ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [Feel The Love] Chapter 6
[Feel The Love] 6
หึง?????
เป็นยังไงอีกล่ะเนี่ย
ที่ผมเป็นอยู่ เรียกว่าหึงงั้นหรอ???
“เมื่อไหร่นายจะย้ายมานอนห้องพี่สักที...” ฮันคยองที่นั่งที่โซฟาโดยมีคยูฮยอนนั่งตักอยู่เอ่ยถามร่างบางขึ้นขณะที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าห้องซ้อมเต้น ร่างบางหันมามองสายตาเรียบเฉย ก่อนจะเบ้ปาก...
“ก็เพราะพี่เป็นอย่างนี้แหละ ผมถึงไม่อยากจะย้ายไปนอนด้วย” คำตอบที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า ทำเอาร่างสูงออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย...ก็คนมันอย่างดูแลใกล้ๆ ถึงอยากให้ย้ายมานอนด้วย นายจะเข้าใจพี่ไหมฮะ คยูฮยอน...
“นายไม่ย้าย...พี่ย้ายเอง” ฮันคยองกล่าวเสียงดุ ก่อนจะมองหน้าคนที่นั่งตักด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ร่างบางมองอย่างหน่ายๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากตักของร่างสูง
...รู้อยู่หรอกน่า...ว่าพี่คิดยังไงกับผม ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงผม...และผมรู้ความรู้สึกของผมดี แต่ตอนนี้...ผมขอเวลาที่จะพัฒนาจากคำว่าชอบ ไปเป็นคำว่ารักก่อนได้ไหม???
“จะย้ายมาก็ได้...แต่ไม่รับรองว่าพี่จะอยู่กับผมแล้วคิดว่ามันจะสบายล่ะ...” คยูฮยอนกล่าวเสียงเรียบพลางเลิกคิ้วยียวนใส่คนตรงหน้า ร่างสูงมองยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือหนามาขยี้ผมนุ่มของร่างบางอย่างเอ็นดู
เหล่าสมาชิกทุกๆคน ต่างพากันเข้ามารวมตัวกันในห้องซ้อม เพื่อรับฟังข่าวดีจากผู้จัดการ ว่าแต่...ความดีที่ว่า มันคืออะไรล่ะ....
“วันนี้ ฉันมีคนหนึ่งอยากให้พวกนายได้รู้จักไว้ เขาคนนี้จะมาทำงานร่วมกับพวกเธอในเพลงซิงเกิ้ลโปรโมท” เสียงเข้มของผู้จัดการเอ่ยขึ้น ทำเอาสมาชิกที่เหลือเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่ได้
“สวัสดีครับ...” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ผมสีดำสนิทเข้ากับสีของดวงตา ก้าวเข้าในห้องซ้อมพลางเอ่ยทักทายสมาชิกทั้งหมด เขาก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กับสมาชิกทุกคน ผู้จัดการสะกิดแขนของเด็กหนุ่มเบาๆ เป็นนัยให้เขาแนะนำตัว...
“สวัสดีครับ ผมชื่อ เฮนรี่ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนครับ” เฮนรี่กล่าวเสียงใส จากนั้นผู้จัดการก็เอ่ยถึงเหตุผลที่เฮนรี่จะได้มาร่วมงานกับพวกเขา
“เฮนรี่จะมาทำงานกับพวกเราชั่วคราว และอีกไม่นานเขาก็เตรียมตัวเดบิวท์ในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาเก่งมากในเรื่องการเล่นไวโอลีน ฉะนั้นเขาจึงถูกดึงตัวมาร่วมงานกับพวกเธอ...”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เฮนรี่ ฉันชื่อ อีทึก เป็นลีดเดอร์ของวง” อีทึกกล่าวพลางยื่นมือไปจับมือทักทายกับเฮนรี่ จากนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ก็เริ่มแนะนำตัวกัน
“ฉันชื่อ คิมฮีชอล... นายเด็กกว่าฉัน นายก็เรียกฉันว่าพี่ด้วยล่ะ” ฮีชอลกล่าวอย่างวางมาด ไม่ทิ้งภาพลักษณ์ของนางพญา และ อาเจ้ ประจำวง
“ฉันชื่อ เยซอง ยินดีที่ได้รู้จักนะ...”
“ฉัน คังอิน หมีขาวบ้าพลัง เจ้าของหัวใจทึกกี้คนตาสวย”
“ฉัน ชินดง... ถ้านายมีอะไรอร่อยๆ ก็อย่าลืมแบ่งฉันล่ะ”
“หวัดดี ฉันชื่อ อีซองมิน...”
“และเจ้าของหัวใจกระต่ายน้อย ก็คือ ฉัน อีฮยอกแจ หรือ อึนฮยอก”
“ฉันชื่อ อีดงเฮ มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ...”
“ฉันชื่อ ชเวซีวอน ยินดีที่ได้รู้จัก...”
“หวัดดีเฮนรี่ ฉันชื่อ คิมรยออุก ถ้านายมีปัญหาเรื่องการร้องเพลง ปรึกษาฉันนะ”
“ฉันชื่อ คิมคิบอม ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันชื่อ ฮันคยอง เรียก ฮันเกิงก็ได้ อีกอย่างคือฉันเป็นคนจีน บางทีฉันอาจพูดไม่ชัดเท่าไร” ฮันคยองกล่าวแนะนำตัวด้วยท่าทางดูนุ่นนวล จนคยูฮยอนอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ ทีพูดกับเขา ทำยังกะเขาเองเด็กนักเด็กหนา... ทีพูดกับคนอื่น ทำไมมันฟังดูดีจังล่ะ
“พี่ฮันคยองเป็นคนจีนหรอครับ...ผมก็เป็นคนจีนเหมือนกันเลย...” แต่เฮนรี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค คยูฮยอนที่ยืนมองฮันคยองด้วยท่าทางหงุดหงิดอยู่นาน จึงก้าวปึงปังมายืนข้างฮันคยอง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้เฮนรี่พลางแนะนำตัวเอง
“ฉันชื่อ โจคยูฮยอน ยินดีที่ได้รู้จัก...” คยูฮยอนกล่าวเสียงเรียบพลางกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“นายหึงพี่หรือไง...” ฮันคยองก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของคยูฮยอน ร่างบางช้อนสายตามองเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เปล่าสักหน่อย...” คยูฮยอนตอบพลางทำหน้าเบ้ หึงงั้นหรอ...ไม่!!!~~ ก็แค่พวกเขาคุยกัน จำเป็นต้องหึงด้วยหรอ????
“งั้นพวกนายก็ไปซ้อมเต้นกันเถอะ ฝากเฮนรี่ด้วย เขายังเป็นเด็กใหม่อยู่...” ผู้จัดการกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องซ้อมไป สมาชิกคนอื่นๆ กำลังนั่งคุยกับเฮนรี่อย่างสนุกสนาน ผิดกับคยูฮยอน ที่รู้สึกหงุดหงิดชอบกล โดยเฉพาะเวลาที่ฮันคยองเอ่ยปากคุยกับเฮนรี่แล้ว เขาแทบอยากจะเดินหนีไปให้ไกลๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ว่าฮันคยองเองนั้นเป็นคนยังไง และรู้สึกยังไงกับตัวเขาเอง
“เด็กบ้า เป็นอะไรไปฮะ ทำหน้ายังไงไม่ได้เข้าห้องน้ำมาชาติเศษ” ฮีชอลเอ่ยทักคยูฮยอนขึ้น เมื่อสังเกตเห็นว่าน้องเล็กทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ คยูฮยอนหันมามองหน้าฮีชอลเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่...
“พี่ฮีชอล...เวลาหึงน่ะ มันเป็นยังไงหรอ” คยูฮยอนเอ่ยถามเสียงแผ่วแต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มเล็กๆ จากใบหน้าเรียวสวยของฮีชอลได้...คยูฮยอน ที่นายไม่รู้จริงๆหรอ ว่าที่นายเป็นอยู่ตอนนี้ มันเรียกว่าหึง!!!
“ก็ที่นายเป็นอยู่นั้นแหละ เขาเรียกว่าหึง เฮอะ!!! นายหึงอีตาฮันคยองนั้นหรือไง โอ๊ะโห~~ เห็นเขาคุยถูกคอกับเจ้าเด็กเฮนรี่นั้นล่ะสิ....เด็กบ้า~~ นายเนี่ยนะ หึงไม่เข้าเรื่อง เขาเป็นคนจีนเหมือนกันหนิ...เป็นเรื่องธรรมดาน่า...ที่คนเชื้อชาติเดียวกันอยากจะคุยกันน่ะ” ฮีชอลร่างยาวทำเอาคยูฮยอนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก สมแล้วที่ฮีชอลถูกยกว่าเป็นอาเจ้ประจำวง เพราะอย่างนี้นี่เอง เล่นรู้ทันคนอื่นอย่างนี้ มันน่านับถือ (เป็นปูชนียบุคคล) จริงๆ
..................................................................
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านซูจู!!~~~” เสียงของคังอินดังขึ้นจนฮีชอลหันมาส่งสายตาเชิงรำคาญ เหตุผลที่คังอินตะโกนลั่นแบบนี้ ก็เพราะว่า ทุกคนต่างลงความเห็นให้ เฮนรี่ ย้ายมาอยู่กับพวกเขาชั่วคราวด้วยความที่อยากจะคุ้นเคยกันเข้าไว้ และจะได้ไม่มีปัญหาเวลาที่ต้องขึ้นงานหรือทำงานอื่นๆ เฮนรี่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญนี้แต่อย่างใด และทุกคนก็ต่างเห็นด้วยกับความคิดนี้ เว้นเสียแต่....
“คยูฮยอน ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิ วันนี้เรามีแขกมานะ” ซองมินกระทุ้งสีข้างของคยูฮยอนเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวนั่งหน้ามุ่ยอยู่ มันไม่น่าดีใจหรือไง ที่จะมีใครให้พวกเขาแกล้งน่ะ!!!
“ช่างประไร...” คยูฮยอนเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็ทำเอาซองมินถึงกับเบิกตากว้าง ทำอย่างนี้เหมือนกับคยูฮยอนไม่ชอบขี้หน้าเฮนรี่เลย...เมื่อคยูฮยอนรู้สึกถึงสายตาแปลกๆของซองมินที่มองเขาราวกับว่ากำลังจับผิด เจ้าตัวก็เปลี่ยนสีหน้าด้วยการยิ้ม...แต่กลับเป็นยิ้มที่ไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไร
“ขอร้อง...นายอย่ายิ้มแสยะได้ไหม เห็นแล้วมันขนลุกชอบกล...” ซองมินเอ่ยพลางเบ้ปากไม่ชอบใจ
“แล้วเฮนรี่จะนอนไหนล่ะ” เสียงของรยออุคเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย (เย้!!!! นู๋เรียวมีบทแล้ว >///<)
“นอนห้องฉันไง” ฮันคยองเอ่ยถึงทำเอาทุกคนต้องหันมามองเป็นตาเดียว แน่ล่ะ!!! ฮันคยองคนนี้ก็คือคนดีศรีเอสเจ เขาใจดีกับทุกคน คยูฮยอนที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้ว กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากเป็นเท่าทวีคูน แต่สีหน้าท่าทางก็ยังคงนิ่งต่อไป เว้นเสียแต่สายตาที่ดูเหมือนฉุนเฉียวจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของน้องเล็กอย่างคยูฮยอน
....เอาใจกันเข้าไป ชิ!!! อย่าถึงตาผมบ้างก็แล้วกัน!~
“แล้วนายจะไปนอนไหนฮันคยอง” อีทึกถามฮันคยองกลับ ร่างสูงมองลีดเดอร์ของวงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และเท่านั้น ความสงสัยในใจของอีทึกก็ถูกกลืนหายไปในชั่วพริบตา
“ฉันรู้แล้วล่ะว่านายจะนอนกับใคร” อีทึกเอ่ยถึงอีกครั้ง ทำเอาสมาชิกทุกคนต่างเริ่มพากันซุบซิบกันใหญ่ ฮันคยองได้ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ ส่วนเจ้าของร่างบางนานว่าคยูฮยอนนั้น ก็เอาแต่หน้ามุ่ยจนไม่รู้สึกถึงความเจ้าเล่ห์ของฮันคยองเอาซะเลย...
ก๊อก ก๊อก ~~~ มือหนาของฮันคยองเคาะที่ประตูห้องนอนของคยูฮยอนอย่างใจเย็น ฮันคยองยอมแลกห้องนอนส่วนตัวของตัวเองให้กับซองมิน เพื่อที่จะได้ดูแลคยูฮยอนแบบใกล้ชิด ( หรือเพื่ออะไรกันแน่...ป๋า??? ) แต่ผ่านไปนานคนในห้องก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิดประตูให้
“คยูฮยอน เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ” ฮันคยองร้องเรียกชื่อของคยูฮยอนพลางเคาะประตูห้องต่อไป
“ไม่เปิด... ไม่ให้นอน... ไปนอนห้องรับแขกไป~~” คยูฮยอนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่ปลายเตียงของตัวเอง ร้องตอบออกไปเพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่ก็จัดที่นอนให้ฮันคยองแล้ว แต่กลับมาเอ่ยปากไล่คนที่จะย้ายมานอนด้วยซะงั้น...
“นายเป็นอะไรไป โกรธพี่หรอ...” ฮันคยองตะโกนกลับพลางยิ้มกริ่ม ...ที่ทำอย่างนี้...คิดหรอ ว่าพี่ไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ คยูฮยอน
“ไม่ได้โกรธ...แต่วันนี้ยังไม่อยากให้มานอนด้วยหนิ...” คยูฮยอนบอกปัด แต่ก็ยังพยายามดูท่าทีของฮันคยองต่อไป
...เขายังจะเอาใจเราต่อไปหรือเปล่าน้า????
“โอเค เดี๋ยวพี่จะไปนอนกับเฮนรี่” แต่ผิดคาด... ฮันคยองตอบมาว่าจะไปนอนกับเฮนรี่งั้นหรอ
“ดะ เดี๋ยว...” คยูฮยอนลุกพรวดขึ้นจากเตียงเพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ร่างบางวิ่งตาลีตาเหลือกมาเปิดประตูในทันที ส่วนฮันคยองก็ได้แต่ส่งยิ้มยียวนให้ ร่างบางมองคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองพื้นพลางเอามือเรียวยื่นไปจับข้อมือหนาของคนตรงหน้าเอาไว้
“อะไร ไม่อยากให้พี่นอนด้วยหนิ” ฮันคยองเอ่ยเสียงเรียบแต่ดวงตาแฝงความเจ้าเล่ห์พลางก้มลงมองมือของตัวเองที่ตอนนี้มือเรียวของคนตรงหน้าจับเอาไว้แน่น
“ก็เพิ่งจัดที่นอนให้เสร็จ เข้ามาสิ” คยูฮยอนบอกปัดก่อนจะเดินเข้าห้องไปด้วยท่าทางหงุดหงิด ฮันคยองมองแผ่นหลังของร่างบางที่ก้าวเข้าห้องปึงปังไปก็นึกจะอดขำไม่ได้ ทำอย่างนี้ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว ว่าเจ้าเด็กคนนี้กำลังหึงอยู่!!!
“จะจัดทำไมให้เสียแรง ก็ในเมื่อพี่จะนอนเตียงเดียวกับนาย” ฮันคยองกล่าวพลางหัวเราะในลำคอ คยูฮยอนหันขวับมาจ้องร่างสูงและเริ่มจะทำอะไรไม่ถูก แต่ดูเหมือนสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ โวยวาย!!!!!!!!
“ห๊ะ!!~~ ไม่พี่นอนเตียงนู้นสิ...จะมานอนกับผมทำไม” ว่าแล้วร่างบางก็โวยวายยกใหญ่ แต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น หากแต่จะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีขาวสะอาดของร่างบางแทน
“เตียงมันกว้างไปพี่ไม่ชอบ” ฮันคยองเอ่ยก่อนจะหยิบหมอนข้างของคยูฮยอนมากอดไว้แน่น คยูฮยอนมองอย่างอึ้งก่อนจะดิ่งไปหาร่างสูงพลางดึงหมอนข้างนั้นออกจากมือของร่างสูง พร้อมกับจังหวะหัวใจที่ดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นปากเรียวก็ยังคงตะโกนโวยวายต่อไป
“ไหงว่างั้นล่ะ...ไม่...ยังไงๆ พี่ก็ต้องนอนเตียงนั้น”
“แต่พี่จะนอนเตียงนาย”
“ไม่....”
พลั่ก!!!!!!!!!!!!!
ฮันคยองที่ดูเหมือนจะเริ่มทนไม่ไหว (???) กับเสียงโวยวายของคยูฮยอน ก็คว้าร่างบางพลางกดไหล่ลงบนเตียงก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก แต่ด้วยแรงที่มีอยู่ไม่ใช่น้อยขอคยูฮยอน ทำให้ร่างสูงถูกแรงผลักของคยูฮยอนเข้าให้จังๆ จนเจ้าตัวกระเด้งออกจากเตียง แต่ถึงอย่างนั้น ร่างสูงก็ยังส่งยิ้มยียวนท่าทางไม่รู้สึกอะไรให้คนตรงหน้าอยู่ดี ร่างบางเม้นริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด ฉุนเฉียวและเขินอาย ถึงจะเคยจูบกันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ความตื่นเต้นเวลาอยู่ใกล้กันแบบนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ดี
“เด็กหนอเด็ก!!~~” ฮันคยองเอ่ยขึ้นลอยๆพลางยิ้มกริ่ม คำว่าเด็กใช่ว่าใครทุกคนจะชอบ แน่นอน คนอย่างคยูฮยอนจะถูกกับคำว่าเด็กสักเท่าไร....
“เด็กอีกแล้ว...ไม่ต้องคบกันเลยถ้ายังว่าผมเด็กอยู่....เลิกกันเลยดีไหมล่ะ ไปเอาใจคนอื่นเลยไป เฮอะ!!!!” คยูฮยอนสบถด้วยความโมโห คำพูดเสียดแทง คำว่า เลิกกัน ทำเอาฮันคยองสลดลงเล็กน้อย สงสัยคงจะน้อยใจจริงๆล่ะสิ !!
ร่างสูงก้าวเข้าไปหาร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ ก่อนจะนั่งลงที่พื้นตรงหน้าร่างบาง มือหนายื่นไปจับข้อมือขาวของร่างบางพลางมองที่สร้อยข้อมือก่อนจะช้อนสายตามองร่างบางด้วยท่าทางอ่อนโยน ร่างบางรู้สึกร้อนที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก เจ้าพี่คนนี้จะทำอะไรกันแน่เนี่ย...
“I Live and Die for You
” ฮันคยองเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะดึงคยูฮยอนเข้ามากอด ร่างบางกระพริบตาปริบๆด้วยความไม่เข้าใจ...
“แปลดิ....”
“ฉันจะอยู่และตายเพื่อนาย จำไว้นะ คยูฮยอน...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น