ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Kuroko no Basket - Yaoi] เป็นฉันได้ไหมที่ได้ใจเธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : เพื่อนสนิท

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57


    Chapter 2  :  เพื่อนสนิท

     


     
     

                ผมชื่อ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ครับ

                “งั้นก็เป็น คุโรโกจจิ สินะ!”

                “เอ่อ?

                “ฉันจะเติม จิ ต่อท้ายชื่อคนที่ชอเอ้ย คนที่นับถือน่ะ!”

                “……คุ โร โกะ ครับ….”

                “คุโรโกจจจจี่ !!!!! ><”

               

                “ซุบซิบอะไรกันจ๊ะ คุโรโกะคุง คิเสะคุง

                เสียงหวานของอาจารย์สาวที่ชักจะหมดความอดทนกับลูกศิษย์ทั้งคนใหม่คนเก่าดังขัดขึ้น แต่ใบหน้าอาจารย์กลับคร่ำเคร่งไม่ได้หวานตามน้ำเสียงไปด้วย ให้ตายสิ หลังจากที่แหกปากดังลั่นแล้วก็ยังจะมานั่งคุยกันอีกนะ เฮ้อออ ต้องมีเตือนกันหน่อยแล้ว

                ว่าไงจ๊ะ มีอะไรจะถามอาจารย์รึเปล่า? ^^* ” 

    อาจารย์สาวเปลี่ยนมายิ้มหวานแต่ยังส่งสายตาดุๆไปยังคนทั้งคู่ที่บัดนี้มีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดพลางพร้อมใจกันส่ายหน้าปฏิเสธให้อาจารย์กันอย่างเต็มที่ อาจารย์สาวจึงถอนหายใจแล้วกลับไปสอนต่อ เมื่อเห็นดังนั้นตัวก่อเหตุทั้งสองจึงถอนหายใจตามพร้อมกับก้มหน้าก้มตาตั้งใจเรียนอย่างแข็งขัน แต่ไม่ทันไรคนตัวสูงก็เริ่มเปิดประเด็นชวนคุยต่อ ส่งผลให้คนตัวเล็กส่งสายตาดุแบบเดียวกับอาจารย์มาให้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    เป็นเพราะคิเสะคุงทำให้ผมต้องโดนดุไปด้วย ถ้าคิเสะคุงยังไม่เลิกคุยอีกผมจะไม่พูดกับคิเสะคุงอีกแล้วนะครับ  หลังจากเอ่ยประโยคพิฆาตจบร่างเล็กก็หันไปสนใจหนังสือเรียนต่อโดยไม่หันไปมองคนข้างตัวอีกเลย แต่เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติของคนข้างตัวที่เหมือนจะแน่นิ่งไป ดวงตาสีฟ้าใสจึงจำใจหันไปจ้องมองอีกครั้งก่อนจะเบิกกว้างแล้วแปรเปลี่ยนมาถอนหายใจแทน

    คิเสะ เรียวตะ นายแบบหนุ่มหน้ามนกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ ตัวสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าเต็มที่แต่ก่อนจะได้ไหลริน มือเล็กก็ยกขึ้นไปลูบผมทองนุ่มสลวยแผ่วเบาเป็นเชิงปลอบใจ อืม ประโยคเมื่อกี้คงแรงไปสินะครับ….

    เอาเป็นว่ามีอะไรค่อยคุยกันตอนพักเที่ยงนะครับ ผมไม่หนีคิเสะคุงไปใหนหรอกครับ พูดจบพลางส่งยิ้มบางๆให้ เป็นยิ้มที่แทบละลายใจคนฟังเลยทีเดียว แล้วมันก็ได้ผลเกินคาด เมื่อนายแบบหนุ่มหน้าแดงขึ้นเป็นเท่าตัวพลางพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้คนตัวเล็กที่กำลังกลับไปก้มหน้าก้มตาดูหนังสือเรียนต่อ เปลี่ยนอารมณ์จากกำลังจะร้องไห้มาเป็นอารมณ์ดีจนอยากจะดึงคนข้างๆมากอดเลยทีเดียว

     
     

    Kuroko’s part

                สวัสดีครับ ผมชื่อ คุโรโกะ เท็ตสึยะ เน้นนะครับ คุ โร โกะ  เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากจะเน้นย้ำเฉยๆ……. ตอนนี้ห้องผมมีนักเรียนเข้าใหม่ เขาเป็นคนตัวสูงมากๆ น่าจะพอๆกับอาโอมิเนะคุง แต่น่าจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย อืม…..แค่นี้แหละครับ…….  //เดี๋ยวๆๆ จะสั้นไปมั้ยคะน้องดำขา? 555555 (เสียงจากไรท์เตอร์ XD)

                อ่อ งั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็…..คนที่ย้ายเข้ามาใหม่ชื่อ คิเสะ เรียวตะคุง ตอนแรกที่เห็นเขาแนะนำตัวหน้าห้องผมก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาเป็นคนเดียวกับที่เดินชนกันเมื่อเช้า ผมรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้าเขา ซึ่งก็จริงๆด้วย เพราะเขาเป็นนักเรียนเข้าใหม่ ดูเหมือนเขาจะทำงานที่เกี่ยวกับการถ่ายแบบอยู่ด้วย เขาดูโด่งดังมากทีเดียว ผมจ้องมองเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาก้าวเข้ามาในห้องแล้วล่ะ จนกระทั่งเขาเดินมานั่งที่โต๊ะ….โต๊ะตัวนั้น……..เอ่อ….ผมไม่รู้สึกแปลกใจหรอกที่เขาไม่สังเกตเห็นผม มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วนี่ครับ?  จนกระทั่งผมให้เขายืมหนังสือ เขาดูตกใจมากที่เห็นผม ก็คงไม่แปลกอีกล่ะมั้งครับ? จากนั้นคาบนี้ทั้งคาบเราก็ต้องนั่งเรียนติดกันเพราะผมต้องให้เขาดูหนังสือเรียนด้วย…..ตามความคิดผม คิเสะคุงเป็นคนร่าเริงมาก เอ่อ อาจจะไม่ดีต่อคิเสะคุงเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าเขาดูเหมือนสุนัขตัวใหญ่ๆ ประมาณพันธุ์โกลเด้น(?) อาจจะด้วยทั้งสีผมกับสีตาของเขาเป็นสีบรอนซ์ทอง อ๊ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมนินทาเขานะครับ ผมแค่จะบอกว่า เขาดูมีพลังอยู่ตลอดเวลา เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย ความสดใสและความร่าเริงของเขาทำให้ใครหลายคนยิ้มไปกับเขาได้ครับ….

     
     

    Kise’s part

                หลังจากที่ผมพบกับคนที่เดินชนเมื่อเช้าในห้องเรียนอีกครั้ง ผมดีใจมาก ดีใจจริงๆที่เราอยู่ชั้นปีเดียวกันแถมยังเรียนห้องเดียวกันอีก! ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจอยู่ซักหน่อยว่าทำไมถึงไม่สังเกตเห็นเขา ทั้งๆที่เรานั่งเรียนข้างกันมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นผมจึงตกใจมากเมื่อคนที่อาสาให้ผมยืมหนังสือเป็นคนที่ผมอยากจะพบมากที่สุด แน่นอนล่ะ ผมเผลอแหกปากร้องลั่นด้วยความดีใจเกินเหตุออกไปจนได้ ใจเต้นแรง ตัวสั่นระริกไปหมด ผมสงสัยจริงๆว่าจะมีใครทำให้เราตื่นเต้นดีใจเมื่อได้พบหน้าจนทำให้เราทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า? ผมไม่สนใจหรอกว่าคนๆนั้นจะเป็น เขา หรือ เธอ เพราะคนสำคัญของผมไม่ได้กำหนดมาจากตัวหนังสือ หรือใครที่ตั้งกฎเกณฑ์เหล่านั้นขึ้น ขอแค่เป็นคนสำคัญที่ผมรักและอยากปกป้อง แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว…..

                ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมเจอคนที่ใช่หรือยังนะ ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกมันพิเศษมากเลย คุโรโกจจิเป็นคนที่จิตใจดี ด้านร่างกายเขาตัวเล็กกว่าผมเยอะ ดูบอบบางน่ากอดเอามากๆ ยิ่งตอนนี้เรานั่งติดกัน กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆจากตัวเขาก็ทำให้ผมแทบคลั่ง ยิ่งผิวกายขาวเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมานั่นช่างหน้าประทับรอยลงไปจริงๆ….เฮ้ยย นายคิดอะไรเนี่ย คิเสะ เรียวตะ! ขืนคุโรโกจจิรู้มีหวังไม่คุยกับนายไปตลอดชีวิตจริงๆแน่….เอาแค่ประโยคเมื่อกี้ยังเจ็บอยู่เลย….เขาจะร้องไห้จริงๆนะ จะลงโทษเขายังไงก็ได้ แต่ถ้าจะไม่พูดคุยหรือเมินเฉยกันเลยเขาทำใจไม่ได้จริงๆ คุโรโกจจิแอบโหดนะเนี่ยย T^T  เอาเถอะ อย่างน้อยคุโรโกจจิก็ไม่ได้เอาจริง แถมประโยคที่ว่า ผมไม่หนีไปใหนหรอกครับคิเสะคุงนี่มันอะไรก๊านนน คุโรโกจจิจะรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรที่มันดูเซ็กซี่แล้วก็ชวนคิดลึกชะมัดออกมาน่ะ!? โอ๊ยย หัวใจหมาโกลเด้น(?)เกือบวายยยย >///<  (และผมก็นั่งมองคุโรโกจจิพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปจนเกือบหมดคาบ)

     
     

                ทั้งสองคนอาจจะไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนหญิงเกือบทั้งห้องที่มีความสงสัยในปฏิกิริยาแปลกๆของคิเสะตั้งแต่การส่งเสียงดังครั้งนั้น พวกเธอไม่อยากจะคิดว่าคนที่หมายปองกำลังประหม่าใครอยู่หรือเปล่า แต่ตอนนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว เมื่อแต่ละคนต่างสะกิดกันไปเรื่อยๆเพื่อให้ดูแววตาสีบรอนซ์ทองคู่สวยที่กำลังมองเด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีฟ้าที่ดูจะไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนจ้องมองอยู่ แววตาที่พวกเธอหวังจะได้รับจากนายแบบหนุ่ม บัดนี้โดนใครบางคนช่วงชิงไปซะแล้ว….

                “ฉันว่าเราต้องสั่งสอนใครบางคนแล้วล่ะมิกิ”  เสียงเด็กสาวคนหนึ่งกระซิบขึ้นบอกเพื่อนสนิทข้างกาย มิกิหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะเบนสายตาไปมองเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอย่างใช้ความคิดพร้อมเอ่ยสำทับ

                ปกติออกจะเป็นผู้ชายจืดจางน่าเบื่อแท้ๆ ทำไมคิเสะคุงถึงไปชอบหมอนั่นได้นะ

                “แน่นอนว่าหมอนั่นต้องให้ท่าคิเสะคุงอยู่แล้ว เทพบุตรอย่างคิเสะคุงไม่มีทางตาต่ำไปมองคนอย่างหมอนั่นหรอก!”  เพื่อนสาวคนเดิมรีบบอกพลางเบ้ปากไปทางเด็กหนุ่มร่างเล็กทันที

                นั่นสินะ….เอาเป็นว่าดูท่าทีไปก่อน บางทีอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ แต่ถ้าหมอนั่นตั้งใจจะจับคิเสะคุงจริงๆล่ะก็ มันจะไม่มีวันมีความสุขในโรงเรียนนี้อีกเลย...หึ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะอาเคมิ

                รับทราบ!”  อาเคมิรับคำเพื่อนสาวซึ่งดูท่าจะเป็นหัวโจกคนสำคัญก่อนทั้งคู่จะยิ้มให้กันแล้วส่งสัญญาณให้คนอื่นๆหันหน้าไปเรียนต่อได้แล้ว

     

     

     

                ติ๊งต่อง ติ๊งงต่อง!!  ติ๊งต่องง ติ๊งงต่องง!!!

               

                เสียงออดน่ารักดังบอกหมดเวลาพร้อมๆกับที่หัวหน้าชั้นเรียน(พี่เขียว) บอกทำความเคารพและเมื่ออาจารย์ออกจากห้องเรียนไป เสียงพูดคุยจ่อกแจ่กก็กระหึ่มขึ้นทันทีพร้อมกับบรรดานักเรียนที่ทะยอยเก็บหนังสือเรียนเตรียมไปทานข้าว คิเสะกับคุโรโกะก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองเก็บสมุดหนังสือบางส่วนใส่กระเป๋าบางส่วนสอดไว้ใต้โต๊ะ เมื่อเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็หันมาฉีกยิ้มกว้างเตรียมเอ่ยปากชวนไปทานข้าวแต่ประโยคแรกไม่ทันได้หลุดออกมาก็มีอันได้เบิกตาค้างก่อนเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกใครบางคนดังก้อง

     

                เท็ตสึ!!!!!!!”

                อ้าว อาโอมิเนะคุง พักเที่ยงแล้วเหรอครับ 

                อาโอมิเนจจิ!!!!!!!???”

                “เฮ้ยย คิเสะเหรอ!??”

                ทั้งเสียงเรียกเสียงตอบรับและเสียงอุทานของเด็กหนุ่มสามคนดังสลับกันไป แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เพื่อนสมัยเด็กรู้จักกับคนที่เขาแอบชอบแต่คิเสะก็ดีใจที่ได้เจอร่างสูงผมสีน้ำเงินเข้มอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมต้น

                อาโอมิเนจจจจี่ คิดถึงจังเลยยยยยย”  คิเสะพุ่งตัวหมายจะเข้าไปกอดเพื่อนเก่าที่แสนคิดถึงแต่ก็ถูกหยุดชะงักไว้ได้อย่างรวดเร็วด้วยแขนแกร่งที่ดันหัวไว้อย่างสุดกำลัง

                หยุดเลย แกนี่ยังนิสัยเหมือนเดิมนะคิเสะ

                “คนเค้าก็แค่คิดถึงเองนี่นา อาโอมิเนจจิใจร้ายยย T^T”

                “เฮ้อออ”  อาโอมิเนะถอนหายใจยอมปล่อยมือที่ดันหัวออก แต่ไม่ได้อยู่นิ่งให้โดนกอดเพราะเขาพริ้วกายไปกอดเจ้าของร่างบางที่กำลังเงยหน้ามองคนตัวสูงสองคนคุยกันอยู่อย่างแปลกใจ

                เท็ตสึ! ไปกินข้าวกัน!!”  สองแขนแกร่งโอบรอบคอบางของร่างเล็กพลางก้มหน้าลงมาถาม ไม่ได้สนใจเพื่อนเก่าผมสีทองที่กำลังยืนตัวสั่นระริกอยู่แม้แต่น้อย ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้นสบมองคนทั้งคู่ก่อนเอ่ย

                แต่ว่า อาโอมิเนะคุงกับคิเสะคุง…..”

                ช่างเถอะน่า เจ้านี่เป็นเพื่อนเก่าฉันเอง แล้วเพิ่งย้ายมาใหม่คงต้องทำความรู้จักใครอีกเยอะ เราไปกันก่อนเถอะเท็ตสึ ไม่ต้องไปรอเจ้านั่นหร๊อก!”

                “อ อาโอมิเนจจิ เอามือออกจากคุโรโกจจิเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

                หา? อะไรของแกน่ะคิเสะ?

                “อาโอมิเนจจิอย่าขี้โกงสิ! ฉันก็อยากกอด…..”

                “กรี๊ดดดดดด คิเสะคุงมากินข้าวกับพวกเราเถอะค่ะ!!! >//////<”

                พูดยังไม่ทันขาดคำ กลุ่มกองกำลัง(?)นักเรียนสาวทั้งจากในห้องและต่างห้อง(ที่รู้ข่าว)ต่างระดมพลมายืนออกันล้อมรอบนายแบบหนุ่มอย่างไม่ให้ตั้งตัวทันที แม้จะไม่เลวร้ายเท่าโรงเรียนเก่าแต่ก็ทำให้คิเสะหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

                อ อ่า….แต่ว่าฉันจะไปกับคุโร…..”

                “มานั่งทางนี้สิค๊า คิเสะคูงงงงง ><”  ยังไม่ทันได้พูดจบก็โดนขัดอีกเช่นเคย คราวนี้ไม่ขัดเฉยๆ ยังจูงมือเด็กหนุ่มไปนั่งกลางวงสนทนาและบรรดานักเรียนสาวไม่รอช้ารีบหยิบข้าวกล่องออกมาเปิดให้นายแบบสุดหล่อเลือกทานได้ตามใจชอบอีกด้วย

     
     

                เห็นมั้ย ฉันบอกนายแล้วไงเท็ตสึ เราไปกันเถอะ

                “…ครับ

    เด็กหนุ่มร่างเล็กชำเลืองมองคนที่อยู่ท่ามกลางสาวๆอีกครั้งก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสนิทที่เดินนำไปรออยู่หน้าประตูห้องแล้ว อีกด้านหนึ่ง เจ้าของร่างสูงโปร่งเรือนผมสีเขียวยกมือดันแว่นอย่างหงุดหงิด พยายามแทรกตัวออกมาจากวงล้อมอย่างยากลำบาก ในมือกอดตุ๊กตากระต่ายที่เป็นลัคกี้ไอเท็มของวันนี้แน่น กว่าจะออกมายืนหน้าประตูได้เสื้อผ้าก็ยับไปพอสมควร เจ้าตัวถอนหายใจเบาก่อนจะชะงักเมื่อพบเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่ก่อนแล้วและกำลังจ้องมาทางเขาพอดี

    ลำบากหน่อยนะครับ มิโดริมะคุง”  คุโรโกะเอ่ยยิ้มๆ

    เป็นอย่างงี้ตั้งแต่ประถมแล้วล่ะ อยู่ห้องเดียวกับเจ้านั่นก็ทำใจไว้เลย โชคดีจริงๆที่มันไม่ได้อยู่ห้องฉัน  อาโอมิเนะเอ่ยสำทับ

    “………..”  เด็กหนุ่มที่เพื่อนเรียกว่า มิโดริมะ นิ่งเงียบอย่างเก็บอารมณ์ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

      

                “ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับมิโดริมะคุงหลังจากเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งคุโรโกะก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน


    “…..อืม นั่นสิ ใหนๆแล้วจะมาด้วยกันมั้ยล่ะ มิโดริมะ?”  แม้จะขัดใจเล็กน้อยที่จะไม่ได้นั่งกินข้าวกับเท็ตสึสองคน แต่เมื่อร่างเล็กชวนแล้วประกอบกับเจ้าเพื่อนหัวเขียวคงไม่มีเพื่อนสนิทมากนักเลยจำต้องชวนมันไปด้วย

    “…..อืม”  หลังจากหยุดคิดนิดหน่อย มิโดริมะก็ตอบรับคำชวน คุโรโกะจึงเดินไปดันหลังเพื่อนร่างสูงสองคนให้ออกเดินไปพร้อมกัน ทั้งสามพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกอย่างสนุกสนาน ทิ้งให้เด็กหนุ่มอีกคนนั่งมองอย่างน้ำตาตกใน

    ฮือๆ ฉันก็อยากไปกับคุโรโกจจิกับทุกคนเหมือนกันนะ ฮือๆ….T^T….”       

     

     

                เด็กหนุ่มทั้งสามนั่งทานข้าวในโรงอาหารรวมซึ่งคนเริ่มบางตาไปบ้างแล้ว เมื่อทานเสร็จทั้งสามก็ยังคงนั่งคุยกันต่อรอเวลาเข้าชั้นเรียนตอนบ่าย

                “นี่! ดูสิเท็ตสึ! ไมจังของฉันสะบึมส์ขนาดใหน ฉันอยากสัมผัสหน้าอกเธอซักครั้งจังงงอาโอมิเนะเปิดปากพูดคนแรกหลังจากกินข้าวเสร็จพลางชักชวนให้เพื่อนสนิทร่างเล็กดูหนังสือชุดรวมภาพสยิวของไมจังคนโปรด คุโรโกะได้แต่ยิ้มแหยๆให้ส่วนมิโดริมะที่นั่งฟังอยู่นานก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหว

                ฉันมีหลายเล่มนะ จะให้นายยืมเล่มนึงละกันเลือกสิไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วดึงออกมาหลายเล่ม

                อ เอ่อไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ….”

                “น่าๆ จะเกรงใจไปทำไมกัน! นายก็เลือกซักเล่มสิมิโดริมะ?

                ปึดด…..เหมือนได้ยินเสียงเส้นความอดทนขาด เพิ่งกินข้าวเสร็จก็เอาหนังสือโป๊ออกมาโชว์เพื่อน แถมยังยัดเยียดหนังสือทุเรศๆนั่นให้เพื่อนยืมอีก มันน่านัก…..

                “นายก็ยังอ่านหนังสือทุเรศพรรคนั้นไม่เปลี่ยนนะอาโอมิเนะไวทันความคิด เสียงเย็นๆจากร่างสูงผมสีเขียวที่นั่งตรงข้ามก็ดังขึ้นทันที

                หา!!? อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์กว่าลัคกี้ไอเท็มบ้าๆของนายละกันมิโดริมะ!!” พูดเสร็จก็ยักคิ้วเป็นการยั่วยวนไปหนึ่งทีส่งผลให้มือเรียวที่พันผ้าพันแผลไว้กำแขนตุ๊กตาน้องต่ายแน่น ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ

                อย่าเอาลัคกี้ไอเท็มอันล้ำค่าของฉันไปเทียบกับเศษขยะเน่าๆนั่น!!!”

                หา!!? เมื่อกี้แกว่าไงนะ!!!”

                “ทั้งสองคนพอเถอะครับ! อย่าทะเลาะกันเลยคุโรโกะรีบห้ามทั้งคู่เมื่อเห็นว่าเสียงชักจะดังมากขึ้นกับเห็นท่าไม่ดี อาโอมิเนะควันออกหู เส้นเลือดปูดที่ขมับแต่ก็ยอมนั่งลงอย่างเจ็บใจ พอๆกับมิโดริมะที่ควันออกหูพอกันแต่ก็ยอมนั่งลงกอดอกหันหน้าไปอีกทาง ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นฉายแววหงุดหงิดขัดใจ

                เฮ้ออ…..” เสียงถอนหายใจของร่างเล็กดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองคนอารมณ์เริ่มเย็นลง แม้จะยังไม่มองหน้ากันแต่ก็ถือว่าเหตุการณ์เข้าสู่ปกติไปครึ่งตัวแล้ว แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงแหกปากของใครบางคนร้องเรียกเขามาแต่ไกล

     

                คุรรรรรรโรรรรโกจจจจี่!!!!!!!!” คิเสะวิ่งหน้าตาตื่นมาทางที่นั่งของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายก็เตรียมกระโดดตะครุบร่างบางที่กำลังเหลียวไปมองอย่างงุนงง แต่ก็โดนอาโอมิเนะที่รู้ทันล็อคตัวไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะได้กอดคุโรโกจจิสมใจ

                ฮือๆ ปล่อยฉันนะอาโอมิเนจจิ!!” คิเสะคร่ำครวญ เป้าหมายอยู่ใกล้แต่ไม่สามารถกอดได้นี่มันทรมาณใจจริงๆ

                “ไม่! แล้วนี่แกทำบ้าอะไรของแกห๊า!? วิ่งหนีมาแบบนี้พวกฉันก็ลำบากกันพอดีสิ! ถ้าแฟนคลับแกตามมาเป็น  กองทัพจะให้ทำยังไง!?”  อาโอมิเนะตะคอกด้วยความหงุดหงิด

                ฮือๆ ช่วยฉันด้วยอาโอมิเนจจี่ ฉันอิ่มจะตายอยู่แล้วพวกเธอก็ยังคะยั้นคะยอให้ฉันกินต่อไม่ให้หยุดเลยยยย T^T”  อาโอมิเนะมองหน้าเพื่อนเก่าอย่างระอา ส่วนคุโรโกะมองร่างสูงอย่างเห็นใจ

                น่าเห็นใจคิเสะคุงอยู่นะครับ อาโอมิเนะคุง

                “ใช่มะ!? ใช่ม้า!!? คุโรโกจจิน่ารักที่สุดเลยยย ><”

    อาโอมิเนะชะงักหันมามองคนตัวเล็กที่พูดแทรกขึ้น คิเสะจึงอาศัยจังหวะนั้นสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมกระโดดเข้าใส่ร่างบางทันที ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างก่อนจะรีบหลับลงเตรียมรับแรงกระแทก ไม่นานใบหน้าเล็กก็แนบกับแผงอกแกร่ง เอวบางถูกยึดแน่น คิเสะยิ้มระรื่นพลางยื่นหน้ามาคลอเคลียแก้มนุ่ม

    อ อึดอัดครับคิเสะคุง…”  พูดได้แค่นั้นน้ำเสียงก็เหมือนจะขาดหายไป อาโอมิเนะที่เพิ่งหายตกใจจึงรีบมาช่วยแงะหมาโกลเด้นออกจากร่างบางทันที

    เฮ้ยย! ปล่อยเท็ตสึนะว้อยยคิเสะ!!”

    อืออย่ามายุ่งน่าอาโอมิเนจจิคิเสะยังคงน้วยร่างบางอย่างไม่สนใจ

    หนอย!!....”

     
     

    พวกนายใจเย็นๆก่อน”  หลังจากนั่งเงียบดูเหตุการณ์อยู่นาน มิโดริมะจึงเปิดปากขึ้น เรียกให้ทั้งสามคนหันไปมอง

    อีก 5 นาทีก็จะเข้าเรียนคาบต่อไปแล้ว พวกผู้หญิงคงไม่ตามมาหรอก แต่ถ้าตามมาจริงๆนายก็พาเจ้าคิเสะอะไรนั่นไปซ่อนในห้องพักชมรมก่อนละกัน นี่กุญแจ ใช้เสร็จเอามาคืนฉันด้วยล่ะมือเรียวยกขึ้นขยับแว่น ส่วนมืออีกข้างยื่นกุญแจพวงใหญ่ให้อาโอมิเนะที่ยื่นมือมารับ ทั้งสามพยักหน้าก่อนที่มิโดริมะจะขอตัว

    คาบต่อไปฉันต้องไปช่วยอาจารย์ยกอุปกรณ์ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะพูดจบเจ้าของร่างสูงเรือนผิวสีเขียวนุ่มก็เดินจากไป ทิ้งให้ตัวปัญหาสองคนกับคนธรรมดาที่ต้องมารับเคราะห์แก้ปัญหากันเองต่อไป

     

    “….งั้นก็รอดูลาดเลาก่อนละกันอาโอมิเนะเปิดปากบอกเพื่อน

    อืม….” คิเสะตอบรับ

    “……….”  ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างบางที่ดูเหมือนจะแน่นิ่งไปแล้ว….

    แต่ก่อนอื่นแกปล่อยเท็ตสึเลยนะเว้ยย!! เฮ้ยย!! เท็ตสึ! เท็ตสึ!! เป็นอะไรรึเปล่า!!??”

     
     

    …….............

     
     

    แกร๊กก แกร๊กก แกร๊กก

    แกร๊กก แกร๊กก แกร๊กกก……

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นแผ่วเบาระหว่างที่กำลังเดินไปห้องพักอาจารย์ มือเรียวล้วงไปหยิบมือถือ มองดูหน้าจอปรากฏเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ตัดสินใจกดรับก่อนจะกรอกเสียงทุ้มลงไป

    ฮัลโหล

    ฉันเองนะ….”

    “…ฉันเองน่ะใคร?

    นี่จำเสียงฉันไม่ได้จริงๆเหรอ? หึหึ…..”

    หา?

    ชินทาโร่

    “……!?….”

    ฉันอยากรู้เรื่องของเท็ตสึยะ…..”

     
     

     

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×