ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #74 : DEAD END IN TOKYO ~KITE/カイト~

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 65


    DEAD END IN TOKYO ~KITE/カイト~
    Inspiration: Kite 「A カイト (Anime, 1998) 
    Playlist: MAN WITH A MISSION – When My Devil Rises

    คำเตือน: พอร์น (เหี้ยๆ) พล็อต (เหี้ยๆ) อุมิก็บท (เหี้ยๆ) จะแต่งอะไรแบบนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้าย เพราะปีศาจครอบงำเราตลอดไปไม่ได้!









    .

    แม้ว่าการฆ่าจะกลายเป็นชีวิต เป็นเลือดเนื้อ เป็นลมหายใจ เป็นทุกสิ่งที่สลักลึกลงไปข้างในจนถึงท่อนกระดูกที่ห่อหุ้มตัวตนของพระเจ้า — ปีศาจ — ภายใต้ใบหน้าของมนุษย์ที่สวมใส่และหล่อหลอมให้เขากลายเป็นเช่นอย่างทุกวันนี้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่าน นับจากการสังหารไอ้สัตว์เดรัจฉานในครอบครัวให้กระเสือกกระสนแดดิ้นจนถึงวาระสุดท้ายด้วยความตั้งใจของตัวเองแล้ว ก็มีอีกแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไคโตะอยากมองดูความอวดดีมากองอยู่แทบเท้าที่เขาจะเหยียบย่ำมัน กระทั่งปลิดลมหายใจนั้นไป ด้วยเจตนารมณ์ของตัวเอง

     

    “ใครจะไปทนไหว! มันอยากเอาฉันตั้งแต่อยู่ในลิฟต์จะตายอยู่แล้ว! พยายามจะเข้ามาเบียดเสียด เอาไอ้หนูที่ตั้งโด่มาจ่อใกล้ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระโปรงเพราะอยากแทงเข้าไปให้ได้ แหยะ! น่าขยะแขยงเป็นบ้า!”

    สีหน้าของอาเกฮะแสดงความสะอิดสะเอียน ไม่ต่างจากน้ำเสียงแหลมสูงที่ผรุสวาทออกมาเป็นถ้อยคำหยาบคายเกินกว่าจะออกมาจากเจ้าของใบหน้าไร้เดียงสานั้นไม่ได้หยุดหย่อน ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนคอตรงจุดเดิมย้ำซ้ำอยู่อย่างนั้น ถ้าขืนเธอยังไม่ยอมหยุดการกระทำ อีกไม่ช้าเนื้อหนังที่ก็เป็นสีแดง...หากครั้งครานี้มาจากแรงถูของเธอเอง...จะต้องหลุดลอกออกมา

    กระนั้นมันก็ยังทะลุผ่านโสตประสาทเข้ามาข้างในหูของไคโตะ ผสานรวมเข้ากับเสียงรบกวนสูงต่ำไม่เป็นจังหวะ และทั้งหมดนั้นกำลังทำให้เขาปวดหัว ถึงอาจไม่ปรากฏผ่านสีหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยในตอนที่กอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล แม้แต่การมองดูศพคว่ำหน้าที่อาบย้อมไปด้วยเลือดแทบทุกตารางนิ้วไม่มีว่างเว้นตรงหน้าประตูทางเข้าจากเธอที่เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ว่า “พอเข้าห้องปุ๊บฉันก็รีบหยิบปืนมายิงทะลุหัวมันเลย แต่ทำยังไงไอ้ความขยะแขยงพวกนี้ก็ไม่ยอมหายไป ขนาดยิงมันจนกระสุนหมดแม็กแล้วแท้ๆ เพราะมันง่ายดายเกินไปกับพวกสวะหรือเปล่านะ? พอคิดแบบนั้นฉันก็นึกถึงมีดพกที่แอบขโมยจากนายมา แล้วรู้อะไรไหมไคโตะ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าวิธีการฆ่าของนายโคตรสกปรกแถมยังโคตรเสียเวลา แต่พอได้แทงมันลงไปซ้ำๆ ฉันกลับรู้สึกสะใจเป็นบ้า! จนคิดว่ารู้งี้ไม่น่ารีบฆ่ามันให้ตายเลย” ก็ไม่อาจช่วยทำให้ไคโตะกลับมาสงบได้

    เช่นเดียวกับการได้เห็นผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้นกำลังแสดงความเดือดดาลออกมา เมื่อมันคือสิ่งที่ไคโตะเคยรักที่จะมองดูความพึงพอใจในตอนที่เธอได้ตระหนักว่าไม่ใช่ทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ทว่าไม่ใช่กับตอนนี้ เวลานี้ ถึงเนื้อตัวของเธอจะกำลังเปื้อนเปรอะไปด้วยของเหลวเหนียวเหนอะสีแดงฉานซึ่งอาบย้อมอย่างที่ไม่เคยเป็น จากการฆ่าด้วยวิธีที่ไม่เคยทำ และมันก็ทำให้เขาต้องมาตกที่นั่งลำบากด้วยจากการที่เธอโทร.ไปบังคับให้เขาช่วยทำลายหลักฐานเพราะความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ ด้วยคำพูดที่ก็น่ารังเกียจไม่ได้ต่างอะไรกันอย่าง “แต่มีดเป็นของนาย”

    ก่อนที่ไคโตะจะพลันโพล่งขึ้นโดยไม่สนใจคำพูดพล่ามของอาเกฮะที่ก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะกำลังรับฟังหรือไม่ว่า “ถ้าเธอแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้...”

    เขาไม่ทันได้เอ่ยจนจบประโยคดีด้วยซ้ำ กระนั้นมันก็สามารถหยุดเธอจากทุกการกระทำให้รีบหันขวับมายังทิศทางของเขาอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ใช่กงการอะไรของนายไคโตะ!”

    “ทำไม? กลัวหัวหน้าจะรู้เรื่องของชู้รักเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาสีน้ำตาลจากคอนแทกเลนส์ที่แข็งกร้าวของเธอกำลังจดจ้องมองเขาซึ่งพ่นลมหายใจออกมาแสดงความเย้ยเยาะ “แล้วถ้านายบาร์เทนเดอร์นั่นรู้ว่าเธอต่างหากที่น่าขยะแขยง คิดว่าเขาจะยังอยากอยู่กับขยะอย่างเธอไหม?ยิ่งมันจดเขม็งมากเท่าไหร่ ไคโตะก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงข้างในหูจะยิ่งเสียดดังมากขึ้นเท่านั้น มันมากเกินไปและกำลังทำให้หัวสมองของเขาหนักอึ้งจนแทบจะต้านทานไว้ไม่อยู่ ไม่มีความเจ็บปวดทางร่างกายใดจะทำให้เขาทุรนทุรายจนอยากคู้ตัวกรีดร้องออกมาให้ดังที่สุดได้มากเท่านี้ เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง แม้แค่เพียงเรื่องเล็กน้อยที่สุดเพื่อบรรเทาอย่างที่เธอเคยมอบมันให้เขาได้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มต้นกระทำสิ่งใด ร่างเล็กของเธอก็จะพุ่งพรวดเข้าหาพร้อมกับมีดพกในมือ พวกเขาได้รับการฝึกฝนเทคนิคที่แตกต่างกัน อาเกฮะอาจเก่งเรื่องการล่อลวงเหยื่อหน้าโง่ให้มาติดกับด้วยลมปากหรือการยั่วยวน แต่ไคโตะไม่ใช่เหยื่อหน้าโง่ของเธอ...และไม่มีวันจะเป็น เขามีความว่องไวจากพรสวรรค์และอาจรวมถึงพรแสวงมาเกือบตลอดทั้งชีวิต กับอาวุธคู่ใจที่เปรียบได้กับอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งจนสามารถหยุดมือของเธอได้ทันควันแม้ศีรษะจะกำลังระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ มีดพกถูกปัดกระเด็นลงไปกับพื้นด้วยความรวดเร็วเหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินไป สถานะของเธอกับเขาพลันสลับสับเปลี่ยน เมื่อเขากดจะแขนทั้งสองข้างของเธอตรึงกับกำแพง บีบมันลงไปอย่างแรงมากจนไม่มีทางที่คนอ่อนแอกว่าจะหลุดจากการเกาะกุมได้พ้น ยิ่งในตอนที่ไม่ได้ระแวดระวังตัวเองเหมือนอย่างที่กระทำต่อเป้าหมายเช่นนี้

    “ไม่ขยะแขยงกันแล้วหรือไงไคโตะ?”

    แต่เธอก็ยังสามารถโต้ตอบกลับมาได้ในเวลาเพียงชั่วอึดใจ ด้วยคำพูดอวดดีจากริมฝีปากสีแดงที่ยกขึ้นแสดงความเย้ยหยัน เพื่อกดกลั้นความเจ็บปวดที่ไคโตะแน่ใจในเรื่องนั้นยามเพิ่มแรงกดลงไปและได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอ

    “ถ้าฉันบอกอาเบะจังว่านายทำอะไรฉัน...”

    “ถ้าฉันบอกคุณอาเบะว่าเธอทำอะไรกับใครลับหลังเขา” ไคโตะสวนย้อนถ้อยประโยคเดียวกัน “ความสกปรกของเธอน่ะ ต่อให้จะพยายามเช็ดออกไปเท่าไหร่ก็ไม่ออกหรอก” จากนั้นสะบัดเหวี่ยงข้อมือให้ร่างที่ปวกเปียกร่วงลงไปกองกับพื้น ทั้งอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้พยายามที่จะลุกขึ้น นอกจากลูบข้อแขนที่ขึ้นรอยแดงสลับข้างไปมา

    “เลิกยุ่งกับเรื่องคนอื่นสักทีเถอะ”

    “เธอพูดเองนะ”

    นั่นเองที่จะทำให้อาเกฮะซึ่งเข้าใจเจตนาชัดเจนของอีกฝ่ายหนึ่งเด้งตัวพรวดขึ้นมา แผดเสียงตะโกนใส่หน้าเขาว่า “ถ้าอาเบะจังคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือนาย...”

    และก็เป็นอีกครั้งที่ไคโตะจะขัดจังหวะอย่างไม่แยแส หลังจากก้มลงไปเก็บมีดพกที่ได้กลับคืนสู่เจ้าของในที่สุด เสียงข้างในหูของเขาเริ่มทุเลาลงไปได้บ้างแล้วจากการได้กลับมาถือไพ่เหนือกว่า แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตามที

    “เธอคิดว่าหัวหน้าจะโกรธเรื่องความผิดพลาดของฉันหรือการทรยศของเธอมากกว่ากันล่ะ? ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากนักก็คิดหาทางออกเอาเองแล้วกัน”

    แต่ก่อนที่ไคโตะจะได้เดินจากไปแล้วทิ้งเธอไว้กับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ เสียงกระจกที่แตกดังเพล้งก็จะหยุดการเคลื่อนไหวของเขาได้ชะงัก เพียงเพื่อให้ไคโตะได้หันไปเผชิญกับปัญหาน่ารำคาญชิ้นใหม่ที่เธอกำลังก่อ จากเศษกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่เธอหยิบขึ้นมากดกรีดลงไปที่ข้างลำคอ ณ จุดที่เธอใช้ผ้าถูมันย้ำๆ ถึงก่อนหน้านั้นโดยไม่รีรอ

    “นายต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้”

    นั่นเองที่จะเรียกเสียงหัวเราะเยาะหยันจากเขา “ทำไมถึงคิดว่าทำแบบนั้นแล้วฉันจะช่วยเธอ? ไม่คิดเหรอว่าฉันอาจอยากเห็นเธอปาดคอตัวเองให้ตายไปเลยก็ได้”

    “ไม่ เพราะฉันรู้ว่านายอยากฆ่าฉันด้วยมือตัวเองต่างหาก” เลือดสีแดงไหลลงมาจากปากแผลที่ถูกกรีดอ้าออกเป็นแนวยาว มันไม่ได้ลึกขนาดทำให้ถึงตาย แต่ถ้าหากเธอกรีดย้ำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ช้าเธอจะกลายเป็นอีกหนึ่งศพจากการเสียเลือด และเขาก็รู้ดีว่าเธอกล้าพอที่จะทำมัน หรือไม่...เธอก็แค่กล้าพอที่จะทำแบบนั้นต่อหน้าเขา เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง

    เพราะไคโตะเฝ้าฝันมาตลอดเจ็ดปีว่าจะได้ฆ่าผู้หญิงที่จงเกลียดจงชังอย่างช้าๆ ด้วยน้ำมือและคมมีดของตัวเอง

    ไม่ใช่รอยกรีดไร้รสนิยมจากเศษกระจกที่เขาไม่อาจยอมรับได้ บาดแผลที่ลำคอของเธอจะทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียด แต่การแพทย์สมัยใหม่กับมัดเงินปึกหนึ่งที่หัวหน้าโยนให้หมอเถื่อนแลกกับการแพทย์สมัยใหม่จะทำให้มันกลับมาไร้ร่องรอย แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อตอนนี้มีเพียงเขาที่สามารถหยุดการกระทำอันไร้หัวคิดของเธอได้ ขณะไคโตะสาวฝีเท้าเดินย้อนกลับไปด้วยความหัวเสียอย่างที่สุดเพื่อแงะเศษกระจกออกจากมือที่เธอยังคงกอบกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยราวกับยั่วยุ และทำให้ฝ่ามือของเขาที่พยายามยื้อยุดถูกบาดเป็นแผลด้วย หากไคโตะก็ไม่มีทางเลือกนอกจากสบถออกมา ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูวางทาบลงไปเพื่อช่วยกดซับเลือดไว้ บอกให้เธอเข้าไปล้างแผลในห้องน้ำ ส่วนเขาจะจัดการปัญหาให้เธอ “ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย”

    “ฉันจะตอบแทนให้นะไคโตะ!

    น้ำเสียงเริงร่าของเธอที่เปล่งเป็นชื่อของเขาชวนให้รู้สึกสะเอียน แล้วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เธอที่นั่งอยู่บนโต๊ะก็จะเหวี่ยงแขนข้างหนึ่งเพื่อโน้มลำคอของเขาซึ่งก้มตัวอยู่ลงมา เริ่มต้นกระทำในสิ่งที่ไคโตะเองก็รู้ดีว่าเธอก็กล้าพอที่จะทำมัน ทว่ากลับเป็นเขาเองต่างหากที่ไม่รู้...

    ว่าตัวเองจะกำลังตอบรับริมฝีปากของเธอหลังจากชะงักงันไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น

    เธอจูบได้อย่างช่ำชองมากเพราะถูกฝึกฝนมาสำหรับเรื่องพรรค์นี้โดยเฉพาะ แต่เขาก็รู้ว่าเธอชิงชังพวกตัณหากลับน่ารังเกียจ จนมักจบงานได้อย่างง่ายดายโดยแลกมาด้วยการเปลืองตัวภายนอกแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่มากไปกว่านั้น แต่เป็นความจริงที่เธอไม่เคยพลีกายให้ใครนอกจากหัวหน้า และนั่นก็จะทำให้หัวหน้าพึงพอใจ จนมอบ ของขวัญให้กับ เด็กดีอยู่เสมอ หากไคโตะก็ไม่เคยรู้ว่าหัวหน้าเป็นฝ่ายมอบมันให้เธอ หรือเธอกันแน่ที่ปรนเปรอให้เขา แต่สำหรับไคโตะ มันใกล้เคียงกับข้อแรกเมื่อเขาไม่อาจควบคุมสัญชาตญาณที่ซุกซ่อนอยู่เอาไว้ได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่เขารุกเร้าไล่ต้อนเข้าไป เสียงในหูที่เคยรบกวนมาตลอดก็ค่อยทุเลาลงไป เช่นเดียวกับอาการปวดหัวถึงก่อนหน้านั้น และมันอาจจะมากเกินไปเมื่อเธอเริ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอเพราะการถูกบดขยี้ ปิดกั้นเส้นทางจนแทบจะหายใจไม่ออก มือของเธอพยายามดันร่างของเขาออกไปให้พ้นห่าง ไคโตะเคยเกลียดผู้หญิงคนนี้มากจนไม่คิดอยากจะแตะต้อง ทุกครั้งคราวที่เธอเข้ามายั่วโมโหอยู่ใกล้ๆ ก็มีแต่ความขยะแขยงที่รู้สึก  ทว่าการพยายามขืนขัดของเธอทั้งที่ตั้งใจจะเป็นฝ่ายเดินเกมก่อนในเวลานี้กลับทำให้ไคโตะรู้สึกดีมากจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือของเขารีบเร่งถอดชั้นในส่วนล่างของเธอออกไป หากอาเกฮะคงไม่รู้ว่ารสเลือดของริมฝีปากที่ถูกกัดจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์พลุ่งพล่านในตัวเขา ยามที่เขาถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด ก็คือตอนที่เขาดันตัวตนเข้าไปโดยไม่รอให้เธอได้เตรียมตัว เสียงกรีดร้องและร่างกายที่ดิ้นเร่าของเธอทำให้เขาต้องพยายามกัดฟันแน่นเมื่อค้างไว้

    “อาเบะจังต้องฆ่านายแน่”

    “เธอทำเองก็ได้นี่นา” เขาเอ่ยกลั้วไปกับเสียงหัวเราะในตอนที่ก้มลงไปเลียเลือดที่ลำคอของเธอซึ่งยังคงเปรอะอยู่ หากการที่ร่างของเธอสั่นไหวขึ้นมาจากเรียวลิ้นและส่วนล่างแค่เพียงน้อยก็จะทำให้ไคโตะแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่

    “นายมันทุเรศไคโตะ”

    “เธอเป็นคนเริ่มทุกอย่างก่อนเองไม่ใช่เหรออาเกฮะ?” ไคโตะสวนย้อน “ตอนที่ได้เห็นเธอทรมานแล้วตอบโต้ฉันไม่ได้แบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นบ้าเลย แต่บางทีอาจไม่ได้มีแค่ฉันที่รู้สึกดีคนเดียวก็ได้ ใช่ไหม?” คำพูดของเขายั่วยุเธอให้รู้สึกอับอายได้มากพอที่จะทุ่มแรงทั้งหมดที่มีเพื่อขืนขัด และไคโตะก็ตัดสินใจไม่รั้งรออีกต่อไปเมื่อเริ่มต้นขยับเข้าออก ในช่วงแรกมันคือความเจ็บปวด เฉกเช่นเดียวกับปลายเล็บของเธอที่กดผ่านเสื้อเชิ้ตและทะลุเข้าไปในเนื้อหนังให้ได้รู้สึก ที่เขาต้องการรู้สึกมากกว่านั้น ยามเลื่อนมือข้างขวาที่เปรอะไปด้วยของเหลวจากฝ่ามือที่ถูกกรีดและบาดแผลนั้นอาจกำลังอ้าออกลงไปประสานกับอีกข้างหนึ่งของเธอ

     แต่ยิ่งมันตอดรัดมากขึ้นเท่าไหร่ ไคโตะก็ยิ่งไม่อาจห้ามตัวเองด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าไปลึกขึ้นจนในที่สุด เสียงด่าทอของเธอเปลี่ยนไปเป็นเสียงกรีดครวญซึ่งเข้ามาแทนที่ และมันคือเสียงเดียวในเวลานี้ที่ไคโตะได้ยิน เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการได้ปลดปล่อยกับคนที่เกลียดจะทำให้รู้สึกดีได้มากถึงเพียงนี้ ดีกว่าการนอนกับผู้หญิงในย่านเสื่อมโทรมที่ได้มาง่ายๆ ดีกว่าการได้ฆ่าเหยื่อต่ำช้าเลวทรามทั้งหลายที่สมควรตาย ดีกว่าทุกความรู้สึกสุขสมใดตลอดทั้งชีวิตจนในที่สุดมันก็ระเบิดออกมาเมื่อเขาเร่งความเร็วเพื่อดันแทรกเข้าไปให้ลึกที่สุด จนร่างของเธอสั่นสะท้านพร้อมกับภายในที่รัดแน่นขึ้น กับเสียงเรียกชื่อของเขาที่สั่นพร่าเพื่อเร่งเร้า ไม่ใช่เรียวเฮ ไม่ใช่เร็น แต่เป็นไคโตะ — คนที่มอบความปรารถนาอันเร่าร้อนรุนแรงอย่างที่เธอไม่เคยนึกฝันว่าต้องการมันมาก่อน เพียงเท่านั้น ไคโตะก็รู้สึกได้ถึงการหลั่งมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต

    ตอนที่เขาทิ้งตัวลงไปทาบทับ กอดรัดเมื่อยามเสร็จสมอย่างแนบแน่นราวกับว่าอยากแทรกลึกเข้าไปเพื่อให้กระดูกข้างใต้นั้นป่นปี้ ประสานเสียงหอบหายใจหนักหน่วงพร้อมกันกับเธอ ก่อนที่จะกดริมฝีปากรสสนิมละเลงลงไปเพื่อช่วงชิง ไคโตะก็รู้ว่านี่จะไม่ใช่แค่ “ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย”

     

    บัดนี้เขาได้เด็ดปีกของผีเสื้อกลางคืนที่อวดดี เหยียบย่ำ และทำให้เธอมากองอยู่แทบเท้าแล้ว และเมื่อถึงวันที่เขาเล่นสนุกกับมันมากพอจนรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว เมื่อนั้นเขาถึงจะพรากลมหายใจของมันไปด้วยคมมีดของตัวเอง

    แม้ว่านั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของเขาด้วยก็ตาม












    2022年04月15日
    _______________
     ก่อนเข้าเรื่องใดๆ อยากขอพื้นที่ตรงนี้บันทึกจดหมายเหตุหน่อย เพราะฟิคเรื่องนี้มีที่มาจากหลายอย่างมากมาย: เริ่มจากวันที่ 2 มีนาไปดูเดอะแบทแมน แต่ไม่ได้พล็อตอะไรหรอกยกให้มึงเซียนฝรั่งแต่งไป แต่เราก็นั่งเมาท์มอยหลังดูหนังจบกันข้ามวัน จบด้วยการโยนบทในเรื่องให้จอห์นนีส์คนโน้นคนนี้สนุกมาก พอก่อนเข้านอนกูก็แบบ เออ เห็นเมืองแล้วแอบคิดถึงฟิคนีออนฯ กับฟิคพี่หมี ซึ่งกูเคยบอกไปว่ายังไงไคโตะกับอาเกฮะก็ต้องได้กันสักทาง จากนั้นพล็อตนี้ก็แว่บมาเลยนอนแต่งท่อนต้นไปนิดหน่อย พอตื่นมาวันที่ 3 เน็ตที่บ้านก็เจ๊ง กว่าจะได้ดูเอ็มวีบราเธอร์บีทของสโนว์แมน (ซึ่งปล่อยเวลาเดียวกับที่เดอะแบทแมนเข้าโรง วุ้ย!) ก็สี่ห้าโมง เป็นเพลงที่ปรามาสไว้ตั้งแต่ตอนไปออกรายการมิวสิคโตเกียวที่เลื่อนดูนิดหน่อยแล้วคิดว่าอิหยังวะ จนมาฟังเพลงเต็มก็อ่าฆ์ ซึ่งเรื่องของสโนว์ต้องถูกหยิบยกมาเป็นจดหมายเหตุด้วยเพราะมึงก็รู้ว่ากูเบื่อวงนี้ช่วงนึงเพราะอะไร แต่เพลงนี้ทำให้กลับมา (หาเร็น) ได้ ซึ่งก็ให้บังเอิญที่ว่าในเรื่องพี่หมี บทพระเอกหลักก็คือเร็น จากนั้นทราจาก็บอกว่าจะมาไลฟ์ไอจีประกาศข่าวใหญ่ตอนหนึ่งทุ่ม ก็คิดเลยว่าเดบิวต์แน่ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนะมึงนะ (และเดอะแฟลชที่แปลวันนั้นก็เป็นตอนที่ซิสโก้จะออกจากทีมพอดี กูทรุด orz)
     ตั้งใจลงฟิควันเกิดอุมิในตอนที่ 97 เพราะเป็นปีเกิดเค้า ให้มันดูมีอะไร (แต่ปีหน้า 197 กูไม่น่าจะทำได้นะ มั้ง) ตลกร้ายมากที่ฟิคนี้ตอนแรกคือแต่งไปงั้นๆ มีแต่ฉากเหี้ยๆ สุดท้ายดันมาเป็นจดหมายเหตุ ทั้งไคโตะ เร็น ละกูก็ผีเข้ามั้ง ถึงจะเจอเรื่องแอลเอก็ยังแต่งต่อจนจบได้ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ฟิควันเกิดอุมิเหี้ยมาก เพราะตอนแรกกูวางแผนดิบดีว่าจะมาแนวดาร์ลิ้ง สเตย์ ซินเดอเรลล่าเกิร์ล ใดๆ จนมาเจอเรื่องแอลเอแล้วไม่ไหวบอกไหว เลยโอเค งั้นรอเอาฟิคนี้ลงวันเกิดอุมิละกัน เพราะกูไม่มีใจจะแต่งฟิครักดีๆ ให้หรอกในเมื่อกูเฮิร์ท เหมียวๆ กุมใจอยู่ และเพราะฟิคเรื่องนี้ใช้ชื่อว่าไคต์ ซึ่งไม่ได้สื่อถึงอะไรหรอก แค่นึกขึ้นได้ว่าได้พล็อตนักฆ่ามาจากเรื่องไคต์ ถ้าไปดูคาตะมันก็คือคำว่า カイト (เหมือนชื่อเพลงของอาราชิที่ตอนแรกกูก็ไม่รู้ว่ามาจากคำว่าไคต์) เฮ้อ หนึ่งปีก่อนกูยังแฮปปี้ใสๆ แบกโกดั๊กกับอุมิอยู่แท้ๆ ละปีหน้าถ้าเค้าไม่กลับญี่ปุ่นกูจะเทไหม แต่ก็เอาเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อุมิบอกว่าระหว่างนี้ไปชอบคนอื่นก็ได้นี่นะ (ไปแล้ว กลับมาแล้ว)
     เนี่ย ละพอติดเชื้อชั่วมาจากมึงแล้วฟิคกูเลยต่ำตมตามไปด้วย ในหัวกูมีพล็อตแค่ว่า อาเกฮะรับงานฆ่าแต่ผิดพลาดเลยให้ไคโตะมาช่วยเก็บกวาด ปากดีมากไคโตะเลยรำคาญ ตั้งใจไว้ว่าต้องมีฉากอย่างนั้นจริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะลงมาเวย์นี้ เพราะเหตุการณ์ที่นำไปสู่ฉากนั้นคึอด้นสดหมด ซึ่งกูไม่อยากบอกเลยว่าแต่งได้ลื่นมาก แต่งจบในสามวัน ละอายเหลือเกิน เพราะ ที่จริง กู ชอบ อุมิแบบนี้ยังไงล่ะ! อ๊าก กูมันคนทุเรศ ต่ำตม พระเจ้าจะลงโทษ(มึง)อย่างหนัก o<-< / ว่าบาป แต่พอแต่งๆ ไปกูก็คิดตอนต่อได้เลย เช่นว่าสองคนนี้จะนอนด้วยกันต่อไปเพราะเติมเต็มความรุนแรงให้กันได้แต่ก็ยังเกลียดกันฉิบหายอยู่ดี (นึกออกแล้วว่าเพราะเจอฟิคเรื่องหนึ่งที่ว่าเอาความเกลียดมาลงเป็นเซ็กซ์แล้วฝังหัวมาก และถ้ามันจะลงกับเรื่องไหนได้ก็ต้องเป็นเรื่องที่ตัวละครไม่ปกติแบบฟิคคาบุกิโจเท่านั้นไหมล่ะ) ที่จริงกูคนแต่งก็ไม่แน่ใจว่าหรือไคโตะมันจะชอบอาเกฮะวะ เพราะบทปูไปเหมือนจะหึงอาเกฮะกับเร็น แต่พอลองคิดในแง่ที่ว่าก็แค่ไม่อยากเห็นคนที่เกลียดได้มีความสุขจากใจจริงก็โอเค สบายใจ เพราะยังไงก็ไม่อยากให้สองคนนี้ได้รักกัน บอกว่าเกลียดก็คือเกลียด แต่กับความใคร่มันคนละเรื่อง ยังไงคนที่อาเกฮะรักก็มีแต่เร็น ส่วนอาเบะจังแค่เห็นเป็นบุญคุณ สุดท้ายอาเบะจัง (ที่รักอาเกฮะมากๆๆๆๆๆๆ) ก็จะรู้เรื่องสักทางแล้วส่งไคโตะไปทำงานเพื่อล่อไปตาย สุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกันเพราะพวกตำรวจจะรู้ว่าเนี่ยเป็นคนฆ่าคู่หู เป็นหัวหน้าแก๊งนักฆ่า ใดๆ ไทกะก็ตาย อาเกฮะก็ตาย ถึงคิดไม่ออกว่าจะตายยังไงแต่แก๊งนักฆ่าตายห่านหมดจ้า แต่ไม่ใช่เพราะต้องมีคติสอนใจเพ้อเจ้ออะไร แค่กูอยากให้ตายเอง ตายหมดทั้งเรื่องไปเร้ย! เผอิญมีสมอง ไม่ใช่พวกแยกแยะไม่ได้ โลกมีแค่สีขาวดำนะจ้า
     และเช่นเคยกับภาพคอมมิชจากคุนพอยที่ไปจ้างไว้นานแล้วแบบเปื่อยๆ เพราะกลัวไม่ทัน เน้นอย่างเดียวคือขอชุดหนังกับถือปืนค่า แล้วก็บังเอิญเว่อร์มากที่อุมิใส่ชุดหนังไปฮอลลีวูด ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเมนกูโว้ยย ไงล่ะ อิลลูมินาติคอนเฟิร์ม ที่จริงต่างหูของอาเกฮะเป็นรูปผีเสื้อด้วยนะ แต่มันเล็กมากจนไม่มีใครจะได้เห็นหรอกนอกจากกูและคุนพอยเอง สวัสดี
     ตอนแรกไม่รู้ว่าจะใช้เพลงอะไรดีเพราะพล็อตมันไม่มีอะไรเลยไงมึง ทีนี้พอกดฟังเพลงพี่หมีเพราะชอบชื่อเพลงแล้วก็อ่าฆ์ เพลงพี่หมีเพื่อฟิคพี่หมี เนื้อเพลงในรูปใส่ให้ดูมีอะไรเฉยๆ ของอาเกฮะมาจากเพลง 2045 ส่วนของอุมิมาจากเพลงนี้แหละ เพราะพี่หมีร้องปะกิตจ้า! และมึง ยกมือทาบอก! เอ็มวีเพลงนี้เป็นเดวิลแมนเพราะคุณนากาอิมาทำให้! เป็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่กูรักมากๆๆๆๆๆๆ (รู้จักเพราะวงเฟลมเล่น LA ยังไงล่ะ ฮ่า) เพราะฉะนั้นถึงจะเหี้ย จะบาป กูก็จะบอกตรงๆ เลยว่าที่จริงกูชอบเรื่องนี้ ลาล่ะ แต่โอ๊ยมึง กูบอกเลยนะว่าพอได้กลับมาแต่งเรื่องนี้แล้วทำให้กูอยากกลับมาแต่งฟิคคาบุกิโจ เลือดสาด คนบ้า นักฆ่า ฯลฯ อีกมากๆ และหลังจากเราดู Tokyo Vice ที่ปลุกความอินเดอะมิโสะซุปกันแล้ว มาดูกันว่าปีนี้กูหรือมึงใครจะมีฟิคคาบุกิโจก่อนกัน ชริ้ง! / ปล. เห็นเพลงเมซงแล้วปลุกความดิสโทเปียในตัวกูมาก เทอร์มิเนเตอร์ เนียร์: ออโตมาตา บิ๊กแบงบอยใดๆ แต่ยังคิดพล็อตไม่ออกเลยโอ๊ยย แต่อยากแต่งแนวบู๊มากจริงไรจริง เตรียมการห้าปี
     ผ่านมาสองปีแล้วนะ ปีนี้ก็ยังรักอุมิมากๆ รักที่สุด รักเหมือนเดิม แม้แต่แอลเอก็ไม่ทำให้เปลี่ยนใจ ข้อยกเว้นของทุกอย่าง มายเลิ้บมายฮาร์ทมายโซล และยังไงกูก็ยังรักทราวิสที่สุด จนกว่าจะถึงวันที่ได้เห็นวงเดบิวต์กับตาตัวเองโว้ย!!!
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×