ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC EXO} All of my pleasure about ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #9 : - Adrenaline - 9 Chanbaek

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 57



    Adrenaline

     

     

    9

     

     

     

     

    ชานยอลนั่งกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดแน่นหนา เสียงรอยเท้าย้ำใกล้เข้ามาทุกที เสียงรองเท้าคอมแบทที่เป็นเอกลักษณ์บอกได้ไม่ยากว่าเป็นใครที่กำลังมาถึงในไม่ช้า

     

    แบคฮยอนมุดหน้าลงกับอกอุ่นของอีกคน น้ำตากำลังไหลรินออกจากตาคู่สวย อกชายหนุ่ที่ตอนนี้เปลือยเปล่าเนื่องจากคนทั้งคู่แบ่งปันชุดนอนที่ใส่ เสื้อเป็นของแบฮยอนและกางเกงเป็นของเขา

     

    เพราะฉะนั้นเนื้อกายของเขากำลังรองรับน้ำตามากมายของอีกคนที่มันกำลังไหลริน เสียงสะอื้นไห้นั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟังแต่ดังชัดในใจชานยอล

     

    “อย่าร้องไห้เลยนะ..อย่าร้อง..”ชานยอลกระซิบบอกลูบหลังบอกที่กอดเขาเอาไว้แน่น ปลอบประโลมร่างน้อยๆที่สั่นไหวจนใจของเขาไม่ดี แต่พยายามเท่าไหร่อีกคนกลับไม่ยอมพูดเอาแต่ร้องไห้และกอดเขาอย่างนี้

     

    กลิ่นคาวเลือดและความตายที่รายล้อมมันน่าสะอิดสะเอียนเสียจนเกินทน..หากมันก็ไม่ร้ายเท่าหนึ่งหยดน้ำตาของพยอน แบคฮยอนเลย

     

    “ขอร้อง…อย่าร้องให้อีกเลยนะ..ฉันบอกเธอแล้วไงทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี…ไม่เชื่อใจฉันหรอ”ชายหนุ่มดึงตัวอีกคนให้ออกห่าง อยากเช็ดน้ำตาให้ดวงหน้าเล็กนั้นเหลือเกิน

     

    หากแบคฮยอนกลับส่ายหน้าไปกับแผงอกกว้างนั้น สอดมือกระชับกอดอีกคนให้แน่นกว่าเดิม ความกลัวกอบกุมหัวใจดวงน้อยอย่างไม่ลืมหูลืมตา กลัวที่สุดคือการต้องพรากจากคนที่เขาบอกตัวเองว่าคนนี้คือคนที่เขาจะรัก และเรียกว่าบ้านหลังสุดท้ายของเขา

     

    ถ้าหากเขาคลายแขนออก..จะมีใครมาพรากเราให้จากกันไหมไม่มีใครรู้ ครั้งก่อนสัญญาว่าจะกลับมารับ แต่ครั้งนี้เล่าอะไรจะกล้ารับประกันว่าชายหนุ่มจะสามารถกลับมาหาเขาได้อีกหรือไม่

     

    ไม่มีเลย…เพราะอย่างนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยมือ

     

    “แบคฮยอน..เชื่อใจฉันนะคนดี เชื่อใจฉันนะ..”ชานยอลกดจูบลงที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆ กลิ่นน้ำตาจางๆทำให้เขาปวดใจเหลือเกิน ปวดใจกว่าครั้งก่อนที่เคยเป็นเพียงคนพิการเศร้าสร้อยเสียอีก

     

    เสียงปลอบใจและถ้อยคำอ่อนโยนทำให้แบคฮยอนยอมคลายแขนออกเบาๆ เหลือบตามองหน้าคมหล่อที่มีสายตาทอดอ่อน แบคฮยอนได้แต่กัดปากตัวเองแน่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อคลอหน่วยอย่างหน้าสงสาร

     

    มือบางคู่นั้นยกขึ้นเบาๆปลายนิ้วเล็กค่อยๆแต่ไปที่แก้มของชายตรงหน้าลูบไปตามไรผมและกรอบหน้า ดวงตาคม ไม่ว่าจะเป็นข้างแก้ม..จนถึงปลายคาง

     

    ชานยอลมองตามดวงตาเล็ก เขารู้ว่าอีกคนกำลังทำอะไร คนตัวเล็กกำลังจดจำใบหน้าของเขา จดจำทุกรายละเอียดที่มีอยู่ เขารู้ดี..และเขารู้ว่าอีกคนทำมันด้วยความรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน

     

    “..ช..ชานยอล”แบคฮยอนส่ายหน้าเบาๆทั้งที่ดวงตายังจับจ้องอีกคนอยู่ไม่ยอมหลบ

     

    เจ้าของนามจึงเอื้อมปลายนิ้วแข็งแรงของตัวเองปาดเจ้าน้ำใสที่ปลายตานั้นออกอย่างเบามือ โน้มตัวลงกดจูบที่หน้าผากเกลี้ยงของอีกคน เป่ามนตร์ด้วยลมหายใจให้อีกคนคลายกังวล แล้วจึงจ้องตาอีกฝ่ายด้วยสายตาแน่วแน่

     

    “มันจะต้องไม่มีอะไร..ฉันจะไม่ให้ใครพรากเราจากกัน..เธอเชื่อฉันนะ..ถ้าใครมันพรากเราจากกัน ฉันจะตามไปฆ่ามันเอง..ฉันสาบาน”ชานยอลยิ้มและกระชับมือที่จับมือเล็กนั้นแน่น ให้อีกคนคลายกังวลแต่สำหรับแบคฮยอนเขาเชื่อมันได้ไม่สุดใจเลยซักนิด

     

    ตึง!!!

    “หยุด…อย่าขยับ!!!!...ทิ้งอาวุธลงเดี๋ยวนี้!!!เสียงตะคอกดังทำเอาคนตัวเล็กผวาเฮือก กอดอีกคนไว้แน่น..วินาทีนี้เขาอยากมีเวทมนตร์เสกให้เขาและชานยอลหายไปอยู่ที่ใดก็ได้ที่ไม่แค่เราสองคนเท่านั้น

     

    ชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าอ่อนโยนเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที เขามองที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏ์ด้วยวายตาไม่สบอารมณ์นัก มือที่กำปืนกระบอกเดียวนั้นกำมันแน่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตั้งมันในท่าทางที่พร้อมจะรบพุ่งแต่อย่างใด

     

    “ทิ้งอาวุธลงเดี๋ยวนี้!!!”เสียงเข้มแข็งยังคงสั่ง ชานยอลมองอย่างหัว เขาไม่ได้หัวเสียที่โดนตะคอกแต่ไอ้ตำรวจเฮงซวยนั้นกำลังทำให้แบคฮยอนของเขากลัว

     

    คนตัวเล็กกอดเขาแน่นและตัวสั่นราวกับลูกนก

     

    ร่างสูงจึงตัดสินใจปาไอ้อาวุธในมือลงพื้นแบบไม่เต็มใจนัก จนเจ้าหน้าที่สะดุ้งเฮือก ศพนอนตายเกลื่อนห้องเห็นแค่คนสองคนกำลังนั่งกอดกันและ..ในมือชายคนหนึ่งมีปืน และชายคนดังกล่าวกำลังมองเขา อะไรบางอย่างตรงหน้ากำลังแสดงให้เห็นอย่างกับว่าชายคนนี้ไม่ใช่คน

     

    “ถอยไป!!  ถอยไปเดี๋ยวนี้ พวกแกนี่..ยังไง ไปปิดล้อมสถานที่ตรงนี้ฉันจัดการเอง!!!”เสียงสั่งการดังแว่วมา ก่อนที่นายตำรวจยศใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดสูทจะก้าวเข้ามาควบคุมพื้นที่เสียแทน

     

    ซึ่งนายตำรวจชั้นผู้น้อยจึงทำตาม ซึ่งเมื่อพ้นหูพ้นตา เจ้าหน้าที่ผู้มาใหม่จึงก้าวเข้ามาแทนที่ เขาเดินข้ามศพที่นอนกองอยู่ตั้งแต่ประตูบ้านไปจนถึงตัวของเจ้าของที่พักอาศัยตัวจริง

     

    เสียงรองเท้าหนังก้าวเดินมาจนประชิดตัว แบคฮยอนไม่ได้มองภาพอะไรทั้งนั้นเขาเอาแต่ซุกตัวอยู่กับชานยอล ความคิดแบบเด็กๆของเขาบอกกับตัวเองว่าหากใครจะพาชานยอลไป

     

    ต้องข้ามศพเขาไปเสียก่อน

     

    “ผมต้องขอควบคุมตัวคุณไปโรงพัก..”เสียงทุ้มเข้มบอก ทำให้แบคฮยอนตัวชาใจหายวาบ

    “ไม่..อ..อย่า..อย่า…ฮ…ฮึก..ไม่ให้”แบคฮยอนกระชับกอดแนบแน่น สะอื้นฮักทันทีที่วินาทีที่เขากลัวมาถึง หากแขนแกร่งที่กอดกระชับแม้จะอุ่นใจแต่ก็ไม่คลายความกลัว

     

    “คุณ..ครับ..”

    “ถ้าคุณยังไม่หยุด คราวนี้คุณจะไม่ได้พูดอีกต่อไปแน่ คุณมินโฮ”ชานยอลบอกน้ำเสียงเรียบกรุ่นโกรธขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังจะร้องไห้อย่างจริงจังสะดุดหู

     

    “โถ..ผมแค่อยากลองทำตามหน้าที่จริงๆของผมบ้างนี่ครับ..”อีกฝ่ายบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีดูไม่เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าซักเท่าไหร่นัก

     

    แบคฮยอนเงยหน้ามองชานยอลก่อนจะมองไปยังคนมาใหม่ ชายร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้กัน หากร่องรอยอารมณ์ดีนั้นทำให้แบคฮยอนกันกลับมามองที่ชานยอลด้วยสายตาใคร่รู้

     

    “เห็นไหม..ฉันบอกแล้วมันจะต้องไม่เป็นไร”ชานยอลระบายยิ้มอ่อน จับปอยผมที่ยุ่งเหยิงของอีกคนให้เข้าที่ บางส่วนก็จับมันไปทัดหูด้วยความอ่อนโยน

     

    “เอาล่ะครับ ผมต้องขอเชิญตัวคุณชานยอลให้ทำรายงาน..ครั้งนี้ดูเลยเถิดไปหน่อยนะครับ”มินโฮว่าพลางมองสถานการณ์รอบด้านด้วยสายตาประเมิน

    “คนของพวกนายมันไม่ได้เรื่อง ใบสั่งมาแล้ว..ฉันบอกตั้งแต่ตอนรับงานแล้วว่าให้ฆ่าสอง ไม่เชื่อกันเอง ถ้าเรื่องราวใหญ่โตอย่ามาโทษกันนะ”ชานยอลบอกเป็นเชิงข่มขู่ จับพยุงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน

     

    “ครับผมทราบดี แต่ตอนนี้เราต้องเอาตัวคุณออกจากที่นี้ก่อนนักข่าวจะแห่กันมาเถอะครับ ดีที่สุดต่อองค์กรของเรา โชคยังช่วยที่ได้บ้านี่มันไม่รู้เรื่องอะไร แค่คิดแก้แค้นอย่างเดียว”มินโฮมองร่างไร้วิญญาณของซึงกีแล้วกลับถอนหายใจ

     

    ทั้งอนาจและโล่งอก

     

    “แต่ฉันต้องเอาแบคฮยอนไปด้วย”ชานยอลยื่นคำขาด ในขณะที่มินโฮตาโต

    “ต…แต่…ครับๆๆ ไปด้วยก็ไปครับ รีบไปเถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง..ผมเป็นคนกลางที่รับผิดชอบคุณรู้ไหมครับ..คุณควบคุมยากที่สุดเลย”มินโฮบอกด้วยใบหน้าหนักใจหากเขากลับพาชานยอลและแบคฮยอนออกทางลิฟฟ์ขนของอย่างรวดเร็วตามด้วยคนคุ้มกันอีกสองสามคน

     

    พร้อมเดินทางไปยังสำนักงาน…

     

    ………………….

    ………….

    …..

     

    การรายงานเป็นไปด้วยดีและแน่นอนทุกอย่างอยู่ในสายตาของพยอน แบคฮยอนที่มองด้วยความเป็นห่วงและสงสัย แม้จะถูกจับแยกกันแต่แบคฮยอนเองก็สามารถมองจากอีกห้องได้อย่างสบายใจ

     

    สำนักงานตำรวจลับที่เขาทั้งคู่ถูกพามาซึ่งคนตัวเล็กไม่รู้ด้วยซ้ำว่มันอยู่ส่วนไหนของประเทศ ถูกปิดตาพามาแต่เขาก็ยอมเพราะคนที่ปิดตาและกอดเขาเอาไว้เป็นชานยอล

     

    “กำลังสับสนหรือครับ”มินโฮเดินมายืนเคียงข้างมองดูชานยอลผ่านกระจกเดียวกันกับแบคฮยอนหากคนตัวเล็กไม่ตอบ ใช้การพยักหน้าแทนเท่านั้น

     

    “เป็นผมผมก็งงครับ..แต่เอาอย่างนี้คุณชานยอลวานผมมาอธิบายให้ฟัง ระหว่างนี้อาจใช้เวลาซักระยะที่จะต้องตรวจสอบปากคำของเขา..”มินโฮเดินนำอีกคนมานั่งก่อนส่งแฟ้มให้

     

    “นี่ครับ ที่คุณควรอ่าน..”

     

    มือเล็กเปิดแฟ้มที่มีการเขียนที่ด้านหน้าเอาไว้ว่าลับสุดยอด อันดับสาม..ของหน่วย Purge

    ข้างในเป็็นประวัติโดยละเอียด ชื่อจริง นามสกุล ส่วนสูง น้ำหนัก ประวัติการรักษาโรค หรือแม้กระทั้งประวัติการทำงานของชานยอลโดยละเอียดละออ

     

    แบคฮยอนพลิกมันไปมาอีกสองสามแผ่นและมองหน้ามินโฮ เขายังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดีจนมินโฮยิ้มกว้างออกมาด้วยบุคลิกของคนอารมณ์ดีเป็นนิจ

     

    “คือ..อย่างแรกสบายใจได้ครับ เขาไม่ถูกตำรวจจับแน่นอน..ความจริงยศเขาใหญ่กว่าผมอีกครับ..ถ้าเทียบระดับนะครับ”มินโฮพูดติดตลกแต่เห็นหัวคิ้วขมวดพร้อมเอียงคอเลยต้องรีบพูดต่อ

     

    “คุณชานยอลเป็นมือปืนของทางรัฐบาลครับ เขาได้รับการฝึกฝนมาด้วยตนเองในระดับหนึ่งก่อนทางการของเราจะเจอตัวของเขา..และความกล้าหาญและใจเด็ดของเขาทำให้เราต้องการตัวเข้ามาในหน่วย Purge ของเราครับ”มินโฮรับแฟ้มของชายหนุ่มเข้ามาก่อนจะเก็บมันเข้าโต๊ะพร้อมลงกลอนอย่างดี

     

    “สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นการยากที่พลเรือนคนหนึ่งจะแฝงตัวเพื่อกวาดล้างอาชญากรในสังคม เราเลยตั้งหน่วยนี้ขึ้นมาครับ และการใช้พลเรือนทั่วไปและนำมาฝึกนั้นยากต่อการตรวจสอบและเปิดโปง แต่น้อยคนจะตอบรับเพราะการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่าย..”มินโฮยิ้มเศร้าขึ้นมาเพราะเขากำลังพูดถึงเรื่องของจิตใจ

     

    แบคฮยอนเองก็คิดตาม…ใช่ซินะแต่อยู่ดีจะไปฆ่าใครไม่ใช่เรื่องง่าย ยกเว้นแต่..

     

    “ครับ คุณชานยอลรับข้อเสนอของเราอย่างไม่ต้องสงสัย ทัศนคติของเขาในบางเรื่องเป็นเรื่องซับซ้อน และการฆ่าคนโดยไม่ผิดกฏหมายนั้นเป็นสิ่งที่เขาสนใจ จึงตอบรับครับ เขาทำงานเนี้ยบและไม่มีการผิดพลาดเลยหากเพราะด้วยความพิถีพิถันและช่างเลือกงาน จึงทำให้เป็นอันดับสามเท่านั้น”มินโฮเอ่ยออกแนวจิกกัดเบาๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

     

    “โดยปรกติแล้วทางเราจะกันญาติพี่น้องเอาไว้เป็นความลับเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนทางจิตใจ แต่อยากให้คุณมองว่า เราเป็นตำรวจหลายครั้งที่เราได้วิสามัญฆาตกรรมอาชญกรร้าย เรามองเขาเป็นฮีโร่ ในกรณีของคุณชานยอลก็ขอให้มองเขาอย่างนั้นเหมือนกันครับ"มินโฮบอกด้วยรอยยิ้ม

     

    เขารู้ย่อมรู้ดีว่า คนอาจมองว่าชานยอลเป็นฆาตกร เขารับข้อเสนอที่จะปลิดชีพคนอย่างง่ายๆ แต่หากมันขัดกับหลักการและคนร้ายไม่ใช่พวกที่เลวร้ายจนเกินรับชายหนุ่มคนนั้นก็เลือกจะปฏิเสธ หากการแสวงหาความตื่นเต้นของชีวิตก็อดไม่ได้ที่ชานยอลจะตอบรับเข้ามาในหน่วย

     

    แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆอย่างพยายามจะเรียบเรียงทุกอย่างเข้าสมอง..เขาดีใจและโล่งใจที่สุดที่รู้ว่าชานยอลจะปลอดภัย

     

    แต่เรื่องวันนี้ก็ทำให้หนักใจไม่มากก็น้อย..ถ้าเกิดชานยอลไปทำงานอีก..แล้วไม่กลับมาล่ะจะทำยังไง และถ้าเรื่องเดียวกันในวันนี้จะเกิดอีกครั้งในอนาคตล่ะ

     

    “ไม่..ไม่อยาก..ให้..ทำ..”แบคฮยอนไม่ใช่คนพูดเก่ง เขามีปัญหาเรื่องการพูดยาวๆ แต่คนอย่างแบคฮยอนอ่านง่าย สเน่ห์น่ารักที่เจ้าตัวไม่รู้แต่มินโฮก็เชื่อว่าจุดนี้เป็นอีกอันที่ชานยอลรักคนตรงหน้า เพราะมันดูน่ารัก

     

    “ครับ..ผมว่า..ท่าทางแว่วๆมาว่าไม่ช้าหรือเร็วทางเราต้องเตรียมหาคนมาแทนที่มือวางอันดับสามจอมเรื่องมากเร็วๆนี้แน่ๆ วางใจเถอะครับ คุณแบคฮยอน..”มินโฮยิ้มใส่ตาอีกคน

     

    หากแบคฮยอนนี่ล่ะน่า..ได้แต่เอียงคออย่างสงสัยเสียจนสุดใจ

     

    *********************************************************

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×