ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FF ลับอย่าเข้ามานะครับ

    ลำดับตอนที่ #1 : FFตอนที่1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 55


    นิยาย นี้เป็นนิยายออนไลน์ที่ทางแสควร์อินิกซ์ปล่อยออกมาในเวปไซต์หลักก่อนเกมจะ ออกเพื่อปูเนื้อเรื่องว่า13วันก่อนเริ่มเกมเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง

    ใครอยากลองอ่านของดั้งเดิมให้เข้าไปที่ไซต์หลัก http://www.square-enix.co.jp/fabula/ff13/ แล้วเข้าโหมดสเปเชี่ยลค่ะ
    นิยายชุดนี้ถูกเขียนโดย Jun EISHIMA (映島 巡) ซึ่งเป็นนักเขียนผู้มีประสบการณ์การเขียนนวนิยายให้กับ Square Enix มาแล้วหลายเรื่อง
    เนื่องจากนิยายดังกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนแต่ก็มีคนใจดีแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้อ่านกัน ในเวปนี้ http://mushinoko.livejournal.com/ หรือ http://dilly-shilly.blogspot.com/ 

     

    แปลตอนที่1.... ตอนแรกกะแปลแบบสรุป ไปๆมาๆแปลมันเกือบทุกคำเลย

    พิมพ์ผิดแปลผิดบ้างก็ช่วยไม่สนใจด้วยค่ะ ห้าห้าห้า

    เครดิต http://mushinoko.livejournal.com/
    ถ้าใครพอจะพิมพ์อังกฤษได้ ขอบคุณเค้าหน่อยก็ดีนะคะ อุตส่าห์ใจดีแปลมาให้อ่านกัน ^^

    รวมlinkทุกตอน
    http://taepoppuri.exteen.com/20091020/all-chapters-ffxiii-epizode-zero-promise


    ***********************************************************
    FF XIII : Eps Zero

    นิยายออนไลน์ของภาค13นี้เขียนโดยแบ่งแต่ละบทเป็นมุมมองของตัวละครแต่ละตัว(เหมือนในเกมหรือเหมือนกับภาค10ที่ทีดัสเล่าเรื่อง)

     

    บทที่1 ชื่อตอนคือ Encounter (การเผชิญหน้า)

    ตอนที่1(มุมมองของไลท์นิ่ง)

    เปิดฉากมาที่เมืองโบดัม
    โบดัมเป็นเมืองท่าที่มีอากาศอบอุ่น ทะเลที่สวยงามและบรรยากาศสบายๆ เพราะเหตุนี้เอง ทำให้นอกจากคนแล้วแม้แต่มอนสเตอร์ก็รู้สึกว่าเป็นสถานที่ที่น่าอยู่
    พวกทหารก็เลยต้องออกไปจัดการมอนสเตอร์พวกนี้เพื่อไม่ให้มันไปทำร้ายประชาชน ตอนนี้ไลท์นิ่งก็กำลังปฏิบัติภารกิจเช่นกัน
    เธอถูกล้อมไปด้วยBloodbath มอนสเตอร์น้ำประเภทหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวหรือประหม่าเลย มันช่วยประหยัดเวลาเธอซะอีกจะได้ไม่ต้องไปตามหาพวกมันทีละตัว

    ในขณะที่เธอกำลังสู้กับพวกมันอยู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้น “เราจะช่วยนะ” เป็นเสียงผู้หญิงที่มาพร้อมกับเสียงไอพ่นของแอร์ไบค์
    ….. ไม่ได้ช่วยหรอก มาขัดจังหวะมากกว่า น่ารำคาญ ไลท์นิ่งนึกในใจ
    เสียงแอร์ไบค์ไม่ใช่ทั้งแบบที่ใช้ในการทัพที่ต้องการความเงียบหรือแบบ ทั่วไปตามท้องตลาดที่คำนึงถึงความปลอดภัย แต่เป็นเสียงแบบรถที่ถูกโมเสียงเครื่องยนต์
    คนที่มาขัดจังหวะเธอคือชายหนุ่มผมสีน้ำเงินและผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่มีผมสีดำ
    ชุดของชายคนนั้นประดับประดาไปด้วยเพชรและขนนกมากมาย ชนิดที่ว่าเห็นเป็นแสงวูบวาบมาแต่ไกล แล้วแอร์ไบค์ก็ร่อนลงมาอย่างรวดเร็ว
    ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มต้นยิงใส่ Bloodbath ที่เหลืออยู่ ก็ถือว่ายิงแม่นใช้ได้....แน่นอน หลังจากเสียกระสุนฟรีๆไปครึ่งนึงน่ะนะ ไลท์นิ่งคิด

    “ไงล่ะคุณทหาร ตะกี้กำลังตกที่นั่งลำบากใช่มั้ยล่ะ”ผู้หญิงผมดำพูดและยิ้มให้…ไลท์นิ่งมอง เห็นรอยสักรูปผีเสื้อที่ไหล่ด้านหลังของผู้หญิงคนนี้
    ....กลับกันกับผู้ชายผมน้ำเงินที่เสื้อผ้านั้นรุงรังมากเกินไป ผู้หญิงคนนี้ก็มีผ้าน้อยชิ้นมากเกินไป
    ...เธอไม่ได้ใส่ชุดแบบที่คนใช้ปืนเค้าจะใส่กัน เครื่องประดับนั่นก็เกะกะสำหรับการยิงปืน และด้วยปืนใหญ่ขนาดนั้น ซึ่งร้อนง่ายก็คงจะเผาผิวส่วนที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดไว้
    ... มือสมัครเล่น... ไลท์นิ่งคิดแล้วจึงถาม

    “พวกคุณเป็นใคร”
    “พวกเราคือกลุ่มโนระไงล่ะ”

    แม้ไลท์นิ่งจะใช้น้ำเสียงเย็นชาแต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อย เธอทำท่าตกใจพร้อมกับพูดว่า

    “คุณเป็นทหารของโบดัมใช่มั้ยล่ะ งั้นก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องของพวกเรามาบ้างสิ”เรโบรพูดอย่างมั่นใจ
    “โทษที ไม่เคยเลย”ไลท์นิ่งพูดห้วนๆแล้วเดินจากไปแต่ก็ยังได้ยินเสียงจากข้างหลัง.. “แหม แปลกจัง..ชั้นว่าพวกเราน่ะดังพอดูเลยนะ…”
    ไลท์นิ่งก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องได้ยินคำพูดที่เหลือ.....น่า รำคาญชะมัด มาขัดจังหวะการปฏิบัติภารกิจ แล้วยังคิดเองเออเองไปว่าช่วยเธอไว้อีก
    เธอหมั่นไส้ที่พวกนั้นดูภูมิใจในตัวเองซะเต็มประดาก็เลยโกหกไป ใช่ เธอโกหกไปว่าไม่รู้จักกลุ่มโนระ และมันก็ทำให้เธอก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ
    เธอรู้จักกลุ่มโนระที่มีฐานที่ตั้งอยู่ที่คาเฟ่ชายหาด ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กมัธยมปลายน่าจะชอบเลยซักนิด
    ...แต่เอาเถอะ อย่าไปคิดถึงเรื่องไร้สาระ การรายงานผลของภารกิจสำคัญกว่าตอนนี้...

    ไลท์นิ่งเดินไปที่จุดประชุมซึ่งไม่ห่างไปจากจุดที่มีมอนสเตอร์ออกมา อาละวาดมากนัก ...มอนสเตอร์จะเกลียดมนุษย์เพราะฉะนั้นก็จะไม่ค่อยเห็นมันในตัวเมือง
    แต่ที่ชานเมืองมันก็เป็นอีกเรื่องนึง ปกติพวกตัวกระจอกๆแค่เป็นกลุ่มมือสมัครเล่นก็สามารถจัดการได้ไม่ต้องพึ่งทหาร
    ปกติแล้วมอนสเตอร์มักจะอยู่กันเป็นกลุ่มหรือถ้าอยู่ตัวเดียวเดี่ยวๆก็ หมายความว่าตัวนั้นมันทั้งเบิ้มแล้วก็แกร่ง หรือพูดง่ายๆคือแบบที่เห็นแล้วต้องแจ้นไปโทรเรียกทหารมาน่ะ
    ซึ่งงานดังกล่าวก็จะส่งมาให้กองกำลังรักษาความปลอดภัย หน่วยไลท์นิ่งก็มักจะได้เป็นผู้รับผิดชอบเสมอ

    ทหารหลายคนวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีที่เธอปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ ไลท์นิ่งมองหาผู้บังคับบัญชาของเธอ ไม่หรอก ความจริงก็ไม่ต้องตั้งใจหามากนัก
    เพราะเสียงของหัวหน้าอาโมดะน่ะไม่ต้องตั้งใจฟังก็ได้ยิน เธอเดินไปยังทิศที่มีเสียงหัวเราะเสียงดังนั่น แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้ว
    หัวหน้ากำลังคุยอยู่กับกลุ่มคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ข้างๆพวกนั้นมีแอร์ไบค์ดัดแปลงที่คล้ายกันมากกับของผู้หญิงที่เธอเจอเมื่อกี้
    หนึ่งในนั้นมีผู้ชายคนนึงกำลังพูดอยู่กับหัวหน้าของเธอแบบสนิทชิดเชื้อ ไม่รู้เพราะอะไร แต่มองจากข้างหลังเธอก็รู้ได้ว่านี่แหล่ะหัวหน้าของคนกลุ่มนี้
    เมื่อตาสบกัน ไลท์นิ่งก็จ้องกลับ... เธอยอมรับว่าเธอไม่มีมารยาท แต่ผู้ชายคนนั้นทำหน้าตาคล้ายกับคิดสงสัยอะไรอยู่ใส่เธอ แล้วหัวหน้าอาโมดะก็หันหลังกลับมา

    “อ้าว แม่ทัพ ยินดีต้อนรับการกลับมา”
    อีกแล้ว...เล่นมุกนี้อีกแล้ว ไลท์นิ่งคิดพร้อมกับยักไหล่ ชอบเล่นซะจริงๆมุกนี้

    “แม่ทัพเหรอ? เรื่องตลกอะไรของคุณ หัวหน้า” เน้นเสียงที่คำว่า หัวหน้า ตอนเธอเข้ามาใหม่ๆ เธออดทนได้ดีกับมุกฝืดๆแบบนี้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาเอาคืนบ้าง...

    “แหม ก็เธอเป็นหัวหน้านำการจู่โจมของเรานี่นา ใช่มั้ยล่ะ” ถ้ายังจะเล่นต่ออีกล่ะก็เลิกพูดดีกว่า ไลท์นิ่งถอนใจแล้วก็ทำเมินหัวหน้าตัวเองไปซะ

    “แล้ว..นี่ใครกันล่ะ”เธอมองไปที่ผู้ชายคนนั้น จะมองไกลหรือมองใกล้ๆเขาก็ดูเหมือนเดิม....ดูเหมือนข่าวร้ายน่ะ

    “กลุ่มโนระครับ,จ่า” ทหารเด็กคนนึงบอก “ไม่เคยได้ยินเหรอครับ” …อีกแล้ว โนระอีกแล้ว เพิ่งจะลืมไปจากหัวได้เมื่อกี้มันก็กลับมาอีกแล้ว...

    “กลุ่มคนหนุ่มสาวจากในเมืองที่มารวมตัวกันไงล่ะ”หัวหน้าอาโมะดะเสริม “ส่วนนี่ สโนว์ เขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้เอง”…บอกไม่ถูกเลยว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่เดา ถูก

    “ไง”สโนว์โบกมือทักทาย หมอนี่จะมีมารยาทสักนิดได้มั้ยนะ ไลท์นิ่งคิดในใจ

    “นี่เป็นหัวหน้าหน่วยโจมตีของเราเอง เธอยังอายุน้อยอยู่ก็จริง แต่มีฝีมือดีมากนะ”เพื่อเป็นการยืนยัน อาโมดะเอื้อมมือมาจับดาบของไลท์นิ่งด้วยปลายนิ้ว “ดาบที่เธอเพิ่งได้มาเร็วๆนี้ บลาซเอดจ์ (Blaze Edge) พวกนายอาจไม่รู้ แต่นี่เป็นดาบที่ถ้าทหารคนใดเห็นก็จะรู้ว่า..”

    “หัวหน้า...พอเถอะ”ไลท์นิ่งพยายามห้ามแต่อาโมดะไม่สนใจ

    “มันเป็นดาบชั้นเยี่ยมที่มีให้สำหรับทหารที่ดีที่สุดเท่านั้น ชั้นหมายความว่าคนที่จะถือดาบนี้ได้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถที่น่าทึ่ง จริงๆน่ะ” ชมเว่อร์เกินไปแล้ว ไลท์นิ่งคิด เธออยากให้หัวหน้าหยุดพูดซะทีแต่ก็นึกหาคำพูดดีๆไม่ได้เลย

    “แล้วบลาซเอดจ์ของเธอยังพิเศษกว่าของคนอื่นด้วยนะ มันมีข้อความจารึกเอาไว้ด้วย ไหนมันเขียนว่าอะไรนะ ‘White flash..... take on my name.’ ใช่มะ” ….ไม่ใช่ ไลท์นิ่งนึกในใจ ‘Call upon my name’ตะหาก แต่เธอก็อายเกินกว่าจะจะพูดแก้

    “ขอร้องล่ะ ช่างมันเถอะ” ถึงหัวหน้าจะพูดกึ่งขำๆก็ตาม เธอก็ดีใจที่เค้าชมเธอแบบนั้น แต่มันต้องมีขอบเขตกันบ้าง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ไอ้คุณสโนว์อะไรนี่จ้องเป๋งมาที่เธอแล้วก็พูดว่า “โอ้โห จริงเหรอ”และ“ว้าว สุดยอด”….รับไม่ได้จริงๆ

    “เอาล่ะ เอาล่ะ ช่างเถอะ ครั้งนี้มีมอนสเตอร์มาน้อยเกินไป จ่าของเราก็เลยกลับมาเร็ว แถมยังไม่พอมือเลยพวกนายล่ะสิ เอาเถอะยังไงก็ตามจะตามเก็บกวาดมอนสเตอร์พวกนี้ก็ไม่ว่ากันแต่อย่าทำเรื่อง ยุ่งแล้วกันล่ะ”
    หัวหน้าอาโมดะพูดแล้วผู้ชายคนนั้นก็รับปาก

    ....อย่าให้ขำดีกว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวเหรอ ก็แค่พวกมือสมัครเล่นที่ได้ปืนมาแล้วก็ทำตัวเป็นกลุ่มผู้พิทักษ์สันติมากกว่า
    เธอรู้สึกอยากจะบอกว่าเธอคิดยังไงกับพวกนี้ แต่คุณก็ควรจะวิจารณ์ใครซักคนเวลาที่ต้องการเห็นการปรับปรุงตัว ไม่งั้นพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ

    “ถ้าไฟแรงขนาดนั้นแล้วทำไมไม่เข้าร่วมกับกองทัพล่ะ”

    “ก็พวกกฏทั้งหลายกับยูนิฟอร์มมันไม่เข้ากับพวกเราอ่ะ”

    ….ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงพูดจาชวนให้ของขึ้นได้เก่งนักนะ...ไลท์นิ่งคิดแต่ หัวหน้าอาโมดะกลับหัวเราะเสียงดัง“ระวังคำพูดหน่อย ฮ่าฮ่า”พร้อมกับตบหลังสโนว์เหมือนเป็นเพื่อนเล่นกัน

    “มอนสเตอร์ก็หมดแล้วงั้นพวกเราไปล่ะ”สโนว์พูดพร้อมกับขึ้นขี่แอร์ไบค์

    “ระวังพวกPSICOMล่ะ พวกนั้นไม่ใจดีเหมือนพวกเราหรอกนะ”ทหารเด็กคนนึงตะโกนไล่หลังไป

    PSICOM...หน่วยพิเศษของกองทัพ แตกต่างกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่สนิทกับชาวบ้าน พวกนี้เข้มงวดมาก และถ้าเห็นกลุ่มโนระคงไม่เอาไว้แน่

    แต่สมาชิกกลุ่มโนระทั้งหมดกลับหัวเราะและบอกว่า “ไม่ต้องห่วง พวกเราเก่งกว่ากองทัพไหนๆอยู่แล้ว”

    พวกนี้นอกจากจะขาดสติแล้วยังขาดสามัญสำนึกอีกด้วย...ลืมๆเรื่องพวกไร้สาระนี่ไปดีกว่า..แต่แล้วไลท์นิ่งก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง

    “เดี๋ยว”ไลท์นิ่งวิ่งตามไปหยุดพวกนั้นไว้
    “นายบอกว่านายชื่อสโนว์ใช่มั้ย”

    “ใช่”สโนว์ขับวนเป็นวงกลม เขากำลังจะบินออกไป

    “นายคือคนที่มาคอยตามน้องสาวของชั้นรึเปล่า”

    “น้องสาวเหรอ?”

    “เซร่าห์ ฟาร์รอน”เธอยังไม่ทันพูดจบ สโนว์ก็ตะโกนออกมา “ห๊ะ” แล้วก็กระโดดลงจากแอร์ไบค์วิ่งมาหาเธอ

    “คุณเป็นพี่ของเซร่าห์จริงๆด้วย! ก็คิดอยู่ว่าหน้าคล้ายกันแต่คุณดูไม่เหมือนกันเลย!” สโนว์ดูมีความสุขสุดๆ ไลท์นิ่งรู้สึกงงมาก หมอนี่ทำท่าดีใจปัญญาอ่อนเหมือนเด็กเจอขนมเลย

    “เซร่าห์บอกว่ามีพี่สาวเป็นทหาร ตะกี้ตอนที่เจอกันก็สงสัยอยู่ คุณเป็นพี่เธอจริงๆด้วย” การที่หมอนี่พูดชื่อเซร่าห์อย่างสนิทสนมทำให้ไลท์นิ่งรู้สึกรำคาญ แล้วสโนว์ก็ยื่นมืออกมา

    “สโนว์ วิลเลียรส์ ยินดีที่ได้รู้จัก!” มือของเขาใหญ่มาก อาจจะเป็นเพราะใส่ถุงมืออยู่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจับมือเลย หมอนี่รู้จักมารยาทบ้างไหม จับมือกับคนอื่นทั้งๆที่ใส่ถุงมือเนี่ยนะ

    “อย่ามายุ่งกับน้องชั้น”

    “เอ๋ ทำไมล่ะ” ดูเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด

    “ชั้นพูดว่าอย่ามายุ่งกับน้องสาวชั้น” สโนว์หดมือกลับไป เขาเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ต้องการจับมือด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้

    “แล้วถ้าบอกว่าไม่ล่ะ” ชั้นไม่จำเป็นต้องตอบ...ไลท์นิ่งเดินจากไป
    ชั้นไม่จำเป็นต้องตอบเลย ชั้นพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปแล้ว จบแค่นั้น แต่แล้วก็มีอะไรอย่างนึงกลิ้งมากระทบเท้าเธอ

    มันคือลูกมะพร้าวลูกหนึ่ง

    มันเป็นลูกมะพร้าวที่หล่นมาจากต้นมะพร้าวของโบดัม ถ้าพูดถึงมะพร้าวแถวนี้ทุกคนก็จะนึกถึงมะพร้าวชนิดนี้กันทั้งนั้น
    มันโตเร็ว มีใบใหญ่เป็นร่มเงาทุกคนที่ผ่านไปมาก็ชอบทั้งนั้น
    แต่ลูกใหญ่ๆของของมันเอาไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะเอาไปต้ม อบหรือทำอะไรกับมัน มันก็ยังกินไม่ได้

    ก็เหมือนกันผู้ชายคนนี้

    “ถ้าไม่แล้วจะทำไมน่ะเหรอ”เธอพูดขณะเหยียบลงบนลูกมะพร้าว

    “อย่า”เธอประสานมือสองข้างเข้ามาแล้วหักนิ้วช้าๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้ว่าจะทำเมื่อต้องไล่ผู้ชายที่มาตามจีบน้องของเธอ แต่มันช่วยไม่ได้

    และลูกมะพร้าวก็ไถลออกจากเท้าของเธอกลิ้งไปทางสโนว์ เขาเดาะมันขึ้นไปบนอากาศแล้วรับไว้ด้วยมือ

    “โทษที ถึงคุณจะต่อยผมมันก็ไม่ได้ผลหรอก” ไม่รู้ว่านั่นหมายความว่าผู้หญิงต่อยผู้ชายมันไม่แรงพอหรือถึงต่อยไปเขาก็ ไม่ฟังอยู่ดี อาจจะหมายความแบบนั้นทั้ง2อย่าง

    “เพราะผมเป็นคนดื้อน่ะ” สโนว์พูดและยิ้ม ไลท์นิ่งหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
    ชั้นไม่ชอบคนคนนี้ เธอคิด เซร่าห์เห็นอะไรดีในตัวผู้ชายเห่ยๆคนนี้นะ ...ไม่หรอกเธอไม่ได้ชอบเขาหรอก ก็แค่สนใจเท่านั้น เธอไม่ได้ชอบเขาจริงๆ

    “คนรู้จักเหรอครับ”ทหารเด็กถามด้วยความสงสัย จากระยะห่างทำให้เขาไม่ได้ยินว่าทั้ง2คนพูดอะไรกัน

    “ไม่ ไม่รู้จัก” เธอไม่รู้จักเขา ไม่คิดจะรู้จัก ไม่คิดจะยุ่งกับคนคนนั้นอีกเลย ทั้งสำหรับเธอและก็เซร่าห์ของเธอด้วย

    “ชั้นกลับล่ะ” ไลท์นิ่งสะบัดผม แล้วเดินจากไป...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×