ตอนที่ 2 : 1
Indigo Sky
Couple: Siwon x Kyuhyun
Writer: NiTRoGeN14
1
some people
come into our lives
and quickly go;
others stay for a while
and leave footprints
on our hearts
and we are never the same.
Author: unknow
คนบางคน
ผ่านมาแล้วผ่านไป
บางคนผูกพันเพียงอึดใจ
หากฝากร่องรอยไว้
ณ ดวงใจแสนนาน
บางคนเพียงแว่บผ่าน
หากเปลี่ยนชีวิตบางคน
ตลอดกาล
แปล: ปราย พันแสง
ลานหญ้ากว้างสีเหลืองอ่อนบ่งบอกว่าหญ้าบริเวณนี้ไม่ค่อยได้รับการดูแลที่ดีนัก ต้นมะขามเทศต้นใหญ่เพียงต้นเดียวที่ยืนตระง่านแผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่นได้ไกล นิสิตชายหญิงราวสิบคนในชุดช็อปสีฟ้าหม่นยืนล้อมม้าตัวหนึ่งที่นอนหอบหายใจอย่างทรมานอยู่ในคอกเล็กๆ ใต้ต้นมะขาม นายสัตว์แพทย์ผู้เป็นอาจารย์ยืนบรรยายอาการป่วยของมันให้นิสิตทั้งหมดฟังก่อนให้นิสิตเหล่านั้นทำการวินิจฉัยอาการ
เจ้าแมวดำหน้าตาถมึงทึงเดินย่ำกองฟางพลางก้มหน้าเล็มหญ้าอย่างพอใจ เท้าทั้งสี่ที่มีขนสีขาวต่างจากขนส่วนอื่นของร่างกายทำให้มันเหมือนสวมถุงเท้าดูน่ารัก เมื่อมันเล็มหญ้าจนพอใจมันก็เดินเข้าไปคลอเคลียนิสิตหนุ่มคนหนึ่งเหมือนต้องการจะอ้อน แต่ตอนนี้เขากำลังติดพันกับการค้นหาสาเหตุที่ทำให้เจ้าม้าตัวนี้ป่วย เขาจึงไม่ได้ลูบหัวมันเหมือนที่ทำทุกครั้ง
"คิว แกพอจะคิดออกไหมว่ะ ว่ามันเป็นอะไร" เพื่อนร่วมกลุ่มแอบกระซิบถามเบาๆ คยูฮยอนมองหน้าเพื่อนแล้วทำหน้าคิดเล็กน้อย
"อาหารไม่ย่อย ไม่ก็กินพลาสติกเข้าไป" เขาตอบกับเพื่อนแต่เสียงนั้นกลับได้ยินถึงอาจารย์หมอ
"ถูกต้อง มันกินพลาสติกเข้าไป คิวเก่งมาก" เพื่อนหลายคนหันมามองคยูฮยอนเป็นตาเดียวก่อนจะตบมือเปาะแปะพอเป็นพิธี ใบหน้าหวานติดจะเขินเล็กน้อย เขาไม่ค่อยชินกับการเป็นจุดเด่นเท่าไหร่นัก
...
รถจักรยานยนต์ออโต้เมติกดีไซน์ย้อนยุคค่อยๆ แล่นจอดที่โรงอาหารกลาง คยูฮยอนกระโดดลงมาจากรถแล้วรอเพื่อนที่ขับรถให้ล็อกรถเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปในโรงอาหารพร้อมกัน ที่นั่งค่อนข้างแน่นขนัดเพราะเพิ่งพักเที่ยงพอดี แถมโรงอาหารกลางก็ยังอยู่ติดกับอาคารศูนย์เรียนรวมจึงทำให้มีนิสิตมากมายที่เพิ่งเลิกคลาสลงมาทานอาหารที่นี่
คยูฮยอนเลือกซื้ออาหารไทยรสชาติไม่เผ็ดนักมาทานเป็นมื้อเที่ยง ระหว่างที่นั่งทานพร้อมกับคุยเกี่ยวสิ่งที่เพิ่งเรียนมาในวันนี้ จู่ๆ อาจารย์หมอท่านหนึ่งก็เดินเข้ามาล็อกคอคยูฮยอนจนเจ้าตัวเผลอตกใจดิ้นขลุกขลัก
"พี่เบน"
"ว่าไงคะยูฮะยอน" พี่เบน หรือ นายสัตว์แพทย์เบญจพลลงมือขยี้หัวจนผมสีน้ำตาลเข้มกระจายตัวไม่เป็นทรง
"ผมบอกว่าผมชื่อคยูฮยอน(คิว-ยอน) ไม่ใช่คะยูฮะยอน"
"ก็อยากเรียกชื่อจริงนิ"
"ถ้ามันเรียกยากนักเรียกคิยูก็ได้ครับ"
"ชื่อปัญญาอ่อนมาก" พี่เบนตีทำหน้ามึน ร่างสูงดึงเก้าอี้พลาสติกข้างคยูฮยอนออกมาก่อนเสียบตัวเองลงไปนั่ง
"พี่เบนก็ไปแกล้งคิวมัน ดูสิ มันทำหน้าง่อยน้อยใจไปแล้ว" เพื่อนร่วมโต๊ะหัวเราะคิกคักกับใบหน้าบูดบึ้งของเพื่อนชาวต่างชาติ
คยูฮยอนไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด จึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ แต่จู่ๆ หมอเบนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงจริงจัง
"คิว แกยังพูดเกาหลีอยู่ได้ใช่ป่ะ"
"ได้ครับ ทำไมเหรอฮะ อยากให้ไปแปลอะไรให้หรือไงครับ"
"ก็คล้ายๆ อย่างนั้น พอดีว่ามีช่างภาพเกาหลีคนหนึ่ง เขาจะมาถ่ายภาพนกเงือกที่ใต้ไปประกอบหนังสือสารคดีที่เขารับงานอยู่ ฉันเลยอยากหาคนไปเป็นล่ามช่วยแปลให้หน่อย" มือหนาเกาคางตัวเองเหมือนมีเรื่องคิดไม่ตก "ใจจริงฉันก็อยากไปด้วยนะ แต่พอดีติดงานรายการสารคดีของพี่ติ๊กตรงกันพอดี"
"แล้วนอกจากผมมีคนอื่นไปด้วยอีกไหมครับ"
"ก็เดี๋ยวมีไอ้เนสไปด้วย" เขาเอ่ยถึงนิสิตสัตว์แพทย์ปีหกที่เป็นสาวใต้ผิวคมเข้ม ท่าทางมาดแมน ผู้ชื่นชอบการดูนกเหมือนกัน
"งั้นก็โอเคฮะ แล้วไปตอนไหน คงไม่ใช่ช่วงนี้หรอกนะฮะ ใกล้สอบปลายภาคแล้ว ผมอ่านหนังสือไม่ทัน"
หมอเบนหัวเราะก๊ากเสียงดัง มือก็ตบหลังคยูฮยอนปุๆ "ไม่ต้องห่วงเว้ย ฉันดูตารางสอบแกแล้ว สอบเสร็จแล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปเลย"
คยูฮยอนมองหน้าอาจารย์หมออย่างรู้ทัน นี่แสดงว่าวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้วสินะ
...
วันสุดท้ายของการสอบคยูฮยอนกลับมาที่หอพัก เตรียมเก็บของที่จะเอากลับบ้านที่กรุงเทพฯ แล้วก็ของที่จะเตรียมไว้สำหรับเดินทางลงใต้ในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่ใกล้ถึงเวลาเดินทางแล้วก็จริงแต่เขายังไม่เห็นหน้าผู้ร่วมเดินทางเลยสักคนรวมไปถึงรุ่นพี่ที่คณะด้วย
โชคดีว่าวันนี้เขามีสอบแต่เช้า เมื่อเก็บของจนครบหมดจึงรีบต่อรถตู้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้านไปกอดพ่อแม่ให้ชื่นใจสักคืนก่อนเดินทาง
"ออมม่า อัปป้า ผมกลับมาแล้วครับ" ร่างผอมส่งเสียงดังลั่นตั้งแต่หน้าประตู ไม่นานคุณแม่บุญธรรมก็โผล่หัวออกมาจากห้องครัวแล้ววิ่งเข้ามากอดลูกชายคนเล็กด้วยความยินดี
"กลับมาแล้วเหรอมักเน่"
"ฮะ คิดถึงออมม่าจังเลย" เรียวแขนผอมบางโอบกอดร่างอวบไว้แน่นพร้อมคลอเคลียใบหน้ากับอกนิ่มๆ เหมือนแมวเหมียวออดอ้อนเจ้าของ กอดกันกลมอยู่สองสามนาทีก็ผละตัวออกไปเก็บสัมภาระ เพราะจัดข้าวของไว้เป็นสัดเป็นส่วนตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัย คยูฮยอนเลยไม่ต้องเสียเวลาจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางในวันรุ่งขึ้นมากนัก
ร่างแบบบางนอนแผ่ลงบนเตียงแล้วจินตนาการถึงผู้ร่วมทางชาวเกาหลีในวันพรุ่งนี้ เขาไม่ได้ใช้ภาษาเกาหลีบ่อยนัก ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นตอนเก้าขวบก็ใช้ภาษาญี่ปุ่นมาตลอด พอย้ายมาเมืองไทยตอนสิบสามก็ใช้แต่ภาษาไทย พ่อแม่เองพูดแต่ภาษาญี่ปุ่นไม่ก็ภาษาไทย สำหรับคยูฮยอนแล้วเกาหลีคือที่ไกลแสนไกลเหลือเกิน
เวลาที่นัดกันไว้คือตอนเที่ยงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง คยูฮยอนนั่งรถไฟใต้ดินมาถึงตอนสิบเอ็ดโมงห้าสิบพอดี เขาเลยเดินเข้าเซเว่นหาอะไรรองท้อง พอกลับมายืนรอที่เดิมเขาก็เจอรุ่นพี่สาวยืนหัวซ้ายหันขวาอยู่
"พี่เนส"
"คิว... มานานแล้วเหรอ"
"เพิ่งมาถึงไม่นานเหมือนกันพี่ แล้วไหนพวกคณะที่จะให้เราพาไปอ่ะ" ถามถึงกลุ่มคนเกาหลีที่จะร่วมเดินทางไปด้วยพร้อมกับมองหาแต่ก็ไม่เห็นกลุ่มคนน่าสงสัย
"เห็นพี่เบนบอกว่าเขาจะตรงมาจากโรงแรม เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงรถไฟก็จะออกแล้วยังมาไม่ถึงกันอีกเหรอว่ะเนี่ย ตกรถขึ้นมาซวยเลย"
"อ่อ... คราวนี้มากันแค่สองคนเอง รู้งี้ผมน่าจะชวนน้องบอลมาด้วย เห็นว่าเด็กๆ ชมรมนั้นก็อยากจะไปดูนกที่ฮาลา บาลาอยู่พอดี" เอ่ยถึงรุ่นน้องต่างคณะที่ชื่นชอบการดูนกเหมือนกันอย่างเสียดาย เด็กคนนั้นดูนกเก่งพอที่จะเป็นเบิร์ดไกด์ได้สบาย
"อ๊ะ! นั่นหรือเปล่าคิว" เนสชี้ไปที่กลุ่มผู้ชายที่เพิ่งลงจากรถตู้คันใหญ่พร้อมกับสัมภาระ ดูจากหน้าตาแล้วก็ผิวพรรณบอกได้ชัดเลยว่าเป็นคนเอเชีย
"น่าจะใช่"
"งั้นรออะไรเล่า เข้าไปหาเลยซี่พ่อหนุ่มเกาหลี" เนสรีบดันหลังเพื่อนรุ่นน้องให้เดินตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนกวาดตามองจนครบทุกคนก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
"สวัสดีครับ นี่ใช่กลุ่มที่จะไปดูนกที่ฮาลา บาลาหรือเปล่าครับ" คยูฮยอนถามกับคนใกล้ตัวที่สุด เขาเป็นชายหนุ่มตัวไม่สูงนักแต่ก็มีกล้ามเนื้อพอสมควรเลยทำให้ดูตัวไม่เล็กเท่าไหร่
"ใช่ครับ นี่คือไกด์ที่นายสัตวแพทย์เบนแนะนำมาใช่ไหมครับ ผมอี ทงเฮยินดีที่ได้รู้จัก"
"ผมชอง คยูฮยอนครับจะมาเป็นล่ามให้ ส่วนนี่เนส จะเป็นคนที่ช่วยเราติดต่อกับเจ้าหน้าที่ให้อีกที" แน่ล่ะ ถึงคยูฮยอนจะพูดไทยได้ก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะฟังภาษาไทยสำเนียงทองแดงหรือภาษาใต้ออกเสียหน่อย
"Nice to meet you" อี ทงเฮยื่นมือไปจับกับหญิงสาวคนเดียวของกลุ่ม ก่อนจะเรียกเพื่อนๆ ที่ขนสัมภาระมากองรวมกันเสร็จให้ทำความรู้จัก "เฮ้! นี่คุณคยูฮยอนแล้วก็คุณเนสคนที่หมอเบนแนะนำให้ ส่วนนี่ก็ชิน ดงฮีผู้ช่วยของเรา และคนนี้ก็ชเว ซีวอนตากล้องมือหนึ่ง" เขาแนะนำเพื่อนร่วมทางเป็นภาษาเกาหลีก่อนให้คยูฮยอนแปลเป็นไทยให้เนสฟังอีกที เธอพยักหน้ารับพร้อมฉีกรอยยิ้มไปให้
"Nice to meet you" ผู้ช่วยชินรีบยื่นมือมาจับแสดงความรู้จักอย่างคนมีมนุษยสัมพันธ์ในทันที เมื่อเห็นว่าทั้งคยูฮยอนและเนสยื่นมือออกมา ผิดกับผู้ร่วมทางอีกคนที่ยืนนิ่งและทำเพียงพยักหน้ามาให้
ขี้เก๊กชะมัดเลย คยูฮยอนนึกในใจ เอาแอบเหล่มองชายหนุ่มตัวสูงชะลูดที่เอาแต่ยืนกอดอกก็หมั่นไส้ การแต่งตัวก็คำประหนึ่งว่าจะไปเดินบนแคตวอล์กเพราะเต็มไปด้วยของแบนด์เนมทั้งตัว ยิ่งโดยเฉพาะแว่นกันแดดของอาร์มานี่กับรองเท้าผ้าใบแวนที่คยูฮยอนแอบมองมานานนั่นอีก ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลยเหอะ
"อีกยี่สิบนาทีรถไฟจะออกจากสถานี แต่เราขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรถไฟมาเทียบชานชาลาตอนเที่ยงยี่สิบ เพราะงั้นมีเวลาไปซื้อของกินเป็นเสบียงกรังได้อีกสิบนาที แล้วเราก็กลับมาเจอกันที่นี่ตกลงไหมครับ" วางแผนคร่าวๆ ในใจแล้วก็บอกเพื่อนร่วมทาง แม้ตอนแรกชาวเกาหลีทั้งสอง(ไม่นับพ่อขี้เก๊กที่เอาแต่ยืนนิ่ง)จะสงสัยว่าต้องซื้อของกินก่อนทำไมเพราะบนรถไฟก็น่าจะมี แต่พอเขาอธิบายว่าของบนนั้นแพงกว่าบนพื้นมากก็รีบพุ่งตรงดิ่งเข้าเซเว่นทันที ส่วนพ่ออาร์มานี่นั่นน่ะเหรอ... หยิบไอโฟนขึ้นมากดเล่นเฉยเลยน่ะสิ
ตัวคยูฮยอนเองซื้อของมาแล้วก็เลยนั่งรออยู่แถวๆ นั้น บางครั้งก็แอบเหล่คนที่ชื่อซีวอนอยู่เป็นระยะ จนเห็นว่าชายหนุ่มหยิบกล้องขึ้นมาประกอบใส่เลนส์แล้วยกขึ้นถ่ายภาพรอบๆ สถานีที่พลุ่กพล่านไปด้วยผู้คน แต่พอเห็นว่าเลนส์กล้องมันเหวี่งยมาทางเขาก็จะรีบหันหน้าหนีเหมือนไม่ได้แอบมองอยู่ แล้วพอเห็นจากหางตาว่ากล้องหันไปทางอื่นแล้วก็รีบหันกลับไปมอง
บางทีก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายมากเท่าไหร่หรอกมั้ง
พอเมื่อคนครบก็เคลื่อนตัวขึ้นรถไฟกันทันที หมอเบนจองรถไฟไว้ให้แล้วเป็นตู้นอนปรับอากาศ เพราะการเดินทางลงใต้ใช้เวลานาน ยิ่งไปถึงสุไหงโกลกใช้เวลาอย่างต่ำก็ยี่สิบห้าชั่วโมง แล้วยิ่งเป็นรถไฟไทยไม่ต้องคิดมากเลย ยังไงก็เลทชัวร์แม้จะเป็นแบบรถไฟดีเซลด่วนพิเศษก็ตาม
เพราะว่ามากันห้าคน และถ้าไม่นับรวมเนสก็จะถือว่ามีแต่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น การจะนั่งรวมกันห้าคนบนสองเบาะจึงเป็นไปไม่ได้ ชิน ดงฮีที่เห็นว่าตัวเองตัวใหญ่กว่าเพื่อนจะอาสานั่งแยกไปที่เบาะข้างๆ คยูฮยอนก็เลยต้องมานั่งจ้องตาตรงข้ามกับซีวอนอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ได้ยินว่าพวกคุณเรียนสัตวแพทย์กันอยู่ อายุเท่าไหร่กันแล้วเหรอ ยังดูเด็กๆ กันอยู่เลย" ทงเฮที่ดูร่าเริงกว่าใครถามขึ้นเมื่อรถไฟแล่นออกมาได้สักพัก คยูฮยอนหันไปแปลให้เพื่อนรุ่นพี่ฟังแล้วเธอก็ยิ้มโชว์ฟันขาววับตัดสีผิว
"23 years old"
"หา?"แค่นี้ก็รู้แล้วล่ะว่าทักษะภาษาอังกฤษของทงเฮดีแค่ไหน
"เนสนูน่าอายุ 23 ปีครับ ส่วนผมเพิ่ง 20"
"ฉันกับซีวอน 28 แล้วล่ะ ส่วนดงฮีจะสามสิบแล้ว เรียกทงเฮโอปป้าก็ได้นะ"
"เขาบอกให้พี่เรียกเขาว่าทงเฮโอปป้าอ่ะ" หนุ่ม(อายุ)น้อยที่สุดในกลุ่มกระซิบบอก แต่เหมือนเธอจะไม่เข้าใจเพราะนอกจากขมวดคิ้วแล้วยังถามซื่อๆ
"ให้เรียกว่าป้าเหรอว่ะ ผู้ชายไม่ใช่เหรอ หรือว่าตุ๊ด"
"ไม่ใช่ๆ โอปป้าแปลว่าพี่ชาย จะได้สนิทกันไง"
"อ่อ... ฮ่าๆๆๆๆๆ เกือบไปแล้วไง" เนสหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อนความผิดตัวเองแม้อีกฝ่ายจะไม่เข้าใจภาษาไทยเลยสักนิดก็ตามแต่มันก็น่าอายน้อยเสียเมื่อไหร่
ทั้งสามคนเริ่มคุยกันเข้าขามากขึ้นเรื่อยๆ บทสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องของสถานที่ที่จะไป ทั้งที่ออกจะน่าสนใจแล้วก็น่าสนุกแต่มีคนที่ไม่สนุกไปด้วย ซีวอนที่นั่งนิ่งมานานจู่ๆ คว้ากระเป๋ากล้องแล้วลุกเดินผ่ากลางวงออกไปหน้าตาเฉย
"ไปไหนว่ะ"
"Take photoes. Don't follow me, I wanna stay alone" สั้นๆ ห้วนๆ แล้วซีวอนก็เดินออกจากตู้ปรับอากาศไปเฉย
อี ทงเฮคงพอเข้าใจที่เพื่อนพูดเลยยิ้มแหะๆ แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่นต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่จะให้คยูฮยอนลืมไปได้ง่ายๆ เหรอ... เขาขอถอนความคิดที่ว่าชเว ซีวอนไม่ใช่คนเลวร้ายออกเลย หมอนั่นน่ะมารยาทแย่สุดๆ ไปเลยต่างหาก!!!
TBC
ปิดเทอมนี้ก็อยากไปส่องนกเงือกที่ฮาลา บาลาเหมือนกันนะ
แต่ถ้าแม่รู้...ตายแน่นอน T_T
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่วอนจะปลีกวิเวกเกินไปไหมค่ะ
สนใจเพื่อนร่วมทางบ้างก็ได้น่ะ
อ่า แล้วสงสัยที่สถานีรถไฟที่หันกล้องมาทางคิยูนี่
แอบถ่ายรูปน้องอยู่รึเปล่าจ๊ะ
เรื่องแปลกดีที่คยูมาอยู่เมืองไทย และทุกอย่างจะดำเนินอยู่ในไทยรึเปล่าคะ
ดีจังค่ะ นานๆจะมีเรื่องแบบนี้บ้าง
แลดูเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีตลอดเวลา โดนคิยูหมันไส้เลยไง
เจอกัน ไปส่องนกกัน พี่วอนเป็นตากล้องถ่ายคิยูเยอะๆน๊า
ปล*รูป Plural ของคำว่า Photo คือ Photos นะคะ
เติม 's' ได้เลยไม่ต้องเติม 'es' ค่ะ