ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
พลั่ก
ด้วยการเดินไม่มองทาง ฉันจึงเดินชนนักเรียนชายซึ่งน่าจะอยู่ชั้น ม.5 น้ำในแก้วทั้งสี่จึงกระฉอดใส่เสื้อสีขาวของนักเรียนคนนั้น มันมีน้ำอะไรบ้างเนี่ย (น้ำส้ม น้ำเขียว น้ำแดง น้ำแป๊ปซี่ของฉันเองแหละ)
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ”
“นี่เธอเดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นมั๊ยฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย!!” หมอนั่นโวยวายใส่ฉันเป็นการใหญ่ จนนักเรียนที่อยู่ในโรงอาหารหันมามองเราเป็นตาเดียว นายเป็นผู้ชายภาษาอะไรฮะ กล้าว่าผู้หญิง(สวย)อย่างฉันเรอะ!! หน้าตาก็ดีแต่ไม่น่ามีนิสัยหมาอย่างนี้เลย ว่าแต่ผมสีชาแบบนั้นมันคุ้นๆนะ
‘นายนั่นแหละเดินไม่ดูทางเอง เห็นมั๊ยน้ำฉันหกหมดแล้ว นายจ่ายค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ’
แล้วนั่นเป็นประโยคที่ฉันอยากจะพูด แต่ถ้าฉันพูดไปฉันก็คงไม่เหลือสิคะคุณขา ฉันแอบเห็นนะว่านายมีพวกอยู่ด้านหลังอีกตั้งหลายคน สงสัยคงเป็นเพื่อนๆ นายนั่นแหละ
“ขอโทษนะค่ะ”
“ขอโทษแล้วมันหายรึไง”
‘นายจะเอาอะไรกับฉันหา บ้านนายไม่มีปัญญาจ่ายค่าซักรีดรึไงเล่า’
และนั่นก็เป็นประโยคที่ฉันคิดในใจอีกเช่นเคย
“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าฟังนายหนอนใบชาบ่นใส่ ตัวฉันสั่นระริกระริกเพราะความโกรธ ฉันชักทนไม่ไหวกับนายแล้วนะ! ฉันกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“นี่เธอกลัวฉันจนร้องไห้เลยหรอ!”นายนั่นคงเห็นไหล่ฉันสั่นระริกระริกอยู่แน่ๆเลยถึงได้คิดว่าฉันร้องไห้สินะ
“...”
“มองฉันสิยัยหน่อมแน้ม!”พอนายหนอนใบชาพูดจบก็หันไปหัวเราะกับพวกเพื่อนๆด้านหลังเขา โอ๊ย!เก็บกดโว้ย!!ไม่ไหวแล้ว
“ไอ้บ้าเอ้ย!! นายกล้าพูดกับเพศแม่แกอย่างนี้เนี่ยหรอ!”ฉันสบถออกมาดังๆ จนนายนั่นอึ้ง คงครั้งแรกสินะ นายคงถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาสินะ เหมือนความโกรธฉันจะพลั่งพลูออกมาเป็นชุดๆกับคำว่าหน่อมแน้มมากเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเคยว่าฉันว่า ‘ยัยหน่อมแน้ม’เลย
“..!”นายหนอนใบชาคงช็อคไม่พูดอะไรออกมา ฉันจึงปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมา
“ฉันว่านายนั่นแหละที่หน่อมแน้ม แค่ทำน้ำหกใส่นิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องว่ากันอย่างนี้เลย!
บ้านนายไม่มีปัญญาจ่ายค่าซักรีดรึไง!”
นายหนอนใบชานิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง หันไปพูดกับลูกน้องสักกพักแล้วหัวเรอะออกมาเบาๆ (ท่าจะบ้าแฮะ-.,-)
“หึหึ งั้นเราต้องมีข้อตกลงกันเล็กๆน้อยๆสักแล้ว” อะไรกัน แค่ทำน้ำหกใส่เท่านี้ต้องถึงกับมีข้อแรกเปลี่ยนกันเลยเรอะ นายจะเรียกค่าเสียหายรึไงย่ะ หรือนายจะจับฉันเข้าคุกฉันยังไม่ได้ไปค่าใครตายสักหน่อย แต่ถ้านายจะขอคบก็ได้นะจ๊ะ เฮ้ย! ศัตรูท่องไว้ มันคือศัตรูของฉัน
“ข้อแรกเปลี่ยนอะไร”
“เอาไว้เดี๋ยวฉันค่อยบอกเธอก็แล้วกัน หลังเลิกเรียนมาเจอกันที่หลังโรงยิม ถ้าเธอไม่มาเธอตายแน่!!” นายหนอนใบชาออกไปจากโรงอาหารกับพวกลูกน้อง ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างงั้น ‘ข้อแรกเปลี่ยน? ทำไมต้องเจอที่หลังโรงยืม?’
เมื่อโรงเรียนเลิกฉัน มะนาว องุ่นและน้อยหน่าพากันมาที่หลังโรงยิมตามที่พวกนั้นนัด เราสี่คนเดินหาพวกนั้นจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของนายหนอนใบชานั่น
“ไอ้แป้นฉันว่าแกโดนพวกมันหลอกแล้วแหละ”
“เออ...ใช่ ฉันเห็นด้วยกับมะนาวนะ” องุ่นออกความเห็น
“เฮ้ย! ฉันก็กลัวตายเหมือนกันนะเว้ย เอาเหอะเดี๋ยวรออีกสักพักถ้าพวกนั้นไม่มาเราก็กับกันเถอะ” ฉันออกความเห็นบ้าง เพราะอยากรู้ว่าข้อแรกเปลี่ยนที่ว่านั่นมันคืออะไร?
“งั้น ระหว่างรอพวกมัน เรามาหาอะไรทำแก้เซ็งดีกว่า”น้อยหน่าออกความเห็นบ้าง
พวกเรามานั่งที่ม้านั่งหลังโรงยิมและเล่าเรื่องสัพเพเหระกัน ตะวันใกล้รับขอบฟ้า ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม ฟุบ!ฟุบ! พวกเราได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากข้างๆโกดังร้างหลังโรงยิม ด้วยความอยากรู้เราจึงตามเสียงนั้นไป เห็นชายสองคนกำลังยืนคุยกัน อยู่ข้างๆโกดังเก็บของ
“มองเห็นไม่ถนัดเลยแฮะ”
“มองไม่เห็นหน้าเลยอ่ะ”
“ฉันว่าเราลองเข้าไปใกล้กว่านี้ดีกว่า ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็อาจได้ยินเสียงนะ”
“อืม” เราสามคนตอบตกลงกับคำชวนของมะนาว แล้วเดินไปที่ต้มไม้แต่ละต้นรอบๆสองคนนั้น
“ผมเจอคนที่จะมาเป็นหัวหน้ารองของแก๊งเราแล้วนะครับ”เสียงชายหัวสีชาดังออกมา(ถ้าเรียกนายหัวชาแล้วมันฟังทะแม่งๆยังไงชอบกลนะ)
“อืม...ดี เราจะได้มีผู้หญิงอยู่ในแก๊งเราบ้าง”ชายหัวแดงดังออกมา
“ผมนัดเจอเธอที่หลังโรงยิมแล้วนะครับ”ชายหัวสีชาบอกกับชายหัวแดง
“หญิงคนนั้นมีนิสัยตรงตามที่เราต้องการรึปล่าวล่ะ”ชายหัวแดง
“ ตรงหมดทุกอย่างครับ”ชายหัวสีชาตอบ
“แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”ชายหัวแดงถามอีก
“เอ่อ..เธอสไลด์ผม ผมของเธอยาวประมาณเอวเธอได้ ดูน่ารักดีครับ ผิวสีขาวริมฝีปากบางๆน่าสัมผัส หุ่นคล้ายๆคล้ายๆนางแบบ และก็สวมแว่นด้วยครับ”ชายหัวสีชาตอบ
-_-*ชิ้งๆ = สีหน้าของมะนาวที่หันมะทางฉัน
*_* = สีหน้าองุ่นที่หันมาทางฉัน
0o0 = สีหน้าของน้อยหน่าที่หันมาทางฉัน
ฟิ้ว~
เสียงลมพัดใบไม้ใบหนึ่งปลิวมาทางฉัน พวกแกจะเงียบกันทำไมฟะ คนยิ่งเสียวๆอยู่ แล้วอย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ดิ กลัวนะเฟ้ย
อะไรกันเนี้ยชีวิตฉันจะต้องมาพัวพันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอ ฉันยังไม่ได้ไปรูจักกับไอ้สองตัวนั่นนะ ฮือ~
“ส้มแป้น พวกเรามีเรื่องจะคุยกับเธอ” มะนาวปริปากพูดหลังจากเราเงียบมาเป็นชาติ ฉันจึงเดินตามมะนาวไปตามด้วยองุ่นและน้อยหน่าเดินขนาบข้าง ดูๆไปฉันเหมือนนักโทษยังไงไม่รู้อ่ะ พวกเรามาหยุดยืนอยู่หลังต้นมะขาม ซึ่งไกลจากบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ที่จะพบพอสมควร
“มีอะไรหรอ...”
“เธอไปรู้จักรกับไอ้พวกอันธพาลนั่นได้ยังไง”มะนาวถามฉันด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด แกจะโกรธฉันทำไมเนี่ย งง
“ฉันไม่รู้”ฉันตอบมะนาวไป แต่ถ้าจะให้ตอบตามความจริงเราก็จะต้องโดนพวกนั้นหัวเราะกันแน่นอน เพราะมันเป็นการพบเจอที่ฟังยังไงก็ไม่ขึ้นอยู่ดี
“แล้วพวกนั้นมันรู้จักเธอได้ยังไง”
“...เอ่อ...”
“มันก็อาจจะไปสืบมาก็ได้ พวกนั้นอาจเห็นว่าไอ้แป้นมันสวยก็เลยอาจจะอยากติดต่อ...มั้ง”องุ่นตอบแทนฉันเพราะเห็นฉันนิ่งเงียบอยู่นาน ถึงว่ามันจะเป็นคำแก้ตัวที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นซักที แต่ก็ขอบคุณแกมากนะองุ่น ซาบซึ้งๆ
“ฉันไม่ได้ถามแกองุ่น ฉันถามส้มแป้นเหตุผลแกมันฟังไม่ขึ้น!” มะนาวหันมาเถียงกับองุ่น
“มะนาวแกจะโกรธอะไรไอ้แป้นมักนักหนานี่ ที่พวกมันพูดอาจจะไม่ได้หมายถึงไอ้แป้นก็ได้”น้อยหน่าผู้ซึ่งเงียบอยู่นานเป็นทศวรรษพูดขึ้นบ้าง
สามคนนั้นเถียงกันอยู่นานสองนานเรื่องสิทธิส่วนบุคคลกับการคบเพื่อน องุ่นทำภาษาใบ้ให้ฉัน ซึ้งฉันฟังเข้าใจว่า ‘ออกไปสิ’ ฉันจึงรีบชิ่งออกจากโรงเรียนไป
ด้วยการเดินไม่มองทาง ฉันจึงเดินชนนักเรียนชายซึ่งน่าจะอยู่ชั้น ม.5 น้ำในแก้วทั้งสี่จึงกระฉอดใส่เสื้อสีขาวของนักเรียนคนนั้น มันมีน้ำอะไรบ้างเนี่ย (น้ำส้ม น้ำเขียว น้ำแดง น้ำแป๊ปซี่ของฉันเองแหละ)
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ”
“นี่เธอเดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นมั๊ยฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย!!” หมอนั่นโวยวายใส่ฉันเป็นการใหญ่ จนนักเรียนที่อยู่ในโรงอาหารหันมามองเราเป็นตาเดียว นายเป็นผู้ชายภาษาอะไรฮะ กล้าว่าผู้หญิง(สวย)อย่างฉันเรอะ!! หน้าตาก็ดีแต่ไม่น่ามีนิสัยหมาอย่างนี้เลย ว่าแต่ผมสีชาแบบนั้นมันคุ้นๆนะ
‘นายนั่นแหละเดินไม่ดูทางเอง เห็นมั๊ยน้ำฉันหกหมดแล้ว นายจ่ายค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ’
แล้วนั่นเป็นประโยคที่ฉันอยากจะพูด แต่ถ้าฉันพูดไปฉันก็คงไม่เหลือสิคะคุณขา ฉันแอบเห็นนะว่านายมีพวกอยู่ด้านหลังอีกตั้งหลายคน สงสัยคงเป็นเพื่อนๆ นายนั่นแหละ
“ขอโทษนะค่ะ”
“ขอโทษแล้วมันหายรึไง”
‘นายจะเอาอะไรกับฉันหา บ้านนายไม่มีปัญญาจ่ายค่าซักรีดรึไงเล่า’
และนั่นก็เป็นประโยคที่ฉันคิดในใจอีกเช่นเคย
“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าฟังนายหนอนใบชาบ่นใส่ ตัวฉันสั่นระริกระริกเพราะความโกรธ ฉันชักทนไม่ไหวกับนายแล้วนะ! ฉันกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“นี่เธอกลัวฉันจนร้องไห้เลยหรอ!”นายนั่นคงเห็นไหล่ฉันสั่นระริกระริกอยู่แน่ๆเลยถึงได้คิดว่าฉันร้องไห้สินะ
“...”
“มองฉันสิยัยหน่อมแน้ม!”พอนายหนอนใบชาพูดจบก็หันไปหัวเราะกับพวกเพื่อนๆด้านหลังเขา โอ๊ย!เก็บกดโว้ย!!ไม่ไหวแล้ว
“ไอ้บ้าเอ้ย!! นายกล้าพูดกับเพศแม่แกอย่างนี้เนี่ยหรอ!”ฉันสบถออกมาดังๆ จนนายนั่นอึ้ง คงครั้งแรกสินะ นายคงถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาสินะ เหมือนความโกรธฉันจะพลั่งพลูออกมาเป็นชุดๆกับคำว่าหน่อมแน้มมากเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเคยว่าฉันว่า ‘ยัยหน่อมแน้ม’เลย
“..!”นายหนอนใบชาคงช็อคไม่พูดอะไรออกมา ฉันจึงปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมา
“ฉันว่านายนั่นแหละที่หน่อมแน้ม แค่ทำน้ำหกใส่นิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องว่ากันอย่างนี้เลย!
บ้านนายไม่มีปัญญาจ่ายค่าซักรีดรึไง!”
นายหนอนใบชานิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง หันไปพูดกับลูกน้องสักกพักแล้วหัวเรอะออกมาเบาๆ (ท่าจะบ้าแฮะ-.,-)
“หึหึ งั้นเราต้องมีข้อตกลงกันเล็กๆน้อยๆสักแล้ว” อะไรกัน แค่ทำน้ำหกใส่เท่านี้ต้องถึงกับมีข้อแรกเปลี่ยนกันเลยเรอะ นายจะเรียกค่าเสียหายรึไงย่ะ หรือนายจะจับฉันเข้าคุกฉันยังไม่ได้ไปค่าใครตายสักหน่อย แต่ถ้านายจะขอคบก็ได้นะจ๊ะ เฮ้ย! ศัตรูท่องไว้ มันคือศัตรูของฉัน
“ข้อแรกเปลี่ยนอะไร”
“เอาไว้เดี๋ยวฉันค่อยบอกเธอก็แล้วกัน หลังเลิกเรียนมาเจอกันที่หลังโรงยิม ถ้าเธอไม่มาเธอตายแน่!!” นายหนอนใบชาออกไปจากโรงอาหารกับพวกลูกน้อง ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างงั้น ‘ข้อแรกเปลี่ยน? ทำไมต้องเจอที่หลังโรงยืม?’
เมื่อโรงเรียนเลิกฉัน มะนาว องุ่นและน้อยหน่าพากันมาที่หลังโรงยิมตามที่พวกนั้นนัด เราสี่คนเดินหาพวกนั้นจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของนายหนอนใบชานั่น
“ไอ้แป้นฉันว่าแกโดนพวกมันหลอกแล้วแหละ”
“เออ...ใช่ ฉันเห็นด้วยกับมะนาวนะ” องุ่นออกความเห็น
“เฮ้ย! ฉันก็กลัวตายเหมือนกันนะเว้ย เอาเหอะเดี๋ยวรออีกสักพักถ้าพวกนั้นไม่มาเราก็กับกันเถอะ” ฉันออกความเห็นบ้าง เพราะอยากรู้ว่าข้อแรกเปลี่ยนที่ว่านั่นมันคืออะไร?
“งั้น ระหว่างรอพวกมัน เรามาหาอะไรทำแก้เซ็งดีกว่า”น้อยหน่าออกความเห็นบ้าง
พวกเรามานั่งที่ม้านั่งหลังโรงยิมและเล่าเรื่องสัพเพเหระกัน ตะวันใกล้รับขอบฟ้า ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม ฟุบ!ฟุบ! พวกเราได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากข้างๆโกดังร้างหลังโรงยิม ด้วยความอยากรู้เราจึงตามเสียงนั้นไป เห็นชายสองคนกำลังยืนคุยกัน อยู่ข้างๆโกดังเก็บของ
“มองเห็นไม่ถนัดเลยแฮะ”
“มองไม่เห็นหน้าเลยอ่ะ”
“ฉันว่าเราลองเข้าไปใกล้กว่านี้ดีกว่า ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็อาจได้ยินเสียงนะ”
“อืม” เราสามคนตอบตกลงกับคำชวนของมะนาว แล้วเดินไปที่ต้มไม้แต่ละต้นรอบๆสองคนนั้น
“ผมเจอคนที่จะมาเป็นหัวหน้ารองของแก๊งเราแล้วนะครับ”เสียงชายหัวสีชาดังออกมา(ถ้าเรียกนายหัวชาแล้วมันฟังทะแม่งๆยังไงชอบกลนะ)
“อืม...ดี เราจะได้มีผู้หญิงอยู่ในแก๊งเราบ้าง”ชายหัวแดงดังออกมา
“ผมนัดเจอเธอที่หลังโรงยิมแล้วนะครับ”ชายหัวสีชาบอกกับชายหัวแดง
“หญิงคนนั้นมีนิสัยตรงตามที่เราต้องการรึปล่าวล่ะ”ชายหัวแดง
“ ตรงหมดทุกอย่างครับ”ชายหัวสีชาตอบ
“แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”ชายหัวแดงถามอีก
“เอ่อ..เธอสไลด์ผม ผมของเธอยาวประมาณเอวเธอได้ ดูน่ารักดีครับ ผิวสีขาวริมฝีปากบางๆน่าสัมผัส หุ่นคล้ายๆคล้ายๆนางแบบ และก็สวมแว่นด้วยครับ”ชายหัวสีชาตอบ
-_-*ชิ้งๆ = สีหน้าของมะนาวที่หันมะทางฉัน
*_* = สีหน้าองุ่นที่หันมาทางฉัน
0o0 = สีหน้าของน้อยหน่าที่หันมาทางฉัน
ฟิ้ว~
เสียงลมพัดใบไม้ใบหนึ่งปลิวมาทางฉัน พวกแกจะเงียบกันทำไมฟะ คนยิ่งเสียวๆอยู่ แล้วอย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ดิ กลัวนะเฟ้ย
อะไรกันเนี้ยชีวิตฉันจะต้องมาพัวพันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอ ฉันยังไม่ได้ไปรูจักกับไอ้สองตัวนั่นนะ ฮือ~
“ส้มแป้น พวกเรามีเรื่องจะคุยกับเธอ” มะนาวปริปากพูดหลังจากเราเงียบมาเป็นชาติ ฉันจึงเดินตามมะนาวไปตามด้วยองุ่นและน้อยหน่าเดินขนาบข้าง ดูๆไปฉันเหมือนนักโทษยังไงไม่รู้อ่ะ พวกเรามาหยุดยืนอยู่หลังต้นมะขาม ซึ่งไกลจากบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ที่จะพบพอสมควร
“มีอะไรหรอ...”
“เธอไปรู้จักรกับไอ้พวกอันธพาลนั่นได้ยังไง”มะนาวถามฉันด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด แกจะโกรธฉันทำไมเนี่ย งง
“ฉันไม่รู้”ฉันตอบมะนาวไป แต่ถ้าจะให้ตอบตามความจริงเราก็จะต้องโดนพวกนั้นหัวเราะกันแน่นอน เพราะมันเป็นการพบเจอที่ฟังยังไงก็ไม่ขึ้นอยู่ดี
“แล้วพวกนั้นมันรู้จักเธอได้ยังไง”
“...เอ่อ...”
“มันก็อาจจะไปสืบมาก็ได้ พวกนั้นอาจเห็นว่าไอ้แป้นมันสวยก็เลยอาจจะอยากติดต่อ...มั้ง”องุ่นตอบแทนฉันเพราะเห็นฉันนิ่งเงียบอยู่นาน ถึงว่ามันจะเป็นคำแก้ตัวที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นซักที แต่ก็ขอบคุณแกมากนะองุ่น ซาบซึ้งๆ
“ฉันไม่ได้ถามแกองุ่น ฉันถามส้มแป้นเหตุผลแกมันฟังไม่ขึ้น!” มะนาวหันมาเถียงกับองุ่น
“มะนาวแกจะโกรธอะไรไอ้แป้นมักนักหนานี่ ที่พวกมันพูดอาจจะไม่ได้หมายถึงไอ้แป้นก็ได้”น้อยหน่าผู้ซึ่งเงียบอยู่นานเป็นทศวรรษพูดขึ้นบ้าง
สามคนนั้นเถียงกันอยู่นานสองนานเรื่องสิทธิส่วนบุคคลกับการคบเพื่อน องุ่นทำภาษาใบ้ให้ฉัน ซึ้งฉันฟังเข้าใจว่า ‘ออกไปสิ’ ฉันจึงรีบชิ่งออกจากโรงเรียนไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น