คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : เพื่อนสนิท
Chapter 2 : เพื่อนสนิท
“ผมชื่อ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ครับ”
“งั้นก็เป็น คุโรโกจจิ สินะ!”
“เอ่อ?”
“ฉันจะเติม จิ ต่อท้ายชื่อคนที่ชอ…เอ้ย คนที่นับถือน่ะ!”
“……คุ – โร – โกะ ครับ….”
“คุโรโกจจจจี่ !!!!! ><”
“ซุบซิบอะไรกันจ๊ะ คุโรโกะคุง คิเสะคุง”
เสียงหวานของอาจารย์สาวที่ชักจะหมดความอดทนกับลูกศิษย์ทั้งคนใหม่คนเก่าดังขัดขึ้น แต่ใบหน้าอาจารย์กลับคร่ำเคร่งไม่ได้หวานตามน้ำเสียงไปด้วย ให้ตายสิ หลังจากที่แหกปากดังลั่นแล้วก็ยังจะมานั่งคุยกันอีกนะ เฮ้อออ ต้องมีเตือนกันหน่อยแล้ว
“ว่าไงจ๊ะ มีอะไรจะถามอาจารย์รึเปล่า? ^^* ”
อาจารย์สาวเปลี่ยนมายิ้มหวานแต่ยังส่งสายตาดุๆไปยังคนทั้งคู่ที่บัดนี้มีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดพลางพร้อมใจกันส่ายหน้าปฏิเสธให้อาจารย์กันอย่างเต็มที่ อาจารย์สาวจึงถอนหายใจแล้วกลับไปสอนต่อ เมื่อเห็นดังนั้นตัวก่อเหตุทั้งสองจึงถอนหายใจตามพร้อมกับก้มหน้าก้มตาตั้งใจเรียนอย่างแข็งขัน แต่ไม่ทันไรคนตัวสูงก็เริ่มเปิดประเด็นชวนคุยต่อ ส่งผลให้คนตัวเล็กส่งสายตาดุแบบเดียวกับอาจารย์มาให้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เป็นเพราะคิเสะคุงทำให้ผมต้องโดนดุไปด้วย ถ้าคิเสะคุงยังไม่เลิกคุยอีกผมจะไม่พูดกับคิเสะคุงอีกแล้วนะครับ” หลังจากเอ่ยประโยคพิฆาตจบร่างเล็กก็หันไปสนใจหนังสือเรียนต่อโดยไม่หันไปมองคนข้างตัวอีกเลย แต่เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติของคนข้างตัวที่เหมือนจะแน่นิ่งไป ดวงตาสีฟ้าใสจึงจำใจหันไปจ้องมองอีกครั้งก่อนจะเบิกกว้างแล้วแปรเปลี่ยนมาถอนหายใจแทน
คิเสะ เรียวตะ นายแบบหนุ่มหน้ามนกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ ตัวสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าเต็มที่แต่ก่อนจะได้ไหลริน มือเล็กก็ยกขึ้นไปลูบผมทองนุ่มสลวยแผ่วเบาเป็นเชิงปลอบใจ อืม ประโยคเมื่อกี้คงแรงไปสินะครับ….
“เอาเป็นว่ามีอะไรค่อยคุยกันตอนพักเที่ยงนะครับ ผมไม่หนีคิเสะคุงไปใหนหรอกครับ” พูดจบพลางส่งยิ้มบางๆให้ เป็นยิ้มที่แทบละลายใจคนฟังเลยทีเดียว แล้วมันก็ได้ผลเกินคาด เมื่อนายแบบหนุ่มหน้าแดงขึ้นเป็นเท่าตัวพลางพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้คนตัวเล็กที่กำลังกลับไปก้มหน้าก้มตาดูหนังสือเรียนต่อ เปลี่ยนอารมณ์จากกำลังจะร้องไห้มาเป็นอารมณ์ดีจนอยากจะดึงคนข้างๆมากอดเลยทีเดียว
Kuroko’s part
สวัสดีครับ ผมชื่อ คุโรโกะ เท็ตสึยะ เน้นนะครับ คุ – โร – โกะ เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากจะเน้นย้ำเฉยๆ……. ตอนนี้ห้องผมมีนักเรียนเข้าใหม่ เขาเป็นคนตัวสูงมากๆ น่าจะพอๆกับอาโอมิเนะคุง แต่น่าจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย อืม…..แค่นี้แหละครับ……. //เดี๋ยวๆๆ จะสั้นไปมั้ยคะน้องดำขา? 555555 (เสียงจากไรท์เตอร์ XD)
อ่อ งั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็…..คนที่ย้ายเข้ามาใหม่ชื่อ คิเสะ เรียวตะคุง ตอนแรกที่เห็นเขาแนะนำตัวหน้าห้องผมก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาเป็นคนเดียวกับที่เดินชนกันเมื่อเช้า ผมรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้าเขา ซึ่งก็จริงๆด้วย เพราะเขาเป็นนักเรียนเข้าใหม่ ดูเหมือนเขาจะทำงานที่เกี่ยวกับการถ่ายแบบอยู่ด้วย เขาดูโด่งดังมากทีเดียว ผมจ้องมองเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาก้าวเข้ามาในห้องแล้วล่ะ จนกระทั่งเขาเดินมานั่งที่โต๊ะ….โต๊ะตัวนั้น……..เอ่อ….ผมไม่รู้สึกแปลกใจหรอกที่เขาไม่สังเกตเห็นผม มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วนี่ครับ? จนกระทั่งผมให้เขายืมหนังสือ เขาดูตกใจมากที่เห็นผม ก็คงไม่แปลกอีกล่ะมั้งครับ? จากนั้นคาบนี้ทั้งคาบเราก็ต้องนั่งเรียนติดกันเพราะผมต้องให้เขาดูหนังสือเรียนด้วย…..ตามความคิดผม คิเสะคุงเป็นคนร่าเริงมาก เอ่อ อาจจะไม่ดีต่อคิเสะคุงเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าเขาดูเหมือนสุนัขตัวใหญ่ๆ ประมาณพันธุ์โกลเด้น(?) อาจจะด้วยทั้งสีผมกับสีตาของเขาเป็นสีบรอนซ์ทอง อ๊ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมนินทาเขานะครับ ผมแค่จะบอกว่า เขาดูมีพลังอยู่ตลอดเวลา เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย ความสดใสและความร่าเริงของเขาทำให้ใครหลายคนยิ้มไปกับเขาได้ครับ….
Kise’s part
หลังจากที่ผมพบกับคนที่เดินชนเมื่อเช้าในห้องเรียนอีกครั้ง ผมดีใจมาก ดีใจจริงๆที่เราอยู่ชั้นปีเดียวกันแถมยังเรียนห้องเดียวกันอีก! ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจอยู่ซักหน่อยว่าทำไมถึงไม่สังเกตเห็นเขา ทั้งๆที่เรานั่งเรียนข้างกันมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นผมจึงตกใจมากเมื่อคนที่อาสาให้ผมยืมหนังสือเป็นคนที่ผมอยากจะพบมากที่สุด แน่นอนล่ะ ผมเผลอแหกปากร้องลั่นด้วยความดีใจเกินเหตุออกไปจนได้ ใจเต้นแรง ตัวสั่นระริกไปหมด ผมสงสัยจริงๆว่าจะมีใครทำให้เราตื่นเต้นดีใจเมื่อได้พบหน้าจนทำให้เราทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า? ผมไม่สนใจหรอกว่าคนๆนั้นจะเป็น ‘เขา’ หรือ ‘เธอ’ เพราะคนสำคัญของผมไม่ได้กำหนดมาจากตัวหนังสือ หรือใครที่ตั้งกฎเกณฑ์เหล่านั้นขึ้น ขอแค่เป็นคนสำคัญที่ผมรักและอยากปกป้อง แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว…..
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมเจอคนที่ใช่หรือยังนะ ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกมันพิเศษมากเลย คุโรโกจจิเป็นคนที่จิตใจดี ด้านร่างกายเขาตัวเล็กกว่าผมเยอะ ดูบอบบางน่ากอดเอามากๆ ยิ่งตอนนี้เรานั่งติดกัน กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆจากตัวเขาก็ทำให้ผมแทบคลั่ง ยิ่งผิวกายขาวเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมานั่นช่างหน้าประทับรอยลงไปจริงๆ….เฮ้ยย นายคิดอะไรเนี่ย คิเสะ เรียวตะ! ขืนคุโรโกจจิรู้มีหวังไม่คุยกับนายไปตลอดชีวิตจริงๆแน่….เอาแค่ประโยคเมื่อกี้ยังเจ็บอยู่เลย….เขาจะร้องไห้จริงๆนะ จะลงโทษเขายังไงก็ได้ แต่ถ้าจะไม่พูดคุยหรือเมินเฉยกันเลยเขาทำใจไม่ได้จริงๆ คุโรโกจจิแอบโหดนะเนี่ยย T^T เอาเถอะ อย่างน้อยคุโรโกจจิก็ไม่ได้เอาจริง แถมประโยคที่ว่า ‘ผมไม่หนีไปใหนหรอกครับคิเสะคุง’ นี่มันอะไรก๊านนน คุโรโกจจิจะรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรที่มันดูเซ็กซี่แล้วก็ชวนคิดลึกชะมัดออกมาน่ะ!? โอ๊ยย หัวใจหมาโกลเด้น(?)เกือบวายยยย >///< (และผมก็นั่งมองคุโรโกจจิพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปจนเกือบหมดคาบ)
ทั้งสองคนอาจจะไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนหญิงเกือบทั้งห้องที่มีความสงสัยในปฏิกิริยาแปลกๆของคิเสะตั้งแต่การส่งเสียงดังครั้งนั้น พวกเธอไม่อยากจะคิดว่าคนที่หมายปองกำลังประหม่าใครอยู่หรือเปล่า แต่ตอนนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว เมื่อแต่ละคนต่างสะกิดกันไปเรื่อยๆเพื่อให้ดูแววตาสีบรอนซ์ทองคู่สวยที่กำลังมองเด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีฟ้าที่ดูจะไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนจ้องมองอยู่ แววตาที่พวกเธอหวังจะได้รับจากนายแบบหนุ่ม บัดนี้โดนใครบางคนช่วงชิงไปซะแล้ว….
“ฉันว่าเราต้องสั่งสอนใครบางคนแล้วล่ะมิกิ” เสียงเด็กสาวคนหนึ่งกระซิบขึ้นบอกเพื่อนสนิทข้างกาย มิกิหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะเบนสายตาไปมองเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอย่างใช้ความคิดพร้อมเอ่ยสำทับ
“ปกติออกจะเป็นผู้ชายจืดจางน่าเบื่อแท้ๆ ทำไมคิเสะคุงถึงไปชอบหมอนั่นได้นะ”
“แน่นอนว่าหมอนั่นต้องให้ท่าคิเสะคุงอยู่แล้ว เทพบุตรอย่างคิเสะคุงไม่มีทางตาต่ำไปมองคนอย่างหมอนั่นหรอก!” เพื่อนสาวคนเดิมรีบบอกพลางเบ้ปากไปทางเด็กหนุ่มร่างเล็กทันที
“นั่นสินะ….เอาเป็นว่าดูท่าทีไปก่อน บางทีอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ แต่ถ้าหมอนั่นตั้งใจจะจับคิเสะคุงจริงๆล่ะก็ มันจะไม่มีวันมีความสุขในโรงเรียนนี้อีกเลย...หึ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะอาเคมิ”
“รับทราบ!” อาเคมิรับคำเพื่อนสาวซึ่งดูท่าจะเป็นหัวโจกคนสำคัญก่อนทั้งคู่จะยิ้มให้กันแล้วส่งสัญญาณให้คนอื่นๆหันหน้าไปเรียนต่อได้แล้ว
ติ๊งต่อง ติ๊งงต่อง!! ติ๊งต่องง ติ๊งงต่องง!!!
เสียงออดน่ารักดังบอกหมดเวลาพร้อมๆกับที่หัวหน้าชั้นเรียน(พี่เขียว) บอกทำความเคารพและเมื่ออาจารย์ออกจากห้องเรียนไป เสียงพูดคุยจ่อกแจ่กก็กระหึ่มขึ้นทันทีพร้อมกับบรรดานักเรียนที่ทะยอยเก็บหนังสือเรียนเตรียมไปทานข้าว คิเสะกับคุโรโกะก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองเก็บสมุดหนังสือบางส่วนใส่กระเป๋าบางส่วนสอดไว้ใต้โต๊ะ เมื่อเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็หันมาฉีกยิ้มกว้างเตรียมเอ่ยปากชวนไปทานข้าวแต่ประโยคแรกไม่ทันได้หลุดออกมาก็มีอันได้เบิกตาค้างก่อนเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกใครบางคนดังก้อง…
“เท็ตสึ!!!!!!!”
“อ้าว อาโอมิเนะคุง พักเที่ยงแล้วเหรอครับ”
“อาโอมิเนจจิ!!!!!!!???”
“เฮ้ยย คิเสะเหรอ!??”
ทั้งเสียงเรียกเสียงตอบรับและเสียงอุทานของเด็กหนุ่มสามคนดังสลับกันไป แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เพื่อนสมัยเด็กรู้จักกับคนที่เขาแอบชอบแต่คิเสะก็ดีใจที่ได้เจอร่างสูงผมสีน้ำเงินเข้มอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมต้น
“อาโอมิเนจจจจี่ คิดถึงจังเลยยยยยย” คิเสะพุ่งตัวหมายจะเข้าไปกอดเพื่อนเก่าที่แสนคิดถึงแต่ก็ถูกหยุดชะงักไว้ได้อย่างรวดเร็วด้วยแขนแกร่งที่ดันหัวไว้อย่างสุดกำลัง
“หยุดเลย แกนี่ยังนิสัยเหมือนเดิมนะคิเสะ”
“คนเค้าก็แค่คิดถึงเองนี่นา อาโอมิเนจจิใจร้ายยย T^T”
“เฮ้อออ” อาโอมิเนะถอนหายใจยอมปล่อยมือที่ดันหัวออก แต่ไม่ได้อยู่นิ่งให้โดนกอดเพราะเขาพริ้วกายไปกอดเจ้าของร่างบางที่กำลังเงยหน้ามองคนตัวสูงสองคนคุยกันอยู่อย่างแปลกใจ
“เท็ตสึ! ไปกินข้าวกัน!!” สองแขนแกร่งโอบรอบคอบางของร่างเล็กพลางก้มหน้าลงมาถาม ไม่ได้สนใจเพื่อนเก่าผมสีทองที่กำลังยืนตัวสั่นระริกอยู่แม้แต่น้อย ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้นสบมองคนทั้งคู่ก่อนเอ่ย
“แต่ว่า อาโอมิเนะคุงกับคิเสะคุง…..”
“ช่างเถอะน่า เจ้านี่เป็นเพื่อนเก่าฉันเอง แล้วเพิ่งย้ายมาใหม่คงต้องทำความรู้จักใครอีกเยอะ เราไปกันก่อนเถอะเท็ตสึ ไม่ต้องไปรอเจ้านั่นหร๊อก!”
“อ อาโอมิเนจจิ เอามือออกจากคุโรโกจจิเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“หา? อะไรของแกน่ะคิเสะ?”
“อาโอมิเนจจิอย่าขี้โกงสิ! ฉันก็อยากกอด…..”
“กรี๊ดดดดดด คิเสะคุงมากินข้าวกับพวกเราเถอะค่ะ!!! >//////<”
พูดยังไม่ทันขาดคำ กลุ่มกองกำลัง(?)นักเรียนสาวทั้งจากในห้องและต่างห้อง(ที่รู้ข่าว)ต่างระดมพลมายืนออกันล้อมรอบนายแบบหนุ่มอย่างไม่ให้ตั้งตัวทันที แม้จะไม่เลวร้ายเท่าโรงเรียนเก่าแต่ก็ทำให้คิเสะหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ อ่า….แต่ว่าฉันจะไปกับคุโร…..”
“มานั่งทางนี้สิค๊า คิเสะคูงงงงง ><” ยังไม่ทันได้พูดจบก็โดนขัดอีกเช่นเคย คราวนี้ไม่ขัดเฉยๆ ยังจูงมือเด็กหนุ่มไปนั่งกลางวงสนทนาและบรรดานักเรียนสาวไม่รอช้ารีบหยิบข้าวกล่องออกมาเปิดให้นายแบบสุดหล่อเลือกทานได้ตามใจชอบอีกด้วย
“เห็นมั้ย ฉันบอกนายแล้วไงเท็ตสึ เราไปกันเถอะ”
“…ครับ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กชำเลืองมองคนที่อยู่ท่ามกลางสาวๆอีกครั้งก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสนิทที่เดินนำไปรออยู่หน้าประตูห้องแล้ว อีกด้านหนึ่ง เจ้าของร่างสูงโปร่งเรือนผมสีเขียวยกมือดันแว่นอย่างหงุดหงิด พยายามแทรกตัวออกมาจากวงล้อมอย่างยากลำบาก ในมือกอดตุ๊กตากระต่ายที่เป็นลัคกี้ไอเท็มของวันนี้แน่น กว่าจะออกมายืนหน้าประตูได้เสื้อผ้าก็ยับไปพอสมควร เจ้าตัวถอนหายใจเบาก่อนจะชะงักเมื่อพบเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่ก่อนแล้วและกำลังจ้องมาทางเขาพอดี
“ลำบากหน่อยนะครับ มิโดริมะคุง” คุโรโกะเอ่ยยิ้มๆ
“เป็นอย่างงี้ตั้งแต่ประถมแล้วล่ะ อยู่ห้องเดียวกับเจ้านั่นก็ทำใจไว้เลย โชคดีจริงๆที่มันไม่ได้อยู่ห้องฉัน” อาโอมิเนะเอ่ยสำทับ
“………..” เด็กหนุ่มที่เพื่อนเรียกว่า มิโดริมะ นิ่งเงียบอย่างเก็บอารมณ์ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับมิโดริมะคุง” หลังจากเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งคุโรโกะก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“…..อืม นั่นสิ ใหนๆแล้วจะมาด้วยกันมั้ยล่ะ มิโดริมะ?” แม้จะขัดใจเล็กน้อยที่จะไม่ได้นั่งกินข้าวกับเท็ตสึสองคน แต่เมื่อร่างเล็กชวนแล้วประกอบกับเจ้าเพื่อนหัวเขียวคงไม่มีเพื่อนสนิทมากนักเลยจำต้องชวนมันไปด้วย
“…..อืม” หลังจากหยุดคิดนิดหน่อย มิโดริมะก็ตอบรับคำชวน คุโรโกะจึงเดินไปดันหลังเพื่อนร่างสูงสองคนให้ออกเดินไปพร้อมกัน ทั้งสามพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกอย่างสนุกสนาน ทิ้งให้เด็กหนุ่มอีกคนนั่งมองอย่างน้ำตาตกใน
“ฮือๆ ฉันก็อยากไปกับคุโรโกจจิกับทุกคนเหมือนกันนะ ฮือๆ….T^T….”
เด็กหนุ่มทั้งสามนั่งทานข้าวในโรงอาหารรวมซึ่งคนเริ่มบางตาไปบ้างแล้ว เมื่อทานเสร็จทั้งสามก็ยังคงนั่งคุยกันต่อรอเวลาเข้าชั้นเรียนตอนบ่าย
“นี่! ดูสิเท็ตสึ! ไมจังของฉันสะบึมส์ขนาดใหน ฉันอยากสัมผัสหน้าอกเธอซักครั้งจังงง” อาโอมิเนะเปิดปากพูดคนแรกหลังจากกินข้าวเสร็จพลางชักชวนให้เพื่อนสนิทร่างเล็กดูหนังสือชุดรวมภาพสยิวของไมจังคนโปรด คุโรโกะได้แต่ยิ้มแหยๆให้ส่วนมิโดริมะที่นั่งฟังอยู่นานก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหว
“ฉันมีหลายเล่มนะ จะให้นายยืมเล่มนึงละกันเลือกสิ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วดึงออกมาหลายเล่ม
“อ เอ่อ…ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ….”
“น่าๆ จะเกรงใจไปทำไมกัน! นายก็เลือกซักเล่มสิมิโดริมะ?”
ปึดด…..เหมือนได้ยินเสียงเส้นความอดทนขาด เพิ่งกินข้าวเสร็จก็เอาหนังสือโป๊ออกมาโชว์เพื่อน แถมยังยัดเยียดหนังสือทุเรศๆนั่นให้เพื่อนยืมอีก มันน่านัก…..
“นายก็ยังอ่านหนังสือทุเรศพรรคนั้นไม่เปลี่ยนนะอาโอมิเนะ” ไวทันความคิด เสียงเย็นๆจากร่างสูงผมสีเขียวที่นั่งตรงข้ามก็ดังขึ้นทันที
“หา!!? อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์กว่าลัคกี้ไอเท็มบ้าๆของนายละกันมิโดริมะ!!” พูดเสร็จก็ยักคิ้วเป็นการยั่วยวนไปหนึ่งทีส่งผลให้มือเรียวที่พันผ้าพันแผลไว้กำแขนตุ๊กตาน้องต่ายแน่น ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ
“อย่าเอาลัคกี้ไอเท็มอันล้ำค่าของฉันไปเทียบกับเศษขยะเน่าๆนั่น!!!”
“หา!!? เมื่อกี้แกว่าไงนะ!!!”
“ทั้งสองคนพอเถอะครับ! อย่าทะเลาะกันเลย” คุโรโกะรีบห้ามทั้งคู่เมื่อเห็นว่าเสียงชักจะดังมากขึ้นกับเห็นท่าไม่ดี อาโอมิเนะควันออกหู เส้นเลือดปูดที่ขมับแต่ก็ยอมนั่งลงอย่างเจ็บใจ พอๆกับมิโดริมะที่ควันออกหูพอกันแต่ก็ยอมนั่งลงกอดอกหันหน้าไปอีกทาง ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นฉายแววหงุดหงิดขัดใจ
“เฮ้ออ…..” เสียงถอนหายใจของร่างเล็กดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองคนอารมณ์เริ่มเย็นลง แม้จะยังไม่มองหน้ากันแต่ก็ถือว่าเหตุการณ์เข้าสู่ปกติไปครึ่งตัวแล้ว แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงแหกปากของใครบางคนร้องเรียกเขามาแต่ไกล
“คุรรรรรรโรรรรโกจจจจี่!!!!!!!!” คิเสะวิ่งหน้าตาตื่นมาทางที่นั่งของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายก็เตรียมกระโดดตะครุบร่างบางที่กำลังเหลียวไปมองอย่างงุนงง แต่ก็โดนอาโอมิเนะที่รู้ทันล็อคตัวไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะได้กอดคุโรโกจจิสมใจ
“ฮือๆ ปล่อยฉันนะอาโอมิเนจจิ!!” คิเสะคร่ำครวญ เป้าหมายอยู่ใกล้แต่ไม่สามารถกอดได้นี่มันทรมาณใจจริงๆ
“ไม่! แล้วนี่แกทำบ้าอะไรของแกห๊า!? วิ่งหนีมาแบบนี้พวกฉันก็ลำบากกันพอดีสิ! ถ้าแฟนคลับแกตามมาเป็น กองทัพจะให้ทำยังไง!?” อาโอมิเนะตะคอกด้วยความหงุดหงิด
“ฮือๆ ช่วยฉันด้วยอาโอมิเนจจี่ ฉันอิ่มจะตายอยู่แล้วพวกเธอก็ยังคะยั้นคะยอให้ฉันกินต่อไม่ให้หยุดเลยยยย T^T” อาโอมิเนะมองหน้าเพื่อนเก่าอย่างระอา ส่วนคุโรโกะมองร่างสูงอย่างเห็นใจ
“น่าเห็นใจคิเสะคุงอยู่นะครับ อาโอมิเนะคุง”
“ใช่มะ!? ใช่ม้า!!? คุโรโกจจิน่ารักที่สุดเลยยย ><”
อาโอมิเนะชะงักหันมามองคนตัวเล็กที่พูดแทรกขึ้น คิเสะจึงอาศัยจังหวะนั้นสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมกระโดดเข้าใส่ร่างบางทันที ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างก่อนจะรีบหลับลงเตรียมรับแรงกระแทก ไม่นานใบหน้าเล็กก็แนบกับแผงอกแกร่ง เอวบางถูกยึดแน่น คิเสะยิ้มระรื่นพลางยื่นหน้ามาคลอเคลียแก้มนุ่ม
“อ อึดอัดครับคิเสะคุง…” พูดได้แค่นั้นน้ำเสียงก็เหมือนจะขาดหายไป อาโอมิเนะที่เพิ่งหายตกใจจึงรีบมาช่วยแงะหมาโกลเด้นออกจากร่างบางทันที
“เฮ้ยย! ปล่อยเท็ตสึนะว้อยยคิเสะ!!”
“อือ…อย่ามายุ่งน่าอาโอมิเนจจิ” คิเสะยังคงน้วยร่างบางอย่างไม่สนใจ
“หนอย!!....”
“พวกนายใจเย็นๆก่อน” หลังจากนั่งเงียบดูเหตุการณ์อยู่นาน มิโดริมะจึงเปิดปากขึ้น เรียกให้ทั้งสามคนหันไปมอง
“อีก 5 นาทีก็จะเข้าเรียนคาบต่อไปแล้ว พวกผู้หญิงคงไม่ตามมาหรอก แต่ถ้าตามมาจริงๆนายก็พาเจ้าคิเสะอะไรนั่นไปซ่อนในห้องพักชมรมก่อนละกัน นี่กุญแจ ใช้เสร็จเอามาคืนฉันด้วยล่ะ” มือเรียวยกขึ้นขยับแว่น ส่วนมืออีกข้างยื่นกุญแจพวงใหญ่ให้อาโอมิเนะที่ยื่นมือมารับ ทั้งสามพยักหน้าก่อนที่มิโดริมะจะขอตัว
“คาบต่อไปฉันต้องไปช่วยอาจารย์ยกอุปกรณ์ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะ” พูดจบเจ้าของร่างสูงเรือนผิวสีเขียวนุ่มก็เดินจากไป ทิ้งให้ตัวปัญหาสองคนกับคนธรรมดาที่ต้องมารับเคราะห์แก้ปัญหากันเองต่อไป
“….งั้นก็รอดูลาดเลาก่อนละกัน” อาโอมิเนะเปิดปากบอกเพื่อน
“อืม….” คิเสะตอบรับ
“……….” ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างบางที่ดูเหมือนจะแน่นิ่งไปแล้ว….
“แต่ก่อนอื่น…แกปล่อยเท็ตสึเลยนะเว้ยย!! เฮ้ยย!! เท็ตสึ! เท็ตสึ!! เป็นอะไรรึเปล่า!!??”
…….............
แกร๊กก แกร๊กก แกร๊กก
แกร๊กก แกร๊กก แกร๊กกก……
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นแผ่วเบาระหว่างที่กำลังเดินไปห้องพักอาจารย์ มือเรียวล้วงไปหยิบมือถือ มองดูหน้าจอปรากฏเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ตัดสินใจกดรับก่อนจะกรอกเสียงทุ้มลงไป
“ฮัลโหล”
“ฉันเองนะ….”
“…ฉันเองน่ะใคร?”
“นี่จำเสียงฉันไม่ได้จริงๆเหรอ? หึหึ…..”
“หา?”
“ชินทาโร่”
“……!?….”
“ฉันอยากรู้เรื่องของเท็ตสึยะ…..”
TBC.
ความคิดเห็น