คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : = [ Chapter 1 ] = >> กำเนิดองค์กรออคคิวไพท์
“8 ปีแล้วสินะ ที่เขาทิ้งพวกเราไป...”เสียงนุ่มของแวชายโด้รำพึงขึ้นเบาๆ เมื่อนึกถึงวันนี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
“นั่นสิ นึกไม่ถึงเลยเนอะ ว่าพวกเขาจะทำอย่างนั้นกับเราได้”เสียงหวานใสของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในวงสนทนา (?) ดังขึ้นต่อ
“ไม่รู้สินะ... ฉันยังนึกว่าเพิ่งผ่านมาไม่นานมานี้เอง ที่พวกเขาทำอย่างนั้นกับเรา”ชาร์ลอตเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นับตั้งแต่วันนั้นมา ระบบการคุ้มครองภายในวังและภายในตระกูลต่างๆก็แข็งขึ้นเยอะเลย”อาฟาเท้าคางแล้วถอนหายใจอย่างที่ไม่อาจจะบอกได้ว่าอยู่ในอารมณ์ใด...
“อืม... ก็นะ ถ้าเมื่อวันนั้น หมอนั่นไม่เอาข่าวมาบอก ป่านนี้ อังกฤษอาจจะไม่มีเอกราชแล้วก็ได้ล่ะมั้ง”แวชายโด้ คลี่ยิ้มเศร้าๆออกมาอย่างเจ็บปวด
8 ปีก่อน.....
ตระกูลเพรชเชิส ตระกูลขุนนางใหญ่ที่เก่าแก่ตระกูลหนึ่งที่รับใช้ให้กับราชวงศ์ของอิตาลีมานาน...
“คาออส ท่านจงไปจัดการกับอังกฤษให้มาอยู่ภายใต้อำนาจของเราซะ”คิงแห่งอิตาลีเอ่ยเสียงก้องกังวาน
“เหตุใดพระองค์ถึงต้องการที่จะยึดครองอังกฤษพะยะค่ะ”เสียงของชายวัยกลางคน นามว่า คาออส ดังขึ้นถามนายเหนือหัวของตน
“เพราะ พวกมันขวางหูขวางตาในการดำเนินงานต่างๆของเราเสียจริง”เสียงของผู้สูงศักดิ์ตอบกลับมา ดวงตาคมฉายแววแข็งกร้าว “ทั้งที่นางไม่ได้เข้มแข็งอะไร ถ้าไม่มีไอ้ห้าตระกูลนั้นเกื้อหนุน นางก็ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาที่อ่อนปวกเปียกแท้ๆ”
“ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมรับด้วยเกล้า พะยะค่ะ”คาออสรับพระบัญชาด่วน ที่ทำให้ตัวเขาต้องออกจากบ้านมาในเวลาดึกดื่น ค่ำคืนเช่นนี้ แล้วเขาก็ออกจากท้องพระโรงกลับสู่คฤหาสน์ของตนเพื่อวางแผนการก่อการจราจลที่อังกฤษกับภรรยาของตน
“ว่าไงนะค่ะ ท่านพี่”คาร่า ชายาคนงามของคาออสร้องเสียงลั่น หลังจากที่นางได้ฟังพระบัญชาของคิงจากปากสามีของนาง “คิงให้เราไปจัดการกับทางอังกฤษเช่นนั้นหรือ”
“ใช่”คาออสตอบรับเสียงนิ่ง มือหนากุมขมับอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะค่ะ ที่เราจะสยบทางโน้นมาอยู่แทบเท้าของเราได้น่ะ”เสียงสูงยังดังขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ “ทางโน้นเขามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ทั้งอาวุธ กำลังคน ผู้นำ แล้วเราจะไปสู้เขาได้อย่างไรกัน”
“น้องคาร่า ทางนั้นเขามีตระกูลผู้ปกครองอยู่ ห้าตระกูลใหญ่ ซึ่งถ้าเราล้มสามในห้าของตระกูลขุนนางเก่าแก่นี้ได้ ทุกอย่างก็จบ”เสียงทุ้มเอ่ยอธิบายอย่างเชื่องช้า “เพียงแต่ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าตระกูลไหนทำอะไร และหาตัวจัดการได้ง่ายที่สุด”
“เรื่องนั้นถึงทางอังกฤษ ค่อยดูก็ได้นะค่ะ ท่านพี่ ตระกูลไหนที่เข้ามาใกล้ชิดเราที่สุดในเวลาต่างๆ ก็จัดการไปเรียงคิวเลยก็ได้นิค่ะ”คาร่าเสนอความเห็นขึ้น เมื่อสามีของนางเอ่ยจบ
“น้องหมายความว่า เราจะทำเหมือนไปเจริญสัมพันธไมตรี แล้วค่อยๆจัดการตระกูลทั้งห้านั้นไปเรื่อยๆจนหมดใช่หรือไม่”คาออสถามกลับ เพื่อความเข้าใจตรงกัน
“ค่ะ”
“อืม... ก็ถูกของน้องนะ งั้น พี่ว่า เราพาลูกจาพิวราไปด้วยดีไหม”เสียงทุ้มเอ่ยถึงบุตรีคนเดียวของเขาอย่างอ่อนโยน “ถ้าพาเด็กไปด้วย ทางนั้นคงจะวางใจมากขึ้นอย่างแน่นอน”
“นั่นสิค่ะ”คาร่าพยักหน้ารับน้อยๆอย่างเห็นด้วย “แต่เราจะบอกลูกเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาดนะค่ะ มิเช่นนั้นลูกคงไม่ยอมเป็นแน่”
“ได้ เอาตามนี้แล้วกัน อีกสองวันค่อยเดินทาง”
“เดี๋ยวน้องจะบอกลูกพรุ่งนี้นะค่ะ วันนี้ก็ดึกมากแล้ว ลูกคงนอนแล้วล่ะค่ะ”
“อืม งั้นเราก็นอนบ้างเถอะ”
สักพักทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อันแสนหวาน โดยหารู้ไม่ว่า ชะตาชีวิตของพวกเขานั้น กำลังถูกบั่นทอนลงเรื่อยๆเสียแล้ว...
2 วันต่อมา...
“เราหวังว่าท่านจะทำงานนี้สำเร็จนะ คาออส”คิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฝากความหวังเอาไว้เต็มที่
“กระหม่อมจะพยายามพะยะค่ะ”คาออสไม่อาจให้คำสัญญากับคิงได้ เนื่องจากว่าตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่
หลังจากจบบทสนทนานั้น คณะฑูตก็ออกเดินทางจากอิตาลีไปยังอังกฤษทันที และไม่มีการหยุดพักใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะได้พบกับควีนอลิซาเบธแห่งอังกฤษ
ในการเดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ พวกเขาเลือกใช้ทางเรือ เพื่อที่จะวางแผนอะไรต่างๆได้สะดวกมากกว่าบนเครื่องบินที่ใช้เวลาน้อยในการเดินทาง แล้วจึงค่อยเดินทางโดยรถที่ทางอังกฤษส่งมารับที่ท่าเรือ
“ราชอาณาจักรอังกฤษยินดีต้อนรับทุกท่านครับ”เสียงนุ่มนวลของบุรุษผู้หนึ่งที่ออกมาต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ เมื่อพวกเขาเดินทางเข้ามาถึงภายในราชวัง “องค์ราชินีอลิซาเบธกำลังรอท่านอยู่ในท้องพระโรง เชิญทุกท่านทางนี้ครับ”
แต่ยังไม่ทันที่คณะเดินทางจะได้ออกเดิน ก็มีร่างสูงของคนๆหนึ่งเดินตรงเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดฝีเท้าลง
“ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ กระหม่อมมีนามว่า เอ็นฟอย จะเป็นผู้นำทางทุกท่านไปยังท้องพระโรงครับ”เสียงทุ้มตามฉบับชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงไม่ดังมากนัก ก่อนที่จะหันตัวกลับไปที่ทางที่เขาเดินมาเมื่อครู่ “ตามผมมานะครับ”จบคำเอ็นฟอยก็ออกเดินไปยังท้องพระโรงอย่างไม่เร่งรีบนัก
“องค์ราชินีพะยะค่ะ คณะฑูตแห่งอิตาลีได้เดินทางมาถึงแล้วครับ”เอ็นฟอยทูลต่อองค์ราชินีที่ประทับอยู่บนบัลลังก์
“ขอบใจมาก เอ็นฟอย”เสียงใสดังขึ้นก้องกังวาน “ท่านไปนั่งประจำที่เถิด”
“พะยะค่ะ”เสียงทุ้มเอ่ยรับ แล้วหันกายไปค้อมให้กับคณะฑูตน้อยๆ ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ของตน
“ถวายบังคมพะยะค่ะ/เพค่ะ องค์ราชินีอลิซาเบธ”
“ทุกท่าน เชิญตามสบายเถิด”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
“วันนี้เชิญทุกท่านพักผ่อนก่อนเถิด เอาไว้วันรุ่ง เราค่อยมาคุยธุระกัน ดีไหม”ควีนยิ้มให้กับทุกคนในที่นั้นอย่างอ่อนโยน
“ดีพะยะค่ะ”คาออสเป็นตัวแทนของทุกคนในคณะทูลตอบควีนอย่างนิ่มนวล
“แล้วท่านต้องการผู้นำเที่ยวในเมืองของเราหรือไม่ ??” ควีนตรัสถามขึ้น ก่อนที่เหล่าผู้มาเยือนจะทูลลา
“เผื่อว่าทุกท่านอยากจะไปเที่ยวชมเมืองของเรา จักได้ไม่หลงทาง”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ แต่ขอให้ธิดาของกระหม่อมเพียงคนเดียวก็พอแล้วพะยะค่ะ”
“แวชายโด้ ชาร์ลอต อาฟา พวกเธอไปนำเที่ยวให้กับนางด้วยล่ะ อย่าคิดโดดงานนะ เข้าใจไหม”ควีนหันไปรับสั่ง พร้อมทั้งกำชับสามหน่อเสียงเย็น
“พะยะค่ะ/เพค่ะ”ทั้งสามตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“ถ้าเช่นนั้นฝากธิดาของกระหม่อมด้วยแล้วกันนะพะยะค่ะ” คาออสน้อมกายลงอย่างสง่างาม สมกับเป็นขุนนางชั้นสูง “พวกกระหม่อมทูลลา”
“เชิญ”องค์ราชินีตรัสยิ้มๆ แล้วผายมืออก พอพระนางทอดพระเนตรเห็นเหล่าคณะทูตออกไปจนหมด รอยริมที่ฉายอยู่บนพระพักตร์ก็จางหายไป
“เราไม่ได้พบเดย์เบรกสักคน มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ”
“ก็พระองค์มิได้เรียกพวกเขาให้มาพบนี่พะยะค่ะ”เอียริเอ่ยตอบองค์ราชินีเสียงนิ่งๆ
“พวกเขาจะมาพบพระองค์ก็ต่อเมื่อพระองค์เรียกใช้มิใช่หรือ”
“นั่นก็ใช่ เฮ้อ... เอาเถอะ แวชายโด้ ชาร์ลอต อาฟา พาแขกของเราไปเที่ยวชมเมืองซะสิ”ควีนตรัสเป็นนัยให้กับทั้งสาม ทำนองว่า มีเรื่องที่จะพูดคุยกับเหล่าคนสนิทเพียงลำพัง
“พะยะค่ะ/เพค่ะ”
แล้วทั้งสี่ก็ออกจากท้องพระโรงไป ควีนจึงเริ่มเปิดฉากการสนทนากับเหล่าขุนนางคนสนิททันที...
“เธอชื่ออะไรอ่ะ”ชาร์ลอตเปิดฉากการพูดคุยทันที ที่พบว่ามันเงียบเกินไปแล้วในเวลานี้
“เราชื่อ จาพิวรา”
“อืม... จาพิวรา เราชื่อ ชาร์ลอตนะ”
“เราชื่อ อาฟา จ้า”
“ผมแวชายโด้ ”บุรุษเพียงคนเดียวในวงสนทนาเอ่ยปิดท้าย
“จากนี้ไปจนกว่าเธอจะกลับอิตาลี พวกเราจะคอยเล่นกับเธอเอง”
“ขอบใจนะ”จาพิวรายิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน “แล้วนี่เราจะไปไหนกันเหรอ”
“จริงๆแล้วเรากะจะพาเธอไปเดินเที่ยวในเมืองน่ะ”อาฟาตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แต่คิดอีกที ไปกวนเวลดีกว่า เนอะ”
“เห็นด้วยยยย”แวชายโด้และชาร์ลอตเอ่ยสนับสนุนทันที
“ไม่เห็นตัวมาเกือบเดือนแล้ว แบบนี้ต้องลงโทษให้เข็ด”ชาร์ลอตพูดขึ้นอย่างมาดมั่น
“ชอบหายแวบ ไปโน่นมานี่ทุกที ให้ตายเหอะ”
“ช่ายยยย จะได้แนะนำหมอนั่นให้จาพิวรารู้จักด้วยยย”แวชาโดว์รับช่วงพูดต่อจากชาร์ลอตทันที
“เวลมันชอบอยู่เงียบๆคนเดียวเรื่อย...”
“ไม่ด้ายยยยยย เดี๋ยวประสาทกิน เพราะฉะนั้น...”อาฟาเว้นช่วงน้อยๆ ดวงตาฉายแววพราวระยับ
“ต้องป่วน”ทั้งสี่ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนใหม่อย่างจาพิวรายังเป็นไปอีกคน รีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักเล็กๆที่เวย์ชอบมานอนเอกเขนกอยู่คนเดียวเวลาว่างๆกันทันที แต่... ยังไม่ทันที่จะผ่านตัวเมืองไป ร่างเพรียวลมของคนๆหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ๆรถที่พวกเขานั่งกันอยู่
“แวชายโด้ ชาร์ลอต อาฟา ถ้าคิดจะไปหาเวลล่ะก็ เขาไม่อยู่หรอกนะ”เสียงใสๆราวกับระฆังดังขึ้น เมื่อพวกเขาเลื่อนกระจกรถลง
“พี่วีนัส แล้วเวลไปไหนกันล่ะค่ะ”อาฟาเอ่ยถามเบาๆอย่างเกรงใจ ถ้ารู้จักฤทธิ์ของแม่นางวีนัส พี่ชายคนโตแห่งเดย์เบรคกันดีล่ะก็ รับรอง ไม่มีใครกล้าหือ
“ทำธุระส่วนตัวที่ไม่อยากบอกให้ใครรู้น่ะ อีกไม่เกินสองวันคงจะกลับ ไว้อีกสักสิบวันค่อยมาใหม่แล้วกันนะ เผื่อเวลกลับมาให้เขาได้พักบ้าง”วีนัสยิ้มบางๆให้แล้วเดินจากไป
“เวลไม่อยู่แหะ”ชาร์ลอตทำหน้ายู่อย่างเซ็งๆ “แล้วแบบนี้จะไปไหนกันดีล่ะ อีกตั้ง สี่ ชั่วโมง กว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น”
“เที่ยวแถวๆนี้แหละ”
แล้วทั้งสี่ก็ลงไปเดินเล่นในตลาด แกล้งกันไปแกล้งกันมาอย่างสนุกสนาน...
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
“คาร่า ตอนนี้พี่รู้แล้วล่ะ ว่าเราควรจะกำจัดตระกูลไหนก่อนดี”คาออสเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาน้อยๆ
“ตระกูลไหนกันค่ะ ท่านพี่”เสียงของสตรีผู้เป็นเจ้าของชื่อถามกลับไปอย่างสนอกสนใจ
“แล้ว ท่านพี่คิดว่าจะลงมือเมื่อไรค่ะ”
“ตระกูลที่มาต้อนรับเราในวันนี้ยังไงล่ะ ตระกูลฑูต กู๊ดวิว”คาออสตอบกลับไปเสียงเรียบ
“พี่คิดว่า...จะลงมือในมะรืนนี้ ตอนสายๆเลย”
“ไม่เร็วไปหน่อยหรือค่ะ”
“เรามีเวลาแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น ในการจัดการทั้งหมด ก่อนที่จะต้องกลับอิตาลี”
“แล้วเราจะใช้วิธีใดหรือค่ะ ในการจัดการครั้งนี้”
“พี่ไม่คิดจะฆ่าพวกมันทิ้ง เพราะเผื่อว่าจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้า”
“แล้ว...”
“พี่จะจับพวกมันให้ไปอยู่ในห้องลับของบ้านอาถรรพ์นั่น ที่เราได้ซื้อเตรียมเอาไว้ก่อนหน้าที่จะมาอังกฤษนี่”
.............................
....................
............
......
.
ทั้งสองวางแผนกันอย่างแยบยล เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด แต่... หารู้ไม่ว่าในที่นี้ มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ฟังแผนการกับพวกเขาอย่างเงียบๆด้วย...
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
“พี่วีนัส พี่เวคีล”เสียงนุ่มทุ้มของน้องเล็กแห่งเดย์เบรคดังขึ้นทักทายพี่ๆทั้งสอง เมื่อกลับมาถึงบ้านของตน หลังจากที่ไปแอบฟังคนอื่นเขาเสียนาน
“ได้เรื่องอะไรมาบ้าง”เวคีลถามขึ้นทันที เพราะเมื่อกลางวันน้องคนนี้ของเขาบอกว่า ดูๆทางอิตาลีไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไร่นัก แล้วขอออกไปสืบเรื่อง ว่าพวกเขาคิดจะมาทำเรื่องอะไรในอังกฤษกันแน่
“พวกอิตาลีวางแผนจะจับห้าตระกูลใหญ่และปลงพระชนม์ควีนอลิซาเบธ”ตอบได้สั้น กระชับ ตามแบบฉบับของสายสืบจริงๆ
“โดยจะจัดการกู๊ดวิวในอีก 2 วันนี้แล้ว”
“งั้นหรือ... แล้วไปทูลองค์ราชินีหรือยัง” วีนัสเอ่ยถามขึ้นบ้าง เวลพยักหน้ารับน้อยๆ
“พระองค์ว่าอย่างไร”
“ถ้าพวกนั้นทำ ก็จัดการล้างโคตรเสีย”เวรีลี ยังคงตอบกลับเสียงนิ่ง ไม่สื่ออารมณ์ใดๆออกมาทั้งสิ้น
“โดยให้แวชายโด้เป็นคนรับผิดชอบ จัดการเรื่องล้างโคตรนี้”
“ทำอะไรก็ทำ แต่อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะ”
“ครับ”แล้วเวลก็ออกนอกห้องไป ทิ้งให่พี่ชายทั้งสองมองตามหลังมาอย่างเป็นห่วง
“แวชายโด้ เวรีลีนะ มาที่บ้าน ห้องฉัน อย่าบอกใคร เรื่องด่วน”
“อืม” แวชายโด้รับคำแล้วกดวางไป
“ชาร์ตลอต อาฟา พอดีพี่มีธุระ ด่วน ฝากด้วยนะ”
แวชายโจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอคำตอบจากน้องอีกสองคนเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ... เล่นชิ่งหนีกันดื้อๆเลยนี่หว่า” ชาร์ลอตโวยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ทิ้งกันอย่างนี้เลยเรอะ!!”
“เฮ้อ แวชายโด้ไปตั้งไกลแล้วล่ะ ชาร์ลอต”อาฟาถอนหายใจน้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจ
“เย็นแล้ว กลับวังเถอะ เดี๋ยวเลยเวลาอาหาร เราจะถูกทำโทษเอานะ”
“อืม”หนึ่งสาวกับอีกหนึ่งที่ไม่สามารถจะระบุเพศได้เอ่ยรับ แล้วทั้งหมดก็ยกขบวนกลับราชวังกันอย่างช้าๆไม่รีบเร่ง
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
“เรียกฉันมามีอะไรเหรอ เวรีลี” แวชาโด้วิ่งรวดเดียวอย่างไม่หยุดพักจากตลาดมาถึงบ้านแล้ววิ่งขึ้นบันได้มาหาเวลถึงห้องนอน
ร่างเพรียว สูงโปร่งนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าบานใหญ่บานหนึ่งภายในห้องโทนสีขาวดำ หันมามองน้อยๆก่อนที่จะหันกลับไปทางทิศเดิม
“ควีนรับสั่ง จัดการคณะทูตยกคณะ จัดการเพรชเชิสล้างโคตร ถ้าพวกนั้นเดินทางมาอังกฤษ เพื่อที่จะมาก่อกบฏจริง”เวรีลีเอ่ยสั้นๆขณะที่ดวงตาเหม่อออกไปมองพระอาทิตย์ยามจะตกดิน
“ห๊า!! ” แวชายโด้อุทานลั่นอย่างตกใจ
“จริงเหรอ อย่ามาอำกันนะเว้ยยย”
“ไม่ได้อำ พูดจริง อีกสองวัน จะยึดกู๊ดวิว จัดการวันนั้นเลย”เวลหันมามองแวชายโด้ด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์
“ความจริงแล้ว ควีนให้ฉันทำ แต่ก็นะ ทางนั้นตั้งกี่คน ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ ควีนเลยให้นายรับผิดชอบเรื่องนี้”
“แต่ จาพิวราเขาไม่รู้อะไรด้วย เราสมควรจะสังหารเขาอย่างนั้นเหรอ” แวชายโด้นึกถึงเพื่อนใหม่ที่ได้พบเจอในวันนี้ แม้ว่าอาจจะเป็นระยะสั้นๆ แต่ก็รู้สึกอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เฮฮาดี
“เรื่องนั้นแล้วแต่นาย ว่านายจะจัดการยังไง”ร่างเพรียวลมลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินเข้าใกล้ร่างบาง
“คิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไร ถ้าคิดว่าทางที่เลือกดีที่สุดแล้ว จะเอายังไงก็เอา”จบคำ เวลก็เปิดประตูเดินออกนอกห้องไป
“แล้วฉันควรจะทำยังไงดีเนี่ย...”
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
วันดำเนินการ...
คาออสพาพรรคพวกของตนเองมาซุ่มใกล้ๆกับคฤหาสน์กู๊ดวิวตั้งแต่เช้ามืด เพื่อรอเวลาปฏิบัติการเข้ายึดตระกูลในเวลารุ่งสางของวันนี้
“อีกห้านาที.....”
“สี่....”
“สาม....”
“สอง....”
“ไป!!”
คนของอิตาลีบุกเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามกันเต็มพิกัดโดยที่ไม่ทราบชะตาที่กำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าว่ามันจะเป็นเช่นไร...
“อ้าว... คุณคาออส จะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะครับ”เอ็นฟอยเอ่ยทักขึ้นอย่างเป็นกันเอง
“มีธุระอะไรกับเราหรือเปล่าครับ”
“จับมัน!!”เสียงทุ้มห้าวตะโกนลั่น เหล่าทหารที่เดินทางมาในคณะก็เข้าไปรวบแขนของผู้นำตระกูลแล้วใส่กุญแจมือเอาไว้
“พวกคุณทำอะไรน่ะ”เอ็นฟอยพูดขึ้นอย่างตกใจ ไม่ใช่ว่าจะสู้คนพวกนี้ไม่ได้นะ เพียงแต่มาแบบไม่ทันที่จะตั้งตัวอย่างนี้ เขาตั้งรับไม่ทัน และไม่คิดด้วยว่าคนพวกนี้จะกล้าทรยศพวกเขา
“พี่เอ็นฟอย”เสียงของฮิลริตี้และแอฟฟารีดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างของทั้งสองวิ่งลงมาจากด้านบน
เพียงไม่นานทุกคนภายในคฤหาสน์ก็ถูกจับเอาไว้จนหมด คาออสเหยียดยิ้มให้กับคนในตระกูลกู๊ดวิวอย่างดูถูก
“ผิดหวังจริงๆเลยนะ ไม่คิดเลยว่าพวกแกจะจัดการได้ง่ายขนาดนี้”เสนาธิการใหญ่แห่งอิตาลีพูดน้ำเสียงอย่างดูถูกดูแคลน “เอาตัวมันไป”
ทุกคนเดินทางไปยังบ้านที่พวกเขาจัดเตรียมเอาไว้ขังคนในห้าตระกูลโดยเฉพาะอย่างเงียบเชียบ คนทั้งหมดถูกพาเข้าไปในบ้านร้างที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เนื่องจากมีตำนานเล่าว่า บ้านหลังนี้มีอาถรรพ์ที่รุนแรง ใครย่างกร่ายเข้าไปจะต้องอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้...
“คิดจะทำอะไรกันหรือครับ ทุกท่าน”เสียงเย็นๆขอแวชายโด้ดังมาจากข้างหลัง คาออสหันไปมองร่างผอมเพรียวที่ก้าวเดินเข้ามาใกล้อย่างหวาดผวา
“กะ. แก แกมาได้ยังไง แกไม่ได้ไปเที่ยวกับจาพิวราหรอกเรอะ!”
“ถ้าไปแล้วจะเห็นอย่างนั้นหรือ คุณคาออส”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้น เวลก็เข้ามาจัดการปล่อยตัวประกันทั้งหมดออกอย่างว่องไว เพื่อให้ทันเวลาก่อนที่ทางนั้นจะรู้ตัว
“ออกไปจากที่นี่เร็วๆเข้าล่ะ”
“ละ. แล้ว...พวกแกมาทำอะไรที่นี่”
“มาลงทัณฑ์พวกคุณยังไงล่ะครับ...”เวรีลีตอบเสียงนิ่ง ก่อนที่จะเดินมาอยู่ข้างๆแวชายโด้ หลังจากที่เอาตัวประกันออกจากบ้านไปหมดแล้ว
“ลาก่อน!!”
ลูกตะกั่วสีเงินถูกยิงออกจากปืนลองกระบอกเจาะเข้าที่จุดตายของแต่ละคนอย่างแม่นยำ ไม่มีการลังเลในการสังหารกันเลยแม้แต่น้อย ร่างของบุคคลที่มาจากอิตาลีหลายสิบคนล้มลงบนพื้นเช่นเดียวกับเลือดสีแดงสดไหลเยิ้มลงบนพื้นอย่างไม่ขาดสาย ร่างของชายฉกรรจ์และหญิงสาวจำนวนมากถูกเอาลงไปทิ้งไว้ที่ห้องใต้ดินเบื้องล่างของบ้านหลังนี้...
“ตกลงว่านายจะเอายังไงกับลูกสาวของพวกมัน”เวรีลีเอ่ยถามขึ้น เมื่อทั้งคู่ออกจากบ้านหลังนั้นแล้วมานั่งดื่มชาในร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
“เอาตามตรง ฉันจัดการไม่ลงว่ะ ถ้าเป็นนายล่ะ”
“ฉันก็คงเหมือนนาย แม้ว่าฉันไม่รู้จักเขาก็เถอะ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ทำผิด และไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย จะให้ลงโทษเขาก็ยังไงอยู่”
“ระหว่างหน้าที่ กับ ความถูกต้อง ฉันควรจะเลือกอะไรดี เวรีลี ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”ดวงตาของแวชายโด้ฉายแววเจ็บปวดอย่างที่สุด หนึ่งก็พระบัญชา หนึ่งก็เพื่อน เขาควรจะทำอย่างไรดี
“ทำตามที่ใจอยากจะทำสิ”เ วรีลียิ้มน้อยๆให้กับเพื่อนของตน
“ ถ้าจะทำก็รีบทำ ไม่เช่นนั้นความเจ็บปวดที่เราและเขาจะได้รับมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ”
“แล้วถ้าฉันตัดสินใจจะปล่อยเขาไปล่ะ”แวชายโด้จ้องเข้าไปในดวงตาของเวล ที่ฉายแววเศร้าเล็กน้อยอย่างต้องการคำตอบ
“นายจะว่ายังไง”
“ก็ไม่ว่าอะไร แค่เพียงจะบอกว่า... รีบทำเสียก่อนที่ควีนจะทรงรู้”
“ไปด้วยกันนะ”
“อืม”
แล้วทั้งคู่ก็เดินหายไปกับฝูงชน โดยที่ไม่ลืมวางเงินค่าน้ำและขนมที่กินเอาไว้บนโต๊ะด้วย...
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
แม้ว่าภายนอกของชาร์ลอตและอาฟาจะยิ้มแย้ม แจ่มใส เหมือนปกติ แต่ภายในใจกลับคิดถึงเรื่องที่แวชาโดว์ขอให้ทำ เพื่อจาพิวราเมื่อ 2 วันก่อน
“อีก 2 วัน ฉันกับเวรีลีจะจัดการกับเหล่าคณะทูตเสีย พวกเธอสองคนพาจาพิวราไปเที่ยวที่อื่น อย่าให้เขารู้เป็นอันขาด”
“สังหรณ์ไม่ดีว่ะ กลับวังกันเถอะ นะ”อยู่ๆจาพิวราก็เอ่ยขึ้นกลางวง ชาร์ลอตและอาฟาสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรออกไป ก็มีร่างใหญ่ๆของชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้
“คุณหนูครับ รีบไปกันเถอะ คุณท่านและทุกคนถูกพวกมันสังหาร เสียชีวิตกันหมดแล้วครับ”ชายผู้นั้นเอ่ยกับจาพิวราอย่างรัวเร็ว
“มะ หมายความว่ายังไงกันน่ะ อาฟา ชาร์ลอต พวกเธอวางแผนฆ่าพ่อกับแม่ของฉันงั้นเหรอ”จาพิวราพยายามที่จะรักษาสติของตนเองเอาไว้ เมื่อได้ยินคำๆนั้น
“จาพิวรา ไม่ใช่ชาร์ลอตกับอาฟาหรอกที่วางแผน”แวชายโด้เดินเข้ามาใกล้ๆช้าๆ
“มันคือแผนของฉันเอง ด้วยบัญชาของควีน ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะฝืนได้”
“เป็นนายเองเหรอ แวชายโด้”
“ใช่ มันเป็นแผนของฉันเอง”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ฆ่าฉันด้วย แวชายโด้ ทำไมต้องให้ฉันรับรู้เรื่องพวกนี้ ทำไมกัน ทำไม!!”
“ฉันฆ่าเธอไม่ลงหรอกจาพิวรา เธอเป็นเพื่อนของเรานะ”
“เพื่อนเหรอ แล้วที่นายทำแบบนี้มันเรียกว่าเพื่อนหรือไงกัน”
“ฉันพยายามที่จะปกป้องเธออยู่นะ จาพิวรา”
“คนอย่างฉันไม่ต้องการให้แกมาปกป้องหรอก”
“ไม่ว่าเธอจะว่ายังไงก็ตาม ไปจากที่นี่ซะ ไปให้ไกลที่สุด แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก เข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจ ฉันจะฆ่าพวกแกเสียก่อน พวกแกหลอกลวงฉัน พวกแกโกหกฉัน แล้วยังมาพรากชีวิตของคนที่ฉันรักไปอีก”
“คิดว่าในเวลานี้ เธอจะสู้เราได้หรืออย่างไรกัน”เวรีลีที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นเสียงเย็น
“ลูกผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดินอย่างเธอน่ะ ไม่ฝึกมาซัก 5-6 ปีเสียก่อนดีกว่า ค่อนมาจัดการพวกเรา”
“รักษาชีวิตของตนเองเอาไว้เถอะ เมื่อเธอพร้อม เอาไว้ค่อยมาฆ่าพวกเรา ก็ไม่สายหรอก”แวชายโด้กล่าวเสียงอ่อนลง
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะจดจำเธอเอาไว้นะ จาพิวรา”อาฟามองเพื่อนสาวของตนอย่างอาลัยอาวรณ์ “ไม่ว่าเธอจะเกลียดฉันแค่ไหน แต่ฉันก็จะจำเวลาดีๆที่เราอยู่ด้วยกันเอาไว้นะ”
“ฉันก็จะจำเธอไว้นะ ไปเสียเถอะ จาพิวรา ก่อนที่ควีนจะรู้ไปเถอะ”ชาร์ลอตปิดท้ายคำพูดทั้งหมดด้วยรอบยิ้มเศร้าๆ ที่นานๆทีถึงจะได้เห็นมัน
“พวกแกจำเอาไว้เลยนะ ว่าพวกแกไม่ใช่เพื่อนของฉัน สักวันหนึ่ง พวกแกจะต้องตายอย่างทรมานด้วยน้ำมือของฉัน”แล้วร่างบอบบางก็จากไปพร้อมกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันกับนางจากอิตาลี...
* + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + * + *+ * + * + *
หลังจากวันนั้นมา จาพิวราก็รวบรวมคนที่มีความแค้นต่อประเทศต่างๆมาจำนวนมากมาย แล้วตั้งกลุ่มคนพวกนี้ขึ้นมาเป็นองค์กร นามว่า ออคคิวไพท์ หรือที่ใครๆได้รู้กันว่า องค์กรของผู้ที่ผิดหวังต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาในชีวิตและต้องการที่จะล้างแค้นผู้ที่ก่อให้พวกเขาเกิดความทุกข์อย่างเจ็บปวดและทรมาน...
K a e
K a e
ความคิดเห็น