คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter :3 kiss...
Chapter: 3
เราสองคนเดินทางไปยังสตูดิโอ แม่มองหน้าผมอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเราเดินมาพร้อมกัน
“ ทำไมวันนี้เลิกเร็วล่ะลูก”
“ เอ่อ....มีคนลากมาฮะ” ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปมองคนข้างตัวซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
“ กล้องพร้อม ไฟพร้อม เริ่มเลยนะ” เสียงพ่อพูดดังมาจากหลังกล้อง
“ เดี๋ยวค่ะ! นายแบบอีกคนยังไม่มาเลย ผู้จัดการเขาโทรมาบอกว่าท้องเสีย วันนี้คงถ่ายไม่ได้” เสียงทีมงานวิ่งมาบอกผู้ที่อยู่หลังกล้องดังแทรกเข้ามา
“ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ เขาต้องการรูปวันพรุ่งนี้ซะด้วย” พ่อพูดอย่างใช้ความคิดจากนั้นเหมือนพ่อจะคิดอะไรออก เขามองมาที่ผมก่อนจะเดินเข้ามาหาซึ่งผมรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย
“ ยู ช่วยพ่อหน่อยสิ วันนี้นายแบบไม่มาน่ะ นะ” ทำไมผมเสี่ยงโชคแล้วไม่ถูกอย่างนี้บ้างนะ ความจริงผมจะถ่ายก็ได้นะ แต่ต้องมาถ่ายคู่กับเรจิแล้ว...ผมรู้สึกเกร็งยังไงก็ไม่รู้ ก็ในเมื่อเรจิเขาเป็นมืออาชีพนี่นา
“ นะๆ ช่วยพ่อหน่อยนะ” พ่อพูดพร้อมกับดันหลังผมไปหาแม่
“ ฝากด้วยนะ” แม่พยักหน้ารับแล้วดึงผมเข้าไปในห้องแต่งตัว
เสื้อสีหวานที่เราไปซื้อด้วยกันวันนั้นถูกสวมลงบนตัวผม แม่เซ็ตผมให้ผมและแต่งหน้านิดหน่อย เมื่อมาส่องกระจกดูตัวเอง ผมแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ นี่ผมหรือเนี่ย?” ผิวขาวอมชมพูรับกับเสื้อสีหวาน ผมถูกเซ็ตให้ยุ่งน้อยๆราวกับเด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม ซึ่งผมก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะน่ารักได้ขนาดนี้ ไม่เสียดายที่เกิดมาหน้าสวย ผมเดินเกร็งออกจากห้องแต่งตัว ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าผมดูแปลกตรงไหน
“ รู้งี้ไม่ให้แกเลิกเป็นนายแบบดีกว่า” เสียงพ่อพูดออกมาทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ถึงทุกคนจะเลิกจ้องมองผมแล้ว แต่ก็ยังมีสายตาคู่หนึ่งส่งมาอยู่ดีซึ่งไม่ต้องถามก็รู้ว่าใคร
เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปอยู่หน้ากล้อง ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที เรจิยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม ชิ คิดว่าผมจะทำไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพ่อจะแสดงให้ดูถึงความสามารถตั้งแต่เด็กเลยคอยดู ในใจผมคิดไปอย่างนี้ล่ะฮะ แต่ตอนนี้มันปอดไปกว่าครึ่งเมื่อเจอกับสายตาที่มองมา มันเหมือนจะดูดกลืนผมเข้าไปจริงๆ ยอมรับเลยว่าเขาหล่อมากจนแทบไม่อยากละสายตา
“ เสื้อตัวนี้เหมาะกับนายดีนะ” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าวทันที ผมเพิ่งสังเกตว่าเสื้อมันขนาดพอดีกับผมเลย
“โปรเจควันนี้คือ รักหวานชื่นของวัยหนุ่มนะ” พ่อตะโกนมาจากหลังกล้อง ทำเอาผมถึงกับอึ้ง
“อะไรนะ...คู่รักเหรอ”ผมพึมพำกับตัวเองราวกับไร้สติ
“อืม คู่รักแถมหวานแหววซะด้วยสิ” พูดจบเรจิก็สวมกอดผมทางด้านหลัง ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เจอแบบนี้ก็ได้แต่นิ่ง
“อืม แสดงสีหน้า ได้ดีมากเลยยู” พ่อพูดออกมาพร้อมกับกดชัตเตอร์รัวๆ สีหน้าดีบ้าอะไรล่ะ หน้าแดงเถือกอย่างกับมะเขือเทศ
“แค่ผมกอด ต้องถึงกับหน้าแดงเลยเหรอ นายนี่น่ารักชะมัด” เรจิก็ยังคงกระซิบอยู่ข้างๆผมเหมือนเดิม นั่นยิ่งเพิ่มความร้อนให้กับหน้าผมมากขึ้นอีก จากนั้นเรจิก็ดึงผมให้หันหน้าเข้าหาเขา แล้วให้ผมเอาแขนคล้องคอเขา พร้อมกับยืดตัวขึ้นไปราวกับจะจูบ หน้าผมกับเขาห่างกันไม่ถึงคืบ ถึงจะเคยเจอแบบนี้บ่อยๆแต่ผมไม่เคยมองโดยตั้งใจมากขนาดนี้การถ่ายแบบผ่านไปภาพแล้วภาพเล่าแต่หน้าผมก็ยังคงความแดงเสมอต้นเสมอปลาย
“อาวล่ะ ภาพสุดท้ายแล้วนะ ตั้งใจหน่อย” พ่อพูดพร้อมกับที่เรจิจับผมขึ้นไปนั่งบนตักเขา โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วจากนั้นก็ไซร้คอผมทันที โอย...พระเจ้า หัวใจผมจะระเบิดออกมานอกอกแล้ว เมื่อไรจะจบซักทีนะ เจ้าพ่อบ้าน่าจะบอกกันก่อนว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย(จะได้เตรียมใจ เอ๊ย!!จะได้ปฏิเสธได้ทัน) เมื่อถ่ายเสร็จผมรีบปลีกตัวออกมาทันที เรจิยังคงมองตามมา แต่สายตาน่ะปีศาจชัดๆ เมื่อผมเดินผ่านทีมงานพวกเขาต่างหน้าแดงกันเป็นแถวไม่เว้นแม้แต่พ่อกับแม่ของผม
ปัง!
ผมปิดประตูเสียงดัง แล้ววิ่งไปยังหน้ากระจก ใบหน้าผมร้อนราวกับเป็นไข้สัก 40 องศา หัวใจเต้นเร็วราวกับไปวิ่งแข่งมาเป็นพันๆเมตร แต่ที่ตกใจมากที่สุดและเข้าใจความหมายของทีมงานที่หน้าแดงกันเป็นแถวก็คือ ไอ้ปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันทำรอยคิสมาร์กไว้ที่ต้นคอของผมน่ะสิ ฮึ่มๆๆ
“ไอ้ปีศาจบ้า!!! แกทำอย่างนี้ได้ยังไง” ผมใส่อารมณ์กับโต๊ะก่อนจะเปิดประตูเพื่อเรียกเจ้าของรอยบนคอผมมา
“เรจิ นายมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ+^+” ผมตะโกนลั่น ทีมงานมองมาทางผมพลางอมยิ้ม นั่นทำให้ผมเดือดยิ่งกว่าเดิม เจ้าคนที่ทำให้ผมหงุดหงิด เดินมาด้วยหน้าตาเรียบเฉย ยิ่งทำ ให้ปรอทความอดทนของผมแทบแตก เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาเลิกคิ้วแล้วมองผมอย่างกวนๆ ผมจับข้อมือเขาแล้วลากเข้ามาในห้องทันที เขาปิดประตูตามหลังแถมยังล็อกอีกต่างหาก
“มีอะไรเหรอ”
“นายทำแบบนี้ทำไมเนี่ย! แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไง” ผมเปิดคอเสื้อให้เขาดู จากใบหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนเป็นปีศาจทันที ผมรู้สึกว่าคิดผิดอย่างแรงที่ดึงเขาเข้ามาในห้องแถมยังล็อกประตูอีก
“ก็สวยดีนี่” เรจิพูดพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัว ผมจึงได้แต่ถอยหลังจนชิดผนัง ทำไงดีผมไม่มีที่ไปแล้วง่ะ...-_-!!
ด้วยความที่เรจิตัวใหญ่กว่าผม เขาเอาแขนมาคร่อมผมไว้กับกำแพงเพื่อไม่ให้ผมหนีได้
“จะทำอะไรน่ะ” ผมทำเป็นใจดีสู้เสือทั้งๆที่กลัวเขาจับใจ
“อยากรู้จริงๆเหรอ” พูดจบเรจิก็โน้มหน้าลงมา ผมรีบหันหน้าหลบทันที ด้วยความที่ตัวผมเล็กกว่า ผมลอดใต้แขนเค้าเพื่อวิ่งไปที่ประตู แต่ขายาวๆของเรจิก็ไล่ตามผมมาทัน เขาจับข้อมือผมพร้อมกับผลักผมลงไปที่โซฟาตัวที่ผมเคยหลับ ตามมาด้วยตัวเค้าที่คร่อมลงมาที่ตัวผม นัยน์ตามีแววขี้เล่นฉายออกมาซึ่งผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“โอ๊ย!!...ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”ผมพูดออกไปพร้อมกับสะบัดมือที่โดนตรึงไว้เหนือศีรษะ แต่มันไม่สามารถหลุดออกมาจากมือที่แข็งแกร่งได้ เรจิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับโน้มหน้าลงมาเริ่มจากไซร้คอผมก่อน ปลายลิ้นลากผ่านลำคอทำเอาใบหน้าผมกลับมาร้อนอีกครั้ง
“นายเป็นอะไรไปน่ะ จะบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยนะ อุ๊บ+_+” ปากผมโดนปิดด้วยเรียวปากที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วน่าจุ๊บ มันช่างอ่อนโยน นุ่มนวล แถมมีรสหวานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาในโพลงปาก ผมพยายามหลบแต่มันก็ตามมาเก็บเกี่ยวความหวานจากผม นั่นทำให้ผมถึงกับเคลิ้มไร้เรี่ยวแรงไปในบัดดล เรจิถอนริมฝีปากออกพลางยิ้มกว้างกว่าเดิม ผมมองเค้าพลางหายใจหอบหนักๆ เรจิเอามือมาจับใบหน้าซึ่งยังคงร้อนอยู่แล้วยิ้มออกมา ซึ่งผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เห็นในนิตยสารไม่ใช่รอยยิ้มทั่วไป ที่เขายิ้มราวกับว่ารอยยิ้มของเขาเป็นของผมคนเดียว เรจิลุกขึ้นพลางจัดแจงเสื้อผ้า
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า ผมเคยบอกยูแล้วนะ เวลายูหน้าแดงน่ะ น่ารักมากกกกกกกกกก”เรจิพูดกลั้วหัวเราะน้อยๆแล้วเดินออกจากห้องไป
.............................................................................................................................................................
ความคิดเห็น