ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu Yaoi] Feel The Love... สัมผัสรัก สัมผัสหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #7 : [Feel The Love] Chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.พ. 51


    [Feel The Love] 7
     
    คนที่รักกัน เขาต้องดูแลกัน ใส่ใจกัน ใช่ไหมครับ...
    แล้วทำไม...เขาถึง...
    ไม่ค่อยจะใส่ใจผมเลย???
    หรือ เขาเบื่อผมแล้ว...
     
                ฮันคยอง...คยูฮยอน ลงมากินข้าวสักทีสิ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน!!~” ฮีชอลตะโกนโวยวายลั่นบ้าน เมื่อเจ้าของชื่อที่ตนร้องเรียกทั้ง 2 ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งๆที่ตอนนี้ก็สายโด่งแล้วแท้ๆ โชคดีไปที่วันนี้มีงานในช่วงเย็น ถ้าหากมีงานในตอนเช้าละก็ มีหวังอาเจ้ของวงคงได้กระวีกระวาดไปลากคอคู่รักแปลกประหลาดประจำบ้านลงมาแน่ๆ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆที่นั่งทานข้าวอยู่ก็อดจะอมยิ้มและคิดอะไรไปต่างๆนานาไม่ได้...
     
                ...ตื่นสายทั้งคู่...
                ...นอนห้องเดียวกัน...
                ...แล้วมันจะมีอะไรอื่นเล่า... (ง่ะ!! เอสเจแอบหื่น >.,< หรือว่า... คนแต่งหื่นฟ่ะ -*-;;)
     
                ครับ...พี่ฮีชอลลงมาแล้ว ว่าแล้ว ร่างบางเจ้าของชื่อที่ฮีชอลเรียกไปหมาดๆก็วิ่งหน้าตั้งลงมาจากห้องนอน พร้อมกับร่างสูงสัญชาติจีนที่เดินตามหลังมาติดๆ คนอื่นๆหันหน้ามามองทั้งคู่ไปตาเดียว จนคยูฮยอนเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
                ...ผมมีอะไรผิดปกติงั้นหรอ???
                ทำไมพวกพี่มองผมอย่างงั้นล่ะ... คยูฮยอนเอ่ยถามทุกๆคนพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างฮีชอล โดยมีฮันคยองยื่นจานข้าวให้ และนั่งลงข้างๆคยูฮยอน ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะงงๆกับสายตาของพี่ๆในวง
                ทำไมตื่นสายจังล่ะ คยู... ดงเฮเอ่ยถามพลางอมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
                ก็เมื่อคืนนี้นอนดึกไง... คยูฮยอนตอบก่อนจะตักข้าวเข้าปาก...
                จริงหรอ...ก็นึกว่า... ดงเฮหยุดพูดก่อนจะแอบหัวเราะอยู่ในใจ สายตาของทุกคนละจากจานข้าว กลายมาจ้องคยูฮยอน และฮันคยองแทน...
                จ้องผมทำไม... คยูฮยอนเริ่มโวยวายกับสายตาของทุกคน แต่กลับตรงข้ามกับฮันคยอง ที่กินข้าวไปก็นั่งยิ้มไป...
                สงสัยนายคงรีบลงมากินข้าวมากไปมั้ง...กระดุมเสื้อน่ะ ติดให้มันดีๆหน่อย หรือว่ามึนจนติดผิดเม็ดฮะ... ซองมินแทรกขึ้นมาพลางหัวเราะคิกคัก ทำเอาทุกคนถึงกับตาโต ใช่... กระดุมเสื้อของคยูฮยอนมันติดผิดเม็ดจริงๆ และนั่นมันเผยให้เห็นผิวขาวบริเวณคอที่มีรอยแดงๆอยู่... (ภาพชวนจินตนาการ >///<)
                โอ้ว...รอยกลีบกุหลาบ!!” คังอินร้องลั่นพลางชี้นิ้วไปที่คอของคยูฮยอน เจ้าตัวมองหน้าพี่หมีขาวอย่างงงๆก่อนจะกระพริบตาปริบๆ และเครื่องหมายปรัศนีก็ผุดขึ้นมาทีละตัว
                ...ผมไม่เข้าใจ อะไรรอยกลีบกุหลาบ!!~~ (ใสซื่อจริง พ่อคุณ!!~~ =___=’’)
     
                “อะไร...มันก็แค่รอยยุงกัด... ตุ่มยุงแบบนี้ เรียกว่า รอยกลีบกุหลาบหรอครับพี่คยูฮยอนเอ่ยถามพี่ๆขึ้นมา คราวนี้ทำเอาหัวเราะกันทั้งโต๊ะทานข้าว รวมไปถึงเฮนรี่ด้วย... (เกือบลืมรี่ไปแว้ว แฮะๆ ต้องมีบทนิดส์ ^^’’)
                ไอ้รอยกลีบกุหลาบน่ะมันคือ... อันอือออยอูบไอ (ไปแปลกันเองนะค่ะพี่น้อง หุหุ ><) ดงเฮยังพูดไม่ทันจบประโยค มือหนาของคิบอมก็ยื่นมาปิดปากของเขาเอาไว้ ก็จะพูดเรื่องอย่างนี้ต่อสาธารณชนได้ยังไงเล่า ดงเฮ...
                คิบอม...ปิดปากดงเฮทำไมเล่า ...นี้คยู ไอ้รอยกลีบกุหลายน่ะ มันคือ รอยจูบยังไงเล่า เข้าใจยังล่ะ แต่ปิดปากคนตัวเล็กได้ก็เท่านั้น กระต่ายน้อยของวงผู้ซึ่งไม่มีใครห้าม (หรือห้ามไม่ทัน -_-+) ก็เอ่ยขึ้นมาทำเอาสมาชิกที่นั่งทานข้าวอยู่พร้อมใจกันเงียบกริบ...
                ผมไม่ได้ทำอย่างที่พวกพี่คิดสักหน่อย ถึงเมื่อคืนจะนอนเตียงเดียวกัน ผมก็แค่นอนหนุนแขนพี่ฮันคยองก็แค่เท่านั้น ไม่ได้มี เอ่อ...อะไรสักหน่อย คยูฮยอนร้องลั่นเสียงตะกุกตะกักหวังจะแก้ตัว แต่คราวนี้มันยิ่งทำให้สมาชิกต่างฮือฮากันใหญ่ เห็นทีว่าบทสนทนาเรื่องของเขา คงไม่ถูกเก็บลงไปง่ายๆ
                คยู...ห้องนายมันมีสองเตียงไม่ใช่หรอ...ทำไมนายไปนอนเตียงเดียวกับฮันคยองได้น้า.... ซองมินยังแกล้งกระเซ้าต่อไปคยูฮยอนไม่เลิกเพราะด้วยความหมั่นไส้ที่บังอาจทำกระแสคยูมินเริ่มถดถอย เพราะเดี๋ยวนี้ รูปในอินเทอร์เน็ตของฮันคยองและคยูฮยอนมันเริ่มมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หนอย...ฉันอุตส่าห์สร้างกระแสดีๆไว้แล้วเชียว(?)
                อ้าว...ก็... ตอนนี้ข้อแก้ตัวของคยูฮยอนเริ่มจะไม่มีซะแล้ว...ทำไมพี่ไม่ช่วยผมล่ะ ฮันคยอง!!!
                “พอได้แล้ว!!! จะพูดเรื่องนี้อีกนานไหมฮะ อายๆกันบ้าง เฮนรี่ก็นั่งอยู่ด้วยแท้ๆ เฮอะ!! ไอ้พวกนี้ ไม่รู้จักอายเด็ก!!~~” ฮีชอลตะโกนลั่นพลางกำตะเกียบในมือแน่น...มันน่าโมโหนัก ส่งเสียงดังทำยังกะตัวเองเป็นเด็กไปได้... แถมยังคุยกันเรื่องติดเรทอีก เฮนรี่ก็นั่งอยู่กับพวกเรานะเฟ้ย!!!!!!!!!!!!!!
                คือไม่เป็นไรหรอกครับ...ทุกๆคนคุยกันตามสบายเถอะครับ ผมว่าพวกพี่ก็เฮฮากันดีออก... เฮนรี่เอ่ยพลางฉีกยิ้มกว้างให้ทุกๆคน คยูฮยอนมองหน้าเฮนรี่น้อยๆก่อนจะเบ้ปากด้วยความขัดหูขัดตา
                นายจะอยู่กับพวกเราอีกนานไหม คยูฮยอนเอ่ยถามเฮนรี่บางกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ แต่มันกลับทำให้บรรยากาศในบ้านดูอึมครึมขึ้นมาในทันที (คยูแอบร้าย O_o)
                2 อาทิตย์ ครับ เพราะผมต้องกลับไปเรียนที่จีน เฮนรี่ตอบพลางยิ้มบางๆให้คยูฮยอน
                งั้นหรอ...
                เอางี้สิเฮนรี่ ก่อนกลับพวกเราก็ไปเที่ยวกันหน่อยไหม ฮันคยองเสนอความคิดของตัวเอง และทุกต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกันใหญ่มีเพียงคยูฮยอนที่หันขวับมามองฮันคยองก่อนจะส่งสายตาเป็นการตัดพ้อ
                ดีซะที่ไหนล่ะ... คยูฮยอนสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะวางตะเกียบลงบนจานข้าวและเดินปึงปังขึ้นไปบนห้องนอน...
                ฮันคยองมองตาแผ่นหลังบางนั้นพลางยิ้มกริ่มแต่ก็ไม่ได้ลุกตามเจ้าของแผ่นหลังนั้นไป คิดจะรู้อยู่แก่ใจว่าคยูฮยอนออกจะหึงและหงุดหงิดเวลาที่เขาคุยกับเฮนรี่ แต่ฮันคยองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หวังจะสั่งสอนคยูฮยอนให้รู้ถึงคำว่า เชื่อใจ ซะบ้าง รักกันยังไง ความเชื่อใจมันก็ต้องมี ซึ่ง ณ ตอนนี้ คยูฮยอนยังไม่มีความเชื่อใจให้กับฮันคยองเลย
     
                .................................................................
     
                ตกเย็นรถของบริษัทก็มารับทุกๆคนไปทำงาน แน่นอน ทุกๆคนต่างเฮฮากันได้ทุกเวลาถึงแม้ว่างานจะเยอะแค่ไหน แต่ที่เฮฮาไม่ลง ก็คือ น้องเล็กของวงอย่างคยูฮยอนที่ยังงอนฮันคยองไม่เลิก...
     
                ...ทั้งน้อยใจ
                ...ทั้งหึงหวง
                ...ทั้งกลัวว่าคนตรงหน้าจะเบื่อ
                ...ทั้งไม่ชอบใจ นิสัยเอาแต่ใจของตัวเอง
                ...ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาจะอดทน และ จะรักเราได้นานแค่ไหนเชียว
               
                คยูฮยอน เขยิบไปหน่อยสิ พี่จะนั่งด้วย... ฮันคยองเอ่ยพลางส่งยิ้มยียวนให้คยูฮยอนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนรถ คยูฮยอนช้อนสายตามองเล็กน้อยก่อนจะเขยิบไปชิดที่นั่งฝั่งริมหน้าต่าง พลางเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างรถ
                ทำไมไม่ไปนั่งกับเฮนรี่ล่ะ คยูฮยอนเอ่ยถามแบบประชดประชัน ฮันคยองหันมามองคยูฮยอนด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเขยิบเข้าไปชิดร่างบางที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
                คยูฮยอน นายต้องเชื่อใจพี่สิ... ฮันคยองเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องมองใบหน้าเรียวใสและดวงตากลมโตของร่างบางอย่างพินิจ
                เชื่อใจ... คยูฮยอนทวนคำพูดของฮันคยองพลางขบคิดเรื่องอยู่ใจใน
                ใช่...นายต้องเชื่อใจพี่... ฮันคยองเอ่ยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คยูฮยอน ร่างบางก้มมองสร้อยข้อมือสีเงินแวววาวของตัวเองกับสร้อยข้อมือของฮันคยองสลับกัน ก่อนจะพยักหน้ารับปาก...
                อืม...ผมจะเชื่อใจพี่
     
                ...............................................................
     
    เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่อัดรายการ ทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมที่จะขึ้นเวที บรรดาแฟนคลับเฝ้ารอวันนี้มานาน เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ Super Junior จะขึ้นโชว์เพลงเปิดตัวเป็นครั้งแรก พวกเขาก็เช่นกัน วันที่ทุกคนจะได้ขึ้นโชว์เพลงเปิดตัวเพลงแรก และ วันนี้สมาชิกอยู่บนเวทีแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครบทั้ง 13 คน
                ตื่นเต้นจัง... ซองมินเอ่ยพร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นมากุมกันพลางภาวนาอยู่ในใจให้การโชว์ครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
                สู้ๆน่า...กระต่ายน้อย ฮยอกแจเอ่ยพลางเดินมากอดซองมินเพื่อให้กำลังใจ ถึงจะไม่เคยแสดงความรักให้ใครต่อใครได้เห็นกัน แต่ก็นับว่า ทั้งฮยอกแจและซองมินต่างไว้ใจและรู้ถึงหัวอกหัวใจของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี...(555+ ฮยอกมินๆๆ เชียร์คู่นี้ขาดใจค่ะ เอิ๊ก >///< นอกเรื่องล่ะ -*-)
                นี้พวกนายไปขึ้นโชว์เถอะน่า หวานกันอยู่ได้... อีทึกส่งเสียงเรียกฮยอกแจและซองมินทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันในทันที
                ...กลับบ้านไปและค่อยกอดกันต่อนะจ้ะ ไก่ฮยอก!!! ^____^’’
     
                “กรี๊ด!!!!!!!! อ๊าย อะไรจะเท่ห์ปานนั้น
                หล่อโฮกกกกก ข้าพเจ้าจะเป็นลม เฮือก!!!”
                อ๊ากกกกกกกกก หล่อกว่านี้มีอีกไหม!!!! หม้อถังกะลามังไห!!! หล่อกระชากจิ้น (บ้ารึเปล่าแก =__=’’)
               
                เสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับดังลั่นเมื่อการโชว์ของพวกเขาเริ่มขึ้น...ทุกคนพากันตกตะลึงในลุคส์ใหม่ของพวกเข้าที่ดูเท่ห์และแปลกใหม่เสียเหลือเกิน เสียงตะโกนนั้นดังลั่นจนตลอดการแสดง และจนกระทั่งการแสดงจบลงเสียงกรี๊ดก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง...
     
                เคร้ง!!!!!
                เสียงของอะไรบางอย่างตกลงบนเวที แต่...เสียงนั้นมันเบาเสียจนเจ้าของสิ่งนั้นไม่รู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดตกทิ้งไว้บนเวที...
     
                กลับบ้านไป...ฉลองให้เต็มที่เลยดีไหม คังอินหัวโจกของเรื่องฉลองในทุกเรื่องเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางมีความสุขกับการโชว์ครั้งนี้ และแน่นอน...กลับบ้านไปมันต้องฉลอง!!!!
                “คังอิน...พรุ่งนี้นายไม่มีงานหรือไง อีทึกเอ่ยเสียงเรียบพลางมองหน้าคังอินอย่างเคืองๆ
                มี...แต่หน่านะ....วันเดียวเองนะ ทึกกี้~~” คังอินเริ่มออดอ้อนอีทึก พลางส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนหน้าสวย และแน่นอน...อีทึกก็ใจอ่อนจนได้...
                ก็ได้....
               
                ...............................................................
     
                พี่ฮันคยอง...สร้อยข้อมือล่ะ คยูฮยอนเอ่ยถามฮันคยองด้วยความสงสัยขณะขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อเหลือบไปเห็นข้อมือของร่างสูงปราศจากสร้อยข้อมือสิ่งสำคัญที่สุดระหว่างเขาทั้งสอง
                หือ....อ้าวหายไปไหนเนี่ย... ฮันคยองร้องท่าทางตกใจเมื่อรู้สึกว่าสร้อยหายไปจากข้อมือ เจ้าตัวกวาดสายตามองไปทุกที่แต่ก็ไม่เห็นสร้อยเจ้ากรรมนั้นอยู่ดี
                หาดูดีๆสิ ทำไมพี่ซุ่มซ่ามจัง...ถ้าหายล่ะน่าดู!!~” คยูฮยอนบ่นพึมพำพลางทำหน้ามุ่ย ของสำคัญแท้ๆ ทำหายได้ยังไงกัน???
                อยู่ไหนกันนะ สร้อยข้อมือ...
                พี่หาสร้อยข้อมืออันนี้อยู่ใช่ไหมครับ เฮนรี่เอ่ยพลางยื่นสร้อยข้อมือของฮันคยองที่อยู่ในมือให้ ฮันคยองฉีกยิ้มกว้างให้เฮนรี่ก่อนจะยื่นมือไปหยิบสร้อยข้อมือนั้นจากเฮนรี่ คยูฮยอนมองอย่างอึ้งๆ และอาการน้อยใจมันก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีกซะแล้ว...
                ขอบใจมากนะ... ฮันคยองเอ่ยขอบคุณเฮนรี่พลางใส่สร้อยข้อมืออย่างทะนุถนอม ก่อนจะยื่นมือหนาไปขยี้หัวเฮนรี่เบาๆเพราะความเอ็นดู...
                ไม่เป็นไรครับ.... เฮนรี่เอ่ยพลางส่งยิ้มบางให้ก่อนจะก้าวกลับไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง คยูฮยอนมองฮันคยองด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ก็พยายามเก็บอาการน้อยใจนั้นเอาไว้
     
                ...พี่เคยเห็นว่าผมสำคัญไหม เคยเห็นสร้อยนั้นสำคัญไหม ทำไมพี่ถึงทำมันหายเสียง่ายๆ แล้วทำไม เขาต้องเป็นคนหามันเจอด้วย ผมไม่ต้องการให้ใครแตะต้องมัน นอกจากผมและพี่ เพราะสร้อยมันเป็นของเราสองคน ไม่ใช่ของคนอื่น แล้วทำไม พี่ต้องทำอะไรกับเขาเหมือนที่พี่ทำกับผมด้วย...
     
                เมื่อทุกๆคนกลับถึงบ้าน งานฉลองเล็กๆก็เริ่มขึ้น....
               
                คยู...นายจะดื่มมันหรอ ซองมินถามคยูฮยอนอย่างอึ้งๆเมื่อเห็นว่า น้องเล็กของวงที่ไม่เคยแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำท่าจะยกเบียร์ทั้งขวดขึ้นดื่ม
                อืม... คยูฮยอนตอบสั้นๆก่อนจะยกเบียร์ขวดขึ้นดื่ม ซองมินจะเอ่ยปากห้ามก็ไม่ทัน ตอนนี้ไม่มีใครห้ามคยูฮยอนได้สักคน แต่อย่างว่าคนเดียวที่ห้ามคยูฮยอนได้ตอนนี้กลับหายไปไหนก็ไม่รู้
                พี่ฮันคยองล่ะ ซองมินกระซิบถามฮยอกแจที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางมึนๆ แต่ก็ยังพอมีสติอยู่
                ออกไปซื้อของกินน่ะ สักพักเดี๋ยวก็กลับมา
                เอ่อ...สักพัก เห็นทีไอ้เด็กบ้านี้มันคงจะเมาแอ๋ไปแล้วมั้ง
     
                ดน ดน!!! โมดึลเกดนเซซัง วออาเนคาทินนอ โอ้ว ลีซูมาน!!~~~~” แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ คยูฮยอนที่ดูเหมือนจะเมาได้ที่ เพราะฤทธิ์เบียร์ก็เริ่มมีอาการของคนเมาออกมาเต็มที่ ทั้งๆที่ดื่มเบียร์เข้าไปแค่อึกสองอึก
                “เฮ้ย!!!! คยูฮยอนอย่าเล่นของสูงดิ ท่าจะเมาก็ต้องเมาแบบมีสติและมีศิลปะ คังอินที่ดูเหมือนจะมึนๆเล็กน้อย (อาจเมา -*-) ร้องลั่นเมื่อเห็นว่าเพลงที่คยูฮยอนร้องออกมา อาจทำให้อนาคตนักร้องของเจ้าตัวต้องดับวูบ
                ช่าง!!! ผมม่ายสน ฮึก!~”
                คยูฮยอน นายเมามากแล้วนะ ไปนอนเถอะไป อีทึกที่ตอนนี้ยังไม่ได้จิบแอลกอฮอล์เลยสักนิด เตือนน้องเล็กด้วยท่าทางเป็นห่วง นานทีปีหนจะเห็นน้องเล็กเป็นสภาพแบบนี้ อย่างนี้คงมีเรื่องแน่ๆ
                คายว่าโผมเมา...โผมม่ายเมานะ ฮ่าๆ คยูฮยอนตอบเสียงยานคาง อีทึกส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่พอสักพัก บุคคลที่คยูฮยอนเชื่อฟังมากที่สุด ก็ย่างกายเข้ามาในห้องรับแขก และแทบจะในทันที ฮันคยองก้าวเข้าไปหาคยูฮยอนที่ตอนนี้เมาไม่ได้สติอย่างรวดเร็ว
                ใครให้นายกินเหล้าฮะ!!!” ฮันคยองร้องเสียงดังเมื่อเห็นสภาพคยูฮยอนเมาหนักอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
                กินเอง ม่ายมีคายห้าม!!~~ หึหึ คยูฮยอนตอบพลางหัวเราะน้อยๆ และดวงตาก็เริ่มจะหลับอยู่ทุกที
                พี่ไม่ให้นายกินไปนอนได้แล้ว ฮันคยองกล่าวเสียงเข้มพลางพยุงร่างบางขึ้นก่อนจะจับศีรษะของร่างบางแนบกับอกกว้าง
                ปล่อยโผมนะ พี่บ้า!!~~~” คยูฮยอนร้องโวยวายแบบคนเมา แต่สักพักก็หมดสติไป... ฮันคยองมองร่างบางในอ้อมแขนด้วยความหงุดหงิด และความเป็นห่วง...
                ...นายเป็นอะไรไปคยูฮยอน
     
                ฮันคยองวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือ เพราะกลัวคนในอ้อมแขนจะตื่น ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดที่หน้าของร่างบางอย่างทะนุถนอม มือหนาเอื้อมไปลูบผมสีทองของคนที่นอนหลับพริ้มอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบาง จากนั้นร่างสูงก็ก้าวไปอีกเตียงหนึ่งพลางทิ้งตัวลงนอนด้วยท่าทางไม่สบายใจ...
                ...นายคิดอะไรอยู่คยูฮยอน นายโกรธพี่ นายหวงพี่ หรือนายไม่เชื่อใจพี่
     
                นอนด้วยสิ!!~~” เสียงของร่างบางที่น่าจะหลับไปแล้ว เอ่ยเรียกสติของฮันคยองให้หลุดจากภวังค์ ฮันคยองลืมตาขึ้นก็พบว่าเจ้าของร่างบางกำลังยื่นยิ้มให้กับเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆร่างสูงของเขา ร่างบางเอื้อมแขนมาโอบกอดร่างสูงเอาไว้แน่น พลางเอาหน้าซุกที่อกกว้างก่อนที่น้ำใสๆจะเริ่มไหลรินออกจากดวงตา การกระทำแบบนี้ ทำเอาร่างสูงถึงกับทำอะไรไม่ถูก นี้เป็นครั้งแรกที่ฮันคยองไม่สามารถจะเดาใจของคยูฮยอนออก...
     
                เราเป็นแฟนกันใช่ไหม...และทำไมพี่ไม่เห็นว่าผมสำคัญเลย พี่คิดอะไรอยู่...ทำไมพี่ถึงทำสร้อยหาย และทำไมพี่ต้องทำอะไรกับคนอื่นเหมือนที่ทำกับผม ตกลงแล้ว พี่รักผมอย่างที่พูดหรือเปล่า...ผมกลัวจัง กลัวว่าพี่จะเบื่อเด็กเอาแต่ใจอย่างผม...
    ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังหลับตาพริ้ม มันเป็นความในใจที่แสนจะอัดอั้นสำหรับคยูฮยอน อาจเพราะความเมาหรือเพราะอะไร ฮันคยองเองก็ไม่รู้ว่าทำไมคยูฮยอนถึงทำอย่างนี้ มือหนาเอื้อมไปปาดน้ำตาของคนในอ้อมอกอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะสัมผัสกับหน้าผากเนียนของร่างบางด้วยความอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรล่วงเกินไปมากกว่านั้น เพราะเป็นสัมผัสที่ไม่ต้องการให้คนรักจะต้องเจ็บปวด...หากแต่จะกอดร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนแน่น...
                ...ขอโทษ ที่พี่ทำให้นายคิดอย่างนี้ พี่ไม่เคยเบื่อ หรือ คิดจะเลิกรักนายเลยนะ คยูฮยอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×