คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : WAMPWoLF : 4
WAMPWoLF 4
เวลาผ่านไปหลายวันการฝึกซ้อมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เสียงคมดาบยังคงปะทะกันไม่หยุดหย่อน รวมไปถึงลูกธนูมากมายที่ถูกใช้ในการซ้อม ความถนัดของแต่ละคนในการเลือกใช้อาวุธก็ต่างกันไป สำหรับจงแดเขาถนัดการรบด้วยมือเปล่าและธนูมากที่สุด ยิ่งผ่านไปพลังของจงแดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น สมาธิของเขามีมากขึ้นกับการต่อสู้ ทั้งท่านเลย์และท่านแม่เห็นพร้อมต้องกันว่าจงแดเหมาะแล้วที่จะเดินทางกลับโอรากอน
การประลองในสนามฝึกถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันเป็นการฝึกเสมอจริงขั้นตอนสุดท้าย เจ้าชายจงแดรัชทายาทแห่งโอรากอน สามารถเอาชนะทุกคนได้แม้กระทั่งท่านแม่ของตนเอง จนมาถึงด่านสุดท้ายที่เจ้าชายแวมไพร์ต้องเจอก็คือการต่อสู้กับหมาป่าซึ่งจงอินก็อาสาเป็นคู่ต่อสู้
การต่อสู้ครั้งนี้จงอินจะไม่กลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อความยุติธรรมตรงหน้า หากแต่มันขัดกับความเป็นจริงเพราะคงไม่มีมนุษย์หมาป่าคนไหนจะต่อสู้ในร่างมนุษย์แน่นอน ดาบอันใหญ่ในมือของจงอินฝาดฟันลงไปยังผิวหนังของจงแดอย่างจัง ส่งผลให้บาดแผลเปิดและมีเลือดไหลออกมา แต่ด้วยความที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาจงแดสามารถรักษาตัวเองได้ทันที ไม่นานบาดแผลก็หายไป จงอินที่เหมือนจะไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่เพราะการต่อสู้ในวันนี้มันไม่เหมือนกับวันแรกแต่หากตอนนี้คมดามแหลมของจงแดได้จ่ออยู่คอของหมาป่าผิวสีเข้มเข้าแล้ว
“ท่านชนะ!!” จงอินเอ่ยปากก่อนจะปัดดาบอีกคนออกจากคอตัวเองแล้วเดินออกจากสนามไป ส่วนคริสก็รีบวิ่งเข้ามาดูจงแดผู้ที่เป็นน้องของตนเองมาหลายปีพร้อมกับยกแขนขาวขึ้นมาสำรวจ
“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ที่ท่าที่ดูรุกรี้รุรนของชายร่างสูงนั้นสามารถเรียกเสียงหัวเราะเบาๆของผู้เป็นน้องได้
“เจ็บแล้วหายแล้ว ท่านพี่ไม่เห็นหรอว่าข้าสามารถรักษาตัวเองได้ ข้าเก่งใช่ไหมหล่ะ” จงแดยิ้มให้กับผู้เป็นพี่บางๆก่อนจะขอตัวไปพักผ่อน
“โห~~แผลหายไปทันทีเลย ข้าว่าเจ๋งมากเลยนะ ลู่หานเจ้าคิดเหมือนข้าไหม?” เซฮุนที่คอยยืนลุ้นอยู่ข้างสนามถึงกับตื่นตาตื่นใจกับพลังวิเศษของจงแด
“วันนี้ท่านก็อยากกระโจนกลายร่างเยี่ยงหมาป่า วันนี้ท่านก็อยากจะรักษาตัวเองได้ดั่งเจ้าชายแวมไพร์ ท่านเซฮุนท่องคำว่า สติ ไว้นะ ท่านทำไม่ได้อย่างพวกเขาหรอก” ลู่หานพูดเสร็จก็เดินจากไปทิ้งให้เซฮุนยืนคิดกับคำพูดของลู่หานเมื่อก่อนที่จะโวยวายออกมา
“นี่!!!เจ้าว่าข้าเพ้อเจ้องั้นหรอ?” เซฮุนมักจะโดนลู่หานต่อว่าในความเพ้อเจ้อของตนเองอยู่เสมอ ถึงเซฮุนจะเป็นถึงเจ้าชายแต่ลู่หานก็มิได้เกรงกลัวแต่อย่างใด แต่เซฮุนกลับไม่เคยโกรธลู่หานเลยเพราะทั้งสองโตมาด้วยกันและคอยดูแลซึ้งกันและกันมาโดยตลอด
“นี่!!!ท่านไค?? ท่านแพ้หรอ?? ขอขำได้ไหมเนี่ย” ชานยอลสหายคนสนิทหัวเราะต่อความพ้ายแพ้ที่เจ้านายของตนแพ้ให้กับศัตรู
ตุบ!!!!!
“บอกกี่รอบว่าอยู่ที่นี่ข้าชื่อ จงอิน เป็นน้องของเจ้า แล้วที่แพ้เนี่ยมันตลกมากไหม?” ฝ่ามือหนาของจงอินกระทบกับหัวหยอยๆของชานยอลอย่างเต็มแรง “อีกอย่าง...เวลาพูดอ่า เสียง เบาๆบ้างนะ” ได้ยินดังนั้นมือหนาของชานยอลก็ยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที่
ข้าเป็นถึงบุตรแห่งคานาเบลมีหรอจะยอมแพ้ง่ายๆนั้นเขาเรียกว่าแกล้งแพ้ต่างหากเจ้าชานยอลหัวหยอยและเพราะเจ้านั้นแหละความลับของเราจะแตกเข้าสักวัน เหตุที่ไคผู้นี้ต้องทำเป็นแพ้เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าจงแดนั้นพร้อมที่จะเดินทางกลับโอรากอนแล้ว
จันทร์เพ็ญรอบสุดท้ายที่ท่านซีเรียสทรงกำหนดไว้สำหรับภาระกิจของบุตรชายคนเล็กได้จบลงแล้ว ค่ำคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงจันทร์ ไคและจงอิน หาเหตุผลข้ออ้างเพื่อออกจากเมืองมิดเดอร์เอิร์ทว่า พวกเขาทั้งสองจะต้องออกล่าเหยื่อก่อนจะเดินทางในวันพรุ่ง
คานาเบล
8เท้าของหมาป่าสองตัวที่กำลังวิ่งมุ่งหน้าสู่คานาเบลไม่นานก็มาถึงปราสาทหลังใหญ่สีดำสนิทที่ซึ้งพวกเราเรียกว่าบ้าน
“คิมไคบุตรชายแห่งข้า...เจ้าสิ่งใดจะบอกข้างั้นหรือ??ถึงได้มาหาข้าเองเลย” ท่านซีเรียสกล่าวน้ำเสียงเรียบดวงตาสองสียังคงจ้องมองลูกชายอย่างไม่วางสายตา
“วันพรุ่งโอรสแห่งโอรากอนจะเดินทางขึ้นเหนือเพื่อมุ่งหน้าสู่โอรากอนแล้วครับท่านพ่อ”
“การเดินทางครั้งนี้จะมีเพียงแค่ โอรสแห่งโอรากอน ผู้พิทักษ์สองแม่ลูก เจ้าชายองค์เล็กจากมิดเดอร์เอิร์ทและคนสนิทเท่านั้นครับ” ชานยอลกล่าวบอกรายละเอียดแก่ราชาของเหล่าหมาป่าทั้งหลาย
“แล้วเจ้าไม่ไปหรอ...น้องชาย” ผู้ที่มาใหม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ข้าคิดว่าเจ้าจะทำงานนี้ไม่สำเร็จแล้วเสียอีก” แบคฮยอนกล่าวเหน็บแนมน้องชายของตนเองก่อนจะหันไปสบตากับดวงตาสองสีของผู้เป็นพ่อแแบคฮยอนจึงยอมเงียบปาก
“เหตุที่ข้าไม่ตามไปตอนนี้เพราะข้าได้รับมอบหมายจากท่านเลย์ให้เป็นคนคอยนำทับพาทหารเอล์ฟไปยังดินแดนโอราการทีหลัง...และเมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าแบคฮยอนจะฆ่าเอล์ฟให้ได้มากที่สุดนะ” ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องกันแต่ด้วยความที่ทั้งสองแต่ต่างกันนักทำให้ทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันนัก
หลังจากนั้นทั้งไคและชานยอลก็กลับสู่ดินแดนมิดเดอร์เอิร์ททันที
มิดเดอร์เอิร์ท
แสงแดดอ่อนๆยามพระอาทิตย์เหนือโผล่พ้นเทือกเขามิดเดอร์เอิร์ทแสดงให้เห็นว่าพวกเราควรที่จะต้องเริ่มเดินทางได้แล้ว การเดินทางครั้งนี้ไม่มีทหารไปด้วยแม้แต่คนเดียว จึงทำให้พวกเขาจะต้องระวังมากเป็นพิเศษ ม้าถูกเตรียมไว้พอดีกับจำนวนนักเดินทาง
“ท่านหญิง...โปรดช่วยดูแลทุกคนด้วยนะ” ท่านเลย์กล่าวด้วยท่าทีที่เป็นห่วงเพราะหนึ่งในนั้นมีน้องชายของเขาอยู่ด้วย
“แล้วจงอินกับชานยอลหล่ะ” เจ้าชายตัวน้อยเอ่ยถามถึงหมาป่าทั้งสองตัวที่เขาได้เคยช่วยชีวิตเอาไว้
“อยู่บนเขา...แล้วเจ้าจะถามหามันทำไมกัน?” คริสเป็นคนเดียวในที่นี่ที่ไม่ไว้ใจหมาป่าสองตัวนั้น เขากลัวว่าสักวันเจ้าสองตัวนั้นอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกของเขาได้
“ป่าวหรอก...เราไปกันเถอะ” เสื้อคลุมผืนใหญ่ถูกใส่ให้กับจงแดโดยคริสมันเป็นผ้าคลุมที่ทั้งสองใช้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ประตูเมืองทางด้านเหนือได้ถูกเปิดออกเผยให้เห็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ภายนอก สร้างความตื่นเต้นให้กับเซฮุนได้ไม่น้อย
“ท่านจะตื่นเต้นอะไรนักหนา??” ลู่หานถาม
“ไม่ตื่นเต้นได้ยังไง เพราะตั้งแต่ข้าเป็นมาเป็นร้อยปีแล้วมั้งข้ายังไม่เคยได้ออกมาจากรั้วของมิดเดอร์เอิร์เลยด้วยซ้ำ” คำพูดเชิงน้อยใจของเซฮุนสามารถเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของลู่หานได้ไม่ยาก จงแดที่ทราบว่าเซฮุนนั้นมีอายุเป็นร้อยปีก็ถึงกลับทำหน้าไม่ถูก
“ตกลงว่านี่ข้าเป็นเด็กงั้นหรอ?” จงแดพูดงึมงำกับตัวเองแต่เสียงที่เบาของเขาก็ไม่สามารถรอดพ้นหูของคริสไปได้
“เจ้าหน่ะยังเด็กมากนะจงแด”
แต่ถึงแม้ว่าจงแดจะเด็กแต่ความสามารถและพลังอำนาจของเขาก็ล้นเหลือ นี่แหละที่บ่งบอกว่าเขาคือราชาแห่งโอรากอนที่แท้จริง ถึงพวกเขาจะเดินทางมาได้สักพักแต่เมื่อหันหลังก็ยังพบกลับภูเขาที่ตั้งของมิดเดอร์เอิร์ท จงแดเฝ้าหันกลับไปมองบนภูเขาเพื่อหวังว่าจะพบสิ่งที่เขาต้องการจะพบ แต่จงแดหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขามองหาก็กลับมองหาเขาจากบนยอดเขาสูงเช่นกัน
“แหนะ!!!แอบมองไรอยู่”
“มองบ้าไร ก็แค่ยืนเฉยๆ”
“ท่านยืนเฉยๆหรอ? ยืนนานจังเลยนะ ยืนตั้งแต่ประตูเมืองเปิดแล้ว นี่ท่านไม่เมื่อยหรอ...”
“ถ้าเจ้ายังไม่หลุดพูด ข้าจะขย้ำคอเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ” ดวงตาที่แสงหันมองยังคนสนิทของตนที่นับวันจะพูดมากขึ้นทุกวันไม่รู้ทำไมถึงไปสนิทกันได้
“ท่านไค...ท่านว่าพวกเราทำถูกแล้วหรอ?” ชานยอลที่น้ำเสียงจริงจังฟังดูแตกต่างจากทุกครั้ง ทำให้คนที่เป็นเจ้านายถึงกลับแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“มันถูกแล้วหรอ?ที่เราทำแบบนี้หน่ะ เขาช่วยพวกเราไว้นะ พวกเขาก็ดูเป็นคนดี” ชานยอลนั่งลงบนพื้นหน้าสีเขียวพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
“ข้าตอบเจ้าไม่ได้หรอกนะ ว่ามันถูกหรือมันผิด เพราะไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนเราก็จะต้องทำแบบนี้”
“แต่ว่า...”
“หุบปาก!!! เจ้ากำลังใจอ่อนให้กับศัตรู” น้ำเสียงที่ดูอารมณ์เสียทำให้ชานยอลไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกมาเขาทำได้เพียงแต่นั่งเงียบมองดูเจ้านายเดินหายไป
ท่านก็กำลังใจอ่อนเหมือนกับข้านั่นแหละท่านไค...
“นี่มันถูกแล้วหรอ?” ไคงึมงำกับตนเองหลังจากที่ได้ยินลูกน้องคนสนิทพูด มันก็คือความจริงที่พวกเขาได้ช่วยเราไว้ถึงแม้ทุกอย่างจะเกิดจากการจัดฉาก แต่ถ้าวันนั้นจงแดไม่ยอมพาพวกเขากลับมาพวกเขาก็คงต้องตายจริงๆ
ไคส่ายหัวเพื่อไร้ความคิดพวกนี้ออกไปเพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำให้ได้กับการแค่ต้องฆ่าแวมไพร์ตัวเดียวมันจะไปยากอะไร?เขาเคยฆ่ามาแล้วตั้งมากมาย
การเดินทางในป่าที่แสนอัตรายแต่กลับไม่มีแม้แต่อุปสรรคใดๆผ่านมา มันจะง่ายเกินไปไหม?นั้นคือสิ่งที่พวกเขาคิดแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ตะวันลับขอบฟ้าในวันที่5ของการเดินทาง มีเพียงแค่จงแดและเซฮุน ที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องคอยพลัดเปลี่ยนเวรยาม
“ดึกแล้วเจ้าออกมาทำไม?” คริสที่กำลังนั่งอยู่ที่กองไฟถามขึ้นเมื่อเห็นจงแดเดินออกมาจากที่นอนพัก ท่าทีที่ดูอ่อนเพลียของคนตัวเล็กยิ่งทำให้คริสเป็นห่วงมากกว่าเดิม
“ทำไมเจ้าหน้าซีดแบบนี้”
“ข้าเป็นแวมไพร์นะ ก็ต้องซีดแบบนี้แหละ” ถึงแม้จงแดจะยิ้มกลบเกลือนแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคริสไปได้ พวกเขาโตมาด้วยกันมีหรือจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกหก
“งั้นก็...มากินนี่มา” คริสดึงคอเสื้อของตนเองเผยให้เห็นลำคอแกร่ง สายลมพัดผ่านยิ่งทำให้จงแดได้กลิ่นของคริสชัดขึ้นมันยิ่งทำให้เขากระหายเลือดมากขึ้น
“ถ้าหิวก็กิน...” คริสเดินเข้าไปหาจงแดก่อนจะจับอีกคนนั่งตักและหันหน้าเข้าหาตนเอง ทำให้จมูกทั้งสองชนกันอย่างไม่รู้ตัว จงแดก้มหน้ามองลำคอขาวอยู่เนิ่นนานแต่ก็ไม่ทำอะไรเสียที
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ขอแค่กัดให้ตรงรอยเดิมละกันพี่ไม่อยากมีแผลเต็มคอ” เพียงสิ้นเสียงของคริสนัยตาสีน้ำตาลที่มองแล้วก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปกลับกลายเป็นสีส้ม คมเขี้ยวแหลมถูกฝังไปในลำคอแกร่ง มีเพียงแค่เสียงร้องเบาๆของคริส ถึงมันจะไม่เจ็บเท่าครั้งแรกแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี ไม่นานคริสก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหมดเรี่ยวแรง จงแดผละออกจากคอขาวก่อนที่เขาจะดื่มเลือดของอีกคนจนหมดตัว
“ปากเลอะไปหมดแล้ว” เสียงของคริสที่พูดออกมานั้นเบามากจนแถบจะไม่ได้ยิน
“ขอบคุณนะครับ...พี่คริสนอนเถอะครับ คืนนี้ผมจะเฝ้าเอง” จงแดพาคริสไปนอนใต้ต้นไม้ใกล้เขาไม่นานคริสก็หลับไป มีเพียงความเงียบที่เข้าปกคลุมคืนนี้
แสงแดดสาดส่องบ่งบอกว่านี้คือเวลาเช้าทุกคนตื่นกันหมดแล้วเหลือเพียงแต่คริสที่ยังคงหลับไหลอยู่
“คริสเป็นอะไร?ทำไมยังไม่ตื่นอีก” ท่านแม่รีบเข้าไปดูอากาศของคริสก็รู้ทันทีว่าเพราะอะไร จงแดที่ตอนนี้รู้สึกผิดยิ่งกว่าอะไรได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง
“นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะหายนะ” เซฮุนเพียงแค่มองจากระยะไกลก็สามารถรู้ได้ว่าเพราะอะไร สมแล้วกับการที่เป็นเอล์ฟ
“ท่านเซฮุน...เราไม่มีเวลาพักแล้ว บัดนี้ป่าไม่ปลอดภัยกับพวกเราทุกคนเราควรจะต้องไปถึงโอรากอนให้เร็วที่สุด” สีหน้าที่จริงจังมันทำให้รู้ว่าพวกเราไม่ปลอดภัยมากนัก
จงแดเป็นคนอาสาที่จะดูแลคริสเอง ทั้งสองนั่งอยู่บนม้าตัวสีขาวของจงแดโดยมีคริสนั่งอยู่ข้างหลังพร้อมกับซบมาที่แผ่นหลังอันเย็นเฉียบของจงแด ส่วนม้าของคริสนั้นลู่หานเป็นคนรับผิดชอบ
ผ่านไป 3 วันในที่สุดก็มาถึงเขตแดนโอรากอนถึงจะไม่ปลอดภัย 100% แต่ก็ยังดีกว่าการเดินทางอยู่ในป่าของเขตแดนอื่น เพียงแค่ก้าวขาเข้าสู่แดนโอรากอน ลมก็พัดแรงราวกับลมพายุแต่กลับมีกลิ่นหอมของดอกไม้
“ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกท่านชายจงแด...ท่านหญิงส่งมาต้อนรับท่านหน่ะ”
“ท่านแม่ของข้างั้นหรอ??”
“จัดปราสาทให้พร้อมวันพรุ่งจะมีงานฉลอง...ต้อนรับราชาองค์ใหม่แห่งโอรากอน...บุตรชายคนเดียวของเรากลับแล้ว”
TALK : HELLO ไรท์มาอัพตอนสี่ให้แล้วนะครับบบ
หวังว่าจะสนุกกันนะอิอิ
เม้นให้กำลังใจไรท์กันด้วยนะ อิอิ
^^
ความคิดเห็น