คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF]1St poetry: Serene December [Kyuhyun(?)Heechul] 100%
1St poetry: Serene December
เสียงเพลงChristmas Carol ที่ดังไปทั่วซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม บ่งบอกว่าใกล้ถึงวันคริสมาสต์ วันที่หลายๆคนต่างก็เตรียมตัวเฉลิมฉลองกับคนในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือไม่ก็คนรัก
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณะอายุขึ้นเลขสามแบบคิมฮีชอล
เนื่องจากเงินเดือนระหว่างเข้ากรมนั้นมีน้อยเลยไม่สะดวกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่ตั้งคังวอนโด ส่วนเพื่อนๆก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปฉลองกับแฟนบ้าง หรือบางคนอาจจะพาภรรยาและลูกไปจัดปาร์ตี้กับครอบครัวใหญ่ เรื่องแฟนยิ่งแล้วใหญ่ ผู้หญิงคนล่าสุดที่กำลังคบหาดูใจเพิ่งจะขอบอกเลิกเพราะทนกับเรื่องไม่มีเวลาให้ไม่ไหว คริสมาสต์ของชายวัยสามสิบปีนี้จึงได้ฉลองกับฮีบอม แมวพันธุ์รัสเซียนบลู คู่ยากที่อยู่กันมาตั้งแต่เขาอายุยี่สิบต้นๆ
“ต้นเดือนธันวาจะรีบเปิดเพลงไปไหนเนี่ย เห่อรึไง” เขาพูดพลางหยิบกระป๋องอาหารแมวใส่ลงในตะกร้า แล้วเดินไปที่เคาท์เตอร์ จ่ายเงิน แล้วเดินทอดน่องกลับบ้านในยามค่ำตามกิจวัตรประจำวันที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงนักหลังจากเข้ากรมมา
เพียงแต่ว่าวันนี้เขากลับรู้สึกหงุดหงิดกับคู่รักที่ต่างก็พร้อมใจกันเดินจับมือควงแขนสวนทางเขาอย่างผิดปกติ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจว่าอาจจะเป็นเพราะรำคาญเพลง Christmas Carol ที่ได้ยินแทบจะทุกทิศที่เขาเดินไปถึง (ไม่เว้นแม้แต่ที่ทำงานของเขาที่หัวหน้าแผนกชอบฮัมออกมาตลอดเวลา) ก็เป็นได้
เมื่อถึงอพาร์ทเมนท์ราคาถูกที่ฮีชอลเช่าเพื่อตัดค่าครองชีพให้น้อยลง ก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีกล่องขนาดใหญ่(สูงประมาณเอว)วางขวางอยู่ที่หน้าประตูห้องของเขา หลายครั้งที่มีคนเอาของที่ไม่ใช้มาวางไว้หน้าห้องเขาเนื่องจากว่ามันอยู่ชั้น1 และที่วางขยะเผาไม่ได้มันอยู่ไกลจากที่เขาอยู่พอสมควร (ซึ่งฮีชอลต้องเสียเวลาในตอนเช้าที่จะรวบรวมมันไปทิ้งเพราะหาจับมือใครดมไม่ได้) แต่ดูเหมือนว่ากล่องนี้จะใหม่เกินกว่าที่จะเป็นขยะจำพวกนั้น
เมื่อเข้าไปใกล้กล่อง ฮีชอลรู้สึกเหมือนกล่องขยับได้เล็กน้อย
ไม่หรอก...กล่องมันขยับไม่ได้หรอก อย่าประสาทน่าคิมฮีชอล
เขาคิดแล้วแตะกล่อง ไวเท่าความคิด กล่องก็ขยับได้อีกครั้ง ฮีชอลไม่ได้คิดไปเองเสียแล้ว
เมื่อสังเกตว่าปากกล่องไม่ได้ถูกปิดผนึกอย่างที่ควรเป็น เขาจึงรีบเปิดกล่องทันที และสัมผัสแรกที่เขาได้รับนั้น
ไอ้เหี้... ไอ้บ้าเอ้ย! กลิ่นละมุดหึ่งเลย ฮีชอลผงะออกมาก่อนที่จะทันเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่อง เขาสูดลมหายใจลึกๆก่อนที่จะกลั้นหายใจแล้วมองไปข้างในอีกครั้ง
มีร่างมนุษย์นอนขดอยู่ในกล่องใบนี้
แวบแรกที่เขานึกคือมีคนเอาศพมายัดใส่ในกล่องอำพรางคดี แต่จากที่ขยับได้เมื่อสักครู่พอจะเบาใจได้ว่าไม่ใช่ศพตามความคิดแรก เขาจึงเขย่าร่างที่นอนในกล่องแรงๆหนึ่งที เพื่อเช็คว่าคนข้างในไม่ได้บาดเจ็บอะไร
“เฮ้! คุณ! คุณๆ ไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ย”
ใบหน้าขาวซีด (ที่ทำให้ฮีชอลเข้าใจว่าเป็นศพในแวบแรก) สั่นเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับขดตัวเพื่อให้ความอบอุ่นกับตัวเองในกล่องใบเล็ก (เมื่อเทียบกับตัวคน) ฮีชอลเพิ่งสังเกตว่าคนในกล่องกอดขวดไวน์เอาไว้อยู่
เมาแล้วเรื้อนสินะ เขาคิดก่อนที่จะเขย่าตัวคนตรงหน้าอีกครั้ง “เฮ้ๆ! มานอนอะไรตรงนี้ เดี๋ยวก็หนาวตายหรอก กลับบ้านไปนอนสิ”
“ฮึฮึฮึฮึ ~~ ก็มันหนาววววว อยู่ในนี้คยูอุ้นอุ่น ~~~ คยูไม่ปายหนายแล้ววว” เสียงป้อแป้บ่งบอกถึงระดับความเมา ฮีชอลมั่นใจว่าคนตรงหน้าต้องซัดแอลกอฮอล์ไปไม่ต่ำกว่าสามขนานอย่างแน่นอน
“เห้ยได้ไง(วะ)! มีบ้านก็ต้องกลับบ้านสิ หรือเป็นพวกโฮมเลสห๊ะ!” เขาเริ่มหัวเสีย แทนที่จะได้กลับเข้าไปนอนอุ่นๆกลับต้องเจอคนเมาตั้งแต่หัวค่ำมันไม่น่าสบอารมณ์เลยสักนิด
“เง้ออออ คยูไม่ด้ะมะมีบ้านเน้ ~~~~~ บ้านคยูใหญ่น้าาาา” คนเมาหันมายู่ปากใส่ก่อนที่จะนอนหัวเราะคิกคัก มีบ้านแล้วทำไมไม่ไสหัวไปนอนที่บ้านวะไอ้บ้านี่
“มีบ้านแล้วทำไมไม่กลับ บ้านอยู่ไหนเนี่ย มานอนหน้าบ้านคนอื่นทำไม(วะ)” ฮีชอลกระชากตัวอีกคนขึ้นมาจากกล่อง และพบว่าคนตรงหน้าหนักกว่าที่เขาคาดคะเนเอาไว้ คนเมาจึงเซทับจนพากันล้มลงไปนอนที่พื้นเย็นๆจนได้
“บ้านคยูอยู่โซลงายยย คึคึ~”
ประทานโทษครับ โซลบ้านคุณพ่อคุณมันเล็กมากสินะครับ
“ถ้าคุยไม่รู้เรื่องแบบนี้จะจับส่งตำรวจนะคุณ” เขาเขย่าตัวคนที่นอนทับเขาอยู่แรงๆ ซึ่งน่าจะได้ผล เมื่อคนตรงหน้าลุกขึ้นมานั่ง... โก่งคอ และ...
“แหวะะะะะะะะะะะะะะ~~~~~~~~~~~~~~~!!!” เต็มๆคาอกของฮีชอล และนอนฟุบหลับกับไหล่ของเขาแทบจะทันที
เรื่องบ้านอยู่ไหนช่างมันเหอะ ตอนนี้ขอกูอาบน้ำเป็นอย่างแรกเลย!!!
*-*-*-*-*-*-*-*-* 50%*-*-*-*-*-*-*-*-*
*-*-*-*-*-*-*-*-* 100%*-*-*-*-*-*-*-*-*
ฮีชอลมั่นใจว่าเขากำลังจะประสาทกินในไม่ช้า
ชายหนุ่มมองคนแปลกหน้าที่เขาลากมาจากหน้าห้อง ที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่หน้าโซฟาโดยที่ไม่ยอมปล่อยขวดไวน์ในมือ สาบานได้ว่าเขามองแล้วรู้สึกอยากเตะคนตรงหน้าสักป้าบอย่างช่วยไม่ได้
ฮีชอลสบถออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ต้องพาคนแปลกหน้าเข้าห้อง ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำอย่างเร็วที่สุด
..
..
..
“เฮ้ย! ไอ้#%(&^($_^#(@!!!” ฮีชอลสบถออกมาดังลั่นพร้อมกับถีบคนที่ล้มลงนอนทับตัวเขาจนกลิ้งไปอีกทาง เขารีบลุกดูผลงานคนเมาที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเสื้อตัวโปรดแล้วอยากจะกระชากคอเสื้อคนทำแล้วลากไปสถานีตำรวจเสียเดี๋ยวนี้
“มะม๊าขา พี่สองคนเค้าทำอะไรกันเหรอคะ” ฮีชอลหันไปทางต้นเสียง เด็กหญิงผูกเปียสองข้าง(ที่จำได้ว่าอาศัยอยู่ในห้องถัดไปประมาณสามห้อง)กำลังกระตุกมือหญิงวัยกลางคนที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับลูกสาวของเธอ (ฮีชอลไม่ได้คิดไปเองว่าเธอปรายตามองเขาและคนที่นอนบนพื้นอย่างสมเพชพิกล)
“พี่ชายคนสวยกำลังจะพาเพื่อนของเขาไปนอนไงคะ” เธอตอบ พลางเสมองมาทางเขาและอีกคน ที่ตัวเขาเองตีความหมายได้ว่า –รีบลากเหตุการณ์อุบาทว์ๆนี่ให้พ้นจากสายตาลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้พวกผู้ชายหัวสมองถั่ว-
ฮีชอลอ้าปากจะพูด แต่ก็ต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นสายตาของเด็กน้อยที่กำลังมองมาทางพวกเขาอย่างใคร่รู้ ผนวกกับสายตาของหญิงคนนั้นที่กำลังมองจิกมาเช่นกัน และแน่นอนว่าการสร้างเรื่องให้เหล่าอาจุมม่าแถวนี้ไม่พอใจก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ถ้าเขาอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป
...ลากเข้าห้องก่อนแล้วค่อยส่งตำรวจก็ได้วะ!!!...
เมื่อจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ฮีชอลก็เดินไปที่ชายแปลกหน้า ก่อนที่จะพยุงให้ลุกขึ้นเพื่อที่จะพาไปที่สถานีตำรวจ แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูห้อง ก็พบว่าหิมะนั้นกำลังตกลงมาอย่างหนัก เขาถอนหายใจออกมายาวๆก่อนที่จะพาอีกคนไปโยนไว้ที่โซฟาตามเดิม
...อย่างน้อยเขาก็ไม่บ้าพอที่จะแบกคนไม่มีสติฝ่าหิมะเพื่อไปที่สถานีตำรวจที่อยู่ห่างออกไปเกือบครึ่งกิโลเมตรอย่างแน่นอน
เมี้ยว~ เสียงที่ดังบริเวณขาเรียกความสนใจจากเขา ฮีชอลก้มลงลูบหัวแมวตัวโปรด ผู้อาศัยร่วมเพียงหนึ่งเดียวของเขาอย่างเอ็นดู
“โอ๊ะ! ฮีบอมอา หิวเหรอ เดี๋ยวป๊ะป๋าจะเททูน่าให้นะ” ชายหนุ่มยิ้มแล้วตบหัวสัตว์เลี้ยงเบาๆสองสามทีแล้วเดินไปหยิบกระป๋องปลาทูน่าที่ซื้อจากมาร์เก็ตไปเทไว้ในชามอาหารแมวที่ตั้งอยู่ข้างตู้เย็น เจ้าสี่ขาที่รออยู่ก็ค่อยๆเดินนวยนาดไปที่ชามอาหาร แล้วจัดการหม่ำอาหารค่ำอย่างไม่สนผู้เป็นนายอีกต่อไป
ฮีชอลยิ้มก่อนที่จะหันไปทางโซฟา ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนที่ควรจะนอนอยู่บนโซฟา ตอนนี้กำลังยืนง่วนอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อ ที่ดูเหมือนจะแกะยากเป็นพิเศษ โดยที่ตัวก็เอนไปมาทำท่าจะล้มหงายได้ทุกเมื่อ จนฮีชอลต้องรีบวิ่งไปจับไหล่เอาไว้
“ลุกมาทำบ้าอะไรเนี่ย ล้มไปข้าวของเสียหายจะจ่ายมั้ย” ฮีชอลสบถออกมาก่อนที่คนเมาจะเริ่มทำแก้มพองลมแล้วพูดเสียงอ่อยๆ
“ก็คยูเหม็นอ่า~~ คายูอยากอาบน้ามม~~~”
ถ้าการถอนหายใจทำให้อายุสั้น1ปี ฮีชอลก็จำไม่ได้ว่าตอนนี้เขาจะอายุสั้นลงไปเท่าไหร่
เขาค่อยๆดันให้อีกคนที่ยังคงพยายามแกะกระดุมออกให้นั่งลงบนโซฟา ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆแล้วหันหน้าอีกคนมาแล้วเริ่มเจรจา
“เอางี้นะคุณ เดี๋ยวคุณนั่งรออยู่ตรงนี้ไม่ต้องลุกไปไหน เดี๋ยวผมจะเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน ทำตัวเป็นเด็กดี โอเคนะคุณ” เขาพูดช้าๆเพื่อที่จะแน่ใจว่าคนตรงหน้าฟังอยู่ไม่ตกหล่นตรงไหน ซึ่งคนฟังก็พยักหน้าแล้วยิ้มแป้น ก่อนที่จะตะเบ๊ะให้
“ด้วยเกียรติของลูกเสือคายูจะทำตามฮับป๋ม~~~!”
ฮีชอลส่ายหน้าก่อนที่จะปล่อยให้คนเมาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียว (เขามั่นใจว่าเขาเริ่มประสาทเสียจริงๆแล้ว) แล้วเดินไปหาเสื้อยืดเก่าๆของเขาและผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้า และนำผ้าขนหนูไปชุบน้ำบิดหมาด แล้วก็เดินกลับมา
“ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่~~ คยูไม่ด้ายลุกปายหนาย คยูเป็นเด็กดีช่ายม้ายฮับ ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่~~~~” คนเมายิ้มแล้วโคลงหัวไปมา ชายหนุ่มได้แต่ตอบอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วกลั้นใจถอดเสื้ออีกคนออก ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตัวเพื่อเอากลิ่นไม่พึงประสงค์ออก
“งื้ออออ~” “เช็ดก่อนแล้วเดี๋ยวใส่เสื้อ มันเหม็นเดี๋ยวจะนอนไม่หลับ” ฮีชอลพูดพลางเช็ดหน้าอีกคนซึ่งทำแก้มพองลมใส่ (เขารู้สึกเหมือนใจกระตุกไปเสี้ยววิฯ) ก่อนที่จะยื่นเสื้อให้อีกคนเมื่อเช็ดเสร็จ
“ใส่ให้คยูหน่อยยย ~~~~~”
...มึงเป็นเด็กอนุบาลสามขวบรึไงครับ!!!
ชายหนุ่มกรีดร้องอยู่ในใจแต่ก็ต้องกลั้นไว้ ด้วยคติที่ว่า ‘อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา’ เขาจึงต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนที่จะบอกให้คนตรงหน้ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว
“ชูมือขึ้นแล้วหมุน ~ หมุน~~~” คนเมายกแขนทั้งสองขึ้นเหนือหัวแล้วโบกไปมา พร้อมกับร้องเพลงโดยไม่อยู่นิ่ง
...อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา... แต่หมุนที่หัวพ่อ – งรึไงวะ...
ฮีชอลจับแขนที่ชูไปมาให้อยู่นิ่งๆ แล้วรีบยัดตัวคนเมาเข้าไปในเสื้อยืดลายแมวตัวโคร่งก่อนที่เขาจะประสาทกินไปมากกว่านี้ ซึ่งพอได้เสื้อตัวใหม่ จากที่ร้องเพลงอยู่ก็เงียบลงแล้วฟุบหลับกับโซฟาแทบจะทันที (ฮีชอลสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เมาแล้วชูมือขึ้นหมุนๆอีกต่อไป)
เมี้ยวว ~
ชายหนุ่มอุ้มเจ้าสี่ขาผู้น่ารัก ที่เดินมาหมายจะนอนบนที่ประจำ แต่ก็พบกับแขกแปลกหน้าที่เริ่มส่งเสียงกรนเบาๆ เขาจึงมองหน้าเจ้าเหมียวก่อนที่จะพาเข้าห้องนอนแล้ววางลงบนเตียงแคบๆ
“ฮีบอมอา... สงสัยคืนนี้เราต้องนอนกับป๊ะป๋าแล้วล่ะ ยกที่นอนหนูให้คนอื่นซักคืนนะ”
เจ้าเหมียวเสมองก่อนที่จะนอนบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน เหมือนจะบอกว่า ยังไงก็ได้ แต่ฉันจะนอนแล้ว ช่วยรีบๆนอนซักที
ฮีชอลจึงจบวัน(ที่ควรจะ)ธรรมดา โดยมีแขกไม่ได้รับเชิญสิงสถิตอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชีวิต
*-*-*-*-*-*-*-*-* poetry *-*-*-*-*-*-*-*-*
แด่ปุ้ยบอม และการแก้บนครั้งใหญ่ของเราเอง -- --
ความคิดเห็น