คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : Bayou Country | Episode 02 - Baby, Now That I've Found You
ยังไม่ทันจะครบยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่นิวบอร์โดซ์ก็นำพาอีกเรื่องราวดีๆ มาสู่โฮปในรูปแบบของบุคคลจากอดีตที่มีชื่อว่านาโอกิ ฟูจิอิ ผู้ที่เธออาจนับถือเป็นพี่ชาย ขณะที่อิซเซย์เรียกเขาว่าพี่ชายได้อย่างเต็มปาก ด้วยความที่มีสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง โฮปรู้เพียงแค่ว่าพวกเขามีพ่อคนเดียวกัน หากใครคือผู้ให้กำเนิดนั้นเธอไม่กล้าละลาบละล้วง มันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ละเอียดอ่อนเกินไป ต่อให้เธอจะสนิทสนมกับอิซเซย์ถึงขั้นลึกซึ้งมากแค่ไหน อย่างไรก็มีบางเรื่องที่ไม่ควรจะสอดรู้อยู่ดี
เธอได้เจอกับนาโอกิครั้งแรกในตอนที่กลุ่มเพื่อนร่วมสาขานัดดื่มกันในคืนวันศุกร์เป็นปกติ แต่สิ่งที่ผิดแผกไปจากปกติคืออิซเซย์พาพี่ชายที่แวะมาเยี่ยมระหว่างช่วงทำธุระในนิวยอร์กมาด้วย เขาเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้จะอายุมากกว่าถึงสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา เธอได้สนทนา...ใกล้เคียงกับการถามไถ่และรับฟังด้วยความใคร่รู้ทั้งเรื่องงานในบริษัทโฆษณา สภาพความเป็นอยู่ที่ลอสแอนเจลิส หรือเรื่องราวในวัยเด็กของอิซเซย์ หลังจากนั้นเมื่อไหร่ที่เขาแวะมาเยี่ยมครอบครัวคานาซาชิก็มีอันต้องพ่วงเธอเข้าไปด้วยอีกคนเสมอ ไม่ว่าจะแม่ พ่อเลี้ยง หรือพี่ชายต่างแม่ของอิซเซย์ หญิงสาวนอกครอบครัวก็สามารถเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นแล้วจะมีใครไหนอีกบนโลกใบนี้ที่คู่ควรกับอิซเซย์มากไปกว่าเธอ ความคิดเพ้อฝันเมื่อกาลครั้งหนึ่งเรียกเอาเสียงหัวเราะขบขันออกมาได้ในตอนที่หวนย้อนกลับไปนึกถึง ขณะเล่าเรื่องการเดินทางของเธอกับอิซเซย์ให้นาโอกิที่อยากรู้ฟัง
“ฉันเคยคิดว่ายังไงพวกเธอก็จะได้แต่งงานกันแน่ๆ”
โฮปเชื่อว่าตัวเองเก็บความลับที่ตกหลุมรักอิซเซย์ได้แนบเนียนดีแล้ว แต่ก็ไม่แปลกที่ชายซึ่งผ่านโลกมานานกว่าจะดูออกได้อย่างง่ายดาย ถึงนาโอกิจะไม่เคยพูด โฮปก็เชื่อว่าเขารู้ จากรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและการสร้างสถานการณ์ให้เธอกับอิซเซย์เสมอๆ เหมือนกับที่โฮปเพิ่งได้รู้ว่าอิซเซย์ก็ชอบเธอ...ถึงจะไม่ใช่นับตั้งแต่แรกพบ อันที่จริงมันเกิดจากความใกล้ชิดที่นานกว่านั้นในอีกสองปี ถ้าเพียงแต่เธอจะกล้าคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด เพราะฉะนั้นคำพูดที่นาโอกิบอกเล่าในเวลานี้จึงไม่ทำให้โฮปนึกแปลกใจ
“ฉันเชื่อว่าถ้าเราได้คบกันในสถานการณ์อื่นที่ต่างไปจากนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างจะไม่ลงเอยแบบนี้ค่ะ”
“เธอก็เลยหนีเจ้าอิซเซย์มาโดยไม่ร่ำลา”
“ดูเหมือนว่าการหนีจะเป็นเรื่องที่ฉันเก่งที่สุดค่ะ” โฮปเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไม่ปฏิเสธการกระทำเช่นนั้นถึงสองครั้งสองคราของตนเอง ยกแก้วเบอร์เบินโคล่าขึ้นชูก่อนยกมันแตะขอบปาก
“ฉันเพิ่งจะย้ายมาทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนเธอก็โบกรถมาจนถึงที่นี่ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้นะ”
“แต่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า” โฮปเสริมรับอย่างรู้งาน ถึงตนเองจะไม่ใช่ผู้ศรัทธาเลยแม้แต่น้อย กระนั้นก็ปฏิเสธความเป็นไปได้อย่างที่ชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามหัวเราะเบาๆ เป็นเชิงตอบรับไม่ลง “ฉันควรเริ่มต้นเข้าโบสถ์” อย่างเย้าแหย่
นาโอกิสั่นหัวแล้วเปลี่ยนเรื่องไปว่า “อยากกลับนิวยอร์กไหม?”
“ไม่ค่ะ” โฮปตอบรับด้วยเสียงดังฟังชัด แน่ใจได้ว่าคงไม่มีใครในครอบครัวคิดถึงเธอ เหมือนอย่างที่เธอก็ไม่ได้คิดถึงพวกเขาจนกระทั่งบัดนี้ ในเมื่อเป้าหมายหลังเรียนจบคือการออกจากบ้านไปใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้วโฮปจะดั้นด้นกลับไปเพื่ออะไร
“เธอตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ช่วยไม่ได้นี่คะ เพราะฉันตกหลุมรักแต่แรกพบอีกแล้วค่ะ”
เรียกเสียงหัวเราะของคนทั้งสองให้ผสานไปด้วยกัน
“แล้วตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน?”
โฮปตอบคำถามนั้นด้วยปลายนิ้วที่ชี้ไปยังทิศทางฝั่งตรงกันข้าม แม้จะไปไม่ถึงตัวโรงแรมที่เธอจำชื่อไม่ได้ นอกจากผนังที่ถูกทาเป็นสีเขียวอ่อนเท่านั้น
ไทโชมองดูฮอลลิเดย์ที่ตื่นเต้นกับบรรยากาศในยามค่ำคืนตลอดสองข้างทางเหมือนกับเด็กน้อยเพิ่งเคยออกมาพบโลกกว้าง ซึ่งก็อาจใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่เธอเล่าให้ฟังอย่างออกรสน่าดู นั่นทำให้ไทโชสำนึกเสียใจว่าเขาควรพาเธอเข้ามาเที่ยวเปิดหูเปิดตาในตัวเมืองตั้งนานแล้ว แม้เขาจะไม่ได้พิสมัยนิวบอร์โดซ์มากนัก เช่นเดียวกับที่เขาก็ไม่ได้ชมชอบซินแคลร์ แพริชที่อยู่มาตั้งแต่จำความไม่ได้ การเดินทางไปทั่วประเทศก็เป็นแค่อาชีพเลี้ยงตัวเพราะคุณยายแอนนี่ฝากฝังให้เท่านั้น บ่อยครั้งที่ไทโชนึกอิจฉาฮอลลิเดย์ที่มีความกระตือรือร้นกับสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัว เพราะสิ่งที่เติมเต็มเขาได้นั้นอยู่แค่ในจินตนาการ ไม่ใช่เบื้องหน้า หรือแม้แต่จะเคียงข้างกันด้วยซ้ำ
“ไบรเออร์ แพทช์! ไบรเออร์ แพทช์!”
สติของเขาถูกเรียกกลับคืนจากเสียงตะโกนลั่น นิ้วที่ชี้ไปข้างหน้า และไหล่ที่ถูกฝ่ามือเล็กตีลงมาเต็มแรงแม้เธอไม่ตั้งใจจนเขาหลุดร้องโอ๊ยออกมา ทว่าคำพูดเดียวที่หลุดจากปากเธอก็ยังคงเป็น ”ไบรเออร์ แพทช์!” อยู่ดี
หลอดไฟสีขาวที่ฝังอยู่ข้างใต้เผยให้เห็นเจ้ากระต่ายสีน้ำตาลถือจานแพนเค้กอยู่บนป้ายไม้ที่สลักเป็นชื่อร้านเดียวกับเสียงตะโกนของเธอ มันหมุนเป็นวงกลม และมีความสูงเทียมเสาไฟฟ้าข้างๆ จนเด่นสะดุดตาแม้มองจากที่ไกลๆ ทุกครั้งที่เห็นบิลบอร์ดโฆษณาของร้านอาหารชื่อนี้ที่กำลังจะเปิดสาขาในซินแคลร์ แพริช ฮอลลิเดย์จะชี้ชวนให้เขาดูและอ่านว่า ‘ลองแพนเค้กชนะรางวัลชื่อดังของเรา’ ดังๆ อย่างไม่รู้เบื่อ ส่วนเขาก็จะพูดว่า “ฉันว่ามันก็ธรรมดา” และฮอลลิเดย์ก็จะจึ๊ปากเหมือนขัดใจทุกครั้ง
หากตอนที่พวกเขาลงเอยมานั่งอยู่ในร้านอาหารตรงสี่แยกถนน ฮอลลิเดย์กลับตัดสินใจสั่งคอร์นเบรด ชิลลี พายที่ขึ้นชื่ออีกเมนูหนึ่งตามเขาแทน เพราะไม่อยากกินของหวานเป็นมื้อดึก
ระหว่างนั้นฮอลลิเดย์ก็ใช้เวลาพูดคุยเรื่องของค่ำคืนที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แผนการไปโรงภาพยนตร์ต้องถูกตัดไปก่อนเพราะดึกเกินไป แต่ถ้ายังต้องการ พรุ่งนี้เขาจะพาเธอแวะมาในช่วงบ่ายอีกครั้งหนึ่ง แต่คืนนี้พวกเขาจะไปเดินเล่น ฟังเพลง และกินดื่มกันที่เฟรนช์วอร์ด ย่านที่คึกคักที่สุดในยามค่ำคืนแทน
“จะได้เจอหนุ่มหล่อๆ บ้างไหมน้า”
“ฉันเข้าใจ ที่ซินแคลร์อย่างกับบ้านพักคนชรา ส่วนเราสองคนก็...” ไทโชส่ายหัวแทนประโยคที่พูดไม่จบ เรียกเสียงหัวเราะจากฮอลลิเดย์จนต้องยกมือขึ้นปิดปากที่เพิ่งจะจิ้มพายเข้าไป
เธอยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มเพื่อกลั้วคอก่อนแล้วจึงเอ่ย “ว่าแต่นายเถอะ ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่คงมีสาวๆ ซ่อนไว้ตามเมืองที่ไปเยอะแยะเลยสิท่า”
“แล้วมันกงการอะไรของเธอ”
“พูดงี้แปลว่าจริง”
ด้วยคร้านที่จะเถียง ไทโชจึงปล่อยให้เธอเชื่อในสิ่งที่คิดไปก่อนจัดการกับมื้ออาหารแบบเดียวกับคู่สนทนาตรงหน้าไปเงียบๆ ก่อนที่ฮอลลิเดย์จะรู้สึกได้ว่ามันเงียบเกินไป เขาแทบไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ว่าเธอกำลังจะไปไหน ถึงอย่างนั้นไทโชก็ยังมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดสีเหลืองที่เขาคิดว่ามันตัดกับเก้าอี้สีแดง ทว่าเข้ากับแสงไฟสีส้มสลัวภายในไดเนอร์อย่างน่าประหลาด ฮอลลิเดย์เป็นผู้หญิงที่สวย เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็คงไม่ปฏิเสธ และเพลง ‘เรสคิว มี’ ที่ฟอนเทล่า เบส กำลังขับครวญก็ทำให้ไทโชแน่ใจว่าเขาอาจทำให้เจนเข้าใจความสัมพันธ์ที่มีกับหลานสาวของหล่อนผิดๆ แทนชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตจนกว่าเธอจะย้ายออกมาหาที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
คืนนี้...เขาอาจจะมองหาผู้ช่วยชีวิตของตัวเองสักคนเหมือนกัน
โฮปแยกจากนาโอกิหลังนัดหมายสถานที่เป็นร้านอาหารเดิมและเวลาพบกันในช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้เพื่อรับประทานอาหารด้วยกัน ก่อนที่เธอจะขอตัวกลับก่อนเมื่อรู้ว่าเขามีนัดกับเพื่อนร่วมงานซึ่งจับจองที่นั่งริมประตูอยู่ก่อนแล้ว เป็นเพราะพวกเขามาถึงตอนเธอลุกไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่นาโอกิเองก็รักษาความสนใจให้อยู่แต่กับเพื่อนร่วมโต๊ะได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าไม่ใช่เพราะสาวผมแดงซึ่งเดินผ่านมาทักทายเขาแล้วเผื่อแผ่มาถึงเธอระหว่างเดินไปที่บาร์ เล่นเอาโฮปต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ชวนเขานั่งคุยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่นานสองนาน แม้นาโอกิจะบอกว่ามันก็แค่การนัดสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานธรรมดาๆ คนขี้เกรงใจก็อดไม่ได้อยู่ดี
คืนนี้อากาศดี โฮปเลยคิดว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ แทนที่จะกลับไปอยู่ในโรงแรมทั้งที่ตาสว่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินลัดเลาะมาอย่างไรจนไปถึงตรอกซอกซอยที่มีผู้คนจับกลุ่มพูดคุย เต้นรำ หรือแม้แต่พลอดรัก เคล้าบทเพลงที่ดังออกมาจากส่วนของบาร์ที่เปิดโล่งอยู่ใกล้ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากสนุกสนานกับคนหมู่มาก โฮปจึงทำท่าว่าจะเดินกลับออกไป แต่ก็ไม่ทันความว่องไวของหญิงสาวฝาแฝดที่ยืนสูบบุหรี่เคล้าแก้วเครื่องดื่มในมือ
“จะรีบไปไหน ยังไม่ทันได้สนุกเลย”
“เอ่อ ฉัน...”
“สักหน่อยค่อยกลับน่า” อีกคนหนึ่งว่าพลางยื่นแก้วเครื่องดื่มมาให้ โฮปจึงไม่กล้าทำลายน้ำใจ เบอร์เบินโคล่าที่ดื่มไปหลายแก้วก่อนหน้านี้ไม่ทำให้เมา แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในแก้วโลว์บอลของหล่อนเพียงอึกเดียวก็รู้สึกถึงความเผ็ดร้อนที่ไหลผ่านลำคอไป รสชาติของมันแรงเกินกว่าเธอจะพึงพอใจกับมันได้ แต่พวกหล่อนก็หาได้สนใจแม้โฮปจะเสือกไสมันกลับคืนไป
“ดื่มให้หมดเลย”
คำพูดตรงกันข้ามกับประโยคก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง โฮปอ้าปากพยายามจะเถียง กระนั้นสายตาที่วิบวับอย่างซุกซนก็หาได้มีเจตนาร้ายให้โฮปเป็นต้องหุบมันกลับไป เธอกลั้นหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทว่ามันกลับผ่านปลายลิ้นของเธอไปได้เพียงหน่อยเท่านั้น แก้วในมือของเธอก็จะถูกฉกฉวยไปไม่ให้ทันได้ตั้งตัว พวกหล่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ขณะที่โฮปจะรีบหันขวับไปตามสายตาของพวกหล่อน เพื่อจะได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าตัวใหญ่ที่ยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“เลิกแกล้งคนอื่นได้แล้ว เมโดว์ อามาย่า”
“เปล่าสักหน่อย เนอะ” ทั้งสองคนหันไปพยักเพยิดใบหน้าที่ยังคงไม่หยุดแสดงความขบขันให้กัน รับแก้วเครื่องดื่มที่ว่างเปล่าคืนมา ก่อนเดินควงแขนกันออกไป โฮปมองตามพวกหล่อนไปได้ไม่ทันไร ก็เป็นต้องหันกลับมาตามน้ำเสียงแข็งที่โพล่งขึ้นแทรกเสียก่อนว่า
“โทษที”
เขาพูดแค่นั้น ไม่ขยายความต่อว่าเป็นเรื่องใด แต่โฮปจะถือวิสาสะคิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่เขากระทำ เช่นนั้นเธอจึงยกมือขึ้นโบกปัด ฉีกรอยยิ้มกว้าง ขณะกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจให้กับเขา “คุณคือผู้ช่วยชีวิตของฉันเลยค่ะ!” มือข้างหนึ่งของเธอยื่นมาให้เขา “ฉันโฮปค่ะ”
และเมื่อเขาตอบกลับไปว่า “ไทโช” กระชับฝ่ามือเล็กที่ยังมีไอเย็นจากแก้วเครื่องดื่มของหญิงสาวที่มีผมสีทองสว่างไม่ต่างจากพระอาทิตย์เอาไว้ ความรู้สึกที่แล่นซ่านเข้ามาก็ทำให้ไทโชยิ่งแน่ใจ
เขาได้พบกับผู้ช่วยชีวิตแล้ว
_______________
ความคิดเห็น