ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ภาคการค้นหา (3)
          “รีบๆ หน่อยเรามีเวลาไม่มากนักนะ....แล้วนี่ดอกเตอร์เคเซอร์อยู่ที่ไหนเนี่ย” หญิงสาวผมบลอนด์ที่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตาก็สวยงามดูราวกับเป็นนางแบบ แต่บุคลิกท่าทางของเธอช่างขัดกับหน้าตาและรูปร่างอันบอบบางอย่างสิ้นเชิง เพราะเธอตวาดเหล่าลูกน้องอย่างดุเดือด  “ชั้นถามว่าดอกเตอร์เคเซอร์ อยู่......ที่.......ไหน....” เธอหันไปคว้าลูกกระจ๊อกผู้โชคร้ายที่พยายามก้มหลบไปด้านหลังมาเค้นคอถาม “เอ่อ...เมื่อ...เมื่อกี้ผมเห็นท่านอยู่ที่ห้องวิจัยมวลพลังงานเมื่อชั่วโมงก่อน ค..ค..ครับ แต่ตอนนี้ไม่เห็นครับทะ...ท่าน” ลูกน้องผู้โชคร้ายตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ “โธ่เว้ย!!ไม่ได้เรื่องซักตัว” มีร่าตะคอกใส่พร้อมกับเหวี่ยงเหยื่อผู้โชคร้ายไปกระแทกกับตาข่ายพลังงานไฟฟ้าแรงสูงจนผู้โชคร้ายคนนั้นโดนไฟฟ้าฟ้าซ๊อตจนตาย เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้เหล่าลูกน้องทั้งหลายของเธอยิ่งกลัวเธอจนลนลานไปกันใหญ่ “ไม่เอาน่า..มีร่า คุณจะอารมณ์เสียไปถึงไหน” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากเงามืดด้านหลังเตาปฏิกรณ์ด้วยบรรยากาศทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนแต่เพียงแค่ฟังเสียงมีร่าก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร “มันก็เพราะคุณนั่นแหละค่ะเค” เธอหันมาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเหมือนเวลาที่ผู้หญิงต้องการอ้อนคนรัก แต่แววตาและสีหน้าของเธอยังยากที่จะเดาอารมณ์อยู่เช่นเคย “ชั้นตามหาคุณตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ” เธออ้อนเขาอีกครั้ง “ผมบอกคุณแล้วนะครับว่าวันนี้ทั้งวันผมต้องไปเฝ้าเครื่องแยกมวล” เขาตอบนิ่งๆ พร้อมกับเดินเข้ามาหามีร่าอย่างช้าๆ เผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างประหลาด ที่ว่าประหลาดก็เป็นเพราะมันดูดีจนไม่มีที่ติไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต คิ้วหนาได้รูป จมูกเป็นสัน ปากเป็นกระจับสีแดงเรื่อๆ รูปร่างยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะกล้ามเนื้อที่เป็นมัดๆ ไร้ไขมันประดุจรูปปั้นกรีกบวกกับส่วนสูง 180 ซ.ม.มันไม่แปลกเลยที่จะทำให้ปีศาจเลือดเย็นอย่าง มีร่า จะหลงเสน่ห์เขาอย่างหัวปักหัวปำได้  “ก็ชั้น.....เอ่อ...ช่างมันเถอะค่ะ” เธอประชดพร้อมหลบหน้าเขาเพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตา “น้ำตา ...โห ไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่ได้ฉายาว่าเป็นนายพลที่โหดที่สุดอย่างท่านมีร่าจะร้องไห้ ไปบอกใครจะมีใครเชื่อไหมเนี่ย” ลูกน้องคนหนึ่งของเธอที่ยืนวัดระดับความดันอากาศแถวนั้นหันมาเห็นพอดี แล้วความซวยก็เข้ามาเยือนผู้โชคร้ายคนนี้เพราะมีร่าเองก็รู้สึกได้ว่ามีคนเห็นเธอร้องไห้พอดี ทันใดนั้นร่างของเขาก็ระเบิดขึ้นทันที ติ๊ด..ติ๊ด..ติ๊ด...เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย “น่ารำคาญ...ใครก็ได้ไปปิดไอ้สัญญาณเฮงซวยนี่สักทีจะได้ไหม!!” ทหารหนุ่มรหัส 72001 รีบวิ่งลนลานไปที่ห้องควบคุมเพื่อปิดสัญญาณเตือนภัยทันที “ใครเป็นคนปิดสัญญาณเตือนภัย”มีร่าตวาดขึ้น “ผม 72001 ครับผม” ทหารที่หน่วยวิจัยนี้จะใช้รหัสแทนชื่อซึ่งก็เหมือนกับเด็กหนุ่มผมสีดำหน้าตาดีอายุราว 15 ปีคนนี้ที่มีรหัสว่า 72001 เขารีบตอบโผล่งขึ้นเพื่อหวังจะรับความดีความชอบ แล้วก้าวออกมาเผชิญหน้ากับมีร่าอย่างไม่กลัวตาย “ดีมากชั้นชอบคนที่ทำอะไรทันใจชั้น....แต่แกกล้าดียังไงเดินขึ้นมาเทียบเท่ากับชั้น....แกสองคนจับมันไปไว้ที่ Dark Zone เดี๋ยวนี้ ” มีร่าตะโกนสั่งแล้วเดินกลับไปที่ห้องทิ้งให้ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างเอือมระอากับการกระทำที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ส่วน ดร.เคเซอร์ เองที่ปลีกตัวหลบอยู่ในมุมมืดยิ้มเล็กๆ เหมือนกับพอใจกับวิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับทิ้งกล่องสีดำลงบนพื้นก่อนจะใช้เท่าเหยียบมันจนแหลกระเอียด  “เซอร์ เยส เซอร์ !!”     เสียงของทหารหนุ่มสองคนดังขึ้นแล้วก็รีบล็อคตัว 72001 ไว้ทันที ทุกคนพอได้ยินชื่อ Dark Zone นี้ก็ผวาขนลุกกันไปหมดเพราะต่างก็รู้ดีว่าเป็นสถานที่เหมือนนรกอเวจีสำหรับมนุษย์ หรืออาจจะเป็นนรกสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ดินแดนแห่งนี้ไม่มีน้ำสักหยด ส่วนอาหารก็ไม่ต้องพูดถึงจะมีแค่สารอาหารเหลวที่เป็นอาหารชนิดเดียวที่ทุกคนที่นี่ต้องกิน ซึ่งต่างก็เรียกมันว่าอาหารสวะมันเป็นเหมือนโจ๊กเหลวๆใส่ข้าวโอ๊ตแล้วก็ผสมโปรตีนจากหางของนมซึ่งรสชาติมันก็เหมือนอ้วกจริงๆ โดยผู้ที่ถูกนำมาทิ้งที่นี่จะได้รับทุกวันวันละ 1 ครั้ง (ถ้ายังมีชีวิตอยู่นะ) โดยมันจะบรรจุอยู่ในถุงคล้ายๆ กับถุงน้ำเกลือ วิธีกินก็ใช้วีธีดูดเอา มันจะถูกทิ้งลงมาจากช่องระบายอากาศด้านบนที่อยู่เหเหนือขึ้นไปบนเพดานอีก 10 เมตร โดยมีเลเซอร์จับความเคลื่อนไหวกั้นและคอยสอยแขกที่ไม่ได้รับเชิญให้ร่วงอยู่ตลอดเวลา จะปิดสัญญาณก็เฉพาะเวลาส่งอาหารเท่านั้นซึ่งมันก็กินเวลาไม่เกิน 3 วินาทีเท่านั้น ส่วนสภาพแวดล้อมก็สุดจะบรรยายเพราะมันเป็นโซนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียสในเวลากลางวันและต่ำถึง -19 องศา ในเวลากลางคืน ทางเข้าออกมีอยู่ทางเดียวและมีทหารร่างยักษ์ 5 นายที่มีอาวุธครบมือเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้ที่จะหนีออกมาจากที่นี่ได้มีแค่ 0.0001 เปอร์เซ็นต์ และก็ต้องมีปีกบินขึ้นไปที่ทางส่งอาหารเท่านั้นแล้วต้องกะเวลาให้ถูกต้องเท่านั้นไม่อย่างนั้นถูกเลเซอร์ยิงพรุนแน่ Dark Zone เป็นดินแดนที่อยู่ใต้เครื่องจักรลึกลับที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่แบบนี้ไปตลอดเวลา มีข่าวลือว่าเครื่องจักรนี้เป็นเหมือนอสุรกาย ซึ่งเจ้าอสุรกายปริศนานี้บ้างก็ว่ามีหน้าตาคล้ายๆ กับลูกบอลที่มีนามแหลมอยู่รอบๆ แต่ขนาดมันใหญ่กว่าเป็นล้าน ๆ เท่า บ้างก็ว่ามันหน้าตาเหมือนแท่งผลึกแก้วใสๆ ถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่ข่าวลือ เพราะคนนอกไม่มีโอกาสได้ยลโฉมมันแน่เพราะจะอนุญาตให้เข้าเขตหวงห้ามนี้ได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า 3 Scar (Scar เป็นลำดับยศโดยวัดจากตราประทับรูปสัญลักษณ์จากสถาบันวิจัย มีตั้งแต่ระดับ 1-5) เท่านั้น และที่สำคัญคือไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเครื่องนี้เรียกว่าอะไรแล้วมันมีไว้สำหรับอะไร
          72001 ตกใจในทันทีที่ถูกล็อกแขนอย่างไม่ทันตั้งตัวพยายามดิ้นรนแต่เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะรู้ว่าเพื่อนทหารของเขาต่างก็ทำตามคำสั่ง แต่คนที่เขาโกรธแค้นมากที่สุดก็คือ มีร่า คนเลือดเย็นอำมหิตที่ฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกใดใดทั้งสิ้น เขาเดินไปตามทางเดินสีขาวยาวๆ โดยมีแสงสลัวบางๆ ที่มาสว่างขึ้นจากพื้นผิวถนนเป็นเครื่องนำทาง “8230 นายจำไว้นะสักวันชั้นจะกลับมาแก้แค้นยายนั่นอย่างสาสม ชั้นสาบาน แม้ว่าชั้นจะต้องขายวิญาณให้กับปิศาจชั้นก็จะทำ” เขากัดฟันพูดกับชายหนุ่มผิวดำหนึ่งในคนที่นำตัวเขาเข้าไปใน Dark Zone “ชั้นว่านายเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ...คนที่เข้าไปในนั้นไม่เคยมีใครที่ได้ออกมาเลย” หนุ่มผิวดำเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “นายคอยดูเถอะชั้นจะต้องออกมาจากนรกแล้วช่วยพวกนายจากมือยายนั่นแน่ๆ” 72001 หันมาบอกเพื่อนทหารทั้งสองคนแต่พวกเขาได้แต่หัวเราะและส่ายหัวเบาๆ เพราะต่างก็คิดว่าตอนนี้สติของผู้เคราะห์ร้ายคนนี้กู่ไม่กลับแล้ว “ชั้นต้องกลับมาช่วยพวกนายแน่ๆ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อยู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นเหมือนคนเสียสติ และถึงแม้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนขอบเหวระหว่างความเป็นกับความตายเพียงไม่กี่ก้าว 72001 ก็ยังคงเป็นห่วงคนอื่น นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาคิดว่าเพื่อนทหารทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เค้ารู้ดีว่าทุกๆคนที่นี่ล้วนมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือไม่ก็มาจากพวกจรจัดข้างถนน แต่ก็มีบางส่วนที่เอาลูกมาขายให้กับสถาบันวิจัยแห่งนี้เพื่อแลกกับเศษเงินไม่กี่บาท แล้วทุกๆปี หน่วยวิจัย โบล์ด สตาร์ จะเป็นผู้ไปคัดเลือกเด็กๆ ที่หน่วยก้านดีหรือมีพรสวรรค์ด้านต่างๆ มาเพื่อเป็นทหารหน่วยพิเศษในสังกัด ซึ่ง 72001 เองที่ได้รับคัดเลือกมาก็เพราะเขาเป็นเด็กพิเศษชนิดที่เรียกว่า Athletic Syndrome คือเป็นกลุ่มมีพลังขามากกว่าคนปกติ 
            ตลอดระยะเวลาที่เดินไปยิ่งใกล้  Dark Zone มากเท่าไหร่ความหวังของเขาก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น จนในที่สุดความสิ้นหวังก็เกิดขึ้นเมื่อทั้งสามมายืนอยู่หน้าประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดยืนอยู่หลังประตูที่มีความหนาถึง 1 ฟุตไอความร้องจากภายในยังทำให้ทั้งสามแทบจะทนไม่ได้เป็นลมหมดสติไป ซึ่งก็ต่างจากทหารร่างยักษ์ทั้ง 5 คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูมรณะแห่งนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกคนล้วนแต่ใส่ชุดเจลปรับอุณหภูมิที่สามารถกันความร้อนได้ถึง 120 องศาไว้กับตัว ทหารหนุ่มทั้งสองคนที่หิ้ว 72001 มาต่างรีบทิ้งนักโทษไว้แล้วหันมาแจ้งกับผู้คุม  “72001 นักโทษโดยนายพลมีร่าครับ” พูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปทางเดิมโดยทิ้งเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายไว้ข้างหลังโดยไม่ใส่ใจหันกลับมามอง 72001 เองที่กำลังหมดสติล้มลงเพราะความร้อนก็พยายามเหลือบตาขึ้นมองแผ่นหลังเพื่อนที่ค่อยๆหายไปทีละนิดพร้อมกับสติการรับรู้ของเขา
                เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ได้      2001 ค่อยๆ      ลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองได้อยู่ในดินแดนมิชสัญญีที่น่ากลัวจนบรรยายไม่ถูกเพราะด้วยบรรยากาศที่ร้อนระอุไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ซากศพ เขาค่อยๆเดินสำรวจไปทีละศพก็พบว่าบางศพเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างแทะกิน และสิ่งที่ทำให้เขาช็อคจบเกือบหมดสติไปอีกครั้งนั่นก็คือทุกศพไม่มีหัว และถูกควักเอาเครื่องในออกไปจนหมดมันช่างเป็นภาพการทำมัมมี่ที่น่าสยดสยองจริงๆ ขณะที่เขากำลังสำรวจไปรอบๆ นั้นเขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำล้วนอยู่ภายในสายตาของคนชุดดำที่ยืนอยู่ในห้องควบคุมรูปทรงพิรามิดด้านบน “ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของข้า แองเจิล ดี” แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ 72001 ต้องเผชิญอยู่กับความสิ้นหวังต่อไป...........
          72001 ตกใจในทันทีที่ถูกล็อกแขนอย่างไม่ทันตั้งตัวพยายามดิ้นรนแต่เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะรู้ว่าเพื่อนทหารของเขาต่างก็ทำตามคำสั่ง แต่คนที่เขาโกรธแค้นมากที่สุดก็คือ มีร่า คนเลือดเย็นอำมหิตที่ฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกใดใดทั้งสิ้น เขาเดินไปตามทางเดินสีขาวยาวๆ โดยมีแสงสลัวบางๆ ที่มาสว่างขึ้นจากพื้นผิวถนนเป็นเครื่องนำทาง “8230 นายจำไว้นะสักวันชั้นจะกลับมาแก้แค้นยายนั่นอย่างสาสม ชั้นสาบาน แม้ว่าชั้นจะต้องขายวิญาณให้กับปิศาจชั้นก็จะทำ” เขากัดฟันพูดกับชายหนุ่มผิวดำหนึ่งในคนที่นำตัวเขาเข้าไปใน Dark Zone “ชั้นว่านายเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ...คนที่เข้าไปในนั้นไม่เคยมีใครที่ได้ออกมาเลย” หนุ่มผิวดำเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “นายคอยดูเถอะชั้นจะต้องออกมาจากนรกแล้วช่วยพวกนายจากมือยายนั่นแน่ๆ” 72001 หันมาบอกเพื่อนทหารทั้งสองคนแต่พวกเขาได้แต่หัวเราะและส่ายหัวเบาๆ เพราะต่างก็คิดว่าตอนนี้สติของผู้เคราะห์ร้ายคนนี้กู่ไม่กลับแล้ว “ชั้นต้องกลับมาช่วยพวกนายแน่ๆ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อยู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นเหมือนคนเสียสติ และถึงแม้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนขอบเหวระหว่างความเป็นกับความตายเพียงไม่กี่ก้าว 72001 ก็ยังคงเป็นห่วงคนอื่น นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาคิดว่าเพื่อนทหารทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เค้ารู้ดีว่าทุกๆคนที่นี่ล้วนมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือไม่ก็มาจากพวกจรจัดข้างถนน แต่ก็มีบางส่วนที่เอาลูกมาขายให้กับสถาบันวิจัยแห่งนี้เพื่อแลกกับเศษเงินไม่กี่บาท แล้วทุกๆปี หน่วยวิจัย โบล์ด สตาร์ จะเป็นผู้ไปคัดเลือกเด็กๆ ที่หน่วยก้านดีหรือมีพรสวรรค์ด้านต่างๆ มาเพื่อเป็นทหารหน่วยพิเศษในสังกัด ซึ่ง 72001 เองที่ได้รับคัดเลือกมาก็เพราะเขาเป็นเด็กพิเศษชนิดที่เรียกว่า Athletic Syndrome คือเป็นกลุ่มมีพลังขามากกว่าคนปกติ 
            ตลอดระยะเวลาที่เดินไปยิ่งใกล้  Dark Zone มากเท่าไหร่ความหวังของเขาก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น จนในที่สุดความสิ้นหวังก็เกิดขึ้นเมื่อทั้งสามมายืนอยู่หน้าประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดยืนอยู่หลังประตูที่มีความหนาถึง 1 ฟุตไอความร้องจากภายในยังทำให้ทั้งสามแทบจะทนไม่ได้เป็นลมหมดสติไป ซึ่งก็ต่างจากทหารร่างยักษ์ทั้ง 5 คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูมรณะแห่งนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกคนล้วนแต่ใส่ชุดเจลปรับอุณหภูมิที่สามารถกันความร้อนได้ถึง 120 องศาไว้กับตัว ทหารหนุ่มทั้งสองคนที่หิ้ว 72001 มาต่างรีบทิ้งนักโทษไว้แล้วหันมาแจ้งกับผู้คุม  “72001 นักโทษโดยนายพลมีร่าครับ” พูดเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปทางเดิมโดยทิ้งเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายไว้ข้างหลังโดยไม่ใส่ใจหันกลับมามอง 72001 เองที่กำลังหมดสติล้มลงเพราะความร้อนก็พยายามเหลือบตาขึ้นมองแผ่นหลังเพื่อนที่ค่อยๆหายไปทีละนิดพร้อมกับสติการรับรู้ของเขา
                เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ได้      2001 ค่อยๆ      ลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองได้อยู่ในดินแดนมิชสัญญีที่น่ากลัวจนบรรยายไม่ถูกเพราะด้วยบรรยากาศที่ร้อนระอุไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ซากศพ เขาค่อยๆเดินสำรวจไปทีละศพก็พบว่าบางศพเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างแทะกิน และสิ่งที่ทำให้เขาช็อคจบเกือบหมดสติไปอีกครั้งนั่นก็คือทุกศพไม่มีหัว และถูกควักเอาเครื่องในออกไปจนหมดมันช่างเป็นภาพการทำมัมมี่ที่น่าสยดสยองจริงๆ ขณะที่เขากำลังสำรวจไปรอบๆ นั้นเขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำล้วนอยู่ภายในสายตาของคนชุดดำที่ยืนอยู่ในห้องควบคุมรูปทรงพิรามิดด้านบน “ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของข้า แองเจิล ดี” แล้วเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ 72001 ต้องเผชิญอยู่กับความสิ้นหวังต่อไป...........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น