คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1st Floor : Guest..
~ คือ บี ดัลลา นัมดัลลา แทแทแทแท กาดัลลา I like it I like it ~
" สวัสดีครับ ยุคซองเจ พูดครับ " หนุ่มหน้าหวานรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร่าเริง เนื่องจากรู้ว่าปลายสายคือใคร
[ ซองเจเหรอลูก ทำอะไรอยู่น่ะ เสียงดังโครมครามเชียว ] เสียงปลายสายถามด้วยความเป็นห่วง
" เอ่อ ผมกำลังทำมื้อเย็นอยู่น่ะครับ แต่มันออกมาไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร " ซองเจพูดพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องครัวซึ่งเละราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆ
[ อ่อเหรอ แล้วพี่อึนกวังล่ะ ไม่อยู่เหรอ ลูกถึงต้องทำเอง ] ผู้เป็นมารดาพาดพิงไปถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกคน
" วันนี้พี่อึนกวังไปอ่านหนังสือกับพี่มินฮยอกครับ คาดว่าคงไม่กลับ เพราะพรุ่งนี้มีสอบ "
[ แหม!! กล้าทิ้งน้องไปอ่านหนังสือกับแฟนนะ เดี๋ยวแม่ต้องโทรไปเช็คซะละ ว่า่อ่านหนังสือจริงรึเปล่า ฮิฮิ ] เสียงปลายสายพูดราวกับเป็นเรื่องสนุก
" โถ่ แม่ครับ ปล่อยพี่เค้าเถอะครับ ว่าแต่แม่มีอะไรรึเปล่าครับ โทรมาเวลางานแบบนี้ " ซองเจมองนาฬิกาข้างผนังพลางทดเวลาท้องถิ่นของอีกฟากในใจ
[ อ้อ... แม่มีเรื่องจะรบกวนน่ะ วันพรุ่งนี้ ลูกชายของเพื่อนแม่เค้าจะย้ายไปเรียนที่นั่น และเค้าจะไปพักที่หอเรา คาดว่าคงมาถึงประมาณตี 4 ลูกช่วยไปรับเค้าที่สนามบินด้วยนะ ]
" ผมเหรอครับ ... ก็ได้ครับ " ซองเจตอบรับเสีบงอ่อย เนื่องจากไม่อยากตื่นเช้า
[ อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วยนะลูก เราน่ะยิ่งแต่ขี้เซาอยู่ งั้นแม่ฝากด้วยน๊าาา เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะบินกลับไปหานะจ๊ะ รักนะจุ๊บๆ ] ผู้เป็นแม่เมื่อฝากข้อความเสร็จ ก็รีบวางสาย ผมรู้หรอกน่ะ ว่าแม่อยากโทรไปแกล้งพี่อึนกวังใจจะขาด
" เฮ้ออออออ พี่อึนกวังก็ไม่อยู่ แล้วใครจะปลุกเราล่ะเนี่ย แต่ก่อนอื่นเก็บห้องครัวก่อนดีกว่า " ซองเจบ่นกับตัวเอง งึมงำๆ พลางเริ่มลงมือเก็บกวาดซากหลังสงครามมื้อเย็นของตนเอง
เนื่องจากแม่ของผมเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ทำให้ผมต้องอาศัยอยู่กับพี่อึนกวัง พี่ชายของผมตามลำพังในบ้านหลังใหญ่เกินกว่าที่เด็กสองคนจะอยู่ด้วยกัน เราก็เลยตกลงเปิดเป็นหอพัก ให้คนเช่า แต่ว่าภายนอกมันดูหรูหราและใหญ่โต ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้ามาเช่าเนื่องจากกลัวราคาที่แพง แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย
ปกติพี่อึนกวังจะมีหน้าที่ดูแล เรื่องอาหารการกิน ผมเลยแทบไม่ต้องเข้าครัวด้วยตัวเองเลย แต่ช่วงนี้เป็นเวลาแห่งการสอบ พี่อึนกวังจึงจำเป็นต้องไปอ่านหนังสือกับพี่มินฮยอก ซึ่งมีมันสมองอันเป็นเลิศพ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของเค้า ผมจึงต้องหา ของกินตามยถากรรม หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินไล่ปิดไฟในบ้านทั้งหมด จะเหลือก็แต่ตามบันไดและทางเดิน ก็ผมไม่ค่อยชอบที่มืดๆนี่ฮะ ถึงบ้านผมจะเป็นหอพัก แต่ตอนนี้มันก็เงียบเชียบเนื่องจาก ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอม ทำให้ยังไม่มีคนมาเช่าห้องอยู่ บ้านผมจะบอกว่าเป็นหอพักเลยก็ไม่เชิง เพราะมันมีลักษณะเป็นบ้านสองชั้น แต่หลังใหญ่เกินไปและมีห้องนอนหลายห้อง ซึ่งแม่อ้างว่าไว้ใช้รับแขก ผมกับพี่อึนกวังก็เลยเปิดเป็นโฮมสเตย์ซะเลย โดยห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเราจะใช้ร่วมกันและปลายปีกด้านตะวันออกก็มี สตูดิโอสำหรับเล่นดนตรี แม่ทำไว้เพราะพี่อึนกวังชอบร้องเพลง และผมชอบเล่นดนตรี ผู้ที่มาเช่าสามารถใช้ห้องนี้ได้เหมือนกัน ผมเดินสำรวจประตูและหน้าต่างโดยรอบ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอน แต่เอ๊ะ!!ผมรู้สึกว่าผมลืมอะไรไปอย่างนะ
~ You make me go insane.She gives me so much pain. I won't be back again. ~
(เสียงนาฬิกาปลุกแบบนี้ ใครจะตื่นฟะ -_-!! writer)
เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังต่อไป แต่ไร้การตอบสนองจากเจ้าของมัน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยจนพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า
“ ห๊าววว พี่อึนกวังกี่โมงแล้วฮะ ” ซองเจเดินหาวหวอดๆ พลางขยี้ตาเดินลงมาจากบันได ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองอยู่คนเดียว เมื่อนึกได้ตาก็เหลือบมองนาฬิกาข้างผนังบอกเวลา 6 โมง ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งทันที
“ จ๊ากกก สายแล้วๆทำไงดี เค้าจะยังรออยู่มั๊ยเนี่ย” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ก็รีบกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วแสง ก่อนจะสตาร์ทมินิคูเปอร์คู่ใจบึ่งไปสนามบินทันที
“ อยู่ไหนน๊า...ขอให้เค้ายังรอด้วยเถอะ” ซองเจพึมพำกับตัวเองด้วยความกังวล นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบ 8 โมงเข้าไปแล้ว
“ เอ๊ะ!! ว่าแต่เค้าชื่ออะไรล่ะ โอ๊ยยยย ทำไมไม่ถามแม่มานะ ยุกซองเจ” ซองเจบ่นพลางขยี้หัวตัวเองไปด้วย ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณผู้โดยสารขาเข้า แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป้าหมายเป็นใคร
( แล้วชาตินี้มันจะเจอกันมั๊ยเนี่ย =_= writer )
ปึ๊ก...โอ๊ย
ผมมัวแต่มองไปทั่ว ทำให้ไม่ทันสังเกต ผู้ที่เดินสวนมาชนเข้าอย่างจัง
“ ขอโทษครับ ผมไม่ทันสังเกต ” ซองเจโค้งศีรษะขอโทษคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ Sorry” อีกฝ่ายกล่าวขอโทษกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผมต้องมองหน้าเค้า จริงๆแล้วก็เหมือนคนเกาหลีนะ แต่ทำไมพูดภาษาอังกฤษล่ะ
“ เอ่อ ... ขอโทษนะ ม่ายทราบว่าจาไปที่นี่ ได้ยังไง” ภาษาเกาหลีแปร่งๆถูกเอ่ยออกมาจากปากคนตรงหน้า ผมก้มมองที่อยู่ที่เค้าถือไว้ก่อนจะชะงักงัน เพราะสิ่งที่เค้าถืออยู่คือ ที่อยู่ของบ้านผมเอง ผมยิ้มแหยๆพลางถามกลับอย่างเกรงๆ
“ เอ่อ นายมารอใครรึเปล่าฮะ” คนตรงหน้าเงยหน้ามองหน้าผมพลางพยักหน้าอย่างเนือยๆ
“ แม่บอกว่า ลูกชายของเพื่อนจะมารับ แต่ผมรอเค้ามาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มาสักที ผมคิดว่าคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” เขาพูดด้วยใบหน้าเศร้านิดๆ แต่ก็คลี่ยิ้มออกมาราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมมองหน้าเค้าอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะโทรศัพท์ต่อสายหามารดา
[ ห๊าววว ว่าไงลูก แม่เพิ่งจะได้นอนเมื่อกี้เองนะ มีอะไรรึเปล่า ] เสียงแม่รับสายอย่างงัวเงีย
“ คนที่แม่ให้ผมไปรับ เค้าชื่ออะไรเหรอครับ” ผมถามไปอย่างเกรงๆ
[ ห๊า!! นี่ลูกเพิ่งไปรับเค้าเหรอ เอ้อ แต่แม่ก็ผิดเองล่ะที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน เค้าชื่อ พีเนียล น่ะลูก หมดธุระแล้วใช่มั๊ย งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ ] แม่พูดจบก็วางสายไปทันทีซึ่งปกติแม่จะต้องบ่นผมยาวเป็นหางว่าว แต่สงสัยวันนี้คงจะเหนื่อยจริงๆ
หลังจากผมวางสายแล้วก็หันหน้าไปทางคนที่ยืนคอยคำตอบ ราวกับว่าถ้าผมไม่บอกเขา เขาคงจะยืนอยู่อย่างนั้นไม่ก้าวเท้าไปไหน
“ นายชื่อ พีเนียล รึเปล่า” เขามองหน้าผมยิ้มๆพลางพยักหน้าช้าๆ ตายล่ะวา เจอตอเข้าอย่างจัง
“ แหะๆ ผมขอโทษนะ ที่มารับนายช้าไปหน่อย ผมชื่อ ยุกซองเจ” ผมแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงแหยๆ เขายิ้มให้ผมอย่างใจดี ก่อนจะกล่าวด้วยสำเนียงแปร่งๆ
“ มาช้า ก็ดีกว่าไม่มาล่ะนะ ผมชื่อ พีเนียล หรือ ชินดงกึน แล้วแต่นายจะเรียก” เขายื่นมือมาข้างหน้าผมจึงจับมือทักทายตามมารยาท แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เขาดึงผมเข้าไปกอดทันที ผมยังคงอึ้งอยู่เลยไม่ได้ต่อต้านอะไร
“ ง่วงนอนมากๆเลย ผมยังไม่ชินกับเวลาที่นี่ ขอผมกลับไปนอนได้มั๊ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังข้างหู ทำเอาผมขนลุก ผมค่อยๆดันเขาออกจากตัว ก่อนจะช่วยลากกระเป๋าไปที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านนอก เมื่อนำสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อย ผมสตาร์ทรถพลางมองไปที่เบาะนั่งข้างคนขับ เจ้าคนที่ผมเพิ่งคุยไปเมื่อกี้ก็หลับปุ๋ยเลยแฮะ สงสัยคงง่วงจริงๆ ใบหน้าขาวใสด้านข้าง ปากรูปกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน มองๆไปหน้าตาแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย ก่อนผมจะเลื่อนลอยไปมากกว่านี้ เสียงแตรรถด้านหลังฉุดสติผมให้กลับมาก่อนจะเหยียบคันเร่งนำทางไปสู่บ้านของเรา
__________________________________________________________________________________________________แค่ตอนแรก มักเน่ของเราก็ทำพลาดครั้งใหญ่ซะแล้ว ต่อไป พีเนียลจะยังคงให้อภัยอีกมั๊ยน้้ออออ คงต้องติดตามกันต่อล่ะค่ะ
ความคิดเห็น