ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WINNER - YoonWoo ||| Love is in the Air ミ

    ลำดับตอนที่ #6 : Fall

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 58


    Love is in the Air

    06

    Fall

     

     

     

     


    แผนการคัมแบคของวินเนอร์ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ...


    ขอบเขตการทำงานที่ยืดหยุ่นเกินไป รวมถึงบุคลากรในค่ายที่มีจำกัดทำให้กำหนดเวลาถูกเลื่อนอีกครั้งและอีกครั้ง  เพลงที่ถูกแต่งขึ้นมาถูกเรียบเรียงแก้ไขและนำไปเสนอประธานค่ายอยู่เป็นประจำ คิมจินอูรู้ดีว่าน้องๆ ในวงทุกคนต่างตั้งใจกับมัน อดหลับอดนอนก็เพื่อผลงานที่ออกมา หากมีบางส่วนเท่านั้นที่ทางค่ายจะถูกใจมันจริงๆ ให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เพียงแค่ 1 ใน 15 หรือ 20 เท่านั้น

    พวกเรายังมือใหม่อยู่มาก ความสำเร็จจากอัลบั้มแรกยิ่งทำให้การทำงานในอัลบั้มต่อไปยิ่งกดดัน


    “น่าจะพอใช้ได้...” ประธานยางคอมเมนท์เพลงสุดท้าย เป็นเพลงที่คังซึงยูนแต่ง ถ้อยคำแห่งความรู้สึกที่เหนื่อยล้าและสับสน มันไม่ได้เศร้าฟูมฟายขนาดนั้นหรอก แต่ทุกครั้งที่เขาได้ฟัง นึกถึงความรู้สึกของคนแต่งอย่างซึงยูน เขาก็พาลรู้สึกอึดอัดจบแทบร้องไห้แทนเกือบทุกครา

    “แต่มันยังไม่ดีพอ ถ้าลองไปเรียบเรียงใหม่อาจจะโอเค” ประธานยางกล่าวตบท้าย สรุปนัยๆ ได้ว่ายังไม่ผ่าน

    “พวกนาย...รู้สึกพอที่จะเขียนมันออกมารึยัง?” ใบหน้ามากประสบการณ์กล่าวด้วยท่าทางเฉพาะตัว “ลองกลับไปแก้ไขดู ไม่ใช่แค่รู้ แต่ทำให้คนฟังรู้สึกกว่านี้”

    เด็กหนุ่มทั้งห้ารับคำ ยากจะตีความ... แต่โจทย์ที่ท้าทายก็ก่อไฟให้ทุกคนกลับไปทำการบ้านมาอีกครั้ง

     



    คังซึงยูนเอาจริงเอาจังกว่าใคร

    หัวหน้าวงที่อายุเกือบน้อยที่สุดแบกความคร่ำเคร่งเอาไว้เกือบตลอด หลายเดือนแล้วที่ซึงยูนแทบขนของออกไปนอนที่โซฟา อีกฝ่ายทำเพลงจนดึกดื่นและหลับตรงนั้นแทบทุกคืน

    เป็นแบบนั้น วันแล้ววันเล่า... ไม่ต่างจากคืนนี้

    จากคอมเมนท์ของประธานยางวันนี้ ดูท่าซึงยูนคงจะใช้เวลาทั้งคืนในการเรียบเรียงเพลงเพลงนั้นจนกว่าจะพอใจ


    “ซึงยูนอา...” จินอูว่าเสียงเบา ตากลมโตเชยมองรูมเมทที่ราวกับจะเป็นรูมเมทในนาม ตอนนี้ซึงยูนอยู่ในชุดกางเกงวอร์มสบายๆ แล้ว คงเป็นเหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายคงทำเพลงเสร็จแล้วก็จบด้วยการนอนหลับที่โซฟาตัวยาว

    อีกฝ่ายเลิกคิ้ว หันมาสบตากันเบาๆ ... มันนานแล้วเหมือนกันนะ ครั้งสุดท้ายที่เรามองหน้ากันในห้องเงียบๆ แบบนี้

    เงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจของจินอูที่เต้นถี่  ท่ามกลางแววตาของซึงยูนที่ยังดูเหนื่อยล้าเสียเต็มประดา

    “คืนนี้... จะอยู่ทำเพลงอีกหรอ?” จินอูว่า

    “อื้อ” ซึงยูนพยักหน้าเบาๆ

    “หรอ... เอ่อ... ฮยอง...ว่าจะออกไปซื้อของที่มาร์ท นายจะเอาอะไรรึเปล่า?” 

    “ฮยองจะออกไปทำไมดึกป่านนี้?” ซึงยูนขมวดคิ้วพลางเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “ข้างนอกมันทั้งมืดแล้วก็หนาว อากาศเปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวก็ได้ไข้ขึ้นอีกหรอก”

    “ก็ว่า...จะออกไปซื้อของกิน”

    “หิวอะไรป่านนี้อีก ฮยองเนี่ยนะ...” ก่อนจะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ซึงยูนก็หยิบเสื้อโค้ทตัวหนาตัวเบ้อเริ่มจากในตู้ออกมาสองตัว

    สีเทาเข้มตัวนึงของจินอู ส่วนอีกตัวสีดำสนิทของซึงยูน

    “..ผมไปด้วย..”

     


     

    มินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุดอยู่ถัดไปแค่สองสามบล็อคจากอพาร์ทเมนท์ ใกล้นิดเดียวแต่คิมจินอูยังเดินนำผิด โรคหลงทิศของพี่ใหญ่ยังพาให้ซึงยูนเหนื่อยใจจนออกปากบ่นออกมาอีกจนได้


    “ฮยองนี่มัน.. จริงๆ เล้ย ถ้ามาคนเดียวไม่กลับถึงห้องตอนเช้าเลยรึไง?”

    “อ่า...ก็มันมืดนี่ แล้วตึกมันก็หน้าตาเหมือนกันไปหมด”

    “ผมถึงบอกไงว่าจะออกมาทำไมดึกป่านนี้”

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า”

    “ดื้อจริง”


    ซึงยูนว่าสั้นๆ คำเดียวแค่นั้นเป็นการปิดจบบทสนทนา ไม่กี่นาทีต่อมาเราก็เดินมาถึงมินิมาร์ท จินอูเดินวนอยู่นาน ก่อนจะคว้าเอาน้ำผลไม้กล่องหนึ่งจนได้ แต่ท่าทาเลิ่กลั่กนั่นก็ยังพาให้ซึงยูนขมวดคิ้วมอง

    “ฮยองรีบซื้อสิ” ขณะที่ซึงยูนหยิบกาแฟไปจ่ายเงินเรียบร้อย จินอูก็ตัดสินใจหยิบนมกับซีเรียลห่อใหญ่ ตามด้วยรามยอนอีกหนึ่งถ้วยโต

    “ซึงยูนอา.. รามยอน?” ใบหน้าหวานหันมาถาม ตากลมแป๋วมองอ้อนๆ เสียจนเป็นใครมองก็ต้องเผลอพยักหน้าลงเบาๆ “นายกินข้าวเย็นนิดเดียวเอง” เสียงที่เอ่ยในลำคอนั้นพูดเบาเหมือนเอ่ยกับตัวเองแต่คนฟังก็ยังได้ยิน เวลาเหนื่อยหรือเป็นกังวลมากๆ ซึงยูนมักไม่ค่อยหิว ไม่สิ ต้องเรียกว่ากินอะไรไม่ค่อยลงเสียมากกว่า

    อันที่จริง คังซึงยูนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามื้อเย็นกินอะไรลงไป ในหัวไม่มีอะไรนอกจากคอมเม้นท์เพลงของประธานยาง

     

    รามยอนหนึ่งถ้วยโต ตะเกียบหนึ่งคู่กับผู้ชายตัวโตๆ สองคนที่หน้ามินิมาร์ท คิมจินอูจัดแจงคนเส้นกับน้ำให้เข้าที่เข้าทาง ควันสีขาวพุ่งโชยในอากาศ มือบางรีบเลื่อนถ้วยบะหมี่ส่งให้ลีดเดอร์ของวงที่นั่งมองอยู่ไม่ไกล


    “นายกินสิ อากาศแบบนี้ต้องกินอะไรร้อนๆ” พี่ใหญ่ว่า

    “ฮยองกินสิ” ซึงยูนยังไม่ยอม ถึงตอนนี้เขาจะเริ่มหิวขึ้นมาจริงๆ แล้วก็ตามที

    “นายกินเลย ฮยองไม่หิวหรอก”

    “ไม่หิวแล้วออกมามาร์ททำไม?”

    “ก็... กินน่า... ถือว่าฮยองเลี้ยง”

    “แต่รูดบัตรผม?”

    “ก็ฮยองลืมเอาเงินมา เดี๋ยวกลับหอคืนให้นะ” พูดจบจินอูก็คีบเส้นบะหมี่ขึ้นมา ริมฝีปากได้รูปเป่ามันเบาๆ สองสามทีก่อนจะยกตะเกียบป้อนอีกฝ่าย “อ้าปากเร็ว” จินูเผลออ้าปากตามไปด้วยเหมือนกำลังป้อนข้าวเด็กสามขวบก็ไม่ปาน


    จินอูมองคนตรงหน้า ตายิ้มเป็นสระอิเมื่อเห็นคนขี้บ่นสุดท้ายยอมอ้าปากรับบะหมี่เข้าปาก เขาป้อนซึงยูนแบบนั้นอีกสองสามคำก็ป้อนเข้าปากตัวเองบ้าง รามยอนรสชาติเผ็ดร้อนดูจะช่วยเติมเต็มความอบอุ่นในร่างกาย ตาคู่หวานมองใบหน้าอีกฝ่าย วูบหนึ่งที่ความทรงจำหลายปีก่อนค่อยๆ แทรกเข้ามา แรกๆ สมัยเป็นเด็กฝึกหัดเราไม่ได้สนิทกันมากนักหรอก เขาเองอยู่กันแทฮยอนและ ซองจูเสียมากกว่า แต่ตอนนั้นเขากลับจำได้แม่นว่า สมัยเป็นเด็กฝึกหัดจินอูกับซึงยูนชอบออกมากินบะหมี่หน้ามินิมาร์ทก่อนจะกลับไปซ้อมต่อกันเป็นประจำ


    ตอนที่ซ้อมจนเหงื่อโซมกาย หรืออึดอัดกับห้องสี่เหลี่ยมที่รายล้อมไปด้วยกระจกนั้น แค่ได้ออกมาสูดอากาศ หากินอะไรร้อนๆ ก็เหมือนมีแรงขึ้นมา  ทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาตจากครูฝึก พี่ใหญ่อย่างจินอูเป็นเด็กดื้อที่แอบหนีออกมา แต่ว่าเด็กใหม่คนดังอย่างซึงยูนก็ขอตามออกมาด้วยเสียทุกครั้งไป


    “ฮยอง...” เสียงทุ้มทำเขาหลุดจากภวังค์ หันมาอีกทีบะหมี่ร้อนๆ ก็อยู่ตรงหน้า “กินสิ...” จินอูอ้าปากรับมันอย่างโดยดีพลางเอ่ยขอบคุณ


    เผลอแวบเดียวบะหมี่ก็เกลี้ยงถ้วยด้วยฝีมือคังซึงยูนเกินกว่าครึ่ง ขณะที่จินอูนั่งดูดน้ำผลไม้รสหวาน ซึงยูนหยิบถ้วยบะหมี่ไปทิ้ง กำลังจะเปิดกาแฟที่ซื้อมาดื่มอย่างที่ทำเป็นประจำ หากสัมผัสนุ่มจากมือเรียวนั่นคว้ามือเขาไว้แทน

    “กินกาแฟตอนนี้ไม่ดีนะ” จินอูสวมบทพี่ใหญ่ มองซึงยูนหน้าดุอย่างที่ทำไม่บ่อยนัก... ถึงจะน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวก็ตาม

    “ผมต้องกลับไปอิดิทเพลงนิดหน่อย”

    “ไว้พรุ่งนี้สิ” จินอูว่าเสียงอ่อน “ดึกมากแล้ว เอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้”

    “แต่ว่า...”

    “พักบ้างเถอะนะ ซึงยูนอา...” มือบางค่อยๆ วางจรดลงตรงใต้ดวงตาอีกฝ่าย อ่อนโยน...แผ่วเบา... “นายนอนดึกมากเกินไปแล้ว ร่างกายจะไม่ไหวเอา...”

    ซึงยูนไม่เถียงอะไรต่อ หมัดนี้เขายอมแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ

     



    ไม่รู้เพราะอาหารที่เพิ่งทานหรือเพราะอากาศดีๆ ทำให้เราเดินช้า เป็นเวลาตีสองกว่าที่เราเดินกลับอพาร์ทเมนท์ สองข้างทางมีไฟสว่างเป็นระยะ บรรยากาศเงียบสงัด ไม่ได้น่ากลัวแต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก ทางเดินกลับก็เหมือนทางที่มา ลาดชันเป็นระยะ นอกนั้นก็เป็นไปด้วยตึกสูงเรียงราย


    แต่ไม่รู้ทำไม เราถึงยังไม่อยากให้ถึงหอพัก


    อากาศเย็นลงเรื่อยๆ จนเริ่มหนาวสั่น ตอนนั้นที่ซึงยูนค่อยๆ เลื่อนกุมมือจินอูเอาไว้แผ่วเบา

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแค่เสียงลมหนาวพร้อมอากาศเย็นชื้น และเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ย่างก้าว

     

    เราไม่ได้มองหน้ากัน จึงไม่รู้ว่าต่างฝ่ายกำลังเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว...

    มันอาจเป็นความรู้สึกบางอย่าง เหมือนตอนนั้น... ตั้งแต่ตอนนั้น... วันที่เราหนีครูฝึกออกมากินรามยอน ก่อนจะรีบวิ่งจนหอบกลับตึกเทรนพร้อมกับขนมเต็มมือ

    ความทรงจำที่เป็นเหมือนใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่น ทั้งหวานปนขม แต่ก็เป็นน้ำหล่อเลี้ยงในวันที่ฤดูหนาวค่อยๆ ก้าวมาเยือน

     


    ลมหนาวมาแล้ว... ซึงยูนกระชับมือเรียวให้แน่นหนาขึ้น ส่งความอบอุ่นผ่านปลายนิ้วท่ามกลางอากาศเย็นเยียบที่ปกคลุม ไหล่ของเรากระทบกันช้าๆ จังหวะนั้นที่เราเผลอหันมามองหน้ากันก่อนจะแย้มยิ้ม


    พริบตาเดียว...ช่วงเวลาแสนสั้นไม่ต่างจากใบไม้ที่ร่วงหล่น

    บางที...เขาอาจจะเริ่ม รู้สึกบางอย่างเข้าแล้วจริงๆ

     

    อยู่ดีๆ คังซึงยูนก็นึกอยากเขียนเพลงรักดูสักเพลง

     

     

     

     

     

    TBC



    ตื่นเต้นจังไม่ได้ลงฟิคนาน แม้แต่หน้าตาในเด็กดียังเปลี่ยนไป ส่วนคนแต่งยังอู้เหมือนเดิม ดองฟิคนานด้วย คนอ่านสบายดีไหมคะ 555 

    ไม่รู้ฟิคเราเรื่อยๆ ไปรึเปล่านะ แต่ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนแรกละ อาจจะเพราะอิงวงเลยไม่อยากแต่งให้หวือหวามาก อยากให้น่ารักกรุบกริบอุ่นๆ แบบนี้ ลักษณะเหมือนเป็นฟิคสั้น(มาก)จบในตอนซะมากกว่า ชอบไม่ชอบฝากคอมเม้นกันได้นะคะ ไม่สะดวกในนี้ ฝากแท็ก #YoonWoointheair ในทวิตเตอร์ด้วยน้า

    [พื้นที่ขายของ] ฝากร้านหน่อยนะคะ เราขายตุ๊กตาแกะจินูด้วยนะ ออกแบบเองติดต่อร้านเอง อยู่ในระหว่างรอมอคอัพจากร้าน ยังสั่งได้อยู่นะ มัดจำก่อนได้ด้วยค่ะ 55 เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://twitter.com/jinusheep จ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×