ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [Feel The Love] Chapter 4
[Feel The Love] 4
ถ้าไม่มองข้ามมัน...
ถ้าเพียงเปิดใจรับครามรู้สึกนั้น...
ถ้าเพียงรู้สึกถึงคำว่ารัก...มันก็จะง่ายกว่า...
การเขียนคำว่ารัก...ลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆซะอีก....
บรรยากาศในสถานที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอตัวใหม่ของซูเปอร์จูเนียร์ดูจะไม่ค่อยเป็นใจสำหรับคนป่วยเพิ่งหายอย่างคยูฮยอน ทั้งฝุ่น ทั้งควัน ทั้งอากาศที่ร้อนอบอ้าว...แต่ถึงอย่างนั้น...คยูฮยอนก็กลับร่าเริงอย่างไม่น่าเชื่อ...เขาดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษแถมยังยิ้มหน้าบานทั้งวัน...แม้ว่าตัวเองยังเต้นไม่ได้ดีก็ตาม...
“คยูร่าเริงจังนะ” ฮีชอลที่กำลังจะเข้าคิวถ่ายเอ็มวีเดินมาหาคยูฮยอนที่นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์เพื่อดูการถ่ายทำที่ถ่ายไปเมื่อกี้ คยูฮยอนเงยหน้ามองพลางฉีกยิ้มกว้าง
“แค่นี้...สบายมากครับ” คยูฮยอนตอบเสียงใส ฮีชอลที่มองดูด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะยื่นมือเรียวของเขามาลูบหัวคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้
“พี่ฮีชอลเนี่ย...ใจดีจัง” คยูฮยอนกล่าวพลางเอี้ยวตัวไปกอดฮีชอลเหมือนกับเด็กขี้อ้อน ฮีชอลมองก่อนจะแขวะเจ้าเด็กน้อยตามประสาอาเจ้ประจำวง
“อย่ามาอ้อนฉันน่า...ไปอ้อนคนนั้นโน้น...ยืนจ้องเราใหญ่แล้ว” ฮีชอลกล่าวพลางเบนสายตาไปทางฮันคยอง คยูฮยอนมองตามสายตาของฮีชอล ก็เจอะกับฮันคยองที่ยื่นห่างออกไปไม่มากนัก แว้บแรกที่เห็นคือฮันคยองกำลังยืนจ้องพวกเขาอยู่ก็จริง แต่เพียงชั่ววินาทีฮันคยองก็เบือนหน้าหนีไป เหมือนไม่แคร์อะไร...
“อ้อนพี่นั้นแหละดีแล้ว...หมอนั้นอ้อนไปก็ไร้ประโยชน์” คยูฮยอนบ่นกระปอดกระแปดพลางเบ้ปากไม่สบอารมณ์ก่อนจะกอดฮีชอลให้แน่นขึ้น...
“ปล่อยได้แล้วน่า...เด็กหัวโต” ฮีชอลเอ่ยเสียงดุจนคยูฮยอนต้องยอมผละออกแต่โดยดี ก่อนที่ผู้กำกับจะมาเรียกฮีชอลให้ไปถ่ายในซีนต่อไป...ส่วนคยูฮยอนก็ได้แต่นั่งมองดูพี่ๆเต้นท่าแข็งแรงต่อไปอย่างเบื่อหน่าย
...เมื่อไรเราจะเต้นได้เหมือนเดิมล่ะเนี่ย
ผ่านไปสักพัก ซีนที่ถ่ายฉากเต้นของพี่ๆก็ผ่านไป ในที่สุดซีนถ่ายซีนต่อไป คยูฮยอนก็จะได้ถ่ายทำด้วยสักที...
“ซีนต่อไปจะมีระเบิดนะ พวกนายก็เดินมาเก็กท่าเท่ห์ๆเข้าไว้ก็แล้วกัน!~” เสียงเข้มของผู้กำกับตะโกนสั่งพวกเขาเสียงดัง ทุกคนต่างพากันพยักหน้าอย่างเข้าใจและรอคำสั่งเริ่มถ่ายทำของผู้กำกับ
“แอ็กชั่นท์!!!!!”
ตูม!!!!
เสียงระเบิดเอฟเฟ็กดังลั่น ทุกคนต่างพากันถ่ายฉากนี้ไปได้ด้วยดี มีเพียงคยูฮยอนที่ออกจะสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงระเบิดแต่ก็พยายามเก็บอาการนั้นเอาไว้ ก่อนที่คนในกองถ่ายจะพาเขาไปนั่งพัก
โครม!!!!
ภาพและเสียงอึกทึก เหตุการณ์ที่ตัวเขาเองยังไม่ลืมเลือนจู่ๆมันก็แล่นเข้ามาถาโถมใส่อีกครั้ง ภาพที่รถแวนที่เขานั่งพลิกคว่ำ ภาพที่ตัวเขาเองนอนร้องไห้เจ็บป่วยอยู่บนพื้นถนน บาดแผลทางร่างกายก็ยังเจ็บไม่เท่าบาดแผลทางจิตใจ มือเรียวสองข้างสั่นเทา ใจสั่นและเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ภาพทุกอย่างเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสมองและจิตใจทนไม่ไหว ความเจ็บปวดทั้งหลายแปรเปลี่ยนเป็นการร่ำไห้และอาการปวดที่ศีรษะ....
“คยูฮยอน...นายเป็นอะไรไป...” เสียงคุ้นเคยกล่าวน้ำเสียงตกใจก่อนจะนั่งลงบนพื้นตรงหน้าคยูฮยอน ร่างบางที่ตอนนี้ปวดหัวเสียจนพูดอะไรไม่ออก เงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนจะเอามือทั้งสองข้างมากุมที่ขมับเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว แต่ทำอย่างไรก็ไม่หายสักที คนตรงหน้ามองด้วยท่าทางเป็นห่วงและยิ่งเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าที่ดูแย่ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก พอจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือมือเรียวก็ยื่นมารั้งเอาไว้
“ไม่ต้อง...แค่ปวดหัว” คยูฮยอนตอบเสียงสั่นพลางฝืนยิ้นให้ฮันคยอง ร่างสูงมองอย่างหนักใจและความเป็นห่วงที่อยู่ในใจมันก็ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วร้องไห้ทำไม” ฮันคยองถามเสียงแผ่วพลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะยื่นมือหนาไปจับใบหน้าเล็กเรียวของร่างบางอย่างเบามือ ร่างบางส่ายหน้าน้อยๆพร้อมกับเรียวปากที่กรีดยิ้มอย่างฝืนๆ
“ฝุ่นเข้าตาต่างหาก...ฮะๆ ...โอ้ย!!!” คยูฮยอนตอบพลางหัวเราะกลบเกลื่อนแต่อาการปวดหัวก็แล่นกล้บเข้ามาอีกครั้ง ทำเอาร่างบางถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ไม่ทันที่คยูฮยอนจะได้พูดหรือแก้ตัวอะไรต่อไป ฮันคยองดึงร่างบางเข้ามากอดพลางเอามือลูบผมนุ่มสีบอร์นทองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบเอ่ยคำปลอบโยนที่ข้างหูของร่างบางด้วยท่าทางที่ดูอ่อนโยนเสียจนคนในอ้อมกอดแทบจะไม่เสียสายตาตัวเอง
“คยูฮยอน...พี่อยู่นี้แล้ว...ไม่ตรงกลัว”
“จะกอดทำไม...ปล่อย” คยูฮยอนเอ่ยเสียงแผ่วพลางผลักฮันคยองให้ออกห่างแต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมคลายกอดง่ายๆ
“เพราะรักไง...”
“รัก...มันคืออะไร มันเป็นยังไง” คยูฮยอนถามกลับเสียงแผ่วพลางเอาหน้าซุกลงที่ไหล่กว้างของร่างสูง
“ก็แบบที่ฉันรู้สึกกับนาย” ฮันคยองกล่าวด้วยท่าทางจริงจังพลางกระชับกอดให้แน่นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเด็กในอ้อมกอดก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่ออยู่ดี
“แบบนี้หรอ...ก็แล้วแบบไหน”
“ก็แบบที่ว่า...อยากจะเจ็บแทนเขาคนนั้น อยากจะรับความทุกข์ของคนๆนั้นไว้ และอยากจะดูแลเขาคนนั้นตลอดไป...” กล่าวเพียงเท่านั้นคยูฮยอนก็เงียบไป ฮันคยองที่รู้สึกว่าคยูฮยอนดูนิ่งเสียจนผิดปกติก็เขย่าร่างบางเบาๆเพื่อเรียกสติแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างบางนิ่งไป...นิ่งเสียจนน่ากลัว...นิ่งจนหัวใจของฮันคยองแทบจะหยุดเต้น...
..............................................................
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“คนไข้คงอ่อนเพลีย และอีกปัจจัยหนึ่งอาจมาจากสภาพจิตใจที่ยังไม่แข็งแรงดีพอ...” คุณหมอวัยกลางคนกล่าวด้วยท่าทางใจดีกับเหล่าบรรดาสมาชิกที่เหลือ สีหน้าของทุกคนดูสบายใจขึ้นกว่าตอนที่นำตัวของคยูฮยอนมาส่งโรงพยาบาล เป็นเรื่องโชคดีไปที่การถ่ายทำทุกอย่างแล้วเสร็จไปได้ด้วยดี...จึงไม่มีเรื่องให้ต้องเป็นห่วงเป็นหน้าเป็นหลัง และอีกอย่าง...ก็จะได้มีเวลาดูแลน้องเล็กของวงได้อย่างเต็มที่
“ร่างกายก็ยังไม่แข็งแรงแต่ก็ยังอุตส่าห์มาร่วมทำงานกับพวกเรา เจ้าเด็กนี้มันมุ่งมั่นจริงๆ” อีทึกกล่าวเสียงเรียบ พร้อมด้วยสมาชิกคนอื่นๆที่ยืนล้อมเตียงคนไข้ก่อนจะพยักหน้ารับเห็นด้วยกับคำพูดของอีทึก
“มุ่งมั่นอย่างนี้...ฉันเชื่อแล้วว่าทำไมคยูถึงได้มาเป็นสมาชิกคนที่ 13 ของซูเปอร์จูเนียร์” ซองมินกล่าวก่อนจะหันไปสบตากับฮยอกแจ
“พวกนายน่ะอย่างเพิ่งมาหวานกันตอนนี้ คนไข้ต้องการพักผ่อนนะเฟ้ย!!~~ ออกไปกันได้แล้ว” ฮีชอลเอ่ยด้วยท่าทางหมั่นไส้แต่ก็พยายามลดระดับเสียงให้เบามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้น้องเล็กตื่น
หมับ!!!!
เมื่อทุกๆคนออกไปกับเกือบหมด มือเรียวของคนไข้ก็ยื่นมารั้งร่างบางเอาไว้ทั้งๆที่ตัวเองยังหลับตาพริ้มอยู่ ฮีชอลมองอย่างรู้ทันก่อนจะเขยิบตัวเพื่อบังไม่ให้ใครเห็นว่าคยูฮยอนยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้
“ยืนมองอะไรออกไปซิ ฮันคยอง” ฮีชอลออกปากไล่ฮันคยองที่ยืนมองฮีชอลด้วยท่าทางสงสัยพลางยกมือขึ้นโบกไล่คนตรงหน้าด้วยท่าทางหน่ายๆ ฮันคยองเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมก้าวออกไปจากห้องพักคนไข้ไปแต่โดยดี...
“มีอะไรเด็กบ้า!!~~” ฮีชอลกล่าวเสียงเบาแต่แฝงไปด้วยท่าทางหงุดหงิด พลางจ้องมองใบหน้าซีดเซียวที่ดูไม่มีชีวิตชีวาของคยูฮยอนอย่างไม่วางตา
“คือผมมีเรื่องจะถามพี่หน่อย” คยูฮยอนกล่าวเสียงแห้งผากพลางอมยิ้มที่มุมปากด้วยท่าทางที่ฮีชอลเองดูไม่ออกว่าคนตรงหน้าดูมีความสุขหรือแค่อยากจะแกล้งเขาเท่านั้น
“มีอะไรก็ว่ามาสิ” ฮีชอลถามกลับก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย
“สร้อยข้อมือเนี่ยนะ...มันเป็นของใครครับ” คยูฮยอนกล่าวพลางชูมือที่เขาใส่สร้อยข้อมือปริศนาให้ฮีชอลดู ฮีชอลมองสร้อยนั้นก่อนจะยิ้มกริ่มดูมีเลศนัย
“มันเป็นของ...คนที่นายก็น่าจะรู้ดี...”
.............................................................
เมื่อออกจากโรงพยาบาล คยูฮยอนรู้สึกราวกับว่าตัวเองดูจะสบายจนเกินเหตุ พี่ๆค่อยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด จนตัวเขาเองยังรู้สึกลำบากใจแทนพี่ๆทั้งหลาย คนหนึ่งก็ประคอง อีกคนก็ค่อยจะป้อนข้าว อีกคนก็จะหยิบของให้ อีกคนก็ค่อยจัดยาให้ทาน...แม้แต่นิ้วสักนิ้วคยูฮยอนยังแทบจะไม่ได้ขยับมันเลย!~~
“คยูฮยอนจะไปไหน...” เสียงของดงเฮร้องปรามคยูฮยอนไว้ เมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟายาว ร่างบางหันมามองอย่างหน่ายๆพลางถอนหายใจน้อยๆ
“พี่ดงเฮ...คือผมจะไปเข้าห้องน้ำน่ะ...พี่จะตามไปด้วยไหมล่ะ...”
“ห๊ะ!!! โอเคๆ ขอโทษที” ดงเฮเอ่ยด้วยท่าทางตกใจก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่อยู่ในมือต่อไป
“พักนี้มีแต่คนเป็นห่วงหนิ...คยูฮยอน” เสียงกวนประสาทที่ได้ยินเพียงแว้บแรกก็รู้ว่าเป็นใคร เอ่ยทักคยูฮยอนขณะที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ร่างบางหันมามองตามเสียงตาขวางก่อนจะก้าวฉับๆหนีคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
...เมื่อไรจะรู้สักทีนะ คยูฮยอน ว่าฉันคิดยังไงกับนาย
ฮันคยองเอ่ยกับตัวเองพลางมองแผ่นหลังของร่างบางที่ก้าวปึงปังเดินหนีเขาห่างไปเรื่อยๆ ใจหนึ่งก็อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้เจ้าเด็กเอาแต่ใจได้รับรู้...แต่พอคิดอีกที การที่มีความรู้สึกดีๆกับใครสักคน ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหัวใจของคนๆนั้นก็ได้...ขอเพียงได้ดูแลเขาห่างๆก็เป็นพอ
“พี่ฮันคยอง ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไรอยู่” ดงเฮกล่าวด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์พลางเลิกคิ้วอย่างรู้ทัน เมื่อเห็นฮันคยองนั่งมองคยูฮยอนที่ตอนนี้กำลังออดอ้อนอาเจ้ของวงจนดูน่าหมั่นไส้...ก็เล่นกอดกันซะแน่นขนาดนั้น เป็นใครมันก็ต้องหมั่นไส้เป็นธรรมดา แต่สำหรับฮันคยองมันคงจะเจ็บใจซะมากกว่าหมั่นไส้หลายเท่า
“คิดอะไร...” ฮันคยองหันมาตอบเสียงแข็ง ก่อนจะทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
“พี่น่ะชอบ...” ดงเฮพูดพลางยิ้มกริ่มฮันคยองที่รู้สึกร้อนตัวจึงโพล่งขึ้นมา...
“ฉันไม่ได้ชอบเจ้าเด็กเอาแต่ใจนั้นสักหน่อย”
“หือ~~ นั้นไงร้อนตัว...ผมยังไม่ได้พูดถึงคยูฮยอนเลยสักคำ ชอบเขาก็บอกเขาสิ” ดงเฮเอ่ยแซวฮันคยองพลางหัวเราะคิกคัก ฮันคยองมองคนตรงหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็ง
“เปล่า...”
“โธ่!! พี่ก็...ยังจะปฏิเสธ ถ้าไม่บอกระวังเถอะ นู้น...ทั้งซองมิน ทั้งพี่ฮีชอล ทั้งพี่คังอิน ไหนจะซีวอนที่แฟนคลับกำลังเชียร์ซะเมามันส์ รยออุคอีกนะ...ชินดงด้วย...” ดงเฮเริ่มไล่ลำดับคนที่แฟนคลับจับคู่คยูฮยอนกับคนอื่นๆในวงให้ฮันคยองฟัง หวังจะให้ร่างสูงกล้าๆเสียที...ร่างสูงฟังดังนั้นก็ยกมือขึ้นปรามพลางส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ
“พอเถอะ...แต่คยูฮยอนไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน...เขาคงเห็นฉันเป็นเจ้าตัวกวนประสาทคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“ก็ใครใช้ให้พี่ไปกวนบาทาคยูฮยอนล่ะ...คยูก็อยู่นิ่งอยู่แล้ว ยังจะไปกวนประสาทเขาอีก...” ดงเฮย้อนกลับเมื่อได้ฟังคำพูดของฮันคยอง... เฮอะๆ คนเรา ชอบเขาแต่กลับแสดงออกมาตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง ทำไมไม่เห็นเหมือนตัวผมกับคิบอมเลย....
“วันไหนไม่ได้กวนมันก็รู้แปลกๆยังไงชอบกล” ฮันคยองตอบอย่างอายๆพลางยกมือขึ้นจับหัวตัวเองเพื่อแก้เขิน ดงเฮเห็นดังนั้นก็อดจะแขวะกับท่าทางน่าหมั่นไส้ของรุ่นพี่ในวงไม่ได้
“โอ้วววว...กวนเป็นกิจวัตร สามารถโดยแท้...”
“ดงเฮครับ...ไปเที่ยวกันเถอะ...” เสียงคุ้นหูของคิบอมเอ่ยทักเรียกชื่อของดงเฮพลางเดินตรงเข้ากอดร่างบางจากข้างหลัง ดงเฮหันกลับไปมองตาหวานเป็นนัยน์ว่าตกลง ก่อนจะหันกลับมาพูดกับฮันคยองต่อเพื่อเตือนสติ...
“อืมๆ... อ้อ...พี่ฮันคยองบอกเขาไปเถอะ...ความรักไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครองคนๆนั้นก็ได้...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น