ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #33 : Bayou Country | Episode 01 - I'm Just a Lucky So-and-So

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 67


    Bayou Country: Episode 01 : I’m Just a Lucky So-and-So (Louis Armstrong & Duke Ellington)
    Inspiration: MAFIA III (Video Game, 2016) & Once Upon A Time...In Hollywood (Film, 2019)
    Playlist: Dusty Springfield – The Look of Love / Buffy Sainte-Marie – The Circle Game












    .

    โฮป คารีน่า นั่งเท้าคาง เหม่อมองออกไปนอกบานกระจกมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว อย่างน้อยๆ ก็นานพอที่น้ำแข็งในแก้วเครื่องดื่มสีน้ำตาลเข้มซึ่งไร้การแตะต้องจะละลายหายไปจนหมด มั่นใจได้ว่ารสชาติจะต้องเจื่อนจางในตอนที่เธอตระหนักถึง แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบร้อนเก็บมาใส่ใจ ตราบใดที่เธอจะยังจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองเช่นนี้

    ผ่านมากว่าหกเดือนได้แล้วที่โฮปจากบ้านเกิดในนิวยอร์ก — หรือจริงๆ อาจควรใช้คำว่า หนี’ — ตามผู้ชายที่ตกหลุมรักนับแต่แรกพบในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างอิซเซย์ คานาซาชิ มาเดินขบวนเคลื่อนไหว เรียกร้องสันติภาพและความสงบสุข เพราะความเบื่อหน่ายต่อสงครามคนละฝั่งซีกโลกที่ทั้งไร้ค่าและเปลืองเปล่าสำหรับชาวอเมริกัน พี่ชายข้างบ้านของอิซเซย์ที่ถูกส่งไปรบไม่ได้หวนคืนสู่มาตุภูมิพร้อมลมหายใจ มีเพียงเสียงร่ำร้องไห้ปิ่มจะขาดใจของมารดาและพี่สาวหลังได้รู้ข่าว เป็นอิซเซย์ที่ประคองร่างหมดสติของหญิงชราไปวางลงบนเตียง และนั่นเองคือตัวจุดชนวนให้เขาละทิ้งทุกสิ่งอย่างในชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อและสุขสบาย หากก็น่าเบื่อหน่ายอย่างสุดแสน ไปสุมหัวอยู่ในแคมเปอร์แวนกับเพื่อนร่วมสาขาศิลปะเดียวกัน มีใจร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เหมือนกับที่โฮปจะเข้าไปช่วงชิงพื้นที่ร่วมกับหนุ่มสาวอีกสามชีวิตที่ต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากัน ก่อนพวกเขาจะมุ่งหน้าไปรวมพลกับหนุ่มสาวที่มีใจเดียวกัน ณ ซานฟรานซิสโกอย่างฉิวเฉียด

    นั่นไม่รวมถึงโฮปผู้ไม่เคยมองเห็นปัญหาที่ไกลเกินกว่าปลายจมูกของตัวเอง เธอพอใจกับชีวิตในครอบครัวชนชั้นกลางอย่างที่เป็นอยู่ดี ในที่นี้หมายถึงทางด้านวัตถุนิยมมากกว่าความสัมพันธ์แบบค่อนข้างจะเหินห่างของพ่อ แม่ พี่สาว และน้องสาว อาจเพราะอย่างนั้นโฮปถึงไม่ได้นึกอาลัยอาวรณ์เมื่อต้องจากมันมา นอกจากความประหลาดใจที่ว่าตัวเองกล้าทำเรื่องบ้าบิ่นขนาดนี้เพียงเพราะผู้ชายที่ตกหลุมรักหัวปักหัวปำเป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ เท่านั้นน่ะหรือ

    แต่โฮปก็ทำลงไปแล้ว และการตัดสินใจในวันนั้นก็คือหนึ่งในสิ่งที่เธอไม่เคยนึกเสียใจแม้เมื่อมองย้อนกลับไปเลยสักนิด

    พวกเขาจอดรถตั้งวงล้อมรอบกองไฟเมื่อแสงอาทิตย์หมดลง พักเอาแรงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกลกันต่อในเช้าวันพรุ่งนี้ หลังอิ่มหนำกับพิซซ่าแช่แข็งที่อุ่นเป็นมื้อค่ำง่ายๆ แล้วก็เคลิบเคลิ้มไปกับมวนกัญชาชนิดทำกันเองในครัวเรือนต่อ ริวกะกับเล็ตตี้นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้วบนเสื่อที่เอาออกมาปู ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับมันมากนัก อิซเซย์จึงช่วยแบ่งปันมันให้กับเธอ ส่วนเธอก็แบ่งปันโคล่าเย็นๆ ให้กับเขา มันคือจูบทางอ้อมที่โฮปหวัง และเขาก็ทำความปรารถนาของเธอให้เป็นจริงเมื่อดัสตี้ สปริงฟิลด์เริ่มต้นขับขานบทเพลง เดอะ ลุค ออฟ เลิฟ จากวิทยุ

    “นายชอบเพลงนี้มาก แต่เกลียดเรื่อง คาสิโน รอแยล สุดๆ” โฮปหัวเราะ ไม่ยอมบอกต่อว่าเขาได้ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในบทเพลงโปรดของเธอเช่นเดียวกัน ก่อนเปลี่ยนไปเกยคางกับเข่าสองข้างที่ชันขึ้นแล้วร้องตามเนื้อเพลงท่อนที่ว่า หน้าตาของความรัก ที่เธอยังไม่ทันได้มองเข้าไปในแววตาของเขาเลยด้วยซ้ำ เมื่อจู่ๆ อิซเซย์ก็จะโน้มใบหน้าลงมาจูบเธออย่างรวดเร็ว เฉกเช่นเดียวกับตอนที่เขาถอนริมฝีปากออกไปแล้วพูดว่า “เข้าไปข้างในได้ไหม?” ใบหน้าขาวของเธอขึ้นสีแดงก่ำแค่เพียงได้จับกับฝ่ามือของอิซเซย์ที่ลุกขึ้นก่อน แล้วใช้ให้เธอเป็นหลักยึดขึ้นตาม

    แผ่นหลังในชุดแซกแขนกุดตัวบางทาบลงบนโซฟาที่ปูผืนผ้าหนานุ่มเป็นลวดลายและสีสันละลานตาชวนให้หัวสมองของเธอมึนงง หากโฮปก็รู้สึกถึงความจริงแท้ที่สุดในตอนที่อิซเซย์เริ่มต้นจูบเธออีกครั้ง มันไม่ใช่แค่การแตะประทับริมฝีปากเหมือนอย่างก่อนหน้า แม้จะอย่างเนิ่นช้า หากก็ทำให้อุณหภูมิร่างกายที่แนบแน่นทั้งที่มีเนื้อผ้ากีดกั้นของพวกเขาพุ่งสูง โฮปรู้สึกได้ว่าทั่วทุกตารางนิ้วที่ปลายนิ้วของอิซเซย์แตะสัมผัสกำลังจะมอดไหม้ บทเพลงที่แว่วดังมาจากข้างนอกกำลังพูดแทนริมฝีปากของเธอที่ถูกบดคลึงจากจังหวะที่เปลี่ยนเป็นเร่งเร้าจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจหรือแม้แต่จะมีน้ำเสียงใดเล็ดลอดออกมา โฮปไม่ได้อยากกดกลั้น แต่เธอจำต้องกลับกลืนทุกอย่างลงไปเมื่อไร้ซึ่งทางออกจนได้แต่กอดรัดเขาเอาไว้ มันเป็นความทรมานที่ผสานไปกับความสุขสมจนทำให้เธอแทบจะกระอัก เช่นเดียวกับชิ้นส่วนที่ถูกปลดเปลื้องอยู่เบื้องล่างให้ปลายนิ้วของเขาเข้าไป

    “ฉันรักนายนะ อิซเซย์”

    “ฉันก็รักเธอ”

    แล้วโฮปก็ได้เข้าใจถึงความหมายอันหนักแน่นในคำพูดของเขา ผ่านการกระทำและจุมพิตนับไม่ถ้วนที่มอมเมาเธอได้มากกว่ากัญชาจำนวนน้อยนิดที่สูบมันเข้าไปตลอดทั้งค่ำคืน

    นับเป็นช่วงเวลาที่โฮปได้มีความสุขอย่างแท้จริง เธอรักการได้อยู่กับอิซเซย์ รักการได้สวมมินิเดรสพิมพ์ลวดลายสวยๆ งามๆ รักการได้ใส่สร้อยประคำไม่ก็เครื่องประดับรุ่มร่ามกรุยกราย รักการได้สวมมงกุฎดอกไม้กลิ่นหอมระรื่น หรือบางครั้งอิซเซย์ก็จะเอาดอกไม้มาทัดข้างใบหูเธอ เพียงสัมผัสอันแผ่วเบาของเขาก็ทำให้โฮปยอมแลกได้ทุกอย่าง กระทั่งการต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มากในไฮต์-แอชบิวรีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา ย่อมแน่นอนว่าหมายรวมถึงเหล่าฮิปปี้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อต้านสงครามเช่นเดียวกัน กิจวัตรที่แทบไม่แตกต่างในทุกๆ วันคือการเดินประท้วง ร้องรำทำเพลง สูบกัญชา หรือเล่นแอซิด ฟังดูไร้แก่นสาร ขณะเดียวกันมันก็แสดงเป้าหมายถึงการเรียกร้องอิสรภาพและไม่ยึดติดกับวัตถุเงินทองได้ชัดเจนดี หากทั้งหมดเหล่านั้นคือสิ่งที่โฮปโหยหาเมื่อนานวันเข้า ไม่ว่าจะเป็นการได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทันสมัย รับประทานอาหารในภัตตาคารตามใจอยาก ดื่มด่ำกับบรรยากาศของตัวเมืองที่สงบเงียบกว่านี้มากบนยวดยานดีๆ สักคันในยามที่แสงธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงสังเคราะห์อย่างที่เคยเพลิดเพลินกับมันมาตลอด โฮปยอมรับว่าเธอมีความสุขกับการใช้ชีวิตหลักลอยและได้อยู่กับคนที่รักแบบนี้ไปทุกวัน แต่สุดท้ายความจำเจก็เปลี่ยนกลายเป็นความเบื่อหน่าย เซ็กซ์กลายเป็นแค่การระบายความใคร่ของพวกเขาทั้งสองฝ่าย หาใช่สิ่งที่เคยเต็มไปด้วยความรักอันมากล้นอีกต่อไป

    ดูเหมือนว่าฤดูร้อนแห่งความรักของพวกเขาจะจบสิ้นลงไปอย่างง่ายดายแบบนั้นเอง

     

    ในที่สุดโฮปก็ตัดสินใจจากอิซเซย์มาโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา เธอเพียงแค่ออกเดินเท้าไปเรื่อยๆ คิดว่าถ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยโบกรถสักคันที่ผ่านไปมา อย่างน้อยก็ขอให้ได้มีที่ซุกหัวนอนสำหรับค่ำคืนก็พอ

    โชคดีที่โฮปไม่ต้องรอนานขนาดนั้น เธอได้รู้จักกับหญิงแก่ร่างเล็กแต่ดูเทอะทะและทะมัดทะแมงด้วยเสื้อกั๊กกับกางเกงตัวหนาแบบผู้ชายในร้านอาหารข้างปั๊มน้ำมัน หล่อนนั่งถัดจากเธอบนเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ไปหนึ่งที่ ถามว่าเธอเป็นหนุ่มสาวที่มาเคลื่อนไหวที่ไฮต์-แอชบิวรีหรือเปล่า โฮปหัวเราะ ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าการเคลื่อนไหวของเธอจบลงแล้ว แต่ยังมีเพื่อนๆ อยู่ที่นั่นและเธอก็นับถือในอุดมการณ์อันแรงกล้าของพวกเขา...ซึ่งเธอมีไม่มากพอ อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้หล่อนอนุญาตให้เธอติดรถบรรทุกเที่ยวกลับจากส่งของมาด้วย หล่อนถามว่าอยากให้แวะส่งที่ไหน โฮปที่ไม่มีจุดหมายปลายทางแน่นอน (ตัดนิวยอร์กไปได้เลย) จึงตกลงใจตามหญิงแก่วัยหกสิบห้าที่แนะนำตัวว่าชื่อแอนนี่มายังเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุด คึกคักที่สุดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในรัฐหลุยเซียนา คลาคล่ำไปด้วยบทเพลงจากวงดนตรีสดที่อวลไปทั่วชั้นบรรยากาศ ฟังดูน่าตื่นตาจนโฮปแทบรอคอยที่จะได้เห็นเมืองบ้านเกิดของหล่อนที่ชื่อนิวบอร์โดซ์กับตาตัวเองไม่ไหว

    โฮปแยกจากแอนนี่ที่เฟรนช์วอร์ดอันเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ และมันก็สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเธอได้ตั้งแต่แรกพบทันทีแม้จะเป็นแค่ช่วงสาย แน่ใจเลยว่าถ้าล่วงดึกมันจะต้องยิ่งสว่างไสว เธอพกเงินสดหอบหนึ่งออกจากบ้านมาด้วยโดยใช้วิธีซุกเอาไว้ใต้พรมที่ปูรองบนแคมเปอร์แวนของอิซเซย์ เนื่องจากวิถีชีวิตแบบฮิปปี้ห่างไกลจากเรื่องวัตถุเงินทอง โฮปเลยไม่มีโอกาสได้หยิบมันออกมาใช้มากนัก นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้เธอเตรียมความพร้อมเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้จะไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอมาก่อนเลยก็ตามแต่ เธอเลือกเช่าโรงแรมสองชั้นแห่งแรกที่พบ สิ่งแรกที่ทำคือเข้าไปนอนแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ เปิดวิทยุเป็นเพื่อนร่วมห้องไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป ก่อนเปลี่ยนไปเป็นจอโทรทัศน์ในตอนที่ออกมานั่งเช็ดผมด้วยผ้าเช็ดตัวบนเตียงนอนกว้างแล้วเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อความมืดมิดปรากฏอยู่ภายนอกบานหน้าต่างแล้ว

    นิวบอร์โดซ์ครึกครื้นสมคำอ้างของแอนนี่จนน่าทึ่งใจ แค่เดินลงมาเธอก็แทบยิ้มไม่หุบจากแสง สี ดนตรี ผู้คน ประกอบรวมกันเป็นบรรยากาศอันน่าบันเทิงเริงใจ แต่หญิงสาวจากต่างเมืองจะยังไม่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวช่างเสาะสำรวจในวันแรกเนื่องจากกระเพาะที่เริ่มจะประท้วงหลังจากไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากแซนด์วิชง่ายๆ ก่อนออกจากโมเต็ลในช่วงรุ่งสาง เลยเพียงแค่เดินข้ามถนนเลยไปอีกนิดที่ภัตตาคารตรงหัวมุม สั่งหอยนางรมอบเนยและสมุนไพรที่ทำให้เธอเจริญอาหารเป็นอย่างมาก พออิ่มแล้วก็สั่งเบอร์เบินโคล่ามาอีกแก้ว ทว่าสุดท้ายก็ไม่ทันได้ดื่มเพราะเอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงอดีตคนรักที่เธอเป็นฝ่ายหนีมาเอง โฮปเชื่อว่าหน้าตาและคารมอย่างอิซเซย์คงจะมีสาวคนใหม่ในอ้อมกอดไปแล้ว ซึ่งก็ดี สาวฮิปปี้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันย่อมเหมาะสมกับเขามากกว่าคนจอมปลอมอย่างเธอที่ฉกฉวยผลประโยชน์จากมันเพียงเพื่อจะได้เข้าใกล้เขาเป็นไหนๆ

    เหมือนที่โฮปก็แอบหวังว่าเธอจะได้พบกับผู้ชายที่มีใจเดียวกันบ้างในเมืองที่เธอแน่ใจแล้วว่า...ตกหลุมรัก

    คิดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมา หยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาแตะขอบปาก ก่อนต้องเบ้หน้าเพราะรสชาติที่เจื่อนจางลงไป ในตอนที่ยืดตัวพยายามหันมองซ้ายขวาหาพนักงานเสิร์ฟ นัยน์ตาสีเข้มของเธอก็จะบังเอิญสบเข้าให้กับชายที่กำลังผลักบานประตูเข้ามาในร้าน มือไม้ของเธอโบกไหวไปมาเป็นเชิงทักทาย

    “โฮปเหรอ?”

    “สวัสดีค่ะ พี่นาโอกิ” ด้วยรอยยิ้มกว้างจากอารามตื่นเต้นเป็นที่สุด!

     


     

    ฮอลลิเดย์ กลินน์ ได้ยินเสียงกดกริ่งประตูหนึ่งครั้ง ขณะที่เธอเพิ่งจะนั่งดู เดอะ ไวลด์ ไวลด์ เวสต์ ไปได้ไม่ถึงห้านาทีดี ด้วยความที่ไม่ได้นิยมซีรีส์แนวเวสเทิร์นสักเท่าใดนัก แค่เปิดฆ่าเวลาระหว่างรอ เธอจึงไม่มัวอ้อยอิ่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์หรือตะโกนบอกให้แขกคนที่เธอก็รู้ว่าใครเข้ามานั่งเป็นเพื่อนด้วยกันก่อน นอกจากรีบร้อนกระเด้งตัวผลุง ลุกจากโซฟาไปกดปุ่มปิด แล้ววิ่งทั่กๆ ไปสวมรองเท้าแมรี่เจนสีเหลืองที่เข้าคู่กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกระโปรงลายตารางหมากรุกสีเดียวกันตัดสลับขาว ทั้งที่ยังไม่เสร็จดี มือเรียวบางก็จะเอื้อมไปจับลูกบิดประตู เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเผล่ให้กับชายหนุ่มที่เป็นต้องส่ายหัวกับการกระทำแบบปุบปับของเธอ แทนที่จะก้มลงไปรัดสายรองเท้าดีๆ กลับยืนกระต่ายขาเดียวจนซวนเซ ถ้าเกิดเธอล้มหน้าคะมำขึ้นมา เขาจะเบี่ยงตัวหลบโดยไม่ช่วยเสียให้เข็ด!

    ทั้งอย่างนั้น เมื่อหญิงสาวสวมรองเท้าทั้งสองข้างเสร็จดีแล้วเดินพ้นบานประตูออกมา ล็อกกุญแจบ้านเป็นการปิดท้าย ไทโช อิวาซากิ ก็กลับถอนหายใจอย่างโล่งอก หัวเราะขันเบาๆ ขณะเดินเคียงคู่นำเธอไปยังรถกระบะที่จอดรอโดยไม่ดับเครื่องอยู่หน้าบ้าน

    “จะรีบอะไรนักหนาแม่คุณ!”

    “ไม่ได้สิ” เธอแย้ง “ฉันเพิ่งจะได้มีโอกาสเข้าเมืองเป็นครั้งแรกทั้งที”

    “ฉันพาไปเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าเว่อร์นักเลยน่า”

    “เมื่อไหร่ก็ได้ที่หมายถึงถ้านายว่างจากงาน ไม่ใช่เมื่อไหร่ก็ได้ที่หมายถึงเมื่อไหร่ก็ได้ที่ฉันอยากไป” และเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นของเขาก็ทำให้ฮอลลิเดย์ต้องกลอกตามองบน

    รถสีเหลืองมัสตาร์ดของเขาอยู่ในสภาพเก่ากึ๊กเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน ต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในตอนกระชากบานประตูรถฝั่งข้างคนขับให้เปิดออก ครั้งแรกสุดที่ได้โดยสารติดไปกับรถคันนี้ เธอแทบไม่กล้าแตะต้องถึงเขาจะบอกให้กระชากมันแรงๆ พอขึ้นไปแล้วก็ดึงมันปิดดังๆ ได้เลย กว่าที่ฮอลลิเดย์จะทำใจให้ชินกับมันได้ก็เป็นเวลาอีกสามวันหลังจากนั้น เมื่อเธอเริ่มสนิทสนมกับลูกชายของเพื่อนสนิทบ้านเดวิสซึ่งหญิงสาวมาอาศัยอยู่ด้วยเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ได้แล้ว

    ไทโชทำงานขับรถบรรทุกให้กับบริษัทขนส่งสินค้าทั่วสหรัฐฯ เหมือนอย่างพ่อและคุณยายแอนนี่ของเขา ฮอลลิเดย์ได้พบไทโชเป็นครั้งแรกในตอนที่บ้านเดวิสจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวแทนการเลี้ยงต้อนรับหลานสาวจากเมืองหลวง โดยเชื้อเชิญคนรู้จักที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงให้มาสนุกด้วยกัน อาจด้วยความที่เธอไม่ค่อยเจอคนอายุไล่เลี่ยกันมากนักในชุมชนชนบทเล็กๆ แห่งนี้ แม้ไทโชจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักเธออยู่หน้าเตาว่า “คุณหนูจากนิวยอร์กทำบาร์บีคิวไม่เป็นหรือไง?” เพราะมัวแต่เหม่อลอยตามบทเพลงที่ส่งต่อมาจากลำโพงจนลืมพลิกไม้กลับด้านทั้งที่ไฟยังแรงอยู่ ถึงคำพูดคำจาจะคล้ายการยั่วเย้าชวนให้โมโห แต่ความตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนใหม่วัยเดียวกัน ก็มากพอให้เธอลืมความไม่พอใจไปเสียสนิท

    เขาทำให้ซินแคลร์ แพริชที่เธอชื่นชมในความน่าอยู่นับตั้งแต่แรกพบเป็นมิตรขึ้นมามากเลยทีเดียว

    เมื่อไหร่ที่ว่างเว้นจากงาน ไทโชก็จะแวะมารับเธอไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารจานเนื้อโรเบอร์โดซึ่งคุณน้าของเธอทำงานอยู่ บางวันก็พาไปดื่มที่บาร์หรือฟังเพลงเต้นรำกันสนุกๆ ที่แดนซ์ฮอลล์จนถึงสองยาม ถึงชีวิตที่นี่จะไม่ได้หรูหราหรือว่าสุขสบายเหมือนอย่างที่เธอเคยมีในนิวยอร์ก หากความสุขกับอิสรภาพที่ได้รับนั้นมากกว่ากันอย่างเทียบไม่ติด

    ฮอลลิเดย์ถูกระเห็จจากนิวยอร์กที่อาศัยอยู่มากว่าครึ่งชีวิต หลังจากที่แม่เปิดห้องมาเห็นเธอกับน้องชายแต่ในนามนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงโดยไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว หล่อนไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น ถึงคำแก้ตัวเดียวที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยก็คือเธอชวนฮิดากะที่แวะมาเอาของให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วยกัน พอเริ่มกึ่มขึ้นมาเลยปล่อยให้อารมณ์พาไปโดยไม่มีใครคิดจะหยุด หล่อนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตบหน้าลูกสาวในไส้พร้อมกับคำผรุสวาทเป็นภาษาบ้านเกิดซ้ำๆ จำพวกผู้หญิงไร้ราคา ทำตัวหน้าไม่อาย จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้น้องสาวอายุสิบสอง จนพ่อเลี้ยงต้องเข้ามาปรามด้วยการพาตัวหล่อนที่พยายามยื้อยุดออกไปสงบสติอารมณ์ ถึงหล่อนจะปลูกฝังค่านิยมการรักนวลสงวนตัวแบบไทยให้เธอยึดถือมาตลอด ฮอลลิเดย์ก็ไม่เคยมองเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องใหญ่ เว้นแต่ถ้าหล่อนจะหยิบยกเรื่องการหลับนอนกับน้องชายต่างสายเลือดขึ้นมานั่นก็อีกเรื่อง ฮอลลิเดย์จึงรู้สึกลิงโลดมากกว่าเสียใจ เมื่อแม่บอกว่าเธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองแปลกหน้าซึ่งเธอเคยได้ยินแค่เพียงผ่านหู กับโปสต์การ์ดที่ถูกส่งมาแค่เพียงผ่านตานานๆ ครั้ง จากคุณน้าที่ย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีที่เป็นนายอำเภอตั้งแต่ห้าปีก่อน โดยไม่มีการส่งเสียเลี้ยงดูมากไปกว่าเงินรายเดือนไม่กี่ร้อยที่จะส่งผ่านผู้ปกครองคนใหม่ไปให้เท่านั้น

    น้าเจนและลุงจิมเต็มอกเต็มใจให้เธอมาอยู่ด้วย แถมไม่ได้ต่อว่า เด็กใจแตก อย่างที่แม่ใส่ไข่อย่างฉุนเฉียวผ่านคลื่นโทรศัพท์ทางไกลให้น้องสาวฟัง เป็นแม่ของเธอเองต่างหากที่จะถูกน้าเจนบ่นใส่เรื่องการเลี้ยงดูแบบผิดๆ ปิดกั้นเรื่องเพศทั้งที่เธอโตพอจะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ไหนจะไม่ยอมให้เธอออกไปหางานทำสักทีทั้งที่เรียนจบมาแล้วตั้งหลายเดือน ฮอลลิเดย์หัวเราะคิกคัก ผสมโรงไปด้วย ไม่แปลกใจที่เธอนึกชอบน้าเจนที่มีความคิดแบบอเมริกันชนและดูเข้าอกเข้าใจวัยรุ่นมากกว่าแม่มาตลอด

    ซินแคลร์เป็นชุมชนเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย หากฮอลลิเดย์ไม่คิดว่าอยากทำปศุสัตว์หรือเป็นพนักงานเสิร์ฟรับเงินเดือนและค่าทิปจำนวนน้อยนิดอย่างน้าเจน เธอแน่ใจว่าถ้าข้ามสะพานไปยังเมืองท่าสำคัญที่มีชื่อว่านิวบอร์โดซ์แล้วล่ะก็ จะต้องมีโอกาสมากมายคอยท่าอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน

    แต่ยังก่อน ฮอลลิเดย์คิด เธอจะรอให้งานมาร์ดิกราส์ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ตามคำบอกเล่าของไทโชผ่านพ้นไปก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นหางานและที่พัก แม้ว่าครอบครัวเดวิสจะเมตตาเธอราวครอบครัวเดียวกัน ฮอลลิเดย์ก็ไม่เห็นว่าควรทำตัวเป็นภาระให้พวกเขาที่กำลังจะมีสมาชิกใหม่ในอีกไม่ถึงเจ็ดเดือน บ้านของพวกเขาไม่ได้ใหญ่โตเหมือนคฤหาสน์กลินน์ซึ่งนายธนาคารเสกสรรบันดาลให้ที่นิวยอร์ก การอยู่อาศัยรวมกันสี่คนจะก่อให้เกิดความแออัดในภายหลัง เธอปรึกษาเรื่องนี้กับพวกเขาแล้ว และพวกเขาก็ไม่คัดค้านหากว่าเธออยากจะออกไปอยู่คนเดียวขึ้นมา

    เพราะอย่างนั้นคุณน้าก็เลยจัดแจงให้ไทโชเป็นธุระพาหลานสาวไปเปิดหูเปิดตาที่นิวบอร์โดซ์ล่วงหน้า โดยไม่มีอาการหวงหรือว่าห่วงเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังแอบกระซิบคุยกับเธอเป็นภาษาไทยเสียอีกว่า “จะกลับตอนเช้าก็ได้นะ” ที่ทำเอาฮอลลิเดย์สำลักสเต๊กเนื้อที่เพิ่งจะผ่านลงคอไปเป็นการใหญ่ ด้วยเข้าใจในความหมายของหล่อนดี

    “น้าเจน!”

    มือที่เงื้อง่าไม่ทันหล่อนที่เดินหัวเราะกลับเข้าไปหลังร้านแล้ว

     

    คงเพราะคำพูดของคุณน้า ฮอลลิเดย์เลยอดไม่ได้ที่จะเผลอลอบมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มหลังพวงมาลัย ซึ่งกำลังฮัมตามบทเพลงป็อปและคันทรีที่เล่นอยู่ในคลื่น WBYU ที่พวกเขาต่างก็นิยม บางครั้งก็จะเคาะนิ้วหรือโยกตัวอยู่หลังพวงมาลัยด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ไทโชที่ฮอลลิเดย์รู้จักก็เป็นแบบนี้ ถึงจะทำงานหนักเขาก็ไม่เคยแสดงความเหนื่อยล้าหรือเบื่อหน่ายออกมาให้ได้เห็นเลยสักครั้ง อย่างเช่นสองสามวันก่อนที่เขาต้องไปส่งของไกลถึงโคโลราโด กลับถึงบ้านเอาก็ตอนเกือบๆ รุ่งสางของวันนี้ ฮอลลิเดย์เกรงอกเกรงใจเขาจนคิดว่าเปลี่ยนแผนการเที่ยวเป็นวันอื่นที่สะดวกกว่านี้ก็ได้ แต่ไทโชก็บอกว่าไม่เป็นไร เอาตามนัดหมายเดิมนั่นแหละ

    “นิวบอร์โดซ์จะยิ่งมีเสน่ห์ในตอนกลางคืน” เขาว่ามาอย่างนั้น

    การได้นั่งกินลมชมวิว รับลมเย็นสบายในยามค่ำคืน เคล้าคลอไปกับบทเพลงแนวที่ชอบและคนที่รู้ใจถือเป็นความฝันของหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในกรงทองมาตั้งแต่ยังจำความแทบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

    ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นาน ฮอลลิเดย์ก็สามารถเรียกไทโชว่าเป็น เพื่อน ได้อย่างเต็มปาก

    แต่หากจะให้ขยับไปเป็น แฟน อย่างที่น้าเจนแอบเชียร์อยู่ก็ดูจะเป็นไปได้ยาก...ไม่หน่อย!

    จริงอยู่ว่าไทโชเป็นผู้ชายรูปหล่อ หน้าตาดี นิสัยดี พูดจาก็สนุก มีมุกตลกมาเต็มกระเป๋า ขนาดรสนิยมด้านดนตรีก็ยังตรงต้องกับเธอจนไม่มีอะไรให้ต่อว่าได้ ถึงเขาอาจเป็นพวกพูดจาห่ามๆ จนดูเหมือนไม่ค่อยได้กลั่นกรองไปบ้าง แต่เธอจะไม่ตัดสินเขาในเรื่องนั้นเมื่อดูกันที่เจตนา อีกทั้งอาชีพคนขับรถบรรทุกที่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย เทียบกับครอบครัวของฮอลลิเดย์ที่นิวยอร์กยิ่งแล้วใหญ่ แม้ลองบวกลบกันแล้วก็ยังถือว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือฮอลลิเดย์ยังไม่เกิดความรู้สึกที่เรียกว่าชอบในแบบของคนรัก ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นรัวแรง อยากอยู่ใกล้ชิด หรือว่าสัมผัสเขาให้มากกว่านี้

    “จะจ้องกันอีกนานไหม?”

    คนที่เชื่อว่าตัวเองแนบเนียนดีเลยสะดุ้งเฮือกจนตัวโยนเมื่อถูกจับได้

    “ป...เปล่าสักหน่อย!”

    ทำทีเป็นกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนเป็นเท้าศอกข้างหนึ่งกับขอบหน้าต่างที่บานกระจกถูกหมุนลงจนสุด ปล่อยให้สายลมเย็นจากริมแม่น้ำที่รถกำลังขับเลียบผ่านพัดโพยเข้ามา อากาศก็ดี บรรยากาศก็เป็นใจ เมื่อเพลง เดอะ เซอร์เคิล เกม ของบัฟฟี เซนต์-มารีกำลังเริ่มต้นเล่นจากวิทยุ เธอก็ผสานเสียงหัวเราะและขับขานมันไปกับไทโชด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข











    2024年09月13日
    _______________
     ฟิคแอบยัดไส้เหมือนบุหรี่มวนกัญชา >_< ที่แอบหยิบมาแปลงตั้งแต่ตอนได้ดูเทรเลอร์มาเฟีย 4 อิตาลี ซิซิลี แล้วไหนเอ่ยไวท์โลตัสกู พูดมาสองสามปีแล้ว กูควรพอได้แล้วไหมเอ่ยเพราะแปลว่าจะไม่มีวันนั้นยังไงล่ะ! / และหลีกทางให้กับบิโชเน็น ver. ที่เปิงมาก เปิงหมด ฟีลละครห้อง เล่นกันเองในห้องนี่แหละ อ่านกี่ทีก็ชอบฉากในเกม ชอบนิวบอร์โดซ์ ชอบฟามเป็นยุค 60s มากๆ สีสันจี๊ดจ๊าดจัดจ้าน ขนาดเพลงยุคนั้นยังม่วนเลย ถ้าให้เลือกยุคเก่ากูจะเลือกยุคนี้แหละ พล็อตก็ดี อะไรก็ดี เวิ่นเว้อ(ไม่)หน่อยแต่ก็เป็นตัวกูในยุคนั้นที่ภาษาดีมาก เสียดายที่ไม่ได้แต่งต่อสมัยที่ไฟแรงเฟร่อมาก U_U เนี่ยละชอบสมัยที่แต่งฟิคจากเกมจากหนังมากๆ หาข้อมูลอะไรโคตรสนุก กล้าพูดด้วยว่าฟิคที่แต่งในเอยูเกมมาเฟียนี้ดีมาก ดีทุกเรื่อง ขนาดหลายเรื่องมีแค่ตอนต้นยังรู้เลยว่าดีจริง ข้อมูลเกมเป๊ะจริง หนัง เพลง แฟชั่นหรืออะไรก็ยุค 60s จริง ไม่มั่ว ไม่ต้องอวดด้วยว่าหาข้อมูลนานเพราะทุกคนก็หาหมดแหละ ไม่หาจะเอาไหนมาแต่ง ใครมันจะจำทุกอย่างทุกเรื่องได้หมด ฟังคุณโม้นะ
    ★ กูยังจำพล็อตได้อยู่เลยว่ะว่าพระเอกคู่โฮปจริงๆ คือเจ้าของเมืองและเจ้าของคาสิโนที่หล่อมากรวยมาก (ถ้าเวอร์นี้ต้องฮิดะเดสเหรอ โยนให้เล่นบทน้องฮอลลิเดย์ไปละ บรัยนะ) และพระเอกจะมีพี่น้องต่างแม่อีกสองคน ทุกคนจะเกี่ยวพันกับโฮปหมด อย่างพี่ชาย (ก็บทนาโอกินี่แหละ) คือคนที่คอยให้คำปรึกษา ส่วนน้องชายก็คือบทของอิซเซย์นี่แหละ เดี๋ยวก็ตามมาเจอที่นี่อีกคนจ้าา / ส่วนฮอลลิเดย์จะได้ทำงานในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนเรื่อง Mad Men ที่กูเคยแปลลงไอฟลิกซ์โว้ยยย สมัยเข้าวงการแปลใหม่ๆ ที่โดนด่าว่าแปลผิดเยอะเพราะศัพท์ยากชิบหาย ยังไม่เก่ง แน่จริงลองมาตอนนี้ อย่าถือสาว่ามาตั้งบริษัททำบ้าอะไรที่นิวบอร์โดซ์ กูแค่อยากแต่งฉากที่นี่เฉยๆ ไม่ใช่เพราะโง่ไม่รู้ว่าควรเป็นนิวหยอกจ้ะ ส่วนพระเอกก็เป็นลูกน้องพระเอกของโฮปอีกที ถ้าเป็นตอนโน้นบทไทโชได้กิ๊กกั๊กกับฮอลลิเดย์ด้วยนะ ส่วนตอนนี้... (กูกำมีดรอ)
     ชื่อเรื่องดัดแปลงมาจาก Lovecraft Country ที่ก็อยู่ในยุคราวๆ 5-60s เหมือนกัน (เสียดายเนาะ ซีรีส์ตอนแรกเปิดมาโคตรดี พอดูๆ ไปก็ แหะๆๆ กูมึงยังเลิกดูก่อน) ส่วนฉากของโฮปอยู่ในเดือนกันยายน 1967 ฉะนั้น Summer of Love ต้องมา ส่วนตอนที่โฮปมานิวบอร์โดซ์และฮอลลิเดย์เข้าเมืองคือวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 1968 ถ้าไม่เชื่อไปดูตารางได้เลยว่าวันนั้นมีเรื่อง The Wild Wild West ฉายจริงไหม ทำไมงานละเอียดจังวะเนี่ย เห้อเบื่อๆๆ
    ★ ปล. ขอบคุณไทโชที่ตัวใหญ่ บุคลิกไม่ดี ท่าทางกุ๊ยๆ เหมาะกับลุคบ้านนอกบ้านนา ได้กับฟิวอเมริกันทรัคสิมูเลเต้อมากๆๆ และพี่ฟูจิอิจากบุไตเรื่องอะไรวะ ลืมชื่อ ที่เล่นเป็นสมาชิกแก๊งยากุส้าที่หร่อมากฮร่ะ T/|\T 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×