คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : +++ introduction +++ #คู่รักนักฆ่า 100%
+++ INtroduction +++
เราสองคนแต่งงานกันมา 5 ปี อืม...ยังไงดีล่ะ ผมก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มเล่าจากตรงไหนดี งั้นแนะนำตัวก่อนเลยละกัน ผม ปาร์ค แบคฮยอน คุณฟังไม่ผิดหรอก เพราะผมเป็นภรรยาของ ปาร์ค ชานยอล สามีสุดรักสุดสวาทของผมเอง เราได้รู้จักกันตอนผมไปเที่ยวเยือนถิ่นยุโรป ส่วนเขานั้นไปสัมมนากับบริษัทที่นั่นพอดี มันเหมือนจะดูเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตก็ไม่รู้ที่ทำให้คนเกาหลีสองคนมาพบกันในดินแดนตะวันตกอันกว้างใหญ่ และที่น่าตลกกว่านั้นทั้งเขาและผมต่างหลงจากทัวร์ทั้งคู่ มันเป็นเรื่องพิเศษจริงๆ
เราตกลงที่จะเที่ยวร่วมกันตลอดห้าวันของทริปนี้ เพราะว่ามันคือกำหนดกลับของทั้งผมและเขา อ่า...มันเป็นห้าวันที่น่าประทับใจ เราจองโรงแรมระดับสี่ดาวราคาไม่ย่อมเยาเท่าไร แต่...ใครสนกัน เราไปเที่ยวและทำกิจกรรมด้วยกันหลายที่ทั้งปีนเขา ล่องเรือ ดูพิพิธภัณฑ์และอีกหลายๆอย่างจนถึงวันสุดท้ายก่อนกำหนดกลับบ้านเกิดของเราสองคน ภัตตาคารหรูจึงถูกใช้เป็นสถานที่ฝากท้องสำหรับมื้อค่ำแสนวิเศษ
ชานยอลเป็นคนพูดเก่ง ร่าเริงแต่ก็ดูอบอุ่นในคนเดียวกัน เขาตลกและออกจะกวนเล็กน้อยอย่างคนอารมณ์ดี เขาเข้าใจวางตัวไม่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวเรื่องงาน หรืออื่นๆจนเกินควร มีแต่เสาะหาเอาเรื่องราวต่างๆมาเล่าให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ เราจิบไวน์แดงสร้างสีสันให้กับมื้ออาหารหรูหรานี้
"เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ" เขาชวนผมออกไปเต้นรำ อย่างผมนี่นะจะให้เต้นรำ ฮ่าๆ มันออกจะน่าอายไปหน่อยมั้ย ผมเป็นผู้ชายเหมือนเขานะ อ่า...ถึงผมจะสูงเลยไหล่เขานิดเดียวก็เถอะ
"อ่า...คุณชานยอลครับ ผมเต้นไม่เป็น อีกอย่างเราก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ มันก็ดูน่าเขินเหมือนกันนะครับ” ผมไม่ได้อายหรอกนะที่จะเต้นกับเขา แต่แค่พูดเพราะว่ากลัวเขาจะต้องอายมากกว่าถ้าต้องมาเต้นกับผู้ชายด้วยกัน
"สำหรับผมคืนนี้คุณแบคฮยอนสวยที่สุด ผู้หญิงคนไหนในที่นี้ก็เทียบคุณไม่ติด อย่าอายเลยครับถือว่าผมขอนะ" เขายื่นมือมาแล้วยังส่งยิ้มเชิญชวน ไหนจะคำพูดเมื่อกี้อีกมันชั่งหวานหูพาใจสั่นจริงๆ สายตาพราวระยับของเขานั้นดึงดูดผมเต็มๆ
"ถ้าคุณพูดขนาดนั้น...ผมก็คงไม่ปฏิเสธ"
ผมส่งยิ้มหวานให้เขาวางมือของตัวเองลงฝ่ามือใหญ่ทั้งที่ใบหน้าเห่อร้อน เอาจริงๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รับคำหวานจากปากใคร แต่สำหรับคนๆนี้ไม่รู้ว่าเพราะเสียงนุ่มทุ้มมีเสน่ห์ บรรยากาศ เสียงดนตรี หรือไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ทำให้ผมมือไม้อ่อนและใจอ่อนยวบยาบขนาดนี้
"คุณรู้มั้ยว่าคุณมีอิทธิพลต่อผมมากขนาดไหน คุณดูไม่เหมือนคนอื่นๆ มีเสน่ห์ รอยยิ้มของคุณน่ารักซะผมหวั่นใจ" มือใหญ่จับมือของผมให้วางทาบลงบนหน้าอกข้างซ้าย เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูพาให้จิตใจผมปั่นป่วนไปหมด
"ฮ่าๆๆ คุณชานยอลนี่ปากหวานจังนะครับ เราพึ่งจะรู้จักกันได้สี่วันเองนะ แล้วพรุ่งนี้เราก็ต่างต้องแยกย้ายกัน เมื่อกลับไปแล้วเราก็จะไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้า หรือแค่คนรู้จักเท่านั้น" เราโยกย้ายตามจังหวะเพลงหวานซึ้งเหมาะกับเรื่องราวที่ราวกับฝันของเรา
"แล้วถ้าผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นล่ะ" ดวงตาทรงเสน่ห์จ้องลึกเข้ามาในดวงตาผมอย่างจริงจังไม่มีแววลังเลใดๆในดวงตาคู่นั้นสักนิด
"งั้นก็พิสูจน์สิครับ"
ผมช้อนดวงตาหวานสบตากับคนตรงหน้า ลมหายใจอุ่นร้อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆลดระยะห่างเข้าหากันและกันจนสันจมูกแตะกัน ความอุ่นร้อนแนบชิดเข้าที่ริมฝีปากของคนทั้งสอง จูบแผ่วเบาไม่รุกล้ำแต่กลับค่อยๆแนบแน่น เหมือนกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทั่วร่าง ร่างกายอ่อนเปลี้ยอย่างไม่เคยเป็น เนิบช้าแต่อ่อนหวานไม่ร้อนแรงแต่ก็พาใจเต้นรัวสั่นไหว ก่อนจะค่อยๆผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง
"ขอพิสูจน์แค่นี้ก่อนนะครับ" มือใหญ่ใช้ข้อนิ้วเกลี่ยแก้มใสแดงปลั่งแผ่วเบาอย่างเอ็นดูระคนหลงใหลพาเอาผมพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้าเขินๆเท่านั้น
เราเลือกที่จะค่อยๆเดินกลับโรงแรมแทนที่จะขึ้นรถแท็กซี่เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าที่สุด แวะนั่งเล่นที่สวนสาธารณะที่มีต้นไม้ประดับประดาด้วยไฟดวงเล็กๆอย่างงดงามราวกับจะหยุดเวลาไว้ได้ ใบหน้าเราสองคนลดระยะเข้าหากันอุกครั้งแต่ครั้งนี้ช่างแตกต่างกับครั้งที่แล้วมาก จูบหวานๆแปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงและโหยหามากขึ้น ก่อนที่เราจะสติหลุดลอย ขึ้นแท็กซี่มาถึงโรงแรมที่พักอยู่เมื่อไรไม่รู้
"อื้อ..ชะ..ชานคีย์การ์ดอยู่ในกระเป๋ากางเกง อื้อออ~"
ร่างสูงยอมผละริมฝีปากออกมาแต่กลับก้มลงซุกไซร้กดจูบซอกคอขาวของคนตัวเล็กโหมกระพือไฟอารมณ์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น มือใหญ่ล้วงมือหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงตรงบั้นท้ายอีกคน แตะคีย์การ์ดดันตัวอีกคนเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เจ้าของร่างทั้งสอบจัดการถอดปราการที่ขวางกั้นร่างกายของพวกเขาทั้งสองไว้ ขาเรียวเกี่ยวเอวหนาไว้ให้ร่างสูงพาสู่เตียงนอนนุ่มสบาย ร่างเล็กดูแดงปลั่งหวานเยิ้มด้วยความปรารถนาเช่นเดียวกับร่างสูงด้านบนที่พอเห็นคนตัวเล็กในสภาพแบบนี้ก็แทบคลั่ง
"อึก...ชานยอล ช่วยพิสูจน์กับแบคทีสิครับ"
สิ้นคำพูดนั้นค่ำคืนเร่าร้อนก็โหมกระพือไม่มีมอดหมดตลอดทั้งคืนจนเกือบฟ้าสาง
ยามเช้าของอีกวันผมตื่นขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหล่อเหลายามหลับเจ้าของค่ำคืนแสนหวานเมื่อคืนนี้ ผมใช้ฝ่ามือลูบแก้มสากของคนหลับ ไม่สิ...ที่คิดว่ากำลังหลับมากกว่าเพราะจู่มือใหญ่ก็ดึงมือผมไปจูบซะงั้น พร้อมกับดวงตาคู่สวยฉายแววกลุ้มกริ่มซะจนหน้าผมเห่อร้อนจนต้องระบายความเขินด้วยการตีไหล่หนาไปหนึ่งที
"โอ้ย! แบคฮยอนครับ คุณตีผมทำไมเนี่ย ผมเจ็บนะ" ปากบ่นเจ็บแต่ใบหน้าของชานยอลก็ยังคงยิ้มระลื่นอยู่ดี ...มันน่านัก
"ข้อหาน่าหมั่นไส้ไงคับ" เบ้ปากให้อีกทีหนึ่งก่อนจะพยายามที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ซี้ด...แค่ขยับตัวความเจ็บก็แล้นเข้าริ้วๆมาเป็นระลอก ปาร์ค ชานยอลคนบ้า วันนี้ผมยังต้องนั่งเครื่องกลับเกาหลีช่วงเย็นนะ เล่นเจ็บขนาดนี้แทบขยับก็น้ำตาจะไหลละ
"อย่าพึ่งรีบลุกสิครับ เจ็บมากมั้ยผมขอโทษนะ" กดจูบเปลือกตาซับน้ำตาที่เอ่อคลอของผมเบาๆ อ่า...ชานยอลอ่อนโยนจังนะ
"มะ..ไม่เป็นไร" อ่า...เอาอีกแล้วหน้าแดงมากแน่ ทำไมนายทำตัวเป็นสาวน้อยอย่างนี้นะแบคฮยอน
"มา ผมพาไปอาบน้ำให้ดีกว่าเนอะจะได้รีบไปกินข้าวกัน" ผู้ชายอ่อนโยนคนเมื่อกี้กลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์ทันตาพร้อมช้อนตัวผมขึ้นอุ้มเข้าห้องน้ำไป
"ชานยอลครับ ผมอาบเองได้ ไม่ต้องอาบให้ผมหรอก"
"ก็ผมอยากอาบให้ คุณจะได้ไม่เจ็บ อีกอย่าง อาบพร้อมกันไวกว่าด้วย" ในเมื่อผมเองก็หมดแรงจะเถียงก็เลยได้แต่พยักหน้าปล่อยให้ชานยอลทำตามใจตัวเองต่อไป
หลังจากกลับเกาหลีได้หนึ่งสัปดาห์เราสองคนก็ตกลงคบกัน เราสองคนเริ่มรู้สึกรักกันมากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน ประกอบกับความเข้าใจและความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวกันและกันเกินไปจนรู้สึกอึดอัด นั้นทำให้เราทั้งคู่คิดว่านี่แหละคนที่ใช่ วันครบรอบสามเดือนที่เราคบกันชานยอลทำเซอร์ไพรส์ขอผมแต่งงานกลางล้านอาหารหรูเหมือนบรรยากาศคืนนั้นที่แสนพิเศษของเรา อ่า....นี่แหละเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาได้จะห้าปีเต็มแล้วหลังจากวันแต่งงานของเรา แล้วถ้าคุณกำลังคิดว่าผมจะมาเล่าเรื่องราวความรักชีวิตคู่แสนหวานในห้าปีที่ผ่านมาคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ
"แบคครับมายืนคิดอะไรคนเดียวตรงนี้หืมที่รัก" น้ำเสียงทุ้มกับอ้อมกอดจากด้านหลังแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละ
"ชานอ่า ผมแค่คิดเรื่องเก่าๆนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอกที่รัก ไปอาบน้ำเร็วจะเจ็ดโมงแล้วเดี๋ยวอดกินข้าวเช้าพอดี" พูดจบก็ดันหลังสามีตัวสูงไปทางห้องน้ำไม่ลืมจูบที่แก้มสากอีกทีเป็นรางวัล
"ครับผม จะรีบออกมากินเลยที่รัก"
คุณกำลังอิจฉาผมใช่มั้ยล่ะ สามีผมน่ารักจะตาย...
.
.
.
.
เหรอ?
ไม่เลย...ข้อเสียเขามีเยอะแยะอย่างเช่น
“ที่รักเห็นกระเป๋าเอกสารผมมั้ย”
ตะโกนลั่นบ้านเพื่อถามหาของบ่งบอกถึงความไม่เป็นระเบียบ
“อยู่ในตู้เก็บของชั้นบนสุดไงครับ เมื่อคืนคุณทิ้งมันไว้บนโซฟา”
“อ่า...ขอบคุณนะที่รัก”
“แล้ววันนี้เรามีนัดอะไรช่วงเย็นจำได้มั้ย”
“เอ... ผมจำไม่ได้แหะ ไม่เห็นมีในตารางงานผมเลยนะ”
ขี้ลืม...หรือไม่ค่อยชอบจำเรื่องจุกจิกเหมือนพวกทำงานที่ในสมองก็มีแต่งาน
“ชานยอลอ่า วันนี้เรามีงานเลี้ยงการกุศลเครื่องเพชรตละกูลคิมไงครับจำได้มั้ย สี่โมงเย็นห้ามสาย ไม่งั้นล่ะก็ผมจะงอนจริงๆนะ งานนี้เพื่อนผมเป็นแม่งานด้วย”
ยู่ปากอย่างขัดใจปนข่มขู่คนรักน้อยๆเพื่อให้เขารู้ว่าผมทำจริงนะ
“ครับๆ ไม่สายแน่นอน ทานข้าวกันเถอะอีกสิบห้านาทีผมต้องไปทำงานแล้วนะ”
รีบนั่งลงทานข้าว แต่ก็ไม่วายเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน อ้อ...แต่ก็นะ ผมก็ติดแม็กบุคคู่ใจเหมือนกันถือว่าหยวนๆได้
“งั้นเย็นนี้เจอกันหน้าบ้านนะ เราจะได้ไปงานพร้อมกัน ทานเสร็จแล้วเอาจานไปไว้ในอ่างด้วยรู้มั้ย ผมไปหยิบเสื้อโค้ทให้”
“ครับ”
ผมเก็บจานอาหารเช้าไปไว้ในอ่างแล้วเดินไปเตรียมของให้คุณสามีที่กำลังตามมา
“ไปทำงานแล้วนะแบคฮยอน เดี๋ยวเจอกันตอนเย็น”
“รับทราบครับผม ขับรถดีๆนะที่รัก”
จุ้บแก้มส่งขึ้นรถไปหนึ่งแล้วยืนรอดูรถเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา
“เราก็ได้เวลาออกไปทำงานแล้วสินะ”
สำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงโซลที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงว่าจะมีหน่วยงานแบบนี้อยู่บนชั้นเจ็ดสิบของตึกสูงเสียดฟ้าแบบนี้
“ลู่หานฮยองครับ มีสายจากทางนู้นมาครับ จะให้ผมรับเรื่องเลยมั้ย”
โอ เซฮุน ผู้ช่วยคนสนิทของลู่หาน หัวหน้าขององค์กรนี้ที่มีพันธมิตรและสัตรูอีกหลายองค์กรเช่นกันบอกออกมาอย่างกระตือรือร้นด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะเมื่อมีสายแบบนี้เข้ามานั้นแปลว่าเราก็จะมีงานเข้ามาพร้อมทั้งเงินจำนวนมากสำหรับค่าตอบแทน
“รับเลยๆ อย่าช้า ถ้าเงินดีก็รับทำ ยากแค่ไหนไม่เกี่ยง”
หนุ่มหน้าหวานผู้ที่จริงๆแล้วไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงินขนาดนั้น ติดจะรวยด้วยซ้ำแต่ความงกนั้นไม่เคยเข้าใครออกใครเลยจริงๆ ที่ตั้งองค์กรทุกวันนี้ก็เพื่อเงินและความสนุกของตัวเองล้วนๆ เพราะลู่หานนี่แหละลูกชายมาเฟียใหญ่แห่งดินแดนมังกรเลยทีเดียว
“ครับๆ ฮยองขี้งก” บ่นอุบอิบแต่คนหูดีก็ยังคงหูดีเช่นเดิม
“ย๊า!!! โอ เซฮุน!” ปาทิชชู่ในมือใส่ลูกน้องตัวเองไปทีนึงแต่มันดันหลบทันซะงั้นแล้วยังรับโทรศัพท์หน้าตาเฉยด้วยซ้ำ
“ครับ... งานที่จะให้ทำเราขอฟังรายละเอียดและข้อเสนอได้มั้ยครับ ถ้าน่าสนใจเราก็จะรับทันที”
“ได้สิ... ฉันต้องการให้พวกคุณจัดการหาหลักฐานข้อมูลการค้าอาวุธเถื่อนของเจ้าพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ในเกาหลีนี้เพื่อต่อรองเจรจากับเขานิดหน่อย ที่แน่ๆเรามีรูปและชื่อเป้าหมายให้ แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด พาตัวเขามา และที่สำคัญเราต้องการจับเป็น เพราะมีเพียงคนๆนั้นเท่านั้นที่จะสามารถนำสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดมาให้ฉันได้ ส่วนค่าตอบแทนแปดหลักพอใจมั้ยครับ”
เซฮุนหันไปเลิกคิ้วใส่ลู่หานว่าสรุปสนใจมั้ยก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารักขัดกับงานที่ทำมาก ถึงจะบอกว่าจับเป็นก็ใช่ว่าจะไม่มีใครตายนะนี่บอกเลย
“ครับ เราตกลงจะทำงานนี้ ส่งข้อมูลมาให้เราได้เลย เราสัญญาจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
“แน่นอนครับ แต่ผมมีข้อแม้อย่างหนึ่งคือ....ผมจะส่งคนของผมไปร่วมทำภารกิจนี้ด้วยหวังว่าจะไม่มีปัญหา เขาชื่อเควิน วู พรุ่งนี้เช้าจะไปรอพบพวกคุณที่สนามแข่งรถ K-Group ตอนสี่โมงหวังว่าคุณจะร่วมงานกันได้ดีนะครับ”
“ตามนั้นครับ ขอบคุณ”
พูดจบเซฮุนก็วางสายลงแล้วหันไปมองเจ้านายหน้าหวานที่หน้าบูดไปแล้วตอนนี้
“อะไรกัน ไม่ไว้ใจฝีมือกันรึไงถึงต้องส่งคนมาคุมด้วยเนี่ย จะมาเป็นภาระรึป่าวเหอะ”
น้ำเสียงฮึดฮัดขัดใจเหมือนเด็กน้อยโดนแย่งของเล่นเปล่งออกมาอย่างหงุดหงิด นี่ใคร! ลู่หานนะ เก่งขนาดไหนไม่รู้รึไง
“นี่ฮยอง ถ้าเขาฝีมือไม่ดีจริงคงไม่ถูกส่งมาหรอก”
“ชิ ฉันไม่คุยกับนายแล้วไอ้น้องทรยศ เข้าข้างคนอื่น ถ้าหมอนั่นเรื่องมากพ่อจะอัดให้เละเลยคอยดู”
“ค้าบๆ ตอนนี้ข้อมูลเป้าหมายถูกส่งมาแล้วนะ” พูดจบก็รีบเปิดข้อมูลให้ลู่หานดูแต่นั่นกลับยิ่งพาให้ตกใจ
“ไหนๆดูสิ....!!! เป็นไปไม่ได้....คิม จงอิน เนี่ยนะ”
ฝากคอมเม้นท์ ติดแท็กด้วยนะคะ เพื่อกำลังใจ
ความคิดเห็น