ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC EXO} All of my pleasure about ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #19 : - Hide and Seek - 3 Chanbaek

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.11K
      21
      1 ก.พ. 57



     HIDE AND SEEK

        .. ถ้าผมวิ่งพี่อย่าตามผมนะ..


     

    3
     
     
     
     

     

    ถ้าหาก...จะว่ากันไปตามความจริงแล้ว...งานถนัดของแบคฮยอนคืออะไร ดูได้ไม่ยากจากงานที่ตัวเองทำตอนนี้ และไม่ต้องห่วง...นางทำของนางในโลกของนางได้อย่างดี..

     

    คืองานนั่งเย็บเสื้อของเจ้าชายในเรื่องไง นางบรรจงเย็บเสียจนละเอียดราวกับว่าชุดนี้จะเอาไปประกวด young designer korea ประจำปีนี้ ขนาดเพื่อนอย่างโด คยองซู กับลู่หาน แอบถ่ายรูปไปเป็นร้อยแล้วนางยังไม่รู้ตัวเลย....ดูมันๆๆ อย่าไปขัดมันเชียว มันเอาเข็มปักนิ้วตัวเองแน่ๆตั้งใจไม่สนใจคนรอบข้างอย่างนี้

     

    แต่ถ้าจะเท้าความกันซักนิดที่ลูกหมาตัวน้อยนั้นเก่งการเย็บปักอย่างนี้ เห็นทีต้องชื่นชมคุณนายพยอนเขาล่ะ เนื่องจากแบคฮยอนเข้ากับเด็กแถวบ้านไม่ค่อยได้ ซ้ำสมัยก่อนภูมิต้านทานยังไม่ค่อยดีอีก เลยทำให้เล่นอะไรแบบเด็กผู้ชายไม่ได้มากนัก อยู่แต่บ้านเลยได้สอนวิชาเอาไว้เสีย จนตอนนี้อย่าว่าแต่ซ่อมเสื้อผ้าเลย ฮันบอกทั้งชุดมันก็ตัดเย็บได้

     

    เชื่อมือเขาเถอะ...แต่ที่เจ้าตัวยอมมาทำก็เพราะคนวัดตัวกับคนตัดเสื้อมันคนละคนกันน่ะซิ!!!

     

    ชุดของเจ้าชายปาร์ค ชานยอล เลยออกมาเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชเลยซักนิด แม้จะมีหญิงสาวหลายคนอยากทำแต่บอกได้คำเดียวว่าสู้ฝีมือแบคฮยอนไม่ไหวจริงๆ

     

    และที่สู้ไม่ไหวอีกอย่างคือฝีปากของคยองซู ถ้าใครจะมาแซะเพื่อนของเขาน่ะนะ...โดนแน่เมิง!!!

     

    หากในโลกของแบคฮยอนที่ตัวเขาเองไม่สนใจคนรอบข้างในตอนนี้ โลกของแบคฮยอนสดใส มีความสุข ทุกฝีเข็มที่กำลังร้อยลงไปบนผืนผ้า ภาพในหัวแบคฮยอนมีแต่ภาพของชานยอลตอนสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ที่เขาตั้งใจทำเป็นอย่างดี ตะเข็บทุกด้านไม่ให้ระคายคนใส่เลยแม้แต่น้อย

     

    ต่อให้ชานยอลไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นคนทำ หรือต่อให้เป็นเวลาแค่เพียงชั่วโมงเดียวที่ชายหนุ่มจะได้สวมใส่ แต่เขาก็ดีใจมากๆเลยที่ได้เป็นคนรับผิดชอบชุดนี้ด้วยตัวเองคนเดียว

     

    และถ้าแบคฮยอนมีความสุข...เขาจะฮัมเพลงไปเองคนเดียว แม้จะไม่เป็นเสียงพูดแต่เสียงเล็กๆเบาๆนั้นคือ สัญญาณดีที่คยองซูชอบ ส่วนคยองซูน่ะหรอ ตอนนี้ได้รับหน้าที่ทำเรื่องบทร่วมกับลู่หานและซูโฮ

     

    เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ามีแต่คนเดินผ่านแล้วมองเจ้าตัวเล็กที่นั่งริมหน้าต่าง ฮัมเพลงเย็บผ้าไป ใครๆก็ต่างให้ความสนใจทั้ง ยกเว้นแต่เจ้าตัวนี่ล่ะที่ไม่สนใครเลย

     

    ถ้าหากไม่มีการโดนขัดแบบกวนส้นตรีน...น่ะนะ.....

     

    “ปูไต่..ปูไต่...”เสียงปูไต่ยังไม่เท่ากับความรู้สึกรำคาญที่ไต่ตรงข้อเท้าของเขา แบคฮยอนเลยต้องละมือเพื่อมอง ปรากฏว่าโซรยองกำลังก้มๆเงยกับข้อเท้าของเขาอยู่ทำเอาลุกแทบไม่ทัน

     

    !!!!”เด็กหนุ่มคว้าเอาเสื้อที่ทำค้างอยู่ไปวางไว้ที่ปลอดภัยทันทีตามด้วย คยองซูที่จดจ้องอยู่แล้วก็มาถึงตัวพร้อมกับลู่หานอีกคนที่นั่งเขียนบทอยู่ด้วยกัน

     

    “ทำอะไรของนายเนี่ย..ถ้าจิ๊มส์มันโดนเข็มทิ่มนิ้วจะทำยังไง..”คยองซูผลักตัวอีกคนออกทันที ในขณะที่ลู่หานกลับยกมือของแบคฮยอนขึ้นมาดู ลู่หานคืออีกคนที่แบคฮยอนเริ่มไว้ใจ แม้จะไม่เท่าคยองซูแต่ก็มากพอที่บางครั้งคยองซูจะไม่ว่างเพราะโดนครูตามหรืออะไรที่ทำให้อยู่ด้วยไม่ได้ก็ยังฝากลู่หานได้บ้าง

     

    “โธ่..แค่มาหยอกเล่นปู่ไต่เฉยๆเอง..”ชายหนุ่มที่สวมเสื้อกล้ามคลุมตัวตัวเดียวเงยหน้าขึ้นมอง ผมสีทองของตัวเองลู่ไปตามความชื้นเหงื่อเนื่องจากไปทำงานเป็นกรรมกรทำฉากอยู่ที่ห้องซีที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องช่างไปแล้วนี่ซิ เด็กผู้หญิงบางส่วนเลยมาช่วยทางห้องดีทำงานเรื่องเสื้อผ้า และผู้ชายที่เหลือบางคนก็ไปช่วยห้องซีแทน

     

    “ปู่ไต่ พ่องส์..ไปเลยนะโซรยอง เหม็นเหงื่อ..จิ๊มส์มันยิ่งแพ้ง่ายๆอยู่ ก็รู้ไม่ใช่หรอ..มีแต่ฝุ่นไม้ไปเลยไป..และก็นายไม่ต้องเลยแดรยอง..ไปเลยนะ ลิมิตรนายน่ะ สองเมตร!!!”คยองซูชูนิ้วให้ดูจนแดรยองยิ้มขำ

     

    เอาน่า...แดรยองกำลังตั้งท่าจีบคยองซู และตอนนั้นเขาเคยเข้าใกล้เจ้าตาโตนี่เกินสองเมตร..แล้วคยองซูไม่คุยกับเขาเลยและทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เพราะงั้นสู้กัดกันในรัศมีสองเมตรยังดูมีสิทธิ์มากกว่า??

     

    หัวเล็กสะบัดไปมาเบาๆที่หลังเพื่อน เอาตามจริงแค่โซรยองเขี่ยทีเดียวรับรองคยองซูก็ปลิวออกไปพ้นทางแล้วล่ะ แต่ด้วยความที่สนิทกัน และเชื่อเถอะแบคฮยอนได้กลัวเขาเข้าไส้แน่ๆ นี่ขนาดไม่ได้ทำอะไรมากยังทำท่าเหมือนเขาเป็นฆาตรกรฆ่าข่มขืนเลย

     

    โซรยองทำหน้าตาน่าสงสารส่งให้คยองซู ประมาณว่าขอนิดเดียว...ขอแทะโลมนิดเดียวไม่ได้หรอ

     

    “โซรยอง พูดไม่รู้เรื่องใช่ปะ”แล้วคยองซูก็เริ่มเท้าเอว

    “โถ...เบค่อนของเก๊า...ตะเองสงสารเก๊าเถอะ..ยอมพูดกับเก๊าเถอะนะ..เก๊าระตะเอง จริงใจจริงๆนะไม่จิงโจ้เลอออออออออ”นอกจากมันไม่ทำตามแถมยังหน้ามึนอีกแน่ะ

     

    แบคฮยอนแอบเหล่มองออกมานิดหน่อย อ่า..ก็คำพูดของโซรยองมันอดทำให้ขำไม่ได้ จริงๆ ยิ่งเสียงใหญ่ๆที่โดนบีบให้เล็กยิ่งตลกเข้าไปใหญ่เลย

     

    มุมปากบางเล็กเลยอดยกยิ้มน้อยๆไม่ได้จริงๆ..แต่คนตาดีอย่างโซรยองมีหรือจะไม่เห็น โซรยองทิ้งตัวลงไปนอนดิ้นไปมาอยู่ที่พื้นเหมือนสวรรค์ทรงโปรดก็ไม่ปาน

     

    คยองซูจึงหันไปมอง พร้อมกับทำตาดุใส่เพื่อนตัวเล็กทันที ประมาณว่าใครสั่งให้ขำ ใครสั่งให้ยิ้มเดี๋ยวจะโดนเท่านั้นล่ะ อีกคนเลยหดหัวกลับที่เดิม

     

    “กู...หกเดือน..กับยิ้มแรก.....เบค่อน...มีใจให้เขาแล้วซินะ”โซรยองทำท่าเพ้อๆจนเหมือนจะบินเสียให้ได้

     

    ก๊อก...ก๊อก...

     

    “ขอโทษนะเด็กๆ..พี่มาเทียบชุดที่ต้องใส่น่ะ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดเย็บน่ะ..”ชานยอลเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มที่น่าฟัง รอยยิ้มพิมพ์ใจถูกส่งมาให้กับคนในห้อง..ที่มองเขาอย่างนิ่งค้าง

     

    อารามตกใจของคนทั้งห้องที่ชายหนุ่มโผล่มาจึงเผลอชี้มือไปที่แบคฮยอนกันหมด..แต่มีคนเดียวที่เร็วกว่าหากก็ช้าเกินไป...คือคยองซูที่ได้แต่อุทานออกมาเบาๆว่า....ซวยเล้วไงเล่า

     

    .......................

    ...............

    ......

     

    แบคฮยอนมือไม้สั่นไปหมดด้วยความประหม่า อาจจะด้วยเสื้อที่เขาเริ่มเย็บมือทีละฝีเข็มทำจนแทบไม่ได้นอน โครงที่เนาเอาไว้เลยสามารถเทียบลองได้แล้วในตอนนี้

     

    มือเล็กกำกันแน่นราวกับไม่รู้จะเอามันไปวางไว้ตรงไหนดี

     

    แต่ใครมันมานัดเอาวันนี้นะ..ทำไมนัดอะไรไม่บอกคนทำล่วงหน้าเลยเนี่ย  แล้วถ้าเขาเกิดหายใจไม่ออกขึ้นมาล่ะจะทำยังไง..แล้วถ้าเป็นลมล้มพับลงไปเลยล่ะจะทำยังไง มือเย็นเฉียบไปหมดแล้ว คนตัวเล็กกำลูกบิดประตูห้องน้ำที่ตอนนี้ไร้เงาของคนอื่นเสียแน่น เสียงผ้าเสียดสีไปมาทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำไปหมด

     

    “ไหนล่ะ..เสื้อ”เสียงทุ้มที่ดังข้างหลังทำเอาตัวเขาเองสะดุ้งเฮือกใหญ่ คนตัวเล็กทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยื่นเสื้อให้อีกคนโดยแทบไม่มองหน้า

     

    หัวใจของเขาเต้นแรงจนน่ากลัวว่าเสียงมันจะดังออกมา ใบหน้าของเขาเห่อร้อนจนแทบไหม้ เพราะฉะนั้นจะให้เงยหน้ามองก็คงไม่ได้แล้ว นอกจากพยายามก้มหน้าก้มตาไม่สบตาด้วย

     

    หางตาเล็กเหลือบเห็นเงาของชายหนุ่มผ่านกระจกเงาเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหันหลังให้เขาเลยพอหายใจหายคอได้บ้าง  ไล่กว้างและแขนแข็งแรงกำลังง่วนอยู่กับการสวมเสื้อ ในใจเต้นช้าลงอีกนิดเพราะกำลังรู้สึกดีที่ชานยอลสวมสิ่งที่เขาทำในตอนนี้

     

    ของที่เขาตั้งใจทำเองกับมือ..ไม่ได้อยากคุยหรอกนะ แต่เชื่อเถอะไม่มีทางพลาด พอดีแน่นอน...ดูจากไหล่ตรงนั้นก็ได้..พอมองแต่เงาก็ทำให้อดจะเหลียวหลังหันไปมองอีกคนตรงๆไม่ได้เลย เห็นใบหน้าหล่อเหลากำลังติดกระดุมจากด้านข้างก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว...ไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มหันมายิ้มให้แล้ว...ยิ้มที่ไม่ต่างจากที่เขายิ้มให้คนอื่นๆในโรงเรียนนั้นล่ะ แบคฮยอนรู้ดีก็เขาสังเกตอยู่ทุกวันนี้นา. แต่นั้นก็ทำให้แบคฮยอนตกใจมากเหมือนกัน

     

    หน้าที่หายร้อนไปแล้วเห่ออร้อนขึ้นมาอีกรอบรีบก้มหน้าก้มตาหลบทันที พยายามจ้องไปที่เสื้อแค่อย่างเดียวเท่านั้น..ไม่โฟกัสที่อื่นให้ตัวเองต้องรู้สึกเหมือนปลาขาดน้ำ

     

    “อืม..พี่ว่าพอดีแล้วแหละ..เก่งนะเนี่ย..”เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือหัวทำให้แบคฮยอนที่ก้มมองดูความเรียบร้อยอย่างลวกๆพยักหน้าเบาๆรีบเดินอ้อมไปตรวจด้านหลังอีกที มือบางสั่นเทานั้นพยายามอย่างมากที่จะทาบโครงเสื้อตัวนอกอีกชั้นเอาไว้ ดึงกางทาบไหล่กว้างตรงหน้า และไม่เฉียดมือตัวเองไปโดนตัวของชายหนุ่มเลยด้วยซ้ำ

     

    “เอ่อ..ไม่พูดอะไรเลย นี่เป็นอะไรหรือเปล่า..”น้ำเสียงทุ้มถามเล็กน้อยหากคนตัวเล็กกลับส่ายหน้าตอบโดยเร็ว เขาเดาได้ จินตนาการออกว่าใบหน้าของชานยอลคงสงสัยเขาน่าดู แม้ตอนนี้เขายังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองอยู่ดี

     

    “โอเค..ถ้าทุกย่างเรียบร้อยแล้ว พี่ขอตัวนะครับ”หลังประโยคนี้ คนก้มหน้าฟังแว่วได้ยินเสียงถอนหายใจพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ ทำเอาใจดวงเล็กเจ็บแปลบ..จนต้องเม้มปากกลั้นอารมณ์แน่น

     

    ชานยอลคงคิด..ว่าแบคฮยอนคงเหมือนผู้หญิงที่รายล้อมเขาในทุกๆวันสินะ

     

    หากแต่ก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาอยู่ดี ได้ยินเสียงถอดเสื้อของอีกคน พร้อมกับชายผ้าที่ยาวลงมาแม้เขาจะก้มหน้าแต่ก็เห็นอยู่ดี มือเล็กจึงยื่นไปรับมาพร้อมทั้งโค้งตัวทำความเคารพเพื่อแสดงมารยาท แล้วจึงรีบเดินเร็วออกมาทันทีโดยไม่หันหลังกลับไปอีก

     

    ทันทีที่เท้าเล็กวิ่งออกมา กลับเจอกับคยองซูที่ยืนรอท่าอยู่หน้าห้องเรียนของเขาพร้อมลู่หานอีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนด้วย...เพียงแต่ยังไม่ทันจะได้ถามความอะไรดีนัก คนตัวเล็กกลับเป็นลมล้มพับคออ่อนลงไปเสียก่อน

     

    “จิ๊มส์!!!!”เสียงเรียกของคยองซูดังขึ้น สังเกตเห็นเพื่อนที่ทิ้งตัวลงมาพร้อมกับอาการหอบหายใจแรง มือเล็กบางนั้นเย็นเฉียบอย่างหน้าตกใจ ลู่หานปรี่เข้ามาประคองกลัวศีรษะของคนตัวเล็กจะกระทบพื้น

     

    “ลู่..นายล้วงหายาพ่นให้เค้าหน่อย ในกระเป๋าข้างซ้ายอะ..สีม่วงๆนั้นล่ะ”คยองซูเอ่ยบอกตำแหน่งก่อนที่อีกคนจะรีบคว้าเอาออกมาให้ ซึ่งคนรับเองก็เอามันใส่ปากเพื่อนกดพ่นทันที..

     

    “จิ๊มส์...ใจเย็นๆนะ..ใจเย็นๆ..”เสียงร้องทำให้คนในห้องที่ไม่รู้เรื่องเดินออกมา และเมื่อคยองซูเหลือบเห็นหน้าคนที่ออกมาใหม่จึงรีบเรียกทันที

    “พี่คริส...พี่คริส..ช่วยที..เพื่อนผมเป็นลม”มันเป็นความบังเอิญจริงๆที่อู๋ อี้ฟานอยู่แถวนั้น เพราะลำพังแค่คนตัวเล็กอย่างคยองซูกว่าจะแบกแบคฮยอนไปถึงห้องพยาบาลคงแย่ก่อน

     

    และนั้นเป็นเสียงแว่วสุดท้ายที่แบคฮยอนได้ยินก่อนที่สติเขาจะหลุดลอย เพราะอาการเหนื่อยจากการหายใจรุนแรงที่เกิดขึ้น

     

    ..

     

    แสงสีขาวของห้องทำให้เปลือกตาบางขยับยุกยิกเบาๆ ไม่นานนักก็ค่อยๆกระพริบถี่มากขึ้นจนลืมมาอย่างช้าๆ...เสียงถอนหายใจโล่งอกสองเสียงดังประสานกันเบาๆ คนที่เพิ่งตื่นจึงหันหน้ามองหา เห็นเป็นเพื่อนตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้นมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงปน..สบายใจ และอีกคนคือลู่หานที่ยังทำหน้าราวกับโลกจะระเบิดอยู่เลย

     

    “จิ๊มส์...เป็นยังไงบ้าง”คยองซูยกมือขึ้นมาลูบหัวเล็กเบาๆด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบคฮยอนเป็นอย่างนี้หากหลายครั้งแล้วจนตอนนี้ คยองซูเริ่มไม่แน่ใจ

     

    เรื่องที่แบคฮยอนจะชอบชานยอล

     

    คนตัวเล็กยกยิ้มอ่อนส่ายหน้าเบาๆบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้สังเกตเลยว่าในมือของตัวเองยังกำเสื้อผ้าที่เขาเย็บให้ชานยอลเอาไว้ในมือแน่นไม่ยอมปล่อยแม้กระทั้งตอนนี้

     

    “อ้าว..เป็นไง ฟื้นแล้วหรอเห็นคริสอุ้มมาหน้าตาตื่น หมอนั้นไม่เคยเจอเคสแบบนี้..อาการเดิมหรอเนี่ย..”เสียงนุ่มหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ทำให้แบคฮยอนรีบดีดตัวขึ้นมานั่งทันที พร้อมทั้งก้มหัวให้เบาๆกับรุ่นพี่ที่มีหน้าที่เฝ้าห้องพยาบาลในช่วงพักเที่ยง

     

    “ครับพี่อี้ชิง..ผมล่ะกลุ้มใจจนไม่รู้จะเอายังไงกับไอ้ลูกหมานี่ดีแล้วเนี่ย”คยองซูเป็นฝ่ายบ่นเลยได้แต่เห็นหน้าราวกับเด็กโดนดุของแบคฮยอนไปแทนจนอดนึกเอ็นดูไม่ได้

    “ท่าทางจะยากนะเนี่ย..”อี้ชิงส่ายหัวเบาๆก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง

     

    “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ให้นายเย็บชุดพี่เขาแล้ว..ถ้าเจอแล้วเป็นอย่างนี้จะส่งชุดให้คนอื่นทำต่อ”คยองซูบอกเสียงดุหากคนบนเตียงกลับทำหน้าตาตื่นตกใจ ส่ายหัวดิ่กกอดเสื้อตัวนั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

     

    รู้ดีว่าคยองซูเป็นห่วง..แต่เสื้อตัวนี้เขาตั้งใจทำจริงๆ แล้วเหตุการณ์วันนี้มันก็ไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้น ออกจะผิดแผนจากที่เคยตกลงกันไว้ด้วยซ้ำว่าคนที่ต้องติดต่อกับชานยอลตรงๆจะไม่ใช่เขา

     

    “ไม่เอาล่ะ..เอาชุดมาเถอะจิ๊มส์ฉันกลัว..ถ้าฉันไม่อยู่แล้วเกิดเรื่องแบบวันนี้อีกฉันจะทำยังไง..”คยองซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซึ่งปกติแบคฮยอนมักจะทำตามเสมอเพราะเขารู้ดีว่าคยองซูน่ะดุหรือบังคับเขาเพราะเป็นห่วงตลอด

     

    หากคราวนี้..คนตัวเล็กกลับกอดเสื้อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ดวงตาเล็กหรี่ลงพร้อมกับน้ำใสที่ค่อยๆไหลเอ่อออกมาจากดวงตาคู่เล็ก...เสียงสะอื้นเบาๆพร้อมกับหัวเล็กที่ส่ายไปมาช้าๆเป็นเชิงปฏิเสธ

     

    โอกาสแบบนี้ไม่มีทางจะวนกลับมาอีกครั้ง การที่เขาจะได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อคนที่เขารัก..ถ้าให้คนอื่นทำต่อคนอื่นจะตั้งใจทำเหมือนเขาไหม..จะทำได้ดีเหมือนที่เขาทำไหม.จะหลงลืมเข็มหมุดไว้บนเสื้อหรือเปล่า จะเย็บในจุดที่ต้องทำให้ละเอียด คำนึงถึงคนใส่ที่จะใส่แล้วสบายที่สุดอย่างที่เขาทำหรือเปล่า

     

    “แต่...”คยองซูทำท่าจะฝืน หากสายตาเว้าวอนที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเพื่อนที่เงยขึ้นสบกันทำเอาเขาอ่อนอกอ่อนใจ..คยองซูเป็นเพื่อนที่ดี ที่รักแบคฮยอนมากเพราะทั้งชีวิตเพื่อนแบบนี้คยองซูมีคนเดียวเหมือนที่แบคฮยอนคิดกับเค้า

     

    แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้จริงๆ..พอเห็นเจ้าลูกหมาเป็นแบบนี้ เขาเองก็หักหาญน้ำใจเพื่อนตัวเองไม่ลงจริงๆ เลยเลื่อนมือตัวเองที่ลูบหัวอีกคนอยู่มากำมือบางนั้นแทน

     

    “โอเคๆ...เค้าเข้าใจแล้ว เฮ้อ..เหนื่อยใจกับนายจริงๆ จิ๊มส์”คยองซูพูดแล้วจึงพิงพนักเก้าอี้กอดอกอย่างเหนื่อยใจที่อดใจแข็งห้ามเรื่องชานยอลไม่ได้เสียที

     

    ท่าทางคงห้ามยาก..และดูห้ามไม่ได้อีกตลอดกาลเลยล่ะ

     

    ....................

    ...........

    ...

     

    อย่างว่าตอนนี้..คยองซูจึงหลุดโผจากการเขียนบทมเป็นคนทำเสื้อและเป็นลูกมือแบคฮยอนบ้างในบางครั้งเพื่อคอยเฝ้ามองเพื่อนตัวเองให้อยู่ในสายตาเสมอ

     

    สายตาโตหวาดระแวงจนเข้าขั้นหนัก เป็นหนักทุกครั้งที่ใครมาเคาะประตูเลยด้วยซ้ำไป..และช่วงนี้เป็นช่วงอันตราย..ช่วงที่ฝนตก อย่างยิ่งฝนที่หลงฤดูมา จะเป็นช่วงที่แบคฮยอนสภาพร่างกายตกต่ำสุดๆไปเลย

     

    ฝนฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงกระทันหันตลอดและอย่างยิ่งมวลน้ำในอากาศหนาแน่น ทำให้ความกดอากาศสูงมากเกินไป แบคฮยอนจะหายใจลำบาก แถมอากาศชื้นๆอย่างนี้หวัดและไวรัสล่ะถามหาอย่างกับเพื่อเก่าที่มาประจำปีประจำชาติเลย

     

    น่าเบื่อว่าไหม..นั่นเป็นกฎที่คยองซูจดไว้หนึ่งในยีสิบข้อแรกที่สำคัญ ดอกจัญตัวใหญ่ๆ ขีดเส้นใต้สามเส้นเลยขอบอก ช่วงนี้เป็นช่วงอันตรายมากๆ ซึ่งแบคฮยอนจะมีของเล่นประจำตัว คือกระดิ่งข้อมือใส่เอาไว้เสมอ เชื่อเถอะ..กระดิ่งเงียบเมื่อไหร่สัญญาณอันตรายเกิดแน่ๆ คือนางไม่เป็นลมก็หอบหืดกินล่ะคับ

     

    “....”เสียงถอนหายใจเบาๆทำให้คยองซูหันควับไปมองทันที ดวงตากลมโตจ้องมองดวงตาเล็กที่ดูหงอยๆลงจากวันที่ได้เจอรุ่นพี่ชานยอล ผ่านมาอาทิตย์กว่า..สังเกตได้ชัดเลยว่าแบคฮยอนดูซึมลง ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะช่วงฝนหลงฤดู ร่างกายเลยอ่อนแอ แถมช่วงนี้..โซรยองก็เทียวไล้เทียวขื่อเพื่อเขาหลังจากได้รับรอยยิ้มแรกไป เรียกว่าว่างจากงานกรรมกรก็มาคอยตามประกบเพื่อนเขาตลอดจนน่าหมั่นไส้ที่สุด แต่อย่างน้อยไอ้นั่นมันก็จริงใจดี แถมตลกด้วยแบคฮยอนยังแอบหัวเราะบ่อยๆกับความปัญญาอ่อนของมัน

     

    แต่บอกเลยแววตามันไม่ใช่นะ..ตาหวานสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทำลายความสุขของแบคฮยอน

     

    คนที่โดนจ้องเองก็เงยหน้ามามองเพื่อนตัวเอง สองคนนี้มักมีสายใยอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกถึงกันจนบางทีก็อยากถามว่าความจริงจากพ่อแม่ ว่าเขาสองคนเป็นฝาแฝดคนละฝากันหรือเปล่านะ

     

    “...”คนตัวเล็กเอียงคอมองเพื่อนน้อยๆ ดวงตาเล็กนั้นมองยากก็จริงแต่กลับไม่เป็นประกายอย่างที่ควรเป็น ทำให้แบคฮยอนยิ้มอ่อนๆออกมาอย่างปกปิดไม่มิด

     

    “มีเรื่องอะไรวันที่เจอกับพี่ชานยอลแล้วจิ๊มส์ไม่ได้เล่าให้เค้าฟังใช่ไหม..”คยองซูถามเสียงขุ่นขึ้นมาจนคนตัวเล็กอีกคนยิ้มบางๆอย่างลุแก่โทษ เหมือนเด็กโดนจับได้ว่าทำผิด

     

    “ทำไมเป็นแบบนี้..ทำตัวไม่น่ารักเลยจิ๊มส์”คนตาโตทำน้ำเสียงติดออกจะงอนอีกฝ่ายเอาเสียมากๆ จนอีกคนต้องยกมือขึ้นมาประกบทำท่าขอโทษหลายๆครั้งคยองซูมักรู้ว่าเขาเป็นอะไรเสมอ..แม้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยซักคำ

     

     โด คยองซูเป็นใครซักคนที่เราแค่มองตาเขาก็รู้ใจ เพื่อนที่ดีที่สุดของ บยอน แบคฮยอน

     

    “ไม่ต้องเลย..พี่ชานยอลพูดอะไรหรือทำอะไรมาให้จิ๊มส์คิดมากไม่สบายใจใช่ไหม..”คยองซูว่าอีก จนอีกคนพยักหน้าเล็กน้อยตอบรับว่าเพื่อนเขาพูดถูกจนคยองซูได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

     

    คนตัวเล็กแสนแสบนั้นทำท่าคิดน้อยๆหลังจากรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอียงคอไปเอียงคอมาอยู่หลายตลบ เอียงอยู่อย่างนั้นจนคนที่รอคำตอบเอียงไปมาตามเพื่อนอีกแรง

     

    “นายว่าโซรยองเป็นไงบ้าง..”คยองซูหันมาถามเพื่อนในขณะที่คนตัวเล็กก็คิดบ้างก่อนจะพยักหน้ายิ้มๆ หัวเราะอ้อมแอ้มเบาๆ ก็นึกถึงหน้าของโซรยองทีไรมันตลกทุกทีเลย

     

    โซรยองชอบทำตัวตลกใส่เขา ให้เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ตลอดเลยนี่นา แค่ไม่ชอบให้แตะตัวมากเกินเท่านั้นเอง

     

    “งั้นหรอ..”คยองซูเหล่ตามองเพื่อนตัวเองอีกครั้ง แล้วกลับไปคิดทบทวนไปมาบางอย่างในหัวตัวเองอีกซักรอบ ทบทวนแล้วทบทวนอีกไปๆมาๆอยู่อีกซักนิดจึงหันไปมองเพื่อนอย่างเต็มตา

     

    “จิ๊มส์...จิ๊มส์ไม่เคยคิดจะบอกความรู้สึกกับพี่ชานยอลเลยใช่ไหม..”คำถามที่ทำให้คนตัวเล็กยิ้มบางๆ ยิ้มงามๆที่บางเบาเหลือเกิน จริงใจและอบอุ่นเต็มไปด้วยความรักที่ไม่เคยหวังสิ่งใดเป็นการทดแทนแม้แต่นิดเดียว

     

    รอยยิ้มนี้ที่คยองซูอยากให้ชานยอลได้เห็นซักครั้ง เขาเชื่อว่าชายคนนั้นจะตกหลุมรักเพื่อนเขาอย่างแน่นอน

     

    “นั้นซินะ...ถ้าอย่างนั้น ถ้าตัวเองจะคบกับคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะ ถ้าพี่ชานยอลเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่อยู่ในความฝันของจิ๊มส์...”คยองซูพูดเว้นจังหวะเล็กน้อยเอาไว้ให้คนน่ารักขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยอย่างถึงที่สุดจนคยองซูยิ้มกับใบหน้าลูกหมาสงสัยตรงหน้า

     

    และถ้าคยองซูจะลองเสี่ยงกับความจริงใจของโซรยองดูก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง

     

    “ถ้าวันนี้โซรยองทำอะไรให้จิ๊มส์หัวเราะได้...จิ๊มส์ลองเรียกชื่อโซรยองดูซักครั้งซิ...”

     

    **********************************************************************************************

     

    TBC ตบไหม...ตบคนแต่งเลยไหม อีนี้..บังอาจ!!! แล่วๆๆๆๆๆๆ เอาล่ะเมิง..จะอต่งตอนต่อไปยังไงล่ที่นี้แต่งออกมาเป็นแบบนี้ ไปลุ้นเอาเองนะคับ

     

    โวยวายได้ที่ #ฟิคโค้ก นะค้าบบบบบบบ ขอบอกคนแต่งสวย..แต่ไม่น่าคบมากๆ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×