ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูล

    ลำดับตอนที่ #28 : The United Kingdom (สหราชอาณาจักร) ประเทศอังกฤษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 141
      0
      9 ส.ค. 55

    สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (อังกฤษ: United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) หรือชื่อโดยย่อว่า สหราชอาณาจักร (อังกฤษ: United Kingdom: UK) เป็นประเทศในทวีปยุโรป บางครั้งเรียกโดยทั่วไปว่า บริเตนใหญ่ (Great Britain) บริเตน (Britain) หรือแม้แต่ ประเทศอังกฤษ (England) ดินแดนส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักรจะอยู่บนเกาะบริเตนใหญ่และตอนเหนือของเกาะไอร์แลนด์ ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกและพื้นน้ำที่เชื่อมต่ออันได้แก่ช่องแคบอังกฤษ ทะเลเหนือ ทะเลเคลติก และทะเลไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักรเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ผ่านทางประเทศฝรั่งเศสทางตอนใต้ของช่องแคบอังกฤษ

    สหราชอาณาจักรประกอบเป็นสหภาพที่เกิดจากการรวมตัวของดินแดน 4 ส่วน คือ 3 ชาติบนเกาะบริเตนใหญ่ ซึ่งได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ กับไอร์แลนด์เหนือบนเกาะไอร์แลนด์เข้าด้วยกัน นอกจากดินแดนทั้ง 4 แล้ว สหราชอาณาจักรยังมีดินแดนโพ้นทะเลและ ดินแดนใต้การปกครองอื่น ๆ กระจายอยู่ทั่วโลก สหราชอาณาจักรจึงได้ชื่อว่า ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน สหราชอาณาจักรเป็นส่วนหนึ่งของเครือจักรภพแห่งชาติ ซึ่งมีพระประมุของค์เดียวร่วมกับอีก 15 ประเทศ

    สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของสหประชาชาติและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นอกจากนี้สหราชอาณาจักรยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม G8 และเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

    เกาะบริเตนใหญ่ หรือบริเตน เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ของเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะบริเตน (มักรวมเกาะเล็กรอบ ๆ แต่ไม่รวมเกาะไอร์แลนด์) ซึ่งในทางการเมืองเป็นสถานที่ตั้งของ อังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ (สหราชอาณาจักรที่ไม่รวมไอร์แลนด์เหนือ)

     

    ประวัติศาสตร์

    ดินแดนของสหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2440 (1897)

    ราชอาณาจักรสกอตแลนด์และราชอาณาจักรอังกฤษนั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นรัฐแยกกันตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 โดยแต่ละรัฐมีราชวงศ์และระบอบการปกครองของตัวเอง ส่วน ราชรัฐเวลส์ตกมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษจากบทกฎหมายรุดดลันในปีพ.ศ. 1827 และรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษในปีพ.ศ. 2078 จากพระราชบัญญัติสหภาพพ.ศ. 2250 ขณะที่ประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์นั้นรวมกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก จากการที่พระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์นั้น ได้ปกครองอังกฤษ เนื่องจากพระนางเอลิซาเบธที่หนึ่งไม่มีรัชทายาท ทั้งสองประเทศจึงอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์เดียวกันแต่ต่างฝ่าย ต่างมีรัฐบาลอิสระของตนเอง ต่อมาภายหลัง อังกฤษและสกอตแลนด์ก็ได้รวมตัวกันเป็นสหภาพทางการเมืองในชื่อราชอาณาจักรบริเตนใหญ่[1]

    พระราชบัญญัติสหภาพ พ.ศ. 2343 ได้รวมราชอาณาจักรบริเตนใหญ่กับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ค่อยๆตกเข้ามาอยู่ในการควบคุมของอังกฤษ เข้าเป็นสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์[2] ซึ่งต่อมาในปีพ.ศ. 2465 26 แคว้นจาก 32 แคว้นบนเกาะไอร์แลนด์ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับสหราชอาณาจักร และตั้งเป็นประเทศใหม่เป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หลังจากนั้นอีก 7 ปี 6 แคว้นที่เหลือได้เข้ามารวมตัวกับสหราชอาณาจักรดังเดิม และตั้งชื่อแคว้นของตนเองเป็น ไอร์แลนด์เหนือ[3]

    ในพุทธศตวรรษที่ 24 สหราชอาณาจักร (ในขณะนั้นคือสหราชอาณาจักรแห่งเกาะบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์) เป็นประเทศผู้นำของโลกในหลายๆด้าน เช่นการพัฒนาระบอบทุนนิยมและประชาธิปไตยระบบรัฐสภา รวมถึงการเผยแพร่ทางด้านวรรณกรรม ศิลปะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จักรวรรดิบริเตนสามารถครอบครองดินแดนถึงหนึ่งในสี่ของพื้นผิวโลกและหนึ่งในสามของประชากรโลกในช่วงที่มีการขยายตัวสูงสุด ทำให้กลายเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งในด้านดินแดนและประชากร

    อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรเริ่มสูญเสียความเป็นผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมในพุทธศตวรรษที่ 25 ให้กับสหรัฐอเมริกาและจักรวรรดิเยอรมัน หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 อำนาจของสหราชอาณาจักรในวงการเมืองโลกเริ่มลดลง และเริ่มมีการปลดปล่อยอาณานิคมในดินแดนโพ้นทะเลต่าง ๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหราชอาณาจักรต่อสู้กับนาซีเยอรมนีและได้รับชัยชนะในปี พ.ศ. 2488 ซึ่งทำให้สหราชอาณาจักรได้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สหราชอาณาจักรเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปีพ.ศ. 2516 แต่ปัจจุบันยังไม่เข้าร่วมใช้เงินยูโร โดยมีแผนที่จะจัดการลงประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อผลจาก "บททดสอบห้าข้อ" ประเมินได้ว่าการเข้าร่วมใช้เงินยูโรจะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร[4]

    การเมืองการปกครอง

    พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ พร้อมหอนาฬิกาบิกเบน ริมชายฝั่งแม่น้ำเทมส์ กรุงลอนดอน เป็นอาคารรัฐสภาของสหราชอาณาจักร

    สหราชอาณาจักรมีรูปแบบรัฐเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีนั้นเลือกโดยรัฐสภา และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรเป็นระบบสภาคู่ แบ่งเป็นสองสภา คือ สภาขุนนาง เป็นสภาสูง จากการแต่งตั้ง และสภาสามัญชน เป็นสภาล่าง มาจากการเลือกตั้ง และผู้นำของรัฐสภาคือพระมหากษัตริย์ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร แต่กฎหมายส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักรนั้นปรากฏตัวอยู่ในรูปประเพณี

    พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทพระองค์ปัจจุบันคือ เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ นายเดวิด คาเมรอน จากพรรคอนุรักษนิยม

    การแบ่งเขตการปกครอง

    สหราชอาณาจักรประกอบด้วยสี่ส่วนใหญ่ ๆ ซึ่งบางครั้งเรียกในภาษาไทยว่า"แคว้น"

    ธง แคว้น สถานะ ประชากร
    ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ ราชอาณาจักร 50,431,700
    ธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์ ราชอาณาจักร 5,094,800
    ธงชาติของเวลส์ เวลส์ ราชรัฐ 2,958,600
    ธงชาติของไอร์แลนด์เหนือ ไอร์แลนด์เหนือ มณฑล 1,724,400

    ในอดีต สหราชอาณาจักรเคยแบ่งการปกครองท้องถิ่นออกเป็นเคาน์ตี ปัจจุบันระบบนี้ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของการปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว แต่ว่ายังคงใช้ในการแบ่งส่วนทางภูมิศาสตร์ สหราชอาณาจักรมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกิร์นซีย์ เจอร์ซีย์ และเกาะแมน ดินแดนเหล่านี้เป็นดินแดนที่ในอดีตเคยเป็นสมบัติของราชวงศ์ และไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีดินแดนโพ้นทะเลอีกสิบสี่แห่ง ซึ่งเป็นดินแดนที่ยังคงเหลือมาจากจักรวรรดิบริเตน ดินแดนเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรเช่นกัน ดินแดนเหล่านี้ได้แก่ แองกวิลา เบอร์มิวดา บริติชอาร์กติกเทอร์ริทอรี บริติชอินเดียนโอเชียนเทอร์ริทอรี หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน หมู่เกาะเคย์แมน หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ยิบรอลตา หมู่เกาะลีวาร์ด มอนเซอร์รัต หมู่เกาะพิตแคร์น เซนต์เฮเลนา จอร์เจียใต้และหมู่เกาะแซนด์วิชใต้ อะโครติรีและเดเคเลีย หมู่เกาะเติร์กและเคคอสและ หมู่เกาะวินวาร์ด

    ภูมิศาสตร์

    แผนที่สหราชอาณาจักร

    สหราชอาณาจักรมีพรมแดนทางทิศใต้จรดช่องแคบอังกฤษ ซึ่งคั่นระหว่างสหราชอาณาจักรกับภาคพื้นทวีปยุโรป ทางทิศเหนือจรดกับทะเลเหนือ ทางทิศตะวันตกกับทะเลไอร์แลนด์และมหาสมุทรแอตแลนติก สหราชอาณาจักรมีพรมแดนทางบกกับรัฐอื่นเพียงแห่งเดียว คือระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสาธารณรัฐไอร์แลนด์

    อังกฤษนั้นส่วนมากจะเป็นแผ่นดินนูนที่ต่ำ มีภูเขาทางตอนเหนือ และ ตะวันตกเป็นเส้นแนวแบ่งเขตแคว้น มีเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือเขตปริมณฑลลอนดอน ไม่มีภูเขาที่สูงกว่า 1000 เมตรในแคว้นอังกฤษ

    ภูมิศาสตร์ของสกอตแลนด์นั้น หลากหลาย มีที่ต่ำทางตอนใต้ และที่สูงทางตอนเหนือ ตะวันออก และ ตะวันตก มีภูเขาเบนเนวิส สูง 1,344 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในหมู่เกาะอังกฤษ มีทะเลสาบ ช่องแคบที่ยาวและลึกเป็นจำนวนมาก และมีเกาะถึงกว่า 800 เกาะ เมืองหลวงคือเมืองเอดินบะระ ซึ่งเป็นเมืองที่มีศูนย์ใจกลางเมืองเป็นมรดกโลก แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือเมืองกลาสโกว์

    ภูมิประเทศของเวลส์ส่วนมากจะเป็นภูเขา มีภูเขาสโนว์ดอน สูง 1,085 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในแคว้น มีเมืองคาร์ดิฟฟ์เป็นเมืองหลวง ส่วนแคว้นไอร์แลนด์เหนือนั้น ตั้งอยู่บนเกาะไอร์แลนด์ และส่วนมากจะเป็นเทือกเขา มีเมืองหลวงคือเมืองเบลฟัสต์

    หมู่เกาะอังกฤษนั้นประกอบด้วย เกาะน้อยใหญ่ถึงประมาณ 1,098 เกาะ

    ประชากรศาสตร์

    ประชากร

    จากการสำรวจสำมะโนครัวของสหราชอาณาจักรในเดือนเมษายน พ.ศ. 2544 สหราชอาณาจักรมีประชากร 58,789,194 คน โดยมากเป็นอันดับที่ 3 ของสหภาพยุโรป และอันดับ 21 ของโลก ในปีพ.ศ. 2547 สำนักงานสถิติแห่งชาติประมาณการจำนวนประชากรที่ 59,834,300 คน[5] และเพิ่มเป็น 60.2 ล้านคนในอีกสองปีต่อมา โดยการเพิ่มจำนวนประชากรส่วนใหญ่มาจากการอพยพเข้าประเทศ อัตราการเกิดที่สูงขึ้น และอายุขัยที่ยาวนานขึ้น[6]

    สหราชอาณาจักรมีความหนาแน่นของประชากรสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก ประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งมีสภาพทางเศรษฐกิจที่ดี และส่วนใหญ่เป็นเขตเมืองหรือชานเมือง[7] ประชากรประมาณ 7.5 ล้านคนอาศับอยู่ในกรุงลอนดอน[8] สหราชอาณาจักรมีอัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรสูงถึง 99% เป็นผลมาจากการศึกษาของรัฐทั่วประเทศ[9] การศึกษาภาคบังคับมีสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 5 ถึง 16 ปี

    • จำนวนประชากรของสหราชอาณาจักรแบ่งตามเชื้อสาย
    เชื้อสาย จำนวน  % ของทั้งหมด
    อังกฤษ (ผิวขาว) 50,366,497 85.67%
    ผิวขาว (อื่น ๆ) 3,096,169 5.27%
    อินเดีย 1,053,411 1.8%
    ปากีสถาน 747,285 1.3%
    ผสม 677,117 1.2%
    ไอร์แลนด์ (ผิวขาว) 691,232 1.2%
    แคริบเบียน (ผิวสี) 565,876 1.0%
    แอฟริกา (ผิวสี) 485,277 0.8%
    บังกลาเทศ 283,063 0.5%
    เอเชีย (ไม่ใช่จีน) 247,644 0.4%
    จีน 247,403 0.4%
    อื่น ๆ 230,615 0.4%
    ผิวสี (อื่น ๆ) 97,585 0.2%

    ภาษา

    สหราชอาณาจักรไม่มีภาษาทางการ ภาษาที่พูดกันเป็นส่วนใหญ่คือภาษาอังกฤษ[10] ซึ่งเป็นภาษากลุ่มเจอร์มานิกตะวันตก พัฒนามาจากภาษาอังกฤษโบราณ ภาษาท้องถิ่นอื่น ๆ ได้แก่ภาษาสกอต และภาษากลุ่มแกลิกและบริทโทนิก (เป็นกลุ่มภาษาย่อยของกลุ่มภาษาเคลติก) เช่นภาษาเวลส์ ภาษาคอร์นิช ภาษาไอริช และภาษาสกอตติชแกลิก

    ภาษาอังกฤษได้แพร่กระจายไปทั่วโลก จากอิทธิพลของจักรวรรดิบริเตนในอดีตและสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองที่สอนกันมากที่สุดในโลก[11] ภาษากลุ่มเคลติกของสหราชอาณาจักรก็มีพูดกันในกลุ่มเล็กๆหลายแห่งในโลก เช่น ภาษาแกลิกในประเทศแคนาดา และภาษาเวลส์ในประเทศอาร์เจนตินา

    ในระยะหลังนี้ ผู้อพยพ โดยเฉพาะจากประเทศในเครือจักรภพ ได้นำภาษาอื่นหลายภาษาเข้ามาในสหราชอาณาจักร เช่น ภาษาคุชราต ภาษาฮินดี ภาษาปัญจาบ ภาษาอูรดู ภาษาเบงกาลี ภาษาจีนกวางตุ้ง ภาษาตุรกี และภาษาโปแลนด์ โดยสหราชอาณาจักรมีจำนวนผู้พูดภาษาฮินดี ปัญจาบ และเบงกาลีสูงที่สุดนอกทวีปเอเชีย

    ศาสนา

    มหาวิหารแคนเทอร์เบอรี คริสต์ศาสนสถานอันสำคัญของสหราชอาณาจักร

    คริสต์ศาสนาเข้าสู่เกาะบริเตนครั้งแรกโดยชาวโรมัน ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรยังคงมีสถานะเป็นประเทศคริสต์อย่างเป็นทางการ พระประมุขจะต้องเป็นผู้นับถือคริสต์ศาสนา และสถาปนาโดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีในเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ร้อยละ 72 ของประชากรในสหราชอาณาจักรประกาศตัวเป็นคริสตศาสนิกชน[12] แต่ละชาติในสหราชอาณาจักรมีขนบธรรมเนียมทางศาสนาของตนเอง

    สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 1 ส่งนักบุญออกัสตินแห่งแคนเทอร์เบอรีไปยังอังกฤษในปี พ.ศ. 1140 โดยออกัสตินดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปคนแรกแห่งแคนเทอร์เบอรี คริสตจักรของอังกฤษแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกในปี พ.ศ. 2077 ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ปัจจุบันคริสตจักรแห่งอังกฤษเป็นคริสตจักรประจำชาติของอังกฤษ และเป็นคริสตจักรแม่ของคริสตจักรทั้งหลายที่สังกัดแองกลิคันคอมมิวเนียนทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบิชอปของคริสตจักรเป็นสมาชิกของสภาขุนนางด้วย กษัตริย์ของสหราชอาณาจักรจำเป็นต้องเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งอังกฤษ และเป็นผู้ดูแลสูงสุดด้วย ผู้นับถือคริสต์ศาสนนิกายโรมันคาทอลิกไม่มีสิทธิที่จะดำรงตำแหน่งกษัตริย์ได้

    คริสตจักรแห่งสกอตแลนด์ แยกตัวออกมาจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกในปี พ.ศ. 2103 โดยปัจจุบันเป็นคริสตจักรในนิกายเพรสไบทีเรียน และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐแม้ว่าจะมีสถานะเป็นคริสตจักรประจำชาติของ สกอตแลนด์ กษัตริย์ของสหราชอาณาจักรมีสถานะเป็นสมาชิกทั่วไป และจำเป็นต้องสาบานที่จะ "ปกป้องความมั่นคง" ของคริสตจักรในพระราชพิธีราชาภิเษก

    ในปีพ.ศ. 2463 คริสตจักรในเวลส์แยกตัวออกมาจากคริสตจักรแห่งอังกฤษ และได้ออกจากสถานะความเป็นคริสตจักรจัดตั้งของรัฐ แต่ยังคงเป็นสมาชิกของแองกลิคันคอมมิวเนียนอยู่ คริสตจักรแห่งไอร์แลนด์ซึ่งเป็นคริสตจักรแองกลิคัน ได้ยกเลิกความเป็นคริสตจักรจัดตั้งในปีพ.ศ. 2412 โดยคริสตจักรแห่งไอร์แลนด์ครอบคลุมเกาะไอร์แลนด์ทั้งหมด ทั้งในส่วนของแคว้นไอร์แลนด์เหนือและสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ในไอร์แลนด์เหนือ นิกายโรมันคาทอลิกเป็นนิกายศาสนาเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุด แต่น้อยกว่านิกายโปรเตสแตนต์ต่าง ๆ เมื่อรวมกัน คริสตจักรเพรสไบทีเรียนในไอร์แลนด์เป็นนิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุด และมีความเกี่ยวข้องกับคริสตจักรแห่งสกอตแลนด์ในทางประวัติศาสตร์และเทววิทยา

    เทวสถานฮินดูในกรุงลอนดอน เป็นเทวสถานฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป

    คริสตจักรโรมันคาทอลิกเป็นนิกายคริสต์ศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร หลังจากการปฏิรูปศาสนา มีการออกกฎหมายต่อต้านคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกอย่างเข้มงวด กฎหมายต่อต้านเหล่านี้ยกเลิกไปจากกฎหมายหลายฉบับซึ่งปลดปล่อยคาทอลิกในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24

    กลุ่มคริสต์ศาสนาอื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรประกอบไปด้วย กลุ่มนิกายเมทอดิสต์ ก่อตั้งโดยจอห์น เวสลีย์ และกลุ่มแบปติสต์ นอกจากนี้ ยังมีโบสถ์นิกายอิวานจิลิคัลหรือเพนโทคอทัลมากขึ้นเรื่อย โดยส่วนมากมาจากการอพยพของประชากรจากประเทศในเครือจักรภพ สหราชอาณาจักรในปัจจุบันมีความหลากหลายทางด้านศาสนาค่อนข้างสูง คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม และศาสนาฮินดูมีศาสนิกชนจำนวนมาก ในขณะที่ศาสนาซิกข์และศาสนายูดาห์มีศาสนิกชนจำนวนรองลงมา ร้อยละ 14.6 ของประชากรประกาศตัวว่าไม่นับถือศาสนาใดๆ

    เชื่อกันว่ามีชาวมุสลิมถึง 1.8 ล้านคนในสหราชอาณาจักร ซึ่งจำนวนมากอาศัยอยู่ในลอนดอน เบอร์มิงแฮม แบรดฟอร์ด และโอลด์แฮม[13] โดยในปัจจุบันสามารถเห็นมัสยิดได้ทั่วไปในหลายภาคของสหราชอาณาจักร ชาวมุสลิมในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่มีเชื้อสายปากีสถาน อินเดีย และบังคลาเทศ ในระยะหลัง ผู้อพยพจากโซมาเลียและตะวันออกกลางได้เพิ่มจำนวนชาวมุสลิมในสหราชอาณาจักร ในปีพ.ศ. 2549 การให้สัมภาษณ์ของแจ็ก สตรอว์ ผู้นำเฮาส์ออฟคอมมอนส์ ได้ก่อเกิดความขัดแย้งในเรื่องของผ้าคลุมศีรษะของชาวมุสลิม โดยสะท้อนให้เห็นฝ่ายชาวสหราชอาณาจักรที่เห็นว่าศาสนาอิสลามไม่สามารถเข้า กับสังคมสหราชอาณาจักรได้ และอีกกลุ่มที่พอใจกับศาสนาอิสลามในสหราชอาณาจักร[14] ศาสนาที่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย เช่น ศาสนาฮินดู และ ศาสนาซิกข์ ก็มีขยายใหญ่ขึ้นในสหราชอาณาจักรเช่นกัน โดยมีชาวฮินดูมากกว่า 500,000 คน และชาวซิกข์ถึง 320,000 คน[15] โดยปัจจุบันน่าจะเพิ่มขึ้นจากตัวเลขนี้ ซึ่งมาจากการสำรวจในปีพ.ศ. 2544 ในเมืองเลสเตอร์มีศาสนสถานของศาสนาเชน ซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลกที่อยู่นอกประเทศอินเดีย


    ---------------------------------------------------Next------------------------------------------------------

    The United Kingdom (สหราชอาณาจักร) หรือที่รู้จักกันในนามของประเทศอังกฤษ ประกอบไปด้วย 4 ประเทศ คือ อังกฤษ (England) สก๊อตแลนด์ (Scotland) เวลส์ (Wales) และไอร์แลนด์ (Northern Ireland) โดยพื้นที่ทั้ง 3 ประเทศ ตั้งอยู่บนเกาะเดียวกัน เรียกว่า Great Britain ส่วนของประเทศไอร์แลนด์ (Northern Ireland) ตั้งอยู่แยกออกไปทางตะวันตกของประเทศ โดยมีทะเลไอริชเป็นตัวคั่น ประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่มีความเจริญ ทั้งทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ อุตสาหกรรม และการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา ซึ่งมีห้องสมุด และแหล่งค้นคว้าทางวิชาการมากมาย จึงไม่น่าแปลกเลยที่จะมีผู้ให้ความสนใจมาศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเป็นจำนวน มากในแต่ละปี นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ และระบบการเมืองการปกครองที่มีมายาวนานับศตวรรษ ประเทศอังกฤษยังจัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศที่สวยงาม ทั้งธรรมชาติ รวมไปถึงงานสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เช่น ปราสาท และพระราชวังต่างๆ  
    ประเทศ อังกฤษเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร มี London เป็นเมืองหลวง ประชากรรวมทั้งสิ้นประมาณ 49 ล้านคน พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่เขตพื้นที่ราบต่ำ มีพื้นที่ระดับสูงบ้างทางตอนเหนือ และตะวันตก เมืองขนาดใหญ่รวมถึง เมือง London (ประมาณ 7.75 ล้านคน) เมือง Birmingham (ประมาณ 1.03 ล้านคน) ระบบเศรษฐกิจที่จัดเป็นอุตสาหกรรมบริการมีเพิ่มมากขึ้นโดยมี London เป็นผู้นำและศูนย์กลางทางด้านการธนาคารประกันและบริการด้านการเงินอื่นๆชั้น แนวหน้าของโลก และมีอุตสาหกรรมที่ใช้วิทยากรอันทันสมัย มาทดแทนอุตสาหกรรมในรูปแบบเดิมๆมากขึ้น

    ฤดูกาล


     สภาพ ภูมิอากาศโดยทั่วไปของสหราชอาณาจักร จัดอยู่ในประเทศค่อนข้างหนาวและมีความชื้นสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นไหลผ่าน โดยทางตอนเหนือจะหนาวกว่าทางตอนใต้ และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางตะวันออก อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในช่วงฤดูหนาวคือ 2 - 4 องศาเซลเซียส และสูงสุดในช่วงฤดูร้อนคือ 18 - 22 องศเซลเซียส อย่างไรก็ดี กล่าวโดยรวมได้ว่าสหราชอาณาจักร เป็นประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศค่อนข้างสูง โดยในบางวัน อาจมีสภาพอากาศให้ได้พบเห็นเกือบทุกรูปแบบก็ว่าได้
    มีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดูคือ
    ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม – พฤษภาคม
    ฤดูร้อน : มิถุนายน – สิงหาคม
    ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน
    ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์

       

    เวลา
     
     สห ราชอาณาจักร เป็นที่ตั้งของเส้นแบ่งเขตเวลาของโลก (GMT - Greenwich Mean Time) ดังนั้นประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก จึงมีเวลาที่เร็วกว่า โดยเร็วกว่าประมาณ 6 ชั่วโมง (ในช่วงมีนาคม - ตุลาคม) หรือ 7 ชั่วโมง (ในช่วงตุลาคม - มีนาคม) ทั้งนี้เนื่องจากสหราชอาณาจักร จะเปลี่ยนเวลา daylight saving จาก GMT ไปใช้ BST (British Summer Time) ในช่วงฤดูร้อนซึ่งหมายถึงการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม

    การปกครอง


    ระบบ การปกครองของสหราชอาณาจักรเป็นแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งมีพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 เป็นประมุขของประเทศ รัฐสภาของอังกฤษแบ่งเป็น 2 สภา คือ สภาขุนนาง (House of Lords) และสภาล่าง (House of Commons) โดยสมาชิกสภาขุนนาง เป็นขุนนางสืบตระกูลประมาณ 900 คน อีกประมาณ 300 คนเป็นขุนนางตั้งใหม่จากผู้มีความรู้ความสามารถ หรือผู้ประกอบคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ส่วนสภาล่างมาจากการเลือกตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี มีประมาณ 600 คน อำนาจการแต่งตั้งรัฐบาลเป็นของสภาล่าง ส่วนสภาสูงมีหน้าที่สำคัญก็คือ การกลั่นกรองกฎหมาย ตรวจสอบระบบการเมือง การปกครองของสหราชอาณาจักร ซึ่งถือว่ามีความมั่นคงในระเบียบการปกครองมายาวนานมากที่สุดประเทศหนึ่ง

    สถานที่ท่องเที่ยว

    London (ลอนดอน) เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักร เป็นเมืองที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม ประเพณีในรูปแบบที่เคร่งครัด และมีแบบแผนเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการศึกษาต่อและท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น รัฐสภา หอนาฬิกาบิกเบน ทราฟัลการ์สแควร์ พระราชวังบัคกิงแฮม และหอคอยลอนดอน นอกจากนี้กรุงลอนดอน ยังเพียบพร้อมด้วยแหล่งบันเทิงและชีวิตยามค่ำคืนที่ย่านโซโห และยังเป็นแหล่งศูนย์รวมของการช้อปปิ้งชั้นนำ เช่น ห้างแฮร์ล็อด และมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ เป็นต้น
    Cambridge (เคมบริดจ์) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และการศึกษาแรกเริ่ม เป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง

    Oxford (อ๊อกซ์ฟอร์ด) เป็นศูนย์กลางการเรียนการสอน เป็นเมืองเกี่ยวข้องกับศาสนา ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นเมืองที่แวดล้อมด้วยทุ่งกว้างใหญ่ ทิวเขาและมีแม่น้ำเทมส์ไหลผ่าน ภายในเมืองมีสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบฉบับอังกฤษหลายแห่ง มีพิพิธภัณฑ์และหอศิลปกรรม
    Canterbury (แคนเทอร์เบอร์รี่) เป็นเมืองที่สวยงาม มีโบสถ์ที่มีความสำคัญและเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ ภายในเมืองมีศูนย์การค้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 95 กิโลเมตร

    Bristol (บริสโทล) เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 190 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตตะวันตกของประเทศอังกฤษ มีสะพานแขวนที่สวยงามชื่อ บรูเนล
    Bournement (บอร์นมัธ) เป็นเมืองชายทะเลที่มีชื่อเสียง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงลอนดอนทางรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์งดงามและปราศจากมลพิษ

    Bath (บาธ) เป็นเมืองตากอากาศที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ ที่มีมาตั้งแต่อาณาจักรโรมันโบราณ ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าเอวอนที่เขียวชอุ่ม มีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับอาบน้ำแร่ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 160 กิโลเมตร

     



    Birmingham (เบอร์มิ่งแฮม) เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอังกฤษ มีหมู่บ้านที่สวยงามเหมือนภาพวาด เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตเครื่องดื่มและอาหาร เช่น ช็อคโกแลตยี่ห้อ Cadbury อีกทั้งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง 2 แห่งคือ University of Birmingham และ Aston University

    Manchester (แมนเชสเตอร์) เมืองนี้ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศทางตอนเหนือ เป็นเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางดนตรี และการละครของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของทีมฟุตบอลที่ชาวไทยรู้จักดี คือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    Brighton and Hove (ไบร์ทตันและโฮพว์) เมืองสองเมืองนี้ เป็นเมืองพักตากอากาศขนาดกลาง ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทางตอนใต้ของลอนดอน เป็นเมืองที่รวบรวมวัฒนธรรม และแหล่งบันเทิงต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน และเป็นสถานที่ซึ่งชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์




    ---------------------------------------------------Next------------------------------------------------------


    อ๊อกซฟอร์ดเชอร์ (ภาษาอังกฤษ: Oxfordshire) หรือมีชื่อย่อว่า “Oxon” ที่มาจากภาษาละติน “Oxonia” เป็นมณฑลที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ที่มีประชาชนรวมทั้งสิ้นประมาณ 635,600 คน มณฑลอ๊อกซฟอร์ดเชอร์มีเขตแดนติดกับมณฑลต่างได้แก่ นอร์ทแธมป์ตันเชอร์, บัคคิงแฮมเชอร์, บาร์คเชอร์ , วิลท์เชอร์ , กลอสเตอร์เชอร์ และวอริคเชอร์

    มณฑลอ๊อกซฟอร์ดเชอร์แบ่งการปกครองเป็นห้าแขวง: อ๊อกซฟอร์ด, เชอร์เวลล์, เวลแห่งไวท์ฮอร์ส, เซาท์อ๊อกซฟอร์ดเชอร์ และ เวสต์อ๊อกซฟอร์ดเชอร์

     

    อ๊อกซฟอร์ดเชอร์
    มณฑลของอังกฤษ
    EnglandOxfordshire.png
    มณฑล
    ภูมิศาสตร์
    ฐานะมณฑล มณฑลภูมิศาสตร์ & มณฑลนอกเมโทรโพลิตัน
    ภาคการปกครอง ภาคตะวันออกเฉียงใต้
    ลำดับเนื้อที่
    -เนื้อที่
    - ลำดับเนื้อที่นอกเมโทร
    ลำดับที่ 22
    2,605 กม² (1,006 ตร.ไมล์)
    ลำดับที่ 19
    เมืองหลวง อ๊อกซฟอร์ด
    ISO 3166-2 GB-OXF
    รหัส ONS 38
    รหัส NUTS 3 UKJ14
    ประชากร
    ลำดับ
    - จำนวน (2007)
    - ความหนาแน่น
    - ลำดับนอกเมโทร
    ลำดับที่ 35
    635,600
    244/กม² (632/ตร.ไมล์)
    ลำดับที่ 18
    เชื้อชาติ 95.1% ขาว
    1.7% เอเชีย
    การปกครอง
    Escut Oxfordshire.png
    ตราประจำมณฑลอ๊อกซฟอร์ด
    http://www.oxfordshire.gov.uk/
    ฝ่ายบริหาร  
    สมาชิกรัฐสภา  
    แขวงการปกครอง
    OxfordshireNumbered.png
    1. อ๊อกซฟอร์ด
    2. เชอร์เวลล์
    3. เซาทอ๊อกซฟอร์ดเชอร์
    4. เวลแห่งไวท์ฮอร์ส
    5. เวสต์อ๊อกซฟอร์ดเชอร์



     

    การเดินทาง

    อยู่อย่างไรในประเทศอังกฤษ

    เพื่อการเรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์ชีวิต อย่างเหมาะสม สนุกสนาน และมีคุณค่า


    1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศอังกฤษ

     

    1.4 การเดินทาง

    เราสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศอังกฤษด้วยเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ รถโดยสารประจำทาง หรือรถแท็กซี่ได้อย่างสะดวกสบาย การซื้อตั๋วสามารถซื้อ On-line จากอินเทอร์เน็ต หรือซื้อที่สถานี ถ้าการซื้อตั๋วล่วงหน้าหรือถ้าสามารถซื้อตั๋วนักเรียนได้ก็จะยิ่งประหยัดค่า ใช้จ่ายได้มากขึ้น การเดินทางโดยทางรถยนต์ ถนนของอังกฤษแบ่งออกเป็น ถนน M (Motorway) ถนน A และ ถนน B ถนนมอเตอร์เวย์ คือ ถนนทางด่วนระหว่างเมือง ห้ามคนเดิน ห้ามหัดขับรถ ห้ามรถจักรยาน ห้ามรถอีแต๋นหรือแทรกเตอร์ทางการเกษตรใช้เป็นเส้นทางขับขี่ ถนนมอเตอร์เวย์ แม้จะขับกันด้วยความเร็วแต่จัดว่าเป็นถนนที่ปลอดภัย ถนนA และถนนB เป็นเส้นทางเชื่อมเมืองและหมู่บ้าน ถนนA ใหญ่และขับได้เร็วกว่าถนนB การขับรถในอังกฤษต้องมีใบขับขี่อังกฤษ ส่วนใบขับขี่สากลสามารถใช้ได้ 1 ปีแต่ค่าประกันจะแพงกว่า

    การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง(National Express หรือบริษัทเดินรถอื่น) ตั๋วโดยสารสามารถซื้อได้แบบ On-line หรือซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วในสถานี รถโดยสารที่วิ่งระหว่างเมืองจะมีราคาถูกและส่วนใหญ่จะมีการลดราคาถ้าซื้อ ตั๋วล่วงหน้าหรือซื้อในแบบ On-line

    สำหรับการขึ้นรถประจำทางในเมืองที่อยู่ นักเรียนจะต้องเตรียมเหรียญให้ตรงกับอัตราค่าโดยสาร เพราะบางครั้งพนักงานขับรถอาจไม่มีเงินทอนให้ ทำให้เราไม่สามารถขึ้นรถไปได้

    การเดินทางโดยทางรถไฟ (British Rail, Intercity) เส้นทางรถไฟในอังกฤษมีเครือข่ายการเดินทางที่กว้างขวาง ซึ่งในปัจจุบันการ เดินทางไปในเส้นทางทิศเหนือหรือใต้ อาจดูสะดวกสบายกว่าการเดินทางในทิศตะวันออกหรือตะวันตก ซึ่งเช่นเดียวกับการซื้อตั๋วรถโดยสารประจำทาง เราสามารถซื้อตั๋วโดยสารรถไฟได้ในแบบ On-line หรือ ซื้อตรงที่สถานี ซึ่งจะมีทั้งเคาน์เตอร์ขายตั๋วหรือตู้ขายตั๋วอัตโนมัติให้

    การซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ เป็นวิธีที่รวดเร็วเพราะไม่ต้องรอคิว(ปกติเครื่องจะว่าง) ต้องทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้แต่ละเครื่อง โดยทั่วไปจะเริ่มที่เครื่องจะถามข้อมูล จำนวนคน (ผู้ใหญ่-เด็ก), สถานีปลายทาง, ชนิดของตั๋ว (เที่ยวเดียว-single, ไปกลับ-return, ตั๋วหนึ่งวัน-travel day card)   การจ่ายเงิน สามารถหยอดเหรียญหรือเสียบธนบัตร ซึ่งเครื่องจะทอนเงินในช่องที่เขียนว่า “Change” จากนั้นตั๋วจะถูกพิมพ์และออกมาจากช่องรับตั๋ว ในกรณีที่มีปัญหา สามารถขอความช่วยเหลือได้จากพนักงานที่เคาน์เตอร์ Assistance หรือ กดยกเลิก Cancel ซึ่งเครื่องควรจะคืนเงินให้ถ้าใส่เงินไปแล้ว   กรณีซื้อตั๋วผิด เราสามารถคืนตั๋วที่ยังไม่ได้ใช้ ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว หรือที่ เคาน์เตอร์ Assistance ได้

    การเดินทางท่องเที่ยวในกรุงลอนดอน บัตร Oyster Card เป็นบัตรโดยสารแบบเติมเงินที่ใช้สำหรับการเดินทางด้วย รถไฟใต้ดิน (Tube)  รถเมล์ รถราง การใช้ Oyster Card จะช่วยลดราคาค่าเดินทางได้กว่าครึ่งเมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วโดยสารด้วยเงิน สด Oyster Card สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดินทุกสถานี โดยจะต้องเสียค่ามัดจำบัตร (Deposit) £5  และนักเรียนสามารถเติมเงินได้ตามจำนวนที่ต้องการโดยเติมกับพนักงานขายตั๋ว รถไฟหรือเติมที่เครื่องขายตั๋วเครื่องที่เขียน  ว่า Oyster Top Up  ถ้านักเรียนต้องการคืนบัตร Oyster ก็จะได้รับค่ามัดจำบัตร £5 และเงินที่เหลืออยู่ในบัตรคืน (สำหรับนักเรียน ควรแจ้งด้วยว่าเป็นนักเรียนและแจ้งอายุ อาจต้องเตรียมสำเนาพาสปอร์ต หรือสำเนาเอกสารจากทางโรงเรียนติดตัวไปด้วย เวลาที่ซื้อตั๋วครั้งแรก เพราะจะสามารถซื้อบัตร Oyster ของนักเรียน ซึ่งจะช่วยประหยัดได้มากขึ้น)

    ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้อยู่ในลอนดอน ถ้าต้องการมาเที่ยวลอนดอน แบบชั่วคราว อาจซื้อตั๋วแบบ Day Travelcard ซึ่งสามารถขึ้นได้ทั้งรถไฟ ใต้ดิน รถเมล์ และรถไฟบนดิน ได้ในเขตกรุงลอนดอน ทั้งนี้ควรวางแผนการท่องเที่ยวก่อนเพราะราคาของบัตรจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับ เขตหรือโซนที่ต้องการเดินทาง เวลาที่จะใช้ Travelcard ได้ต้องใช้หลังจาก 09.30 น. ในวันธรรมดา และใช้ได้ในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดธนาคาร ยกเว้นรถเมล์กลางคืน

    สรุปข้อแนะนำเพื่อที่จะให้นักเรียนซื้อตั๋วโดยสารต่างๆ ได้ถูกลง

    • ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว โดยแสดงบัตรนักเรียน ควรมีเอกสารเช่น สำเนา copy ของ Passport หรือเอกสารจากทางโรงเรียนติดตัว กรณีที่ที่อาจต้องใช้แสดงตนว่าเป็นนักเรียน
    • ซื้อตั๋วไป-กลับ (return trip) ในครั้งเดียวกัน จะถูกกว่าแยกซื้อตั๋วเดี่ยว (single trip)
    • ซื้อตั๋วล่วงหน้า (Early Bird)
    • ซื้อตั๋วแบบ  Day Travel card
    ---------------------------------------------------Next------------------------------------------------------



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×