คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #285 : Psychic Wound
หลังจากปลายคัตเตอร์แหลมคมถูกกรีดลงไปบนผิวเนื้อ ปล่อยให้เลือดสีชาดค่อยๆ ไหลซึมตัดกับข้อมือสีขาวผ่องซึ่งมีร่องรอยของบาดแผลที่ทั้งสดใหม่และเก่าจนเกรอะกรัง เมื่อนั้นเธอจึงรู้สึกถึงอ้อมแขนซึ่งโอบรัดจากด้านหลัง ก่อนริมฝีปากจะแตะลงบนกลุ่มผมที่ยุ่งเหยิง ลากไล้ลงมาตามกรอบขมับ กดย้ำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นกระทั่งเธอจะทิ้งตัวลงบนเตียง พาร่างของเขาให้ร่วงหล่นลงไปเป็นเบาะรองรับ เรียกเสียงหัวเราะเมื่อเขาจะพลิกตัวขึ้นมา กอบประสานมือทั้งสองข้างกับเธอที่ตอบรับมัน นัยน์ตาสีหม่นราวกับเว้าวอนในยามทอดมองเขาผ่านแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกรอบหน้าต่างและผ้าม่านไสวเข้ามา เขารู้ความปรารถนาของเธอโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก เมื่อโน้มตัวลงไปแตะริมฝีปากที่สั่นไหวอยู่ตลอดเวลาเหมือนเด็กสาวผู้ไร้เดียงสาแม้ความจริงจะไม่ใช่ ขบละเลียดอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เธอจะยินยอมให้เขาได้ครอบครองความเฝื่อนปร่าที่ภายใน โดยไม่ได้สนใจต่อกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ชวนเอียนเหล่านั้นเลย
ความปรารถนาผสานไปกับร่างกายที่บดเบียดจนรู้สึกถึงความแนบชิดผ่านผืนผ้าที่คั่นระหว่างกลาง หลังจูบปลอบประโลมอันเนิ่นช้าแต่มากล้นด้วยความหมายจบสิ้นลง เขาก็ปลดชุดกระโปรงในสภาพที่ยับย่นอยู่ก่อนแล้วออกไปให้พ้นตัวเธอ ผิวสีขาวมีร่องรอยของจ้ำสีเขียวเป็นวงๆ และรอยแผลนับไม่ถ้วน สภาพของมันน่าสมเพชไม่ต่างจากที่มา หากจุมพิตที่เขาแตะลงไปอย่างไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย ก็คล้ายดั่งยาวิเศษที่ช่วยรักษา
เช่นเดียวกับตัวตนเมื่อเขาหลอมรวมเป็นหนึ่ง เธอก็เชื่อว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร
แม้จะต้องแหลกสลายอีกกี่ครั้งก็ตาม
ชีวิตที่เคยปกติสุขของลินนาพลิกเปลี่ยนไปในวัยเพียงแค่สิบเจ็ด
แม่ที่เลี้ยงดูเธอตัวเป็นเกลียวหลังจากสูญเสียคนรักไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ได้พบกับคนขับรถบรรทุกซึ่งแวะเวียนมายังไดเนอร์ซอมซ่อที่หล่อนทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งความสัมพันธ์ของคนแปลกหน้าจะงอกเงย พร้อมกับทะเบียนสมรสและสถานะใหม่อย่างเป็นทางการให้สังคมรอบข้างได้รับรู้ เขาอาจไม่ได้ร่ำรวยขนาดพลิกชีวิตเธอกับแม่ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็เติมเต็มหน้าที่ทั้งในฐานะสามีที่ดีของแม่และพ่อเลี้ยงที่ดีของเธอ ในเมืองอุตสาหกรรมแปลกหน้าคนละฝั่งบ้านเกิดเมืองนอน ที่ลินนาคิดว่ามันจะต้องเป็นไปด้วยดีเฉกเช่นกัน
แต่แค่วันเปิดเทอมแรก ลินนาก็จะถูกถูกกลุ่มดาวเด่นผู้มีอิทธิพลประจำโรงเรียนพากันรวมหัวต่อต้านพร้อมกับคำซุบซิบที่ลอยตามลมมาว่า “นี่ไง ลูกเมียใหม่ของบ้านมาซาคาโดะที่แม่นางไปแย่งผัวคนอื่นเขามาน่ะ” ด้วยต้นเหตุจากแค่ข่าวโคมลอยที่พวกหล่อนจูงจมูกคนทั้งโรงเรียนเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าเธอจะอยากพยายามแก้ตัวแทนข่าวบ้าๆ ที่หาต้นสายปลายเหตุไม่เจอแค่ไหน ก็ไม่มีใครที่สนใจจะรับฟัง ลินนาได้แต่ทนกล้ำกลืนอยู่กับความอึดอัดของเมฆหมอกอึมครึมในชั้นบรรยากาศที่มีชื่อว่า ‘บ้านหลังที่สอง’
และเมื่อกลับมายัง ‘บ้านหลังที่หนึ่ง’ เชื่องช้ากว่าเวลาหลังเลิกเรียนที่เธอต้องแวะไปห้องพยาบาลก่อนเพราะหัวเข่าที่ถูกรถจักรยานเฉี่ยวชน พาร่างแบบบางให้ซวนเซกระแทกลงไปบนพื้นถนนเต็มแรง พร้อมกับเสียงหัวเราะและใบหน้าเย้ยหยันของพวกหล่อนที่ยังคงบาดแก้วหู ลินนาก็จะได้พบกับลูกชายของพ่อเลี้ยง ผู้เป็นเจ้าของน้ำเสียงและรอยยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้าซึ่งเอ่ยปากต้อนรับเธอในตอนที่ทั้งสองฝ่ายพาลูกๆ มาพบหน้ากันว่า “ยินดีต้อนรับ น้องสาวคนใหม่” ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนเสียจนช่วยคลายความกังวลใจให้แก่เธอได้กำลังนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเพราะย้ายออกไปอยู่กับแม่ที่บ้านญาติห่างออกไปแค่สามซอย แต่ก็ยังสามารถเข้าออกบ้านหลังเดิมกับห้องนอนชั้นบนสุดทางเดินที่ยังคงมีป้ายชื่อของเขาแขวนอยู่ได้อย่างอิสระ ลินนาไม่ทันได้สังเกตว่าคำพูดแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้ของพี่ชายที่อายุห่างกันแค่สองวันจะมาพร้อมกับรอยยิ้มบิดเบี้ยว ก่อนมือที่จับไหล่อันสั่นเทาเพื่อปลอบโยนถึงก่อนหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นแรงกดบีบไม่ต่างอะไรจากคีม หากเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของลินนาก็ไม่ได้ทำให้เขาทอนแรงลงแต่ประการใด
ร่างของเธอถูกกระชากลงมาบนพื้น ความไว้เนื้อเชื่อใจพังทลายลงไปกับใบหน้าและน้ำเสียงอันเย็นชาที่ว่า “ซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอสมควรโดนแบบนั้นแล้วเพราะนังแม่แพศยาของเธอแย่งพ่อไปจากแม่ฉันจริงๆ ไม่ใช่หรือไง” กับริมฝีปากที่กดลงมาให้ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่สนใจแม้รสคาวเลือดจะไหลเข้าไปในโพรงปาก แรงกดที่สันกรามบีบให้เธอต้องอ้าปากและพยายามหอบเอาอากาศหายใจ หากมีเพียงความชื้นที่ล่วงล้ำ เมื่อพยายามจะดิ้นหนี เขาก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยกำปั้นลงบนลำตัวจนเธอสิ้นไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้คนที่คิดว่าเป็น 'พี่ชาย' กระทำย่ำยีกับร่างกายด้วยความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์ที่รู้สึกได้เพียงเท่านั้น เขาไม่ได้ห้ามเธอป่าวประกาศเรื่องนี้กับใคร เพียงแค่หัวเราะเยาะหยันว่าไม่มีใครเชื่อลงหรอกว่าชายเจ้าของรอยยิ้มผู้เป็นที่รักอย่างเขาจะทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ ลินนารู้ดีว่าเขาพูดถูก และเธอก็ไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ต้องพังลงเพราะเรื่องของลูกๆ ที่เกลียดชังกัน...เพราะเรื่องเล็กน้อยของตัวเอง
หลังจากวันนั้น โยชิก็แสร้งทำเป็นดีกับเธอด้วยการเข้าหา หยุดการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในโรงเรียนภายในระยะเวลาแค่หนี่งวัน กระนั้นบรรยากาศที่หนักอึ้งก็ไม่ได้เบาบางลงไปเลย ทั้งจากตัวเขาที่พยายามฉวยโอกาสจากเธอโดยไม่สนใจคำยินยอมในทุกเวลาที่ทำได้ ไหนจะพวกผู้หญิงที่ทั้งนิยมชมชอบเขาไม่ก็เกลียดชังเธออยู่ก่อนแล้วด้วยเรื่องอะไรก็ตามแต่ ลินนาอดทนกับความอดสูเช่นนั้นมาได้หนึ่งเดือน ก่อนเส้นเชือกที่เหนี่ยวรั้งเธอกับโลกใบแสนโสมมนี้จะขาดผึง เมื่อกดปลายแหลมคมลงไปบนข้อมือด้วยความไม่มั่นคงเป็นครั้งแรก
นั่นเป็นครั้งแรกที่ลินนาได้พบกับ...เขา
ลินนาไม่ได้ตกใจต่อการปรากฏตัวของชายชุดดำ ตัดกับเรือนผมสีทองหม่นและผิวสีขาวจัดเหมือนจะมองทะลุผ่านไปได้ที่ลงมานั่งในอ่างอาบน้ำด้วยกัน ส่งแรงดันน้ำให้กระฉอกกับเสื้อผ้าสวมใส่ให้เปียกปอน ถึงริมฝีปากสีซีดจะเอ่ยถามว่า “คุณเป็นใคร?” ก็ด้วยความใคร่รู้เพียงเท่านั้น
“ฉันชื่อคุโรดะ” นั่นคือคำตอบของเขา
เขาอาจเป็นยมทูต เป็นภาพลวงตา หรืออาจเป็นฆาตกรที่มีตัวตนอยู่จริงและแอบลักลอบเข้ามาในบ้านที่มีแค่เธออยู่ก็ได้ หากไม่ว่าความจริงจะเป็นอะไร ลินนาก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอที่เอนศีรษะพิงพาบกับกำแพงจดจ้องมองดูชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวรูปปั้นแกะสลักค่อยๆ ขยับเคลื่อนใกล้ ทรวงอกภายใต้ชั้นในและเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งชุ่มโชกกลับมาขยับไหวอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่เนิบช้านั้น ทั้งที่ลินนาเคยนึกว่าจะหวาดกลัวมันไปตลอดชีวิตที่เหลือแล้วแท้ๆ
ชายชุดดำผู้นั้นไม่เคยให้คำตอบว่าตนเองเป็นใครและมาจากไหน เมื่อไหร่ที่เธอกรีดคมมีดลงบนข้อมือเพื่อนับวันคืนอันโหดร้ายเหล่านี้ เขาก็จะปรากฏตัวขึ้นมาจากความมืดมิด หรือเมื่อนัยน์ตาลอยเหม่อของเธอไม่ทันได้สังเกตเห็น เพื่อมอบสรวงสวรรค์ยามค่ำคืนให้หลบเร้นหนีหายไปจากนรกบนดิน เธอเสพติดทั้งความเจ็บปวดบนข้อแขน และสัมผัสที่เปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอมอย่างที่โยชิไม่เคยมอบมันให้เลยสักครั้ง เขาจะโอบกอดเธอไว้ตลอดทั้งค่ำคืน พร่ำคำรักราวกับบทเพลงขับกล่อม ส่งเธอเข้าสู่ห้วงภวังค์ที่ไม่มีทั้งสิ่งร้ายหรือดีจะมาแผ้วพาน
ขอแค่มีคุโรดะ...ลินนาก็คิดว่าจะสามารถผ่านพ้นนรกในทุกๆ วันไปได้
แม้แต่การกระทำอันน่ารังเกียจของลูกติดพ่อเลี้ยง ลินนาก็สามารถอดทนได้ แล้วทำหน้าที่เหมือนตัวเองเป็นแค่ตุ๊กตายางที่ไร้ปากเสียงและไร้หัวใจ เพราะรู้ว่าอย่างไร คุโรดะก็จะช่วยลบเลือนทุกอย่างให้เอง
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนย่ำค่ำของวันสุดสัปดาห์หนึ่ง ขณะเธอกำลังนอนเล่นเกมอยู่บนห้องด้วยความสบายใจที่ไม่ต้องไปโรงเรียนเพื่อเผชิญหน้ากับปีศาจตนใดทั้งนั้น พลันรอยยิ้มสดใสก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าตื่นตระหนก ในตอนที่ได้มองเห็นว่าใครหมุนลูกบิด ผลักบานพับประตูให้อ้าออก แล้วย่างสามขุมเข้ามาหา ฉวยเอาเครื่องเกมในมือเธอเขวี้ยงลงไปบนพื้นอย่างรุนแรงจนจอยคอนเกลื่อนกระจาย โชคร้ายเมื่อบทเพลงจากลำโพงข้างหัวเตียงเฉกเช่นเดียวกับเสียงทีวีต่อเครื่องสเตอริโอในห้องนั่งเล่นดังสนั่นคงกลบกลืนพิรุธไปจนหมดสิ้น ความคิดที่จะกระโดดลงจากเตียงแล้วหนีลงไปชั้นล่างไม่ไวไปกว่าฝ่ามือที่กดบีบลงไปบนข้อแขนซึ่งยังมีแผลกรีดสดใหม่จากเมื่อคืนวาน เธอนิ่วหน้า ก่อนถูกกระชากตัวหวือขึ้นนั่งลงบนตัวเขา
เธอรู้สึกได้ถึงอวัยวะที่เบื้องล่างซึ่งเขาจงใจขยับกึ่งกลางของเธอให้เสียดสีกับมัน แม้ริมฝีปากจะวาดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหมือนกับเมื่อครั้งแรกพบ แต่ทั้งการกระทำและถ้อยคำที่ตามมาก็ทำให้ลินนารู้ว่ามันคือเรื่องเพ้อฝันทั้งเพ
“ทำสิ”
“ไม่”
“ถ้าเธอไม่ทำ งั้นก็เตรียมตัวรอพ่อฉันกับนังนั่นขึ้นมาเห็นเราสองพี่น้องมีอะไรกันได้เลย”
น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลให้กับผู้ชายคนนี้อีกแล้วรื้นอยู่ตรงขอบตาร้อนผ่าว ถึงพยายามกดกลั้นไว้ก็ไม่เป็นผลเมื่อมันหยดเป็นทางยาวลงมาตามพวงแก้ม ในตอนที่เธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มโดยที่เขาไม่สนว่าเธอจะพร้อมหรือไม่ หรือว่าเขาจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากแค่ไหน เขาให้เธอเป็นคนเดินเกมทุกอย่างและช่วยไม่ได้ที่มันจะทำให้เธอรู้สึก เป็นครั้งแรกที่ลินนานึกรังเกียจปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อผู้ชายคนที่เกลียดอย่างหน้าไม่อาย เขาสั่งให้เธอส่งเสียงร้อง สั่งให้เธอเสร็จและทำให้เขาปลดปล่อย ก่อนที่จะเหยียดหยันว่าสุดท้ายเธอก็หนีจากสัญชาตญาณดิบของตัวเองไม่พ้นถึงจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่วันยังค่ำ
เธอรังเกียจตัวเองในแบบนั้นและไม่มีหน้าจะไปพบกับคุโรดะด้วยความละอาย
ขณะที่การล่วงละเมิดของโยชิเริ่มหนักข้อและไร้ยางอายขึ้นทุกวันๆ เขาไม่ยอมให้เธอเป็นแค่ตุ๊กตายางที่ไม่มีปากมีเสียงอีกแล้วถึงหัวใจจะพังยับเยิน ลินนาใช้เวลาอาบน้ำคราวละนานขึ้นและขัดถูร่องรอยตามเนื้อตัวที่ไม่มีสิ่งใดมาช่วยบรรเทาได้อีกต่อไป จำนวนรอยกรีดบนข้อมือไม่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น ต่อให้ลินนาอยากพานพบความมืดมิดของค่ำคืนมากแค่ไหน ก็มีเพียงความเจิดจ้าของดวงอาทิตย์เท่านั้นที่บดบัง
∞
เสียงหนวกหูของดนตรีกระหึ่มและแสงไฟนีออนพริบพร่าภายในบ้านหลังใหญ่ที่มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากมารวมตัวกันฉลองปาร์ตี้วันเกิดให้แก่หนุ่มนักเทนนิสประจำโรงเรียนของคืนวันเสาร์ที่เธอถูกโยชิฉุดกระชากลากมาจากเตียงทำให้ลินนารู้สึกพะอืดพะอม ครั้นคว้าแก้วเครื่องดื่มสีใสที่คิดว่าเป็นน้ำเปล่ากรอกลงคอไปก็ยิ่งแทบจะอาเจียนเมื่อรู้สึกถึงรสขมจัดและร้อนวูบในช่องท้อง โยชิถูกกลุ่มสาวๆ ที่หลงใหลได้ปลื้มเขาคว้าตัวไปแล้ว ลินนาจึงได้มีโอกาสวิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อไปขย้อนเอาน้ำย่อยออกมาโดยไม่จำเป็นต้องอ้าปากอธิบายให้ใครฟัง
ครั้นเงยดูใบหน้าขาวซีดของตัวเองในกระจก ภาพความทรงจำเก่าๆ ก็ค่อยๆ หวนย้อนกลับคืนมาราวกับวินาทีสุดท้ายของคนตาย เด็กสาวคนที่เคยมีรอยยิ้มและมีความสุขกับชีวิตอันแสนจะเรียบง่าย คนที่มีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าสาวเดือนหกกับกลุ่มดอกไม้ที่โปรยปราย มีความรัก คนรัก มิตรที่รัก กับครอบครัวที่รักตลอดไป ทว่าบัดนี้กลับมีเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ คิดถึงข้อความจริงนั้นขึ้นมา เธอก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะยุติมัน ก่อนที่ทุกอย่างจะแตกสลายลงไปจนไม่อาจเรียกกลับคืนได้อีก
แต่เมื่อก้าวขาออกไป เธอก็จะถูกรายล้อมด้วยกลุ่มนักเรียนชายตัวโตที่ลินนาจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของโยชิ พวกเขามองดูเธอด้วยสายตาสื่อความหมาย ก่อนคำพูดจะย้ำชัดต่อเจตนาอุบาทว์เสียอีก
“นี่มันน้องสาวของไอ้โยชิที่เคยไปมีอะไรกันในห้องเก็บอุปกรณ์ไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ฉันเคยเห็นในห้องสมุดนะ”
“คงเอากันไปทั่วโรงเรียนแล้วมั้ง”
“ถ้าเธอมีอะไรกับพี่ชายตัวเองได้ ก็น่าจะมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นได้เหมือนกัน ใช่มะ?”
“เราทำให้เธอร้องได้ดังกว่าไอ้หมอนั่นอีกนะ”
“ไม่อยากลองโฟร์ซั่มบ้างเหรอ? รับรองว่าเธอต้องติดใจแน่”
ลินนาพยายามจะเดินหนีคำพูดหยาบโลนเหล่านั้น แต่แรงของผู้ชายที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอถึงกว่าสามคนก็ยากที่เด็กสาวจะต้านทานได้ หนึ่งในนั้นดึงแขนเธอเข้าไปในห้องนอนใกล้ที่สุดแล้วเหวี่ยงร่างแบบบางลงไปสุดแรง ความเจ็บปวดทั้งที่กายและใจอาจพุ่งสูงขึ้นในระดับที่เทียมเท่ากัน มีเพียงความสิ้นหวังในตอนที่เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากออกจากตัว ก่อนสัมผัสที่น่าขยะแขยงจะปัดป่ายไปตามเนื้อหนังส่วนที่เปิดเผย
เธอที่สกปรกและแปดเปื้อนจนแม้แต่ตัวเองยังไม่อาจทนรับไหวคงไม่มีหน้าจะไปพบกับเขาได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะในสรวงสรรค์หรือนรกสุดหยั่งที่เธอกำลังจะได้เผชิญ จึงทำได้เพียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วผิวว่า “ขอโทษนะ คุโรดะ”
สิ่งต่อมาที่รู้คือความเบาหวิวเมื่อน้ำหนักกดทับถึงก่อนหน้าจะพลันหายไป ตามมาด้วยเสียงสิ่งของหนาหนักที่กระแทกกับพื้นไม้ และเมื่อค่อยๆ ลืมนัยน์ตาขึ้นเปิด ลินนาก็จะรู้สึกได้ถึงความเหนอะหนะที่พุ่งเข้าสาดใบหน้าและตามเนื้อตัว ความหวั่นพรั่นทำให้เธอรีบยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ถอยแผ่นหลังไปพิงชิดกับกำแพงอันเย็นเยียบ กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นจมูกและคล้ายกับว่าจะแจ่มชัดขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองเห็นร่างทั้งสามที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
“ทำไมต้องให้ฉันรอนานขนาดนี้ด้วยนะ ลินนา?”
เป็นเสียงที่เธอคะนึงหาและยังคงเล่นวนเวียนอยู่ในความฝันซ้ำๆ หากทว่าบัดนี้คือตัวเขาจริงๆ ที่คลานขึ้นมาอยู่บนเตียง มือทั้งสองจับประคองใบหน้าของเธอไว้ ลินนาคิดว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ออกมา แต่เมื่อเขากดแนบริมฝีปาก ประทับมันลงไปบนทุกตารางนิ้วที่ถูกล่วงล้ำ ลินนาก็มั่นใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ไปกับฉัน”
เธอพยักหน้าตอบรับไปโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย คุโรดะยื่นมือมาให้เธอจับเป็นหลักยึด ก้าวข้ามผ่านทะเลเลือดสีแดงฉานของร่างไร้วิญญาณที่กองก่ายกันแทบจะทั่วบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ มีเพียงท่วงทำนองของดนตรีสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์เล่นต่อเนื่อง กับหลอดไฟนีออนหลากสีสันส่องเงาบนกำแพงให้ขยับเคลื่อนไหวราวกับกิ่งไม้หงิกงอที่มีชีวิต
ร่างที่ถูกปลายมีดตอกตรึงข้อแขนอยู่บนผนังเหนือราวบันไดบนชั้นสองที่ลินนาหยุดยืนดู คือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองกับริมฝีปากที่ถูกกรีดเป็นรอยยิ้มจนถึงใบหูอย่างที่เขาเป็น ตามเนื้อตัวมีร่องรอยของการถูกจ้วงแทงมากกว่าใครจนย้อมเสื้อกล้ามตัวในที่เคยเป็นสีขาวหมดจด กระทั่งตัวเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ที่ยังคงมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจให้กับ 'อดีตพี่ชาย' ที่อาจสามานย์เกินกว่าค่าของมนุษย์ตนใด
ก่อนคุโรดะจะพาเธอออกวิ่งไปบนท้องถนน ท่ามกลางสายลมที่พัดโชย ลินนาสามารถเปล่งเสียงหัวเราะจากใจจริงออกมาได้เป็นครั้งแรก ในเมืองที่เป็นเหมือนดั่งนรกบนดินนี้
ถึงต่อให้ต้องลงนรกอีกสักกี่ขุม ขอแค่เพียงมีเขาอยู่เคียงข้าง เธอก็รู้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร
_______________
ความคิดเห็น