ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Endless Angle

    ลำดับตอนที่ #4 : ภาคการค้นพบ (1)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 48


            กรุงเทพฯ ปี ค.ศ.2006 ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันช่างเหลือเชื่อเกินกว่าที่จิตใจของแพททริคจะรับได้ เพราะเมื่อตอนเช้าเค้าตั้งใจแค่จะมาพบคุณจีน บก.สำนักพิมพ์ชื่อดังเพียงเพื่อส่งบทความเล็กๆ ของเขา แต่ตอนนี้เขากลับมาอยู่ในสถานที่ๆไม่รู้จัก เท่านั้นยังไม่พอไอ้สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เค้าแทบสิ้นสติ เพราะรูปร่างหน้าตาของเครื่องจักรที่กำลังสนทนากับเขาอยู่ในขณะนี้มันดูคล้ายๆกับสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นสุนัขแต่มีตาเดียว แล้วมีร่างกายเป็นแมงมุม ปากที่ยาวยื่นออกมาจากผ้าคลุมที่ขาดรุ่งริ่งสีดำค่อยๆ ขยับขึ้นลงช้าๆ เสียงแหบแห้งแต่ยังคงแฝงด้วยพลังอำนาจดังขึ้น “มัวอึ้งอะไรอยู่ล่ะคุณแพทริค ซี...อ้อ!ไม่สิ แองเจิล ซี ทำไมทำหน้าตาเหมือนกบอย่างนั้นล่ะ” มันพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะท่าทางของแพทริค เพราะไม่ว่าใครก็ตามมาเห็นท่าทางของเขาตอนนี้ก็ต้องคิดเหมือนกันว่ามันเหมือนกบ ด้วยมือสองข้างที่กางออก ขาอ้าออกจากกันโดยไม่รู้ตัวบวกกับการย่อเข่าลงเล็กน้อย ส่วนหน้าตาก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเข้าไปอีก ตาสองข้างที่เบิกโพลง ปากอ้ากว้างด้วยความตกใจ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนกบอยู่ดีเพียงแต่ว่าเป็นกบที่หล่อที่สุดเท่านั้นเอง ฮ่า....ฮ่า....ฮ่า....เสียงหัวเราะของจีนเรียกสติสัมปชัญญะของเขาให้กลับมา

             “อะ...เอ่อ...เอ่อ...แก..เอ๊ย...คะ...คุณ ..คุณเป็นใคร แล้วคุณรู้จักผมได้ยังไง ทำไมเรียกผมว่าแองเจิล ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และคุณต้องการอะไร” เมื่อเขาตั้งสติได้ก็เริ่มยิงคำถามใส่เป็นชุด “ใจเย็นๆ ก็ได้ เวลาของเราทั้งสองยังมีอีกเยอะผมจะค่อยๆ ตอบคำถามคุณทีละคำถามก็แล้วกันแต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะเพราะบางอย่างคุณจะต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้น อะไรที่มันเลวร้ายจะเกิดกับโลกของคุณและมันจะเลวร้ายในแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ” เขาพูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้ามาหาแพทริคช้าๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เรียกว่าการเดินหรอก น่าจะใช้คำว่าลอยมาหามากกว่าเพราะเท้าทั้งสองข้างของเขามันไม่ได้สัมผัสกับพื้นเลยสักนิด แพทริคผงะเล็กน้อยเมื่อจีนยื่นหน้าใกล้เขามาเรื่อยๆ จนห่างจากจมูกเขาเพียงแค่ฟุตเดียว “ผมจะตอบคำถามแรกกับคุณก่อนก็แล้วกันผมชื่อจีนผมเป็นคนที่นี่......เอ่อเคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว” พูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดนิดนึง ก่อนพูดต่อ “เมื่อราวๆ 90 ปีก่อนผมก็เป็นเหมือนกับคุณนี่แหละแต่มีบางอย่างทำให้ผมเปลี่ยนไป ช่วงนั้นเกิดสงครามกลางเมืองมีการรัฐประหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เหล่าทหารหน่วยรบพิเศษภายใต้การนำของนายพลมีร่า สั่งกวาดล้างผู้ที่มีอำนาจทั่วประเทศ ไม่มีใครสามารถต้านทานกองทัพปีศาจเหล่านั้นได้เลย ส่วนพวกที่พอจะมีฐานกำลังอำนาจต่างเอาตัวรอดกลัวมีร่ากันหัวหด ในที่สุดมีร่าก็สามารถครองอำนาจได้จนหมด เวลาผ่านไปหลายๆดูอย่างเหมือนจะเข้ารูปเข้ารอย เมื่อมีการก่อตั้งสถาบันวิจัย โบล์ล สตาร์ ที่คอยพัฒนาเมืองของเราในด้านต่างๆ ให้ก้าวหน้า  ความจนหายไป ความสะดวกสบายต่างๆถูกนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งความเร็วแสง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คุณภาพชีวิตของพวกเราก็ดีขึ้น เราแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย ที่นี่ไม่มีอาชญากรรม ทุกคนมีงานทำได้เงินเดือนสูงๆ ยาเสพติดถูกกวดล้างไปจนหมดสิ้น เรียกได้ว่ามันเป็นชีวิตในอุดมคติเลยก็ว่าได้ แต่ทุกอย่างมันเหมือนความฝันอันหอมหวาน ที่พอตื่นขึ้นมาก็มักจะพบกับความจริงที่เลวร้าย เวลาแห่งความสุขผ่านไปแค่20 ปี หลังจากนั้นทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พลังงานจากน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกถูกนำไปใช้อย่างสิ้นเปลืองจนหมด  แต่ก็มักจะมีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ คิดค้นพลังงานใหม่มาทดแทนได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานธรรมชาติ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีประโยชน์แล้วเมื่อบนชั้นบรรยากาศของโลกถูกปกคลุมไปด้วยก๊าซพิษต่างๆ ในที่สุดทางเลือกสุดท้ายก็ถูกนำมาใช้หลังจากที่มีการคัดค้านกันอย่างหนักถึงผลที่ตามมาซึ่งอาจทำให้ระบบนิเวศต่างๆบนโลกเสียหายไปกว่านี้ นั่นก็คือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ แต่นายพล นิวตัน เค หนึ่งในคณะกรรมการโลกก็ให้เหตุผลว่าเราไม่สามารถปล่อยให้โลกทั้งโลกอยู่ในความมืดได้ ยิ่งไปกว่านั้นเศรษฐกิจทุกอย่างจะหยุดชะงัก ความอดอยากจะกลับมา อาชญากรรมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดยุคแห่งโลกาวินาศจะกลับมาหาเราอีก พอถึงจุดนี้เลยสามารถโน้มน้าวให้กรรมการโลกทุกคนยอมเซ็นสัญญาอนุมัติการสร้างโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์สำเร็จ แต่หลังจากนั้นอีก 10 ปี ความน่าสะพรึงกลัวก็กลับมาอีกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทุกแห่งทั่วโลกเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมๆกัน ทำให้มีคนตายในเหตุการณ์นี้กว่า 50 ล้านคนทั่วโลกนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย” พอพูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดลงพร้อมกับหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างช้าๆ

                   “คุณว่ายังไงนะนี่คุณกำลังจะบอกผมว่าคุณ ตะ...ตา” แพทริคที่ตั้งใจฟังมาตลอดถามขึ้นอย่างตกใจ “ใช่ครับผมตายไปแล้ว..แต่จะว่าไปก็ในฐานะพลเรือนนะ เอ่อ...แต่ช่างมันก่อนเรื่องราวที่คุณต้องรู้มันเริ่มจากตรงนี้ต่างหาก” เขาหันหน้ากลับมาทางแพทริคอีกครั้งแล้วเริ่มเล่าต่อ “หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งนั้นโลกทั้งโลกแทบจะสลายหายไปจากระบบสุริยะจักรวาล ความหวาดกลัวและสิ้นหวังก็เข้ามาซ้ำเติมความรู้สึกแก่ผู้เคราะห์ร้าย เทคโนโลยีต่างๆบนโลกหยุดนิ่ง เราทุกคนที่ชินกับความสะดวกสบายที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ทำให้ลืมสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดไป ผู้ที่รอดชีวิตทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ทุกคนเกิดการท้อแท้ต่อการมีชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนเป็นเรื่องปกติ ในบางครั้งเราก็พบเด็กทารกที่อายุไม่ถึงขวบนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ศพของผู้ให้กำเนิด บางครับครัวที่ใจแข็งหน่อยเราก็จะเห็นศพของทั้งครอบครัวตอนตายพร้อมกันอยู่ในบ้าน” เพล้ง!!...อยู่ๆกระจกด้านหลังจีนก็แตก แต่เขายังคงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านเหมือนกับรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น เขามองไปที่แพทริคที่ตอนนี้กำลังยืนตัวสั่นสะท้านเพราะความโกรธเมื่อจีนเล่าถึงตอนนี้ “บัดซบที่สุด!!..”เขาสบถขึ้นมา “พวกเค้ามีสิทธิ์อะไรมาบงการลูกตัวเองว่าควรมีชีวิตอยู่หรือสมควรตาย” เขาระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตลอดระยะเวลา 20 ปีออกมา นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกโกรธแค้นพ่อกับแม่ที่ทิ้งเขาให้ต้องอยู่อย่างว้าเหว่และยากลำบากมาตลอด จนทำให้เขาต้องไปอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจร้าย “ใจเย็นๆสิก่อนแองเจิล” จีนพยายามเข้าไปปลอบแต่ทันใดนั้นผ้าคลุมสีดำตัวเก่งของเขาก็เกิดติดไฟขึ้น และไหม้ทั้งผืนอย่างไม่เหลือซากเผยให้เห็นขาทั้งแปดของจีนทันที “อย่ามายุ่งกับชั้น!!!...ชั้นไม่ใช่แองเจิลลล....อ๊ากก” เขาตวาดขึ้นพร้อมกับจ้องมองจีนอย่างโกรธแค้นแต่ในแววตาของเขากลับมองเห็นภาพของบุรุษอีกคนหนึ่ง “มันเป็นเพราะแก...มันต้องเป็นเพราะแกแน่ๆ” ตอนนี้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้

                  อยู่ๆ ห้องขนาด 5 คูณ 5 เมตรเริ่มสั่นไหวจากเล็กน้อยเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจีนซึ่งจับตาอยู่เห็นท่าไม่ดีเลยพยายามเข้าไปควบคุม แพทริค ก่อนที่มิติแห่งเวลานี้จะพังลง แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับถูกดีดกลับออกมาด้วยพลังไอความร้อน “ท่านครับผมเข้าใกล้เขามากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ” จีนหันหน้าไปพูดกับกำแพงว่างเปล่าด้านหลัง “ผมว่าเราควรรีบทำอะไรสักอย่างแล้วนะครับ” เขารีบรายงานสถานการณ์ ซึ่งตอนนี้ไอร้อนจากตัวแพทริคเริ่มแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ ขนาดทำให้ร่างกายของจีนที่สร้างจากอัลลอย์ดชนิดพิเศษเกิดหลอมละลายได้ “ได้โปรดอนุญาตให้ผมใช้เคลียร์โหมดเถอะครับ” เขารีบขออนุญาตกับคนลึกลับด้านหลัง “จัดการเลย...เดลต้า” เสียงแหลมเล็กใสๆเหมือนเสียงดนตรีดังแผ่วมาจากด้านหลัง ”ปลดผนึก” จีนตะโกนขึ้นทันใดนั้นพลังสนามแม่เหล็กก็แผ่ออกไปเรื่อยๆ โดยมีจุดศูนย์กลางคือร่างกายของจีนนั่นเอง พลังสนามแม่เหล็กกระจายวงกว้างออกไปอย่างต่อเนื่องและเมื่อมันกระทบตัวของแพพทริคก็จะเกิดกระแสไฟฟ้าอ่อนๆช็อตตัวเขาไปเรื่อยๆ พลังงานทั้งสองเกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรงจนเกือบจะเกิดการระเบิดขึ้น แต่ในที่สุดพลังของจีนก็ชนะเมือ่สามารถทำให้แพทริคสลบได้สำเร็จ จีนที่เห็นแพทริคล้มลงหมดสติไปแล้ว ก็ใช้ชัดดาว์นโหมดเพื่อปิดพลังงานสนามแม่เหล็กทันที และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยคนลึกลับก็เดินทะลุกำแพงด้านหลังที่ค่อยๆก้าวออกมาให้เห็นชุดยาวระพื้นสีขาวที่เหมือนนักบวช พร้อมกับเผยให้เห็นใบหน้าทีละน้อย “เกือบไปแล้วนะครับท่านริว” เมื่อจีนเห็นริวเดินออกมาก็รีบทำความเคารพทันที

                  “ลำบากเจ้าหน่อยนะเดลต้า” ริวหันหน้ากลับมาทางจีนซึ่งตอนนี้กลายร่างเป็นหญิงสาวผิวเข้มตัวเล็กๆ หน้าตาคมคายออกสไตล์อาหรับ และจากเสียงแหบแห้งมีอำนาจก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงใสกังวาน “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านเพื่อท่านริว กับท่านมาเรีย....” อยู่ๆ เดลต้าก็หยุดพูด “ช่างเถอะ.....แต่เจ้าคิดว่าทำแบบนี้จะสามารถปลุกแองเจิลได้เหรอ” ริวเดินมายืนเหนือร่างของแพทริคที่นอนแน่นิ่งอยู่ ตอนนี้ริวไม่ใช่เด็กอายุ 10 ขวบอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มหล่อผมสีเงินยาวถึงกลางหลัง ที่อายุราวๆ 20 ปี แต่ดูที่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นรูปร่างที่บอบบางเท่านั้นเอง “เท่าที่ดูแล้วน่าจะสำเร็จเจ้าค่ะ...แต่ แองเจิล ซี เนี่ยถ้าจะควบคุมยากกว่าที่คิดนะเจ้าคะเพราะได้รับความบกพร่องของมนุษย์ไปเต็มๆ นั่นก็คือจิตใจที่อ่อนแอ” เดลต้าพูดจบก็สั่นหัวช้าๆ ก่อนยกมือทั้งสองขึ้นประกบกันแล้วพูดว่า “รี ...สตาร์ท” พอพูดจบทุกอย่างรอบตัวก็กลับสู่สภาพปกติ “ขอบใจมาก...ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง” ริวพูดจบก็เอื้อมมือไปวางที่หน้าผากของแพทริค ทันใดนั้นแผลเป็นรูปปีกที่ไหล่ขวาของแพทริคก็สว่างจ้าขึ้นเป็นรูปปีกชั่วครู่ก่อนจะสลายไป ”ไม่ต้องกลัวพลังงานยังมีอยู่เต็ม...แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คืออย่าให้แองเจิลตกไปอยู่ในมือของ โบล์ล สตาร์ เท่านั้นเอง ภาระนี้ข้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วกันนะเดลต้า ที่สำคัญอย่าลืมนะว่าเขาเป็นอาวุธสุดท้ายที่เรามี” เขาพูดจบพร้อมกับยกมือออกจากหน้าผาก “เจ้าค่ะ”     เธอรีบตอบรับ “คอยอยู่ใกล้ๆเขานะเพราะเมื่อเขาฟื้นเขาจะรู้เรื่องทุกอย่าง” ริวรีบเตือน “เดลต้าจะเฝ้าไม่ให้คลาดสายตาเลยเจ้าค่ะท่านริว” เดลต้าทำท่าแสดงความมั่นใจซึ่งมันยิ่งทำให้ริววิตกมากขึ้นไปอีก เดลต้าเดินไปทำความเคารพริวก่อนจะแบกแพทริคขึ้นบ่าแล้วเดินทะลุประตูเจลกลับไปทางเดิม ริวยืนมองทั้งสองจนเดินทะลุผ่านมิติไป “ตอนนี้ จี ก็ตกอยู่ในมือมันแล้วขาดอีกหนึ่งเท่านั้น เคเซอร์ ชั้นจะขัดขวางแกทุกวิถีทาง แกไม่มีทางสมหวังหรอก…ชั้นเอาชีวิตเป็นเดิมพัน” พูดจบเขาก็เดินทะลุกำแพงหายไป ทิ้งให้นาฬิกาแบบเข็มหน้าปัดสีขาวยี่ห้อ ซิตีเซน เดินต่อไปอย่างโดเดี่ยว ซึ่งตอนนี้มันบอกเวลาเที่ยงคืนตรง.....................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×