คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : First : Jark (ตอนที่1)
Jackson Part.1
รู้จักครั้งแรก
ต้วนอี๋เอิน... ชื่อที่ได้ยินเป็นครั้งแรก ก็ทำเอาผมนั่งงงว่าผู้หญิง??? แล้วมาเรียนโรงเรียนนี้ได้ไง คือผมเรียนโรงเรียนชายล้วน ชายล้วนไม่มีหญิงผสม.....แล้วมันจะมีผู้หญิงเข้ามาเรียนได้ยังไงวะ
หรือไอ้พวกเพื่อนๆผมมันจะฟังมาผิด ว่าวันนี้จะมีคนมาใหม่ชื่อต้วนอี๋เอิน... ก็ไม่นะ ขาเผือกอย่างมัน ถ้าไม่ชัวร์ มันไม่มาเล่าให้ผมฟังหรอก
เอาเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนเช้านี้ก็รู้ แต่ดูท่าทางจะเงินหนักน่าดู มาเข้าเรียนกลางเทอมแบบนี้ ชักอยากเห็นแล้วว่าหน้าตาเป็นยังไง
เจอกันครั้งแรก
‘ทอมป่าววะ’ นั่นคือความคิดแรกของผมและเพื่อนๆทุกคนในห้อง หลังจากที่คุณครูประจำชั้นเรียกเด็กใหม่เข้ามา เสียงอื้ออึงฮือฮาดังขั้นจนครูต้องเคาะไม้เรียวสั่งให้เงียบ ผู้ชายอะไรวะครับ ผิวเนียนขาวสว่างไสวชนิดที่หลอดไฟนีออนที่ห้องนอนผมยังต้องหลั่งน้ำตา แพขนตายาวสวยรับดวงตา จมูกโด่ง ปากแดง หุ่นเอวบางนิ๊ดนึง แขนขาดูเล็กไปหมดแต่สมส่วน รูปร่างแบบ......ไม่ใช่ มึงอย่ามาเป็นโกมีนัมแถวนี้ กูไม่เชื่อว่ามึงเป็นผู้ชายแน่ๆ กูรู้ กูเรียนสุขศึกษามา กูดูออก จนกระทั่ง ครูสั่งให้มันแนะนำตัวนั่นแหล่ะครับ
“สวัสดี เราชื่อต้วนอี๋เอิน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”
“......” กริบ.... ใบ้แดกกันทั้งห้องครับ เสียงโคตรแมน เสียงทุ้มนุ่มเหมือนเสียงเบส เสียงแมนกว่าทุกคนในห้องอีก โอเค...เชื่อ 50% ก็ได้ว่ามันเป็นผู้ชาย (อีก 50% ผมขอพิสูจน์ก่อนนะ) แต่แบบมึงเพิ่งพูดคำว่ายินดีที่ได้รู้จักไปใช่ป่าววะ ทำไมทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทาง ทั้งหน้าตามึงดูไม่อินกับคำนี้เท่าไหร่เลย เหมือนโดนบังคับให้พูด แล้วแนะนำตัวแค่นั้น? ย้ายมาจากไหน ย้ายมาทำไม บ้านอยู่ไหน เกิดวันไหน พ่อแม่ทำงานอะไร นี่ต้องพูดให้หมดดิวะ ตอนผมแนะนำตัวนะ ผมแทบจะขุดเอามาแนะนำทั้งโคตรอ่ะ หูยยยย
“อ่า......แค่นี้หรอ?” นั่นไงครับ ขนาดครูยังอึ้งกับคำแนะนำตัวอันแสนสั้นเลย
“ครับ”
“โอเค คือ อี๋เอินเป็นลูกครึ่งไต้หวัน เพื่อนอาจจะยังพูดภาษาไทยไม่คล่อง ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนด้วย งั้น....เดี๋ยวเธอไปนั่งข้างเจียเอ๋อแล้วกันนะ มุมขวามือตรงนั้น ที่ตัวสั้นๆนั่นน่ะ” อี๋เอินดูเหมือนจะท้วงอะไรครู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่หันมามองผม เราสบตากันเล็กน้อย หูยยย ใจเต้นเลยครับ มองหน้ากันแล้วแม่งยิ่งเหมือนมองผู้หญิง แต่ตอนนี้ผมต้องท้วงครูก่อน ก็ดูครูผมแนะนำผมสิ ผมเสียหายนะ –“-
“โห ครู ผมไม่ได้สั้นนะ!!!”
“5555 เออน่า ครูล้อเล่น อยากให้เพื่อนใหม่ผ่อนคลาย ยังไงครูฝากเพื่อนด้วยนะเจียเอ๋อ ดูแลเพื่อนด้วย รู้แล้วใช่ไหมว่าอยู่หอห้องเดียวกัน”
“คร๊าบบบบบ” แต่เพื่อนใหม่ผมดูไม่ได้ผ่อนคลายลงซักนิดเลยฮะครูคร๊าบบบ ขนาดมุกมะกี๊นี่ ขำกันทั้งห้อง ต้วนอี๋เอินอะไรนั่นยังไม่แม้จะยิ้มเลยครับ แต่งานละลายพฤติกรรมเป็นงานถนัดของผมอยู่แล้วล่ะครับ ไม่งั้นครูคงไม่ให้ผมดูแลมันหรอก ฉายา เจียเอ๋อ 3 วิ ของผมไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนะ แต่เพราะผมสนิทกับคนง่าย แค่ 3 วิก็รู้จักเค้าไปทั่วแล้วล่ะครับ อ๋อ ที่บอกว่าอยู่หอห้องเดียวกัน โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนประจำครับ เด็กๆทุกคนอยู่หอในกันหมด เสาร์อาทิตย์ใครใคร่กลับบ้านก็กลับ ใครจะอยู่โรงเรียนต่อก็อยู่ แล้วห้องผมก็ว่างอยู่พอดี อยู่คนเดียวมานาน ก็ดีเหมือนกันฮะ มีรูมเมทกับเค้าซักที
คุยกันคำแรก
“หวัดดี ต้วนอี๋เอิน” ผมดี๊ด๊ามากครับ อี๋เอินยังไม่ทันเดินมาถึงโต๊ะข้างผมดี ผมก็รีบปัดฝุ่นบนโต๊ะเรียน เลื่อนเก้าอี้อย่างดีเสร็จสรรพ พอมันมาปุ๊บมันก็นั่งเลยครับ ไม่ขอบคุณเค้าซักคำหรือตัวเองงงง คือแบบมึง...มารยาทอ่ะ คือรู้ว่ามึงไม่ได้ขอ แต่กูทำให้มึงก็ควรขอบคุณป่าววะ .....ผมยืนเอ๋อไปซักพักจนมันหันมาเลิกคิ้วมองประมาณว่า ทำไมไม่นั่งซักที ยืนค้ำหัวมันอยู่ ผมเลยค่อยๆหย่อนกายลงข้างมัน ก่อนที่จะสูดลมหายใจฮึดใหม่
“เราชื่อหวังเจียเอ๋อนะ ชื่อเราอีกชื่อคือหวังกายี เรียกเราสั้นๆว่ากากาก็ได้”
“อืม”
“เป็นลูกครึ่งไต้หวันหรอ นี่เราก็ลูกครึ่งเหมือนกัน เราลูกครึ่งฮ่องกง แต่เราพูดไทยพอรู้เรื่องแล้ว มีอะไรถามเราได้นะ หรือนายพูดจีนได้ใช่ป่าว ถ้าไม่ถนัดก็พูดจีนกับเราก็ได้”
“อือ”
“แล้วย้ายมากลางเทอมแบบนี้จะเรียนไหวหรอ ย้ายมาจากโรงเรียนไรอะ ทำไมต้องย้ายด้วยอะ อีกนิดเดียวก็จะจบเทอมแล้ว ไม่น่ารีบเลย จะได้เรียนทันเพื่อน”
“............................” ผมเห็นอี๋เอินชะงักกับคำถามผมเล็กน้อย ก่อนจะทำทีไม่ใส่ใจเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ยอมตอบอะไรคำถามผมเลย นี่ผมคุยกับคนหรือกำแพงอยู่วะ ตอนนั่งคนเดียวยังรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนกว่านี้เลย
“นายเอาของไปไว้ที่ห้องยัง? ถ้ายังเดี๋ยวเรียนเสร็จเราไปช่วยยกของนะ ห้องอยู่ชั้นสอ.....”
“มึงช่วยหยุดถาม หยุดพูดซักทีได้ไหม รำคาญ”
“...............................” ใบ้แดกครับ กากาทำผิดอะไร ทำไมต้องรำคาญเค้าด้วย โฮฮฮฮฮฮ
นั่นล่ะฮะ ประโยคแรกที่มันคุยกับผม...........
เปิดใจครั้งแรก
ข่าวลือเรื่องเด็กใหม่แพร่ไปเร็วมากครับ ทั้งลือว่าสวยอย่างกับผู้หญิง –มันก็เรื่องจริง- ลือว่าหยิ่งสุดๆ –นั่นก็เรื่องจริงอีก- ทุกวันนี้เรารู้จักกันได้สัปดาห์นึงแล้ว แต่ผมยังไม่ได้รู้จักต้วนอี๋เอินเพิ่มขึ้นมาจากการรู้จักกันวันแรกเลยครับ ทั้งที่เราอยู่ด้วยกันเกือบจะ 24 ชั่วโมง ทั้งห้องเรียน ทั้งที่หอ มันพูดกับผมนับคำได้ ผมพยายามชวนมันคุย ชวนมันไปโน่นไปนี่ มันไม่เคยไปกับผมเลย ถึงห้องปุ๊บก็โดดเข้าหาโน้ตบุคตัวเอง มาเรียนก็ขลุกอยู่แต่ในห้อง กินข้าวเสร็จมันก็ปลีกตัวไปนั่งคนเดียว ผมเคยแอบตามไปดูนะว่ามันหายไปทำอะไร กลัวครับ ว่ามันจะทำอะไรเสี่ยงๆ เช่นเล่นยา จะได้เตือนมันทัน แต่เปล่าเลย มันแค่ไปนั่งอยู่ริมบ่อน้ำหลังโรงเรียนที่ปลอดคน นั่งนิ่งๆ พอออดเข้าเรียนดังมันก็ลุกขึ้นไปเรียน แต่ตอนนี้มีข่าวลือใหม่ๆออกมาครับ ลือว่าที่มันมาเข้าเรียนที่นี่กลางคันเพราะมันไปมีเรื่องกับลูกผอ.โรงเรียนเก่า เพราะไอ้นั่นไปลวนลามมัน มันเลยเอาแจกันฟาดหัวเข้าให้จนโดนไล่ออก ลืออีกกระแสก็เรื่องที่มันเกือบโดนคนงานแถวบ้านขืนใจ จนพ่อมันตัดปัญหาด้วยการส่งมันมาโรงเรียนประจำเพื่อให้มันปลอดภัย ผมไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริง ผมไม่สนหรอกครับ แต่ก็แอบหวังว่ามันจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยนะ
“ปล่อย!!!!” ผมได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากในห้องน้ำหลังโรงเรียน ตอนที่ผมกำลังจะเดินไปดูอี๋เอินที่ริมบ่อ อี๋เอินคุยกับใคร? ทำไมน้ำเสียงถึงได้ดูทั้งแข็งกร้าวแล้วก็สั่นแบบนั้น
“ทำไมวะไอ้เด็กใหม่ อย่าทำเป็นไม่เคยไปเลย กูรู้นะก่อนที่มึงจะมาอยู่โรงเรียนนี้ มึงผ่านอะไรมาบ้าง” น้ำเสียงเย้ยหยันของใครอีกคนดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะไล่หลังมาเป็นลูกคู่ เดาจากเสียงน่าจะประมาณ 3-4 คน ผมคิดว่าคงเป็นไอ้พวกแก๊งผีเปรตม.6 ที่ชอบทำตัวอันธพาลคนอื่นไปทั่วแน่ๆ “เอาไงดีวะ” ผมคนเดียวสู้กับพวกแม่งไม่ไหวแน่ จะวิ่งไปตามให้คนมาช่วยก็เป็นห่วงคนข้างใน กลัวมันเป็นอะไร
“โอ๊ยยยยย มึงกัดกู”
“อั่ก.... อึก อื้อออออออ” เชี่ย แม่ง เกิดอะไรขึ้นวะ
“โอ๊ยยยย ใครอยู่ในห้องน้ำ ผมปวดขี้ เร็วๆหน่อยพี่ จะไม่ไหวแล้ว –ปู๊ดดดดด-“ ผมทุบประตูห้องดังลั่นเลยครับ เวลานั้นกูคิดอะไรไม่ออกแล้ว ปวดขี้ขึ้นมาดื้อๆเนี่ยแหล่ะ อาศัยมือช่วยทำเสียงตดซะจนผมเกือบจะตดขึ้นมาจริงๆ
“เหี้ย มึงก็ไปเข้าทื่อื่นสิวะ กูทำธุระอยู่”
“ไม่ไหวแล้วพี่ ผมเดินไม่ไหวแล้ว ขี้ราดแน่” ผมทั้งตะโกน ทั้งทุบประตูเสียงดัง คือกะว่าถ้ามึงไม่เปิดออกมา ก็ประตูพังกันไปข้าง หรือไม่ก็เสียงดังจนคนอื่นได้ยินนั่นแหล่ะฮะ
“สัดเอ๊ยยยยย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“อึก” เสียงกุกๆกักๆดังขึ้น ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงประท้วงในลำคอของอี๋เอินที่มันดังแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงก้องดังในหูผมมากกว่าเสียงตะโกนของไอ้รุ่นพี่พวกนั้นซะอีก
ประตูห้องน้ำใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมสายตาอาฆาตของไอ้พวกนั้นที่ค่อยๆเดินผ่านผมทีละคนจนครบ 4 ผมมองหน้าพวกมันยิ้มแหยๆ พร้อมเอ่ยขอบคุณรัวๆ เสแสร้งครับ จริงๆคือผมจะมองหน้าและจำเอาไว้ว่ามันคนไหนที่มาทำร้ายเพื่อนผม ถ้าสบโอกาสผมเล่นแม่งคืนแน่ แต่ตอนนี้ขอเข้าไปดูคนข้างในก่อน ผมวิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องน้ำทำทีเหมือนปวดหนักจนทนไม่ไหว รอให้ไอ้พวกนั้นมันเดินไปให้พ้นก่อนแล้วค่อยเดินไปห้องในสุดที่อี๋เอินอยู่
“เชี่ย” สภาพอี๋เอินแม่ง ไม่อยากจะใช้คำว่าโดนรุมโทรม แต่คือคำนี้มันชัดที่สุดแล้วครับกับสภาพมันตอนนี้ ใบหน้าช้ำเหมือนโดนต่อย ริมฝีปากบวมเจ่อ เลือดสีสดอยู่ที่มุมปาก ลำคอมีรอยจ้ำแดงเป็นจุด ผิวขาวเนียนเป็นรอยแดงเป็นทาง เสื้อเชิ้ตนักเรียนสีขาวเปียกชุ่มไปทั้งตัว แถมหลุดลุ่ย เม็ดกระดุมบางเม็ดกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ โชคดีที่มันใส่เสื้อแขนกุดตัวในเอาไว้ มันคงรู้ตัวว่าเสื้อขาวบางๆเพียงตัวเดียว จะทำให้มันตกอยู่ในอันตรายมากแค่ไหน เพราะจากการอยู่ห้องเดียวกับมันมา บอกตรงๆครับว่าบางทีก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้มอง ผิวขาวๆเนียนๆ หุ่นเอสไลน์นั่น มือบางกอบกุมท้องน้อยของตัวเองเอาไว้ ก้มตัวงอจนเกือบจะติดพื้น ผมเดาว่ามันน่าจะโดนชกเข้าที่ท้องด้วย ถึงมีอาการแบบนั้น กางเกงนักเรียนของมันหมิ่นเหม่เกือบหลุดออกจากกายบาง ร่างมันสั่นระริกจนผมต้องรีบเข้าไปกอดมันเอาไว้ มันขัดขืนในทีแรก แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย ผมกอดมันไว้หลวมๆ สัมผัสปลอบประโลมลูบไล้ไปมาที่ร่างเนียนนั้นจนมันเริ่มนิ่งขึ้น ไม่มีน้ำตาซักหยดจากคนตรงหน้า แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเจ็บปวดมาก
“มึงโอเคนะ”
“ช่วยกูทำไม” น้ำเสียงสั่นๆเอ่ยขึ้น
“ถามเหี้ยอะไรของมึง มึงเป็นเพื่อนกูนะ เพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยป่าววะ ไม่ขอบคุณแล้วยังจะถามอะไรส้นตีนๆแบบนี้เนี่ยนะ กูก็เข้าใจว่ามึงแม่งปากหนัก แต่มึงช่วยปากหนักให้ถูกที่ถูกเวลาได้ไม๊วะ เจอเรื่องเดือดร้อนมึงก็แหกปากให้คนช่วยก็ได้ ที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่ป่าช้า คนเยอะแยะเค้าจะได้มาช่วยทัน” ผมบ่นมันยาวเหยียด อยากจะด่ามันมากกว่านี้อีกที่แม่งหยิ่งไม่เข้าท่า โดนขนาดนั้นแล้วยังไม่ร้องให้ใครช่วยซักคำ แต่ติดที่พอผมมองหน้าช้ำๆของมัน เห็นแววตาวูบไหวสั่นระริกเหมือนคนพยายามกลั้นน้ำตาของมัน ผมก็พูดไม่ออก มันเงียบ กัดริมฝีปากจนยิ่งบวมช้ำ ผมรู้สึกว่ามันน่าสงสาร ความรู้สึกอยากปกป้องมันถูกตีตื้นขึ้นมา ผมค่อยๆเกลี่ยใบหน้าหวานนั้น มือลูบสัมผัสวงหน้าค่อยๆเลื่อนไปที่ริมฝีปากของมันอย่างแผ่วเบา ผมค่อยๆเป่าลมหายใจไปที่ร่องรอยช้ำนั่น จนมันสะดุ้ง ผลักผมออก
“ขอบคุณนะ.....ที่มาช่วย” สายตาของมันดูสับสน ก่อนที่มันจะหยัดกายลุกแล้วเดินวกกลับไปทางหออย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้ตามมันไป ได้แต่มองมันจนลับตา ถอนหายใจหนักด้วยความรู้สึกอัดอั้น อึดอัด สมองเผลอคิดไปถึงข่าวลือบ้าๆที่ได้ยินผ่านหูมา ถ้าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริง อี๋เอินจะเจ็บปวดกับมันมากขนาดไหนกันนะ
วันนั้นมันไม่เข้าเรียนอีกเลย ผมกลับไปที่ห้องก็เจอมันกำลังหลับ ผมเดินเข้าใกล้ไปหวังจะปลุก ถึงได้เห็นคราบน้ำตาที่ยังแห้งติดใบหน้าน่ารักนั่น จมูกยังรั้นแดงเหมือนเพิ่งหยุดร้องไห้ได้ไม่นาน หมอนยังคงเปียกชื้นเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด ผมเกลี่ยนิ้วปาดไล่น้ำตาให้ คนหลับผวาตื่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสบนใบหน้า เราสบตากันชั่วขณะ
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ผมพูดแผ่วเบามือยังไม่ละออก น้ำตาหยดใสที่หล่นร่วงลงมาจากหางตาซึมซับเข้ามาที่มือหนาของผม
“อืม” อี๋เอินลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
“หิวป่ะ”
“ไม่”
“ไปอาบน้ำหน่อยไม๊ จะได้สดชื่น”
“.....................”
“......งั้นกูไปอาบน้ำก่อนนะ”
“กูเคยขอร้องให้คนช่วย...” ผมชะงักยืนรอฟัง
“กูเคยแหกปากจนเสียงแหบเสียงแห้ง ขอร้องให้ไอ้เหี้ยพวกนั้นมันปล่อย แล้วยังไง มันไม่เห็นมีผลอะไรขึ้นมา ไม่เคยมีใครมาช่วย ไม่เคยมีคนมาสนใจ” ผมหันไปหันมองมัน ถึงแม้จะไม่ได้มีน้ำตา แต่สีหน้าของมันก็ทำให้ผมรีบนั่งลงข้างมันเหมือนเดิม
“มีแต่คนหัวเราะเยาะกู แม้กระทั่งคนที่กูเรียกมันว่าเพื่อน หึ” มันพูดเพียงเท่านี้ เสียงหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยในโชคชะตาของตัวเอง
“กูไม่รู้ว่าที่ผ่านมามึงเจออะไรบ้าง แต่วันนี้มึงเจอกู กูเรียกมึงว่าเพื่อน กูหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถ้ามึงมีอะไรมึงบอกกูได้ กูจะดูแลมึงเอง”
“กูดูแลตัวเองได้” ดื้อชิบหาย....ผมมองหน้ามันนิ่ง พยายามข่มใจเอาไว้ อยากจะตอกกลับว่าถ้าดูแลตัวเองได้ แล้วปล่อยให้คนอื่นข่มเหงอยู่แบบนี้ซ้ำๆคืออะไร แต่ผมไม่อยากไปซ้ำเติมรอยแผลมัน
“เออ แต่มึงก็จำไว้อย่าง มึงไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียว อย่างน้อยที่สุด ถ้ามึงคิดว่าไม่มีใคร ก็ขอให้คิดถึงกูเป็นคนแรกได้ไม๊”
มันเม้มปากแน่น ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ....ผมเริ่มเรียนรู้ว่า ถ้ามันทำแบบนี้ นั่นหมายถึงมันยอมรับ แต่เพราะทิฐิค้ำคอ จะให้มันพยักหน้าหรือเออออไปกับผม มันไม่ทำแน่
อย่างน้อยที่สุด เรื่องเหี้ยๆที่เกิดขึ้นกับมันในวันนี้ ก็ทำให้ผมสามารถทำลายกำแพงหนาของมันที่สร้างเอาไว้ป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ผมเริ่มคิดว่าผมควรต้องทำอะไรซักอย่าง ผมจะขอเป็นคนทำลายกำแพงในใจของมันเอง ผมไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่มันต้องแอบมานอนร้องไห้คนเดียวแบบนี้ แต่ต่อไปนี้มันจะไม่ต้องร้องไห้คนเดียวอีก ถ้ามันร้องไห้ ผมจะเป็นคนเช็ดน้ำตา ผมจะทำให้มันกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ............. ผมสัญญา
..................................................................................
talk
แอบแวะมาเปิดช็อตฟิคเรื่องใหม่ค่ะ ๕๕๕๕
ตอนแรกจะแต่งเป็น OS แต่แต่งไปแต่งมาเนื้อหายาวมาก จนไม่ไหวจะเขียนเป็นตอนเดียว เลยแบ่งเอาแล้วกัน
(คาดว่า)จะมี 3 ตอนนะคะ เป็น jackson part 2 ตอน กับ mark part อีก 1 ตอน
ยังไงก็ฝากติชมกันได้นะคะ
ตั้งใจเขียนมากกก ใช้เวลาเขียนนานมากกกกก เพราะแก้แล้วแก้อีก อยากบรรยายความรู้สึกของตัวละครให้ได้มากที่สุด ซึ่งรู้สึกว่ามันยากมากกกก (บ่นทำไม? ๕๕๕๕๕)
ฝากด้วยนะคะ #firstjark จะพยายามอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ >/////<
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น