปก็ส่งเนื้อเข้าปากผม ผมจึงต้องเลยตามเลย โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเราสองคน มันทำให้ใครบางคนเจ็บอยู่ข้างใน
วันนี้หลังจากที่พักกองแล้ว ผมก็ไม่เห็นเรจิอีกเลย เขาไปไหนของเขากันนะ ผมเดินตามหาเขาจนทั่วจนกระทั่งเย็น ผมจึงเดินกลับที่พักไป เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นเรจินั่งอยู่หน้าจอทีวี มือกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจมันเลย ผมจึงเดินไปปิดมันซะ เรจิหันมามองหน้าผม ก่อนจะเปิดทีวีขึ้นอีกครั้ง
" นี่! ถ้าไม่ได้อยากดูก็ไม่ต้องเปิดก็ได้นะ" ผมพูดอย่างหมดความอดทน เรจิจึงกดปิดทีวีแล้วเดินไปนั่งลงที่ฟูกปูนอน
" เป็นอะไรไปน่ะ แล้ววันนี้หายไปไหนมา ฉันเดินหาเรซะทั่ว" ผมบ่นพลางนั่งลงข้างๆเขา เรจิไม่ตอบก่อนจะผลักผมและกดผมลงกับฟูก สองมือตรึงข้อมือผมไว้แน่น กิริยานี้มันช่างก้าวร้าวไม่ใช่เรจิคนที่ผมรู้จัก
" คุณต่างหากที่ควรจะบอกผม ว่าคุณไปไหน ทำอะไร กับใคร" ผมขมวดคิ้วมุ่น ผมไม่เคยเห็นเรจิโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อน เขาโกรธมาก แม้กระทั่งชื่อผมเขายังไม่เรียก ดวงตาที่มองผมช่างว่างเปล่า เย็นชา จนผมชาวูบไปทั้งตัว
" นายเป็นอะไรไปน่ะ ฉันเจ็บนะ...ปล่อย" ผมเม้มริมฝีปากแน่น นํ้าตาคลอหน่วงตาทั้งสองข้าง
" คุณอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าคุณอยู่กับใคร ทำไมเหรอ ผมมันไม่ดีตรงไหน รึว่ามีแค่ผมคุณไม่พอใจใช่มั๊ย" นํ้าเสียงกราดเกรี้ยวลอดออกมาจากปากคนที่ผมรัก มันช่างเจ็บเกินจะบรรยาย นํ้าตาผมมันร่วงลงมาเกินกว่าจะกลั้นไว้อยู่
" ฮึก...ทำไมเหรอเรจิ ฉันทำอะไรผิด ฮือๆ..ทำไมนายถึงโกรธมากขนาดนี้ ฮึกๆ..ฮือ" ผมถามพลางสะอึกสะอื้น ดูเหมือนเรจิจะอารมณ์เย็นลง สายตาเขาเริ่มอ่อนลง แต่ก็ยังคงจ้องผมอยู่อย่างนั้น
" คุณรู้มั๊ย? ผมตั้งใจทำงานนี้เพื่อแลกกับวันหยุดยาว เพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ผมรัก แต่ในขณะที่ผมกำลังพยายามอยู่นั้น คนรักของผมกลับไปอยู่กับคนอื่น มันน่าเจ็บใจมั๊ยล่ะ ไหนบอกหน่อยซิว่าผมจะทำมันไปเพื่ออะไร" นํ้าเสียงที่แฝงแววประชดประชันปนตะคอกเล็กน้่อย มันทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน
" ถ้าเป็นเรื่องของจุนเปซัง มันไม่มีอะไรเลยนะ"
" อ้อ...นี่สนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อเลยเหรอ ลับหลังผมคุณคงไปแอบทำอย่างนี้กับคนอื่นสินะ" เรจิพูดพร้อมกับเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือของผม
" เรจิ มันจะมากไปแล้วนะ ฉันไม่...อุ๊บ..." คำพูดของผมกลืนหายไปกับจูบที่ร้อนแรง ดุดันและเอาแต่ใจของร่างสูง แรงขัดขืนที่มาจากร่างบางเริ่มผ่อนแรงลง ทำให้ร่างสูงสัมผัสได้ถึงนํ้าอุ่นๆที่ไหลลงมาข้างแก้ม เรจิเงยหน้าขึ้นมา ลมหายใจของเขาสะดุดกึก ก่อนจะพ่นถ้อยคำแสนปวดร้าวออกไป
" ตอนนี้คุณก็แค่คุย แต่อีกไม่นานก็คงจะถึงขั้นนี้สินะ" เมื่อพูดจบก็สะบัดตัวออกจากห้องนี้ไป
ร่างบางเอามือที่หลุดจากพันธนาการ มาประกบปิดริมฝีปากที่บวมชํ้า พร้อมกับร้องไห้ ออกมาเงียบๆ
ป.ล. คนญี่ปุ่น ถ้าเพิ่งเจอกันครั้งแรกหรือเพิ่งรู้จักกัน มักจะเรียกแทนกันด้วยนามสกุล แล้วลงท้ายด้วยซังหรือคุง ถ้าคนที่คุยด้วยเป็นผู้ใหญ่กว่าหรือให้ความเคารพ มักจะใช้คำลงท้ายว่า" ซัง " แต่ถ้าคนที่คุยด้วยรุ่นราวคราวเดียวกันหรือเด็กกว่าหรือสนิทกันมักจะใช้คำว่า " คุงหรือจัง" แต่ " จัง " ใช้ในกรณีของผู้หญิง และอีกอย่างนึง ถ้าสนิทกันมากๆ อาจจะเรียกชื่อเล่นหรือชื่อที่ตั้งเล่นๆก็ได้ เช่น เรจิ ก็เป็นเรคุง ประมาณนี้ล่ะค่ะ
..................................................................................................................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น