ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [Feel The Love] Chapter 11
[Feel The Love] 11
ดื้อดึง...ดึงดัน...
เพียงเพราะ ยอมรับกับความเป็นจริงไม่ได้...
ความจริงที่ว่า...
คนตรงหน้า...ไม่มีวันเป็นหัวใจของเขา...
“พี่รักนายนะ คยูฮยอน...”
มีเพียงความเงียบเข้าครอบงำ ร่างบางที่ตอนแรกดิ้นขลุกขลักอยู่อ้อมแขนกลับชะงัก...ความคิดในหัวสมองเริ่มปรวนแปร...คนที่กำลังบอกรักเขาอยู่...คือคนที่เขานับถือว่าเป็นพี่ชาย...ชเวซีวอน
“พี่ล้อเล่นน่า...” คยูฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปกติมากที่สุดหวังเพียงว่า คำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเพียง เรื่องล้อเล่น...
“ไม่...พี่ไม่เคยล้อเล่น...” เอ่ยพลางกอดรัดคนในอ้อมแขนแน่นราวกับไม่อยากจะเสียคนๆนี้ไป
“อันที่จริงผมก็รักพี่ แต่ในแบบพี่ชาย...ก็ผมน้องชายพี่หนิ...” ร่างบางหัวเราะน้อยๆ พลางกลั้นน้ำใสๆที่กำลังปริ่มอยู่ที่ดวงตา
...มาบอกอะไรตอนนี้ ชเวซีวอน... บอกในวันที่สายไปแล้ว... สายไป... หัวใจของผมที่เคยจดจำพี่ไว้ในหัวใจ ที่ว่างที่เคยมีพี่อยู่ ตอนนี้มันมีคนอื่นมาเติมเต็มและแทนที่แล้ว...
“แต่พี่รักนายในแบบ...คนรัก” ซีวอนเอ่ยเสียงแผ่ว ส่วนคนรับฟังก็แทบจะปล่อยโฮอยู่รอมร่อ
“แล้วพี่ฮีชอลล่ะ...เขารักพี่รู้ไหม...” คยูฮยอนกล่าวเสียงสั่นเครือพลางยกมือเรียวขึ้นพยายามแกะแขนแกร่งออกจากเอวบางของเขาเอง หากแต่ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะรับฟังคำพูดของคนที่โอบรัดอยู่...
“รู้...แต่พี่รักนาย...รักมากที่สุด รักตั้งแต่แรกเห็น...”
“พอสักที...!!!”
คยูฮยอนร้องลั่นพลางยกมือขึ้นกุมขมับ ปวดหัว...อาการเดิมที่ไม่ค่อยกำเริบกลับมามีอาการอีกครั้ง ซีวอนเบิิกตากว้างก่อนจะรวบร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง...หากแต่คราวนี้ คนในอ้อมแขนก็ยังดิ้นไม่หยุด พร้อมกับเอามือยกขึ้นกุมขมับของตัวเองเพื่อบรรเทาอาการที่มีมากจนทานไม่ไหว...
“ฟื้นสิ คยูฮยอน... เป็นอะไรไปคยู...ฟื้นสิ...”
เขาดีกับผม...
เขาใจดีกับเขา...
เขาดีไปซะทุกอย่าง...
ดีจนผม...รู้สึกดีๆ กับ เขาคนนี้ ซีวอน...
ความรู้สึกที่ผมก็อธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่า...เวลาที่เขาดูแลผม
เวลาที่เขายิ้มให้ผม มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...
ความรู้สึกแบบนี้ มันเรียกว่า ‘รัก’หรือเปล่าครับ...
วันนี้ผมตั้งใจจะุบอกเขาแล้ว...ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา...
หากแต่...เขากลับ...
...อยู่กับคนอื่น... พี่ฮีชอล ผมรู้ว่าพี่ฮีชอลรู้สึกยังไงกับ พี่ซีวอน
ผมรู้ว่า พี่ฮีชอล รัก พี่ซีวอน มากแค่ไหน...
แต่ผมก็ยังดึงดันอยากจะ... รู้สึกดีๆกับเขาต่อไป
แต่ความรู้สึกแบบนี้ มันค่อยๆจางหายไป เพราะผมคิดว่า
...ยังไงซะ ความรู้่สึกบ้าบอของผม คงไม่มีวัน สื่อไปถึง เขาหรอก...
จนเมื่อ วันที่เลวร้ายที่สุดของผมก้าวมาถึง วันที่ผมคิดว่า พระเจ้ากำลังจะโปรดให้ผมต้องไปอยู่กับท่าน และพรากผมจากพี่ๆที่แสนดีในวง...
ความรู้สึก...รัก หรือ อะไรก็ตามแต่... มันก็ค่อยๆจางหายไปจากหัวใจ
...ของ ผมคนนี้ โจ คยูฮยอน..
.....................................................
“คยูฮยอนเขาเป็นอะไรไป...” ฮันคยองที่เพิ่งกลับมาจากจีน วิ่งหน้าตาตื่นมาที่โรงพยาบาล ผลักประตูห้องคนไข้เต็มแรงเหมือนคนเสียสติ...ขายาวก้าวไปที่เตียงคนไข้ด้วยความรีบร้อน พลางจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของคนรักร้าวกับจะขาดใจ มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวขาวมาแนบแก้ม...
รู้สึกผิดเหลือเกินที่ไม่ได้ดูแล เด็กดื้อ ได้เต็มที่...
“ก็อาการเดิมนั้นแหละ ไอ้อาการปวดหัวของคยูมันกำเริบอีกแล้ว สงสัยเจ้าตัวคงไปนึกถึงเรื่องในวันที่ประสบอุบัติเหตุล่ะมั้ง...” อีทึกกล่าวพลางยื่นมือบางไปลูบกลุ่มผมนุ่นของคนป่วยด้วยความเอ็นดู
“ทำไม คยูฮยอนถึงไปนึกถึงเรื่องในวันนั้นล่ะ... อาการปวดหัวแบบนี้ คยูก็เพิ่งหายมาหยกๆทำไมกลับมาเป็นอีก...” ดงเฮกล่าวพลางจ้องมองใบหน้าของน้องเล็กที่หลับสนิทอยู่ด้วยความเป็นห่วง
...บทจะซ่า ก็ซ่าเสียเต็มประดา บทจะป่วยก็น่าสงสารจริง...
“อันที่จริงคยูฮยอนก็มีอาการแบบนี้มาเรื่อยๆ แต่เขาไม่ยอมบอกใคร” ฮีชอลกล่าวเสียงเย็นก่อนจะจ้องเขม็งไปยังซีวอนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกฝั่งของเตียงคนไข้... ใบหน้าของซีวอนนั้น บ่งบอกได้่เลยว่า เขารู้สึกผิดมากขนาดไหน...
ถ้าให้เขาลองปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างแล้ว...ต้นเหตุทุกอย่าง มันอาจมาจากตัวเขาเอง...
“คยูเมื่อไรนายจะฟื้นซะที...เหงาปากแล้วนะ ฉันอยากเถียงกับนายอ่ะ” ซองมินกล่าวพร้อมกับน้ำใสๆที่ค่อยๆไหลอาบแก้ม...ฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆจึงค่อยๆดึงร่างเล็กเข้ามาโอบเพื่อปลอบประโลม...
“แล้วหมอบอกว่าไง...” ฮันคยองโพล่งขึ้น น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วร้อนรนจนสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยและความรักที่ฮันคยองมีให้แก่คยูฮยอนอยู่มากโข
“อยู่ดูอาการต่อไป...” อีทึกกล่าวเสียงเรียบพลางหลุบตาลงต่ำ...
...เป็นห่วงน้องยิ่งกว่าอะไร...อีกแล้วหรอ ช่วงเวลาแบบนี้... ช่วงเวลาที่เขาไม่อยากจะสัมผัสถึงมันเลย...
“คืนนี้ฉันเฝ้าคยูเองล่ะกัน...” ฮันคยองกล่าวท่าทางจริงจัง อีทึกจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยื่นมือเรียวมาตบที่บ่าของฮันคยองเบาๆเป็นการให้กำลังใจ...
“ดูแลคยูดีๆล่ะ...”
เมื่อสมาชิกทุกคนทยอยออกไปจากห้องคนไข้จนหมด เหลือเพียงฮันคยองที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ส่วนร่างบางบนเตียงคนไข้ก็ยังหลับสนิท...ฟื้นซะทีสิ คยูฮยอน พี่อยากได้ยินเสียงนายแล้วรู้ไหม...
“เด็กดื้อ...ตื่น...และก็ฟื้นมาสิ พี่กลับมาแล้วนะ...ไหนว่าคิดถึง ไหนว่าอยากเจอหน้าพี่ไง นี่ๆ...พี่ย้อมผมดำแล้วนะ...ตื่นมาหน่อยสิ...”
ร่างสูงรำพึงรำพัน พร้อมกับน้ำใสๆที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคมทีละน้อยๆ หากแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียง...ความเงียบงัน...
“คุณค่ะ นอนฟุบที่เตียงคนไข้มันไม่ดีนะค่ะ... ไปนอนที่โซฟายาวตรงนั้นดีกว่า” พยาบาลสาวที่เดินเข้าในห้องคนไข้เพื่อเช็คอาการของคยูฮยอน ยื่นมือบางไปสะกิดที่ไหล่ของฮันคยองที่หลับฟุบอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้ ใบหน้าดูเหน็จเหนื่อย เพราะจากการทำงานที่จีนโดยไม่ได้พัก ทำเอาความเหนื่อยล้าทั้งหลายจู่โจมเข้ามาแบบกระทันหัน หากแต่จิตใจก็ยังแข็งแกร่งและฝืนร่างกายต่อไป
“ขอบคุณครับ...”
กล่าวจบฮันคยองก็เอื้อมมือหนาไปลูบผมสีดำนิลสนิทของคยูฮยอนก่อนรอยยิ้มบางเบาจะปรากฏสู่ใบหน้าคมคา่ยอีกครั้ง ขายาวก้าวไปที่โซฟายาวก่อนจะทิ้งตัวลงนอน สายตาคมยังคงจับจ้องไปยังเตียงคนไข้ หวังจะมองอย่างนี้ไปเรื่อยๆไม่อยากคลาดสายตา หากแต่ความเหนื่อยล้าที่เกินต้านทานก็ทำเอาดวงตาคมค่อยๆหลับสนิทลง...
...............................................................
แสงแดดจ้าส่องลอดผ่านบานประตูกระจกของห้องพักคนไข้ ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงกลับมามีสติอีกครั้ง ดวงตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นมองเพดานที่ขาวสะอาดพลางพิจารณาว่าที่ๆตัวเองอยู่คือที่ใด...
โรงพยาบาล... อีกแล้วสินะ.... เอ่ยกับตัวเองพลางยันตัวลุกขึ้นจากเตียง สายตากวาดมองไปรอบห้องก่อนจะเบนบรรจบไปเจอะกับร่างสูงที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟายาว ความรู้สึกเหงาและว้าเหว่หายไปในชั่วพริบตา ขาเรียวก้าวลงจากเตียงคนไข้ก่อนจะยื่นมือไปดึงสายน้ำเกลือที่เกะกะออกจากมือซีด พลางก้าวเดินไปหาร่างที่ปรารถนาจะพบเจอด้วยความลำบาก
คิดถึงเป็นที่สุด...
“พี่ฮันคยอง...” เอ่ยเสียงแผ่วพลางทรุดลงที่โซฟา เอื้อมแขนเรียวไปโอบรัดร่างสูงเอาไว้แน่น หากแต่ก็รู้สึกร้อนพิกล
...ทำไม พี่ฮันคยอง ตัวร้อนจัง...
“หือ...คยูฮยอน!!!” ฮันคยองที่ตอนแรกลืมตาขึ้นมางัวเงียเป็นต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเด็กดื้อนั่งยิ้มแป้นแล้นให้กับเขา ทั้งที่ใบหน้าดูซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวา แต่หากเมื่อจะกอดตอบร่างกายก็กลับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากระทันหัน...
“พี่ไม่สบายหรือเปล่า...” ถามพลางยื่นมือมาเตะที่หน้าผากของฮันคยอง ก่อนหน้าเปื้อนยิ้มจะแปรเปลี่ยนเป็นหน้ามู่ดูเอาแต่ใจ...
“ทำไมมันไม่รู้สึกต่างกันเท่าไรเลยล่ะ...” ว่าแล้วหน้าใสซื่อก็ยื่นเข้ามาใกล้หน้าหล่อเหลาของฮันคยองมือเรียวข้างหนึ่งจับรวบกลุ่มผมที่ปรกหน้าผากของตัวเองออก ส่วนมืออีกข้างก็รวบเส้นผมที่ปรกหน้าผากของคนตรงหน้าออก ก่อนจะแนบหน้าผากของตนเองกับฮันคยอง...
วิธีนี้แหละ!!!! วิธีวัดอุณหภูมิไข้ของอีกคนได้ผลเป็นไหนๆ หึหึ
พี่อาราสอนไว้... นี้แหละดีที่สุดแล้วต้องใช้ร่างกายสัมผัสร่างกายอีกคน ถึงจะรู้สึก!!!! (พี่อารา หรือ โจอารา คือ พี่สาวกี้นะ ^^)
ลมหายใจร้อนๆรู้สึกถึงร่างสูงคนนี้กำลังไม่สบาย ไหนจะความรู้สึกร้อนรุ่มๆที่หน้าผากของคนๆนี้อีก...สงสัยคงจะเหนื่อยจนไม่สบายจนได้
“พี่ไม่สบายจริงๆด้วย...ฮึ่ย!!! ดูแลตัวเองหน่อยสิ...” สบถอย่างเหลืออดพลางทำหน้ามู่...
“หือ!!~...พี่ปล่อยนะ” คยูฮยอนที่กำลังจะยันตัวเองลุกขึ้นจากตัวของฮันคยองเป็นต้องผงะเมื่อร่างสูงเอื้อมแขนแกร่งมาล๊อคที่คอเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด...หน้าก็ใกล้กันเพียงคืบ...
...ฮันคยองจอมเจ้าเล่ห์กลับมาอีกแล้ว...!!!
“คิดถึงพี่ไหม” ฮันคยองเอ่ยถามพลางยิ้มกริ่ม ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่อายจนหน้าซีดเริ่มขึ้นสีระเรื่อๆก่อนจะพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ
“พี่คิดถึงเด็กดื้อที่...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคริมฝีปากเรียวก็ถูกกลีบปากเล็กประทับปิด...
คยูฮยอนจูบเขาก่อน!!!มือหนายื่นไปรวบท้ายทอยของร่างบางก่อนจะมอบรสจูบแสนหวานให้กลับ ลิ้นเล็กตอบรับความหวานโดยไม่ปฏิเสธหากแต่้เพียงส่งเสียงอู้อี้เพราะไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้ หน้าคมเปลี่ยนองศาเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้าได้หายใจ จมูกโ่ด่งเสียดสีไปมากับสันจมูกเล็ก ลิ้มเรียวหนากวาดเอาความหวานจากเด็กใสซื่ออย่างเต็มที่...จูบที่ยาวนาน...และไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน...
“อื้อ...” เสียงประท้วงเริ่มออกมาเนืองๆเพราะถูกแย่งอากาศหายใจ มือเรียวยกขึ้นทุบอกของร่างสูงเบาๆเป็นสัญญาณว่าเขาเองเริ่มขาดอากาศหายใจซะแล้ว...
“แฮ่กๆ...” หอบหายใจแฮ่กๆพลางใบหน้าที่แดงยิ่งกว่าลูกตำลึงเมื่อจูบแสนหวานสิ้นสุดลง ฮันคยองยิ้มกริ่มพลางเลิกคิ้วยียวน...
...ใครสอนให้คยูฮยอนจูบคนอื่นก่อนกัน...
“ยิ้มอะไรเล่า” คยูฮยอนถามเสียงตะกุกตะกักพลางเบือนหน้าหนีสายตาเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า
“ทำไมจูบพี่ก่อน” ถามยิ้มๆหากแต่ร่างบางกลับหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก...
“ไม่รู้...” บอกปัดพลางก้าวปึงปังกลับไปที่เตียงคนไข้ ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ฮันคยองหัวเราะน้อยๆในลำคอพลางก้าวเดินไปยังเตียงคนไข้ก่อนจะปืนขึ้นนั่งบนเตียง และในทันทีมือหนาก็เอื้อมไปโอบรัดเอวของคนรักไว้แน่น ร่างทั้งร่างเอนลงนอนข้างๆคนป่วย... ร่างบางสะดุ้งตัวลอยก่อนจะหันขวับมาจ้องหน้าคมของคนรักด้วยสายตาเคืองๆ
“ออกไป มันแคบจะตกเตียงอยู่แล้ว...” คยูฮยอนเอ่ยเสียงเขียวก่อนจะัเขยิบตัวหนีไปเรื่อยๆ
“ก็คนมันคิดถึง...กอดหน่อยไม่ได้หรือไง” ฮันคยองกล่าวน้ำเสียงตัดพ้อทำเอาคนที่ได้รับฟังอดจะใจอ่อนไม่ได้
“กอดได้กอดไป...” พูดจบก็ยกมือเรียวขึ้นจับใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง...
...ร้อนอีกแล้ว....!!!!
คางหนาเกยที่ไหล่บางไปมาก่อนจะไล่ไปที่แก้มใส จมูกโด่งไล่จับเอาความหอมจนเต็มปอด คลอเคลียอยู่นานจนเมื่อมีเสียงกุกกักหน้าห้องคนไข้ดังขึ้นจนผิดสังเกต...
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ แฮะๆ” ดงเฮหัวเราะแห้งๆพลางยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ ส่วนคนอื่นๆก็ย่างก้าวเขามาห้องด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน
สงสัย...คงแอบดูอีกแล้วสิท่า!!!
“คยูฮยอนเป็นไงบ้าง” ซีวอนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อครู่เอ่ยเสียงเรียบหากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความว่างเปล่า สายตาของคยูฮยอนไม่ได้จับจ้องหรือมองผ่านเขาเลยแม้แต่น้อย...
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอก ตื่นมาก็ซ่าซะแล้ว...” ฮันคยองเอ่ยพลางหัวเราะร่าพลางยื่นมือไปลูบขยี้กลุ่มผมนุ่นของคนในอ้อมแขน ร่างบางตวัดสายตามองก่อนจะยิ้มแห้งๆให้
“พี่อีทึกล่ะ พี่ดงเฮ...” คยูฮยอนกล่าวเปลี่ยนเรื่องก่อนจะค่อยๆขยับตัวหนีอ้อมแขนของฮันคยองทีละนิด หากแต่ีร่างสูงก็รู้ทัน เอื้อมมือแกร่งมาโอบรัดเอวจนไม่สามารถขยับตัวหนีได้ต่อไป...
“คุณหมอเรียกไปพบน่ะ เรื่องอาการของนายแหละมั้ง...”
................................................................
“มันสาแก่ใจนายหรือยังซีวอน...คยูฮยอนป่วยอีกรอบแล้วดูจะหนักกว่าทุกครั้งด้วย” ฮีชอลที่ยื่นอยู่หน้าห้องคนไข้กล่าวเีสียงเยือกเย็นขณะซีวอนเดินคอตกออกมา เจ้าตวัดสายตาด้วยด้วยสีหน้าสลดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่...
“............” ซีวอนเลือกจะหยิบยื่นเอาความเงียบให้เป็นคำตอบ
“ไหนล่ะ จะดูแลเขา... เฮอะ!!! เจ้าของหัวใจคยูก็กลับมาแล้ว ยังไงนายก็ไม่มีสิทธิ” กล่าวจบก็ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิด สายตาเย้ยหยันยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าเรียวสวยของฮีชอล
...นายมันโง่ นายมันเห็นแก่ตัว ชเวซีวอน...
“ซีวอนนั่งทำอะไรอยู่คนเดียวไม่เข้าไปในห้องล่ะ” อีทึกที่เพิ่งออกมาจากการคุยธุระกับหมอประจำตัวของคยูฮยอน ร้องทักซีวอนที่นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าห้องผู้ป่วย แต่เมื่อเรียกเท่าไหร่คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบรับ มือบางจึงยื่นไปตบที่แก้มของซีวอนเบาๆ
“พี่ครับ...ผมขอตัวนะครับ” เมื่อได้สติ เจ้าของร่างสูงโปร่งก็เดินลิ่วๆออกไปจากหน้าห้องผู้ป่วยทิ้งให้ลีดเดอร์อย่างอีทึกยืนอึ้งอยู่นาน ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
แอ๊ด!!~~
ตุบ!!!
พลั่ก!!!
โอ้ย!!!!
“พี่หยุดเลย มันจั้กจี้!!~~” คยูฮยอนร้องลั่นพลางยกมือทุบๆตีๆไปที่ฮันคยองที่เอามือจี้เอวบางของคยูฮยอนพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!!! (=___=* อายุเท่าไรแล้วฟ่ะ ยังเล่นยังงี้อีก!!!)
“โอ้ย!!! ทุบอกพี่ทำไม!~” ฮันคยองว่าพลางเอามืออีกข้างจับข้อมือของคยูฮยอนที่ทุบอกเขาไม่หยุด
“ก็หยุดสิ ฮ่าๆๆๆ” กล่าวห้ามแต่กลับมาเสียงหัวเราะไม่หยุด นั้นเพราะ คยูฮยอน บ้าจี้ยิ่งกว่าอะไร!!!
ร่างบางของอีทึกเปิดประตูเข้าห้องผู้ป่วยเบาๆ เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ต้องหน้าก็อดจะยิ้มไม่ได้กับความน่ารักน่าชังของคู่รักที่ขึ้นชื่อว่า แปลกประหลาดที่สุดในบ้าน...ทว่าเมื่อถึงเรื่องสำคัญแล้ว รอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าของหัวหน้าวงเป็นต้องสลายหายไปเพียงชั่ววินาที...
“ฮันคยองฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” อีทึกกล่าวเสียงเรียบก่อนจะช้อนสายตามองฮันคยองที่กำลังนั่งหยอกเย้าคยูฮยอนสบายใจ ฮันคยองนึกเอะใจอยู่ไม่น้อย...จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ...
“มีอะไรล่ะ...” ถามกลับพลางนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องคนไข้
“เวลาคยูอยู่กับนาย...เขาปวดหัวบ่อยไหม...” อีทึกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ปกติ เท่าเอาร่างสูงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ...
“ก็ไม่...” ตอบออกมาด้วยความไม่แน่ใจ จริงอยู่ที่คยูฮยอนไม่ค่อยปวดหัวรุนแรงต่อหน้าเขา จะมีบางก็แค่จู่ๆก็ยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเอง และคำบอกเล่าของสมาชิกคนอื่นๆที่เห็นคยูฮยอนปวดหัวบ่อยจนมากเกินไป มากจนมันเหมือนไม่ใช่แค่อาการปวดหัวธรรมดา...
“หมอบอกว่า...จิตใจของคยูฮยอนตอนนี้มันแย่มากๆ ถ้าหากมีเรื่องมากระทบกระเืทือนจิตใจจนทำให้เครียดจนปวดหัวอีกรอบ...มันจะไม่ส่งผมดีต่อเขา...ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วก็จะยิ่งไปกันใหญ่ และที่สำคัญสภาพจิตใจก็จะยิ่งแย่มากขึ้นกว่าเดิม ถึงภายนอกจะดูร่าเริงดี แต่ภายในน่ะ...เขาเครียดมากกว่าพวกเราหลายเท่า...”
“ฉะนั้น...เรื่องที่ตอนนี้มีผลกับจิตใจของคยูฮยอนอาจเป็นเรื่องอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนก่อน...แต่ฉันคิดว่า... วันนั้นคยูฮยอนต้องมีอะไรฝังใจกับวันนั้นมากกว่าเรื่องรถคว่ำ...นายต้องพยายามอย่าให้เขานึกถึงเรื่องราวทุกอย่างในวันนั้น...” กล่าวจบสีหน้าของฮันคยองก็ดูตรึงเครียดขึ้นมาแทบจะในทันที... บางเวลาที่คยูฮยอนยิ้ม... บางเวลาที่คยูฮยอนร่าเริง... มันก็มีความเศร้าปะปนอยู่ด้วยหรือ...
เจ็บแทนที่ตรงเห็นคนที่เคยร่าเริงมีความเครียดความฝังใจมากกว่าเขาหลายเท่าทวีคูน
หากแต่จะเก็บเอาความคิดคลางแคลงใจไว้ไม่ได้...
วันที่เกิดอุบัติเหตุ... คยูฮยอน เจอเรื่องอะไรกันแน่...???
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น