คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : between us :: JARK
“ต้วนอี๋เอิน อี๋เอินจ๋า เอินๆที่ร๊ากกกกกก”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้านหลังหนึ่งของเด็กหนุ่มผิวเข้มอย่างนักกีฬา ใบหน้าคมได้รูปที่จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง พร้อมรอยยิ้มทะเล้นที่ประดับให้เห็นอยู่ตลอด กลายเป็นเสียงสัญลักษณ์ในยามเช้าของคนละแวกนี้ไปแล้ว ....
“คิดซะว่าเป็นเสียงไก่ขันแล้วกัน” ใครคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้อย่างปลงๆ
“พี่แจ็คสัน!! พี่เอินๆยังไม่ออกมาอีกเหรอ” หนุ่มน้อยวัยเพิ่งย่างเข้าวัยรุ่นเอาคางเกยรั้วบ้านของตนมาถามแจ็คสันที่ยืนอยู่หน้าบ้านข้างๆ
“ยังอ่ะดิเบบี้แบม นี่แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าเอินอ่ะเฮียเรียกได้คนเดียวเว้ย คนอื่นห้าม!! เข้าใจ๊ ไอ้เปี๊ยก”
“หูยยยย หวงๆๆๆ พี่มาร์คก็พี่ผมนะ แล้วผมก็ชื่อแบมแบม ไม่ใช่เบบี้แบม ปีนี้ผม 16 แล้ว ไม่เปี๊ยกแล้ว อีกนิดเดียวก็สูงกว่าพี่แล้ว ฮ่าๆ” ประโยคหลังทำเอาคนแก่กว่าหันมาถลึงตาใส่จนแบมแบมต้องรีบวิ่งหนีไป แต่ก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวกลับมาก่อน จะจับตีก้นซะให้เข็ดเลย” แจ็คสันชี้นิ้วพร้อมตะโกนไล่หลัง แบมๆที่อยู่ห่างออกไปได้ยินก็เลยส่ายก้นให้ก่อนก้าวขึ้นรถโรงเรียนไป
“จะจับใครตีก้นไม่ทราบห๊ะ แจ็คสัน!!” เด็กหนุ่มผิวขาวจัด ใบหน้างดงามราวกับรูปปั้น ปากแดงอิ่มเหมือนลูกพีชที่กำลังสุกเต็มที่ รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ
“เอินๆมาแล้วววววว ไปเรียนกานนนน” แต่ก็หาได้ทำให้หนุ่มทะเล้นอย่างหวังแจ็คสันกลัวไม่ หนำซ้ำยังเดินไปโอบร่างขาวด้วยความสนิทสนม
“กูถามว่าจะตีก้นใคร” เจ้าของชื่อเอินขืนตัวไว้ไม่ยอมเดิน และดูจะไม่ได้ไปเรียนแน่หากยังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ
“หูยมาร์คคคคคค กูล้อเล่น โอเคป๊ะ? กูไม่ตีหรอกน้องรักน้องหวงของมึงอ่ะ โอเคนะ โอเคยัง ไปเรียนเหอะ กูสายแล้วเนี่ย มีเรียนเช้าด้วย” แจ็คสันหันไปทำสัญลักษณ์โอเคใส่มาร์คอยู่หลายที จนมาร์คลอบอมยิ้มขำๆ แล้วจึงยอมออกแรงเดินตามแรงลาก?ของอีกคน
“พูดเหมือนตัวเองไม่หวงน้องนะ กูว่ามึงหวงแบมมากกว่ากูอีก กูจำได้นะที่มึงเกือบกระทืบเด็กคนนั้นตาย เพราะเข้าใจผิดคิดว่ามันทำแบมร้องไห้อ่ะ”
”เด็กคนนั้น คนไหน วุ้....จำไม่ได้แล้ว มาร์คมึงก็อย่ามาความจำดีน่า...... ว่าแต่.....” พูดค้างไว้แล้วมองหน้ามาร์คส่งสายตาหวานเยิ้มให้
“......อะไร” เล่นเอามาร์คมองอย่างหวาดระแวง มาไม้ไหนอีกไอ้นี่
“กูว่ากูหวงมึงมากกว่าเบบี้แบมอีกนะ ต้วนอิ๋เอินนนน” พูดเสียงลากหวาน พร้อมวิ้งค์ใส่จนมาร์ครู้สึกหมันไส้
“มึงนี่มัน.....ประสาท.” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่รอยยิ้มก็ยังประดับอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มไปตลอดทาง......ก็สิ่งที่แจ็คสันพูด มันไม่ได้ผิดไปจากความจริงซักเท่าไหร่นี่นา ทำไมมาร์คจะจำไม่ได้ที่มาร์คโดนเพื่อนๆรุมแกล้งแล้วแจ็คสันรีบเอาตัวเข้ามาขวางไว้ หรือจะตอนที่มาร์คสะดุดก้อนหินล้มจนได้แผลแจ็คสันก็วิ่งไปเตะก้อนหินก้อนนั้นด้วยความโมโห ไหนจะตอนที่ลมพัดจนมาร์คกรีดร้องแทบไม่เป็นภาษาเพราะความหนาวแจ็คสันก็วิ่งเอาตัวมาบัง ตีอกชกลมประหนึ่งเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียน ถึงบางเรื่องจะเป็นสิ่งที่...เอ่อ...มาร์คเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่เพราะเป็นแจ็คสัน ก็ไม่ต้องใช้ความพยายามเข้าใจอะไรหรอก เพราะนี่แหล่ะ...หวังแจ็คสัน
แจ็คสันและมาร์คเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงแบมแบมเด็กชายข้างบ้านอีกคนที่เติบโตมาด้วยกัน พ่อแม่ก็สนิทสนมกัน แจ็คสันและมาร์คเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ประถม มัธยม กระทั่งเข้ามหาลัยแล้วก็ยังตามมาเรียนที่เดียวกัน ถึงแม้จะคนละคณะ ตามความถนัดของแต่ละคน
แจ็คสันเป็นคนชอบการแข่งขันมาตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งที่บ้านของเขาก็เป็นนักกีฬา เขาจึงเลือกเข้าคณะพลศึกษาเจริญตามรอยคุณพ่อ กีฬาที่แจ็คสันถนัดและโปรดปรานที่สุดก็คงจะเป็นบาสเก็ตบอล ถึงแม้รูปร่างภายนอกของเขาอาจจะไม่ให้กับกีฬาชนิดนี้เท่าไรก็ตาม แต่อย่าดูถูกไป....เห็นแบบนี้ เขาก็เป็นถึงนักกีฬาของทีมมหาลัยเชียวนะ เข้าเรียนมาด้วยโควตานักกีฬา และเพราะเป็นนักกีฬามหาลัยบวกกับรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยที่เข้ากับคนง่าย จึงเป็นที่รู้จักและสนิทสนมกับคนไปทั่ว เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของคนทั้งมหาลัย แม้จะเพิ่งเข้าปี 1 เท่านั้น
“อี๋เอินนนนน ซ้อมบาสเสร็จแล้ว กลับบ้านกันนนนน”
“อืม ไปดิ”
“อ้าว น้องแจ็คสัน จะกลับบ้านแล้วหรอ”
“ค๊าบพี่มิน แล้วพี่มินยังไม่กลับหรอครับ”
“ยังจ๊ะ เดี๋ยวอีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“งั้นกลับบ้านดีๆนะครับ อย่ากลับดึกน้า ผมเป็นห่วง”
“แหม ปากหวานตลอดเลย จ้า กลับบ้านดีๆล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“เจอกันคร๊าบบบ”
ระหว่างทางก็จะต้องมีใครต่อใครเข้ามาทักทายแจ็คสันตลอด มาร์คก็ทำเพียงแค่มองและยืนรอยิ้มๆ
“รู้จักเค้าไปทั่วเลยนะ”
“หึงหรอจ๊ะ”
ป๊าบบบบบบบ
“โอ๊ยยย เอินมาตีเค้าทำไมเนี่ยยยยย”
“หมันไส้”
“หึงก็บอกหึงเซ่ ไม่ใช่บอกหมันไส้ คิคิ”
“เอาอีกทีไม๊แจ็คสัน”
ส่วนมาร์คเป็นคนความจำดีและชื่นชอบการทดลองเป็นชีวิตจิตใจ จึงเลือกเข้าเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ถึงมาร์คจะจัดได้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมาก และได้รับคัดเลือกให้เป็นเดือนประจำคณะ แต่ด้วยความเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย เข้าถึงยาก มาร์คจึงมีเพื่อนค่อนข้างน้อย และไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าหามากนัก หลายๆคนทำได้เพียงชื่นชมอยู่ห่างๆ พร้อมให้เหตุผลว่า มาร์คเหมือนนางฟ้า ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือมาไขว่คว้า ทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น ถึงแม้มันดูจะเป็นข้อเปรียบเทียบที่มาร์คก็ไม่ได้ชอบใจซักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งหรือขัดข้องอะไร เพราะรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดี ไม่วุ่นวาย เขาเกลียดความวุ่นวาย...แค่แจ็คสันคนเดียวก็พอแล้ว
แต่ถึงแม้จะอยู่กันคนละคณะ แต่ข้อตกลงของทั้งคู่ก็คือจะต้องไป-กลับบ้านพร้อมกันทุกวัน หรือจะเรียกให้ถูกจริงๆแล้วมันเป็นความต้องการของแจ็คสันเพียงคนเดียว แต่มาร์คไม่ได้ปฏิเสธ หรือขี้เกียจปฏิเสธ ขี้เกียจเถียงด้วย งั้นก็ขอโมเมว่าเป็นข้อตกลงของทั้งสองคนแล้วกันนะ ..... ถ้าวันไหนที่แจ็คสันมีเรียนเช้า มาร์คก็จะไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดรอเข้าเรียน ถ้าวันไหนมาร์คมีเรียนเช้า แจ็คสันก็จะถือโอกาสนี้ไปซ้อมบาสตอนเช้า
ในขากลับ ถ้าวันไหนแจ็คสันต้องซ้อมถึงเย็น มาร์คก็จะไปนั่งรอที่ห้องสมุด หรือบางวันเบื่อๆก็ไปนั่งรออยู่ข้างสนาม เช่นกันหากวันไหนมาร์คจำเป็นต้องเลิกเรียนช้าหรือต้องทำงานต่อจนเย็น แจ็คสันก็จะซ้อมบาสรอหรือไม่ก็ไปนั่งเตร็ดเตร่อยู่ที่คณะของมาร์ค.....ทุกวัน เป็นแบบนี้เสมอ กลายเป็นภาพชินตาของคนในมหาลัยไปแล้ว
ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม.... จนกระทั่ง.........
เมื่อเริ่มเข้าสู่ปี3 ............
วันนี้มาร์คเลิกเร็วกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสได้ไปยืนรอแจ็คสันกลับบ้าน เค้าโครงใบหน้าของเพื่อนรักที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่กำลังยืนคุยแผนงานกับกัปตันทีมอย่างเคร่งเครียด คิ้วที่ขมวดงุ่นช่วยขับให้ร่างหนาดูคมเข้ม มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ถึงแม้จะไม่ชินสายตาเท่าไหร่ที่เห็นแจ็คสันในโหมดจริงจัง แต่มาร์คก็อดที่จะอมยิ้มและยืนมองอยู่ห่างๆไม่ได้ ใจก็นึกอยากจะเอานิ้วไปจิ้มให้คิ้วคลายออก อีกใจก็ชอบที่ได้เห็นอีกมุมที่เค้าไม่ค่อยได้เห็น
“มายืนยิ้มอะไรตรงนี้คนเดียวครับพี่มาร์ค”
“.......................................” มาร์คหันมองอีกฝ่ายงงๆ คนตัวสูงนี่เป็นใคร รู้จักเขาได้ยังไง
“อ๋า ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อยูคยอมครับ คิมยูคยอม เป็นนักกีฬาบาสรุ่นน้องพี่แจ็คสันครับ อยู่ปี 1 ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่มาร์ค” เด็กหนุ่มนามคิมยูคยอมแนะนำตัวยาวเหยียด พร้อมยื่นมือหมายจับกระชับความสัมพันธ์
แต่มาร์คก็คือมาร์ค เค้าไม่ชอบที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ๆกับใคร จึงทำเพียงแค่มองมือนั้น พร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม
“นายรู้จักพี่ได้ไง”
“พี่มาร์คดังออกจะตายไปครับ ยิ่งอยู่คู่กับพี่แจ็คสัน ใครจะไม่รู้จัก อ้อ ลืมบอกไป ผมเป็นเพื่อนกับแบมแบมด้วยครับ ก็เลยพอรู้จักชื่อพี่มาบ้าง” ยูคยอมยิ้มตอบก่อนที่จะเสเอามือมาทัดผมแก้เก้อที่ไม่ได้รับการสานสัมพันธ์ตอบ
“อ้อ เพื่อนแบมหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พอได้ยินว่าคนตรงหน้าเป็นเพื่อนของน้องชายข้างบ้านที่ตนสนิทสนมด้วย เกราะป้องกันตัวของมาร์คก็เหมือนจะหลุดหายไปได้ส่วนหนึ่ง กลายเป็นมาร์คเองที่ยื่นมือไปให้จับเพื่อสานสัมพันธ์ขณะที่ยูคยอมก็ไม่ทิ้งโอกาสรีบคว้ามือบางมาจับด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมเขย่าเบาๆ รอยยิ้มกว้างประดับดวงหน้าจนมองไม่เห็นดวงตา ขณะที่มาร์คได้เพียงแต่ยิ้มรับเบาๆอย่างคนที่ยังถือตัวอยู่
ทุกการกระทำของมาร์คอยู่ในสายตาของแจ็คสันตั้งแต่แรก อะไรบางอย่างกระตุกให้ใจแจ็คสันแกว่งอย่างไม่มีสาเหตุ มาร์คไม่เคยลดการ์ดของตัวเองลงไม่ว่าอยู่กับใคร คนที่มาร์ครู้จักและสนิทด้วยทุกคนจะต้องใช้เวลานานมากพอที่จะทำให้มาร์ครู้สึกไว้ใจและยอมพูดคุยดีๆด้วยได้ แต่กับเด็กคนนี้ เด็กยูคยอม...มาร์คเพิ่งเจอครั้งแรก ก็ไปยิ้มให้ คุยด้วย แถมยังจับมือกันอีก เด็กนี่ไม่น่าไว้ใจซะแล้ว คิมยูคยอมเป็นเด็กสดใสร่าเริง ทำไมแจ็คสันจะไม่รู้ เข้ามาในทีมวันแรกก็สนิทสนมกับคนอื่นไปได้ทั่ว เขาเองก็เอ็นดูเด็กนี่อยู่ไม่น้อย แต่....ตอนนี้ ความรู้สึกที่รบกวนแจ็คสันอยู่ตอนนี้มันคืออะไร
แจ็คสันไม่มีสมาธิที่จะซ้อมต่อหรือพูดคุยแผนงานอีกจนกัปตันทีมจับได้
“แจ็คสัน....เป็นอะไร”
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่มีสมาธิซ้อมขนาดนี้ ซ้อมไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก กลับบ้านไปพักไป พรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมใหม่”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมซ้อมไหว”
“แจ็คสัน....” กัปตันทีมเอ่ยเสียงเข้มปราม ก่อนตบบ่าของชายหนุ่มหนักๆ “ไปพักเถอะ วันนี้ซ้อมมาเยอะแล้ว ทุกคน วันนี้พอแค่นี้ กลับบ้านได้แล้ว” ประโยคหลังเอ่ยกับนักกีฬาทุกคน
“ครับ” “คร๊าบ” บรรดานักกีฬาต่างขานรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะเริ่มทยอยเก็บของและเดินออกไปจากยิมทีละคน บางคนที่ผ่านหน้ามาร์คไปก็ยิ้มทักทายให้ มาร์คก็ทำเพียงพงกหัวให้เบาๆก่อนเดินไปหาแจ็คสันที่กำลังเก็บของในส่วนของตนอยู่
“วันนี้เลิกเร็วนะ”
“อืม” มาร์คถึงขั้นเลิกคิ้วเมื่อได้รับคำตอบมาเพียงแค่นั้นจากแจ็คสัน นี่มันไม่ปกติแล้ว แจ็คสันไม่เคยตอบเขาแค่คำเดียวแบบนี้ ทันเท่าความคิด ขณะที่แจ็คสันกำลังจะก้าวเดินมือของมาร์คก็คว้าเข้าที่ท่อนแขนแกร่ง
“เป็นอะไร” สายตามองด้วยความเป็นห่วง
“แค่เหนื่อยน่ะ ไม่มีอะไร กลับบ้านเถอะ” แจ็คสันเบี่ยงแขนออกเล็กน้อยทำให้มือที่จับอยู่หลุดออก ร่างบางหน้าเสียแต่ก็พยายามทำความเข้าใจว่าแจ็คสันคงเหนื่อยจริงๆ จึงไม่พูดอะไรต่อ
“อ้าว กลับกันแล้วหรอครับ สวัสดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับพี่แจ็ค พี่มาร์คพรุ่งนี้มาอีกไหมครับ” คิมยูคยอมเดินออกมาเจอทั้งสองเข้าพอดีจึงเอ่ยทักทายขึ้น ความช่างเจรจาของยูคยอมทำให้แจ็คสันอึดอัด แต่อะไรก็ไม่เท่าที่มาร์คหันไปตอบน้องด้วยรอยยิ้มแบบนั้น
“ถ้าว่างก็คงเห็น ไปนะ”
“คร๊าบบบบ” เด็กหนุ่มยิ้มตาหยีก่อนจะเดินจากไป
แจ็คสันจ้องมองมาร์คไม่วางตาและไม่ยอมขยับก้าวเดิน จนมาร์คที่เดินนำไปก่อนหันกลับมามองด้วยความงุนงง
“อะไรแจ็คสัน”
“เปล่า” มาร์คทันเห็นแจ็คสันลอบถอนหายใจก่อนเดินตามมาทัน ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่คนร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส และคอยหาเรื่องกวนประสาทเขาตลอดเวลา เอาแต่ก้มมองพื้นและเดินดุ่มๆไม่พูดอะไรซักคำ......แบบนี้ มันไม่แปลกสุดๆไปเลยหรือไง.....
คืนนั้น ทั้งมาร์คทั้งแจ็คสันต่างคนต่างก็นอนไม่หลับ มาร์คเองก็เอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์ว่าจะไลน์ไปถามดีหรือเปล่าว่าเป็นอะไร แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงไม่กล้า ส่วนแจ็คสันก็เช่นกันจ้องมองแต่โทรศัพท์อยากจะถามใจจะขาดว่าวันนี้คุยอะไรกับยูคยอม ทำไมต้องจับมือ ทำไมต้องยิ้มให้ ทำไม ทำไม ทำไม...แต่ก็กลัวว่า...กลัว กลัวอะไรเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นต่างคนต่างก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แจ็คสันก็ยังไปตะโกนโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้านมาร์คเหมือนเดิม มาร์คก็คิดว่าเมื่อวานแจ็คสันคงแค่เหนื่อย คงไม่มีอะไร
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้แจ็คสันคิดไปเองไหม ว่าหมู่นี้มาร์คมาดูเขาซ้อมบาสบ่อยขึ้น และทุกครั้งที่มา ไอ้เด็กยูคยอมก็จะเข้าไปทักทายเกาะแกะมาร์คทุกครั้ง แจ็คสันจะไม่หงุดหงิดเลยถ้ามาร์คไม่พูดคุยกับมันแล้วก็ยิ้มให้มันแบบนั้น หนักข้อเข้าไอ้เด็กยูคยอมก็ถึงกับขอเดินกลับบ้านด้วย บ้านก็ไม่ได้อยู่ทางเดียวกันซะหน่อย แล้วกูล่ะมาร์ค....ความน้อยใจเข้าถาโถมจนบางครั้งแจ็คสันก็จะอ้างเรื่องงาน เรื่องประชุมแผนกับทีมเป็นข้ออ้างที่ให้มาร์คและยูคยอมกลับไปก่อน ซึ่งมาร์คเองก็เข้าใจว่าแจ็คสันเองคงยุ่งมาก เพราะปีหน้าแจ็คสันจะกลายมาเป็นกัปตันทีมแทนรุ่นพี่คนเก่าที่กำลังจะจบการศึกษา จึงไม่ทักท้วงอะไร นั่นยิ่งทำให้แจ็คสันน้อยใจว่ามาร์คไม่สนใจเขาไปอีก
ความเข้าใจผิดสะสมขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ใช่มาร์คจะไม่รู้ตัวว่าเวลาเขาคุยกับยูคยอม แจ็คสันดูหงุดหงิดแปลกๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ มาร์คเกลียดความวุ่นวาย ในเมื่อแจ็คสันไม่ถาม เขาก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปบอก เอาจริงๆมาร์คไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแจ็คสันหงุดหงิดอะไรนัก แต่เวลาอยู่กันสองคน แจ็คสันยังเป็นแจ็คสันคนกวนประสาทเหมือนเดิม แค่นั้นมาร์คก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
“แจ็คสัน”
“อ้อ....ว่าไงจ๊ะที่รัก” พูดพร้อมหันไปสบตาปิ๊งๆๆ จึงโดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดกะโหลกไป 1 ที
“โอ๊ยยยย รุนแรงตลอดเลยอ่ะเอิน”
“อยากโดนอีกทีไม๊” มาร์คหันมาแยกเขี้ยวใส่คนกวนประสาทก่อนเงื้อมือทำท่าจะฟาดอีกครั้ง
แจ็คสันจึงยกมือป้องทำทีว่ายอมแพ้ก่อนจะยิ้มทะเล้นไปให้อีกฝ่ายที่หัวเราะปลงๆ พร้อมปรับสีหน้าเก็กขรึมถามด้วยน้ำเสียงเข้มประหนึ่งบอดี้การ์ดที่กำลังเตรียมรับใช้เจ้านายของตน “แล้วมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“มึงว่ายูคยอมเป็นยังไงมั่ง” ร่างบางส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม พร้อมรอยยิ้มประดับดวงหน้านิดๆ
“..........” ท่าทางแบบนั้นมันทำให้แจ็คสันก้าวขาไม่ออก ริมฝีปากหนักราวกับมีท่อนเหล็กมาผูกติดเอาไว้
มาร์คหันมามองคนข้างกายแบบงงๆ โบกมือขึ้นลงผ่านใบหน้าคม “เฮ้...เป็นอะไร เฮ้ แจ็คสัน!!!”
“...อ่ะ ห๊ะ..ว่ะ..ว่าไงนะ.” ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆเมื่อฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาที่ต้นแขน
“เป็นไรวะ กูถามว่า มึงว่ายูคยอมเป็นยังไงบ้าง” ประโยคหลังที่เน้นชัดถ้อยชัดคำ
“กะ ก็...ก็ดี แล้ว...มึงถามทำไมวะ” ทำใจดีสู้เสือถามไป ทั้งที่กลัวคำตอบใจจะขาด
“ก็....กูมานั่งคิดๆดูแล้วนะ น้องเค้าก็ดูเป็นคนดีไง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เรียนก็เก่งใช่ม๊ะ เห็นว่าได้อันดับต้นๆตลอด กีฬาก็ดี เป็นถึงนักบาสมหาลัย โปรไฟล์ดีมาก นิสัยเท่าที่รู้จักก็โอเคเลย กูเลยคิดว่าน้องเค้าน่าจะดูแล...” มาร์คอมยิ้มนับนิ้วสาธยายข้อดีของบุคคลที่สามโดยไม่ได้หันไปมองคนตรงหน้าซักนิด
“อย่ารักมันได้ไหม” ถ้อยคำที่เอ่ยสวนออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนคนยอมแพ้ก่อนที่มาร์คจะพูดจบประโยค น้ำที่คลอหน่วยอยู่บนดวงหน้าคมอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
“ห๊ะ....” มาร์คเงยหน้าขึ้นสบตาแจ็คสันอย่างอึ้งๆ “.........แจ็คส”
“นะมาร์ค.....กูรู้นะว่ากูมันงี่เง่า เห็นแก่ตัว แล้วกูก็รู้ด้วยว่าไอ้ยูคมันเป็นคนดี มันดูแลมึงได้ มันทำให้มึงมีความสุขได้..มากกว่ากูด้วยซ้ำ แต่...” สองมือสั่นเทาเอื้อมไปคว้ามือเล็กของอีกคนเอาไว้ “แต่กูทำไม่ได้มาร์ค กู...แค่กูคิดว่ามึงรักมันกูก็เจ็บจะตายแล้ว แค่กูคิดว่าคนที่อยู่ข้างมึงไม่ใช่กู กูก็...กูทนไม่ได้มาร์ค” สายตาพยายามสบตาอ้อนวอนคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี เขาไม่รู้เลยว่ามาร์คคิดอะไรอยู่ สายตาของมาร์คดูว่างเปล่าเกินไป เขาก็แค่..กลัว กลัวว่าจะเสียมาร์คไป
“แจ็คสัน...” มาร์คเหมือนยังตั้งรับไม่ทันกับทุกถ้อยคำที่แจ็คสันเอ่ยขึ้น จึงทำได้แค่แค่เรียกชื่อเพื่อนรักของตนออกมาเบาๆ สองสายตาที่ประสานกันมันทำให้มาร์คมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ...ความรู้สึกของแจ็คสัน...
“ต้วนอี๋เอินที่รัก”
“กูหวงมึง”
“ว่าไงจ๊ะฮันนี่”
“ต้วนอี๋เอินของหวังเจียเอ๋อออออ”
ฯลฯ
ถ้อยคำต่างๆที่ออกจากปากของแจ็คสันพรั่งพรูเข้ามาในความคิดของมาร์ค เขาแค่มองว่ามันเป็นสิ่งที่แจ็คสันทำเพื่อกวนประสาทเขาเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าถ้อยคำเหล่านั้นมันคือสิ่งที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจของอีกฝ่ายเลย
“แจ็คสัน คือ....”
“20ปีนะมาร์ค 20ปีที่ชีวิตกูมีแต่มึงอยู่ข้างๆ กูนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตวันพรุ่งนี้กูไม่มีมึงอยู่ กูจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง” ไม่รู้ว่ามันสายไปไหมที่แจ็คสันจะพูดคำที่อยู่ในความรู้สึกของเขาทั้งหมดตอนนี้ เขารู้แค่ว่าเขาต้องพูด พูดออกมาให้หมดความในใจที่เก็บไว้มาเนิ่นนาน
“คือ..แจ็คสัน ฟังกูก่อ..อ่ะ” มาร์คพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แจ็คสันก็แค่กลัว กลัวว่ามันจะเป็นคำปฏิเสธ เขาขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญความจริงในตอนนี้ ร่างหนาโผเข้าไปกอดคนตัวขาวแน่น น้ำใสๆล้นเอ่อจากดวงตา ก่อนกลิ้งลงมาซึมซับกับไหล่บางของอีกคน
“.....................” แจ็คสัน....ร้องไห้ อย่างนั้นหรอ???
“แจ็คสัน ฟังกูนะ คือกู...กูไม่ได้คิดอะไรกับยูคยอมเลย”
“................”
“แล้วยูคยอมก็ไม่ได้คิดอะไรกับกูเลย”
แจ็คสันผละออกจากอ้อมกอดด้วยความงุนงง
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูด” มาร์คพูดเสียงเรียบนิ่ง อมยิ้มเล็กน้อย
“อย่าเพิ่งกวนกูมาร์ค กูคิดไม่ทันตอนนี้ มึงหมายความว่ายังไงที่ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ยูคอ่ะ”
มาร์คหัวเราะเบาๆ แจ็คสันนี่มันแจ็คสันจริงๆ
“ J “ ไม่มีคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งไปให้
“ละ แล้วที่บอกว่าไอ้ยูคไม่ได้คิดอะไรกับมึงเลยล่ะ”
“อ่าฮะ”
“เป็นไปได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่ามันตามจีบมึงอยู่ แล้วมึงก็มีใจให้มัน อย่ามาหลอกกูหน่ามาร์ค ถึงกูจะดูซื่อบื้อแต่กูไม่ได้โง่นะ”
“มึงเอามาจากไหนว่าน้องมันจีบกู”
“ก็....”
“แล้วมึงเอามาจากไหนว่ากูมีใจให้มัน”
“.......”
“20 ปีนะแจ็คสัน”
“...............”
“20 ปีที่กูมีมึงอยู่ข้างๆแค่คนเดียว มึงคิดว่ากูจะมีใจไปมองคนอื่นอีกหรอ” คำพูดที่ย้อนจากคำพูดของแจ็คสันและสายตาที่จริงจังเกินกว่าจะพูดเล่นของมาร์ค ทำเอาคนตรงหน้าพูดไม่ออก นี่มัน อะไรกัน แจ็คสันงงไปหมดแล้ว
“กูก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ว่ากูจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงโดยไม่มีมึงน่ะ J ”
ใบหน้าของแจ็คสันค่อยๆเปลี่ยนจากงุนงงเป็นครุ่นคิดแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเปิดเผยกว้างขึ้นในที่สุด
“หมายความว่า.............”
“บทจะโง่ก็โง่ขึ้นมาเลยนะแจ็คสัน” มาร์คยักคิ้วกวนๆก่อนจะยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดในสายตาของแจ็คสันเลยล่ะ
“วู้วววววววววววววววววววววววววว” ความรู้สึกที่เหมือนกำลังตกเหวแล้วมีคนช่วยฉุดมันขึ้นมาเป็นแบบนี้นี่เอง แจ็คสันเข้าใจมันแล้ว ชายหนุ่มกระโดดเข้าไปอุ้มอีกคนตัวลอยก่อนจะหมุนไปรอบๆจนมาร์คต้องรีบเอาขาเกาะเอวเอาไว้ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นประสานกันฟังแล้วเพราะกว่าทุกวัน
แจ็คสันค่อยๆปล่อยคนตัวบางลง แล้วเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดเบาๆ ขณะที่มาร์คเองก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่โอบรอบคอของอีกคนอยู่เช่นกัน
“จูบนะ”
“ม่ะ....อื้ออ” ริมฝีปากที่ประทับลงเบาๆ อย่างโหยหา คลอเคลียเล่นที่ริมฝีปากอีกคนอย่างอ้อยอิ่งทำเอามาร์คหัวใจเต้นรัว ไม่มีการรุกล้ำไปมากกว่านั้น ก่อนจะค่อยๆผละออก
แจ็คสันมองใบหน้าขึ้นสีของอีกฝ่ายยิ้มๆ
“มึงแมร่งน่ารัก”
“มึงมันขี้โกง”
“มึงอยากน่ารักเองทำไมล่ะ”
“..................” มาร์คเสมองทางอื่นเมื่อทนสายตาหวานเยิ้มของคนตรงหน้าไม่ไหว เลยโดนขโมยหอมแก้มไปอีก 1 ฟอดด
“แจ็คสัน!!!!!!”
.............................................................................จบแล้ว.....................................................................................
“เดี๋ยวนะมาร์ค แล้วที่ไอ้ยูคมันขอตามมาที่บ้านมึงตลอดเลยอ่ะ หมายความว่าไง”
“ก็....แบมไง”
“อะไร เบบี้แบมมาเกี่ยวไรด้วย”
“โอ๊ยยยแจ็คสัน มึงไม่รู้จริงดิ”
“รู้อะไรเล่า”
“ยูคยอมตามจีบน้องเราอยู่”
“ห๊ะ!!!”
“แบมมันก็ดูเหมือนมีใจนะ”
“ห๊ะ!!!”
“แต่แบมมันเล่นตัวไง บอกว่าถ้าผ่านด่านพวกเราได้ ถึงจะยอมคบด้วย”
“........”
“แล้วก็ยังบอกด้วยว่าพี่มาร์คใจดีกว่า ให้เข้าหาพี่มาร์คก่อน”
“............................”
“ก็แค่นั้น”
“.................ก็แค่นั้น? แค่นั้นอะไรเล่ามาร์ค นั่นเบบี้แบม แบมแบมเลยนะ จะยอมให้ใครมาเอาไปได้ไง มาร์คมึงยอมหรอ กูไม่ยอมนะเว้ย เป็นไอ้ยูคก็เถอะ ไม่ยอมง่ายๆหรอก ฝันไปเถอะ”
มาร์คมองคนขี้โวยวายอย่างขำๆ มาหาว่าเขาหวงน้อง ใครกันแน่อาการหนักกว่า ยูคยอม....พี่ก็ช่วยได้แค่นี้ล่ะนะ ด่านแจ็คสันน่ะ ยากหน่อย แต่อย่าเพิ่งท้อล่ะ สู้ๆ
............................................................จบแล้ว...........................จริงๆ...................................................................
สวัสดีค่า ทักทายกันก่อนนะ
บอกก่อนเลยว่า ฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะแก้บนค่ะ
บนเอาไว้ว่าถ้ามีโมเม้นต์จาร์คที่แฟนมีตติ้งที่ไทยจะแต่งฟิคสั้น 1 เรื่องแก้บน
คือไอ้เราก็ไปดูคอนกัสครั้งแรกอ่ะเนอะ ก็อยากเห็นกับตาตัวเอง
ไปวันแรกค่ะ เกือบล่ะ เกือบไม่ได้แต่งล่ะ จนมาเจอช็อตขี่คอ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ น้ำตาจะไหล ได้แก้บนแล้วโว้ยยยยย ๕๕๕๕๕๕๕๕
ก็เลยบังเกิดเป็นฟิคเรื่องนี้ขึ้น
แต่ด้วยความที่ห่างหายจากการแต่งฟิคไปนานมากกกก (เป็นปี) (คู่อื่นนะ)
ก็เลยคิดไม่ออก เรื่องนี้ใช้เวลาแต่ง 5 วันเต็ม (เริ่มจับปากกาวันพุธ แต่งจบวันนี้พอดี ๕๕๕๕๕)
ถ้ามันมีอะไรแปลกๆหรืองงๆยังไงก็ติชมกันได้นะคะ
ขอบคุณค่าาาาา :)
ความคิดเห็น