คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #88 : Electric Dreams (B) Found
เป็นเพราะร่างที่ขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนนั้นเองที่ปลุกเขาขึ้นจากภวังค์ซึ่งจดจำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว กระทั่งหมอกอันมัวพร่า ก่อนภาพความจริงจะค่อยๆ ปรากฏชัดอยู่เบื้องหน้ายามเขาลืมตาตื่น กับแผ่นหลังและไหล่ลาดอันเปลือยเปล่าของหญิงสาวเจ้าของผมสีดำสนิท ซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงนิทราจากลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะให้เขาได้รู้สึก ก่อนนัยน์ตาจะยิบหยีจากแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนโปร่ง สื่อถึงวันใหม่ที่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง แล้วริมฝีปากของเขาก็วาดโค้งขึ้น เมื่อได้ค้นพบและตื่นมาพบความหมายของทุกๆ วันเพียงแค่เอื้อมใกล้
เขามองดู 'ความหมาย' หนึ่งเดียวนั้นแล้วก็อดรู้สึกหวงแหนขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่เวลาผันผ่านมาตั้งเกือบสองปี หากดูเหมือนค่าความรักใคร่จะยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวินาทีที่หายใจเข้าออก และวันนี้เขาก็รู้สึกถึงมันอย่างมากมายจนต้องซุกใบหน้าลงกับเรือนผมกลิ่นหอมละมุน กอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้นไปอีก จึงเป็นคราวของเธอที่ได้หลุดจากห้วงภวังค์เพราะการเคลื่อนไหวของคนข้างกายบ้าง
“มีอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงแผ่วผิวที่ขาดเป็นห้วงๆ เพราะน้ำลายที่เหนียวหนืดแสดงความประหลาดใจ ปกติกิจวัตรในยามเช้าของชายคนรักก็คือการลุกไปจัดแจงตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน โดยรบกวนการนอนหลับของเธอที่เพิ่งจะได้พักผ่อนให้น้อยที่สุด ครั้นเสร็จสิ้น เขาก็จะเดินมาก้มตัวจุมพิตบนหน้าผากพอให้หญิงสาวได้งัวเงียหรือวาดรอยยิ้มทั้งที่นัยน์ตายังไม่ลืมปรือ บางคราวก็เอ่ย “บ๊ายบายเจสซี่” อย่างน่ารักน่าชังเสียจนเขาต้องหลุดหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเต็มตื้นไปทั้งใจ
มันเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด
“เปล่าหรอก แค่อยากกอด”
ถึงจะอึดอัดกับท่อนแขนที่กำลังโอบรัดแน่นนี้อยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นความสุขก็แผ่ซ่าน แม้เมื่อร่างของเธอถูกจับพลิกลงมานอนหงาย เรียกแพขนตาให้ขยับไหว ในจังหวะพอดีกับที่เขาก้มตัวลงมาทาบทับริมฝีปากจนมันต้องปิดกลับลงไปดังเดิม
ยามเมื่อมันถูกถอนออกไป เสียงหัวเราะสดใสติดจะแหบนิดๆ ก็เปล่งกังวาน แต่ไม่ใช่กับเขา แม้เมื่อเธอจะเป็นฝ่ายรั้งเรียกมันอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งก็ตาม
“มิโคโตะ...”
กระทั่งเสียงแหบพร่าที่ร้องเรียกชื่อเธอด้วยความปรารถนาอาจมากกว่าครั้งไหนๆ ทุกหนแห่งที่ปลายนิ้วลากไล้ผ่านก็ร้อนรุ่มจนเหมือนจะเป็นไข้ เขาแทบไม่รั้งรอที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับเธอซึ่งพร้อมรออยู่ก่อนแล้วเลย ปลายเล็บฝังจิกแผ่นหลังและท่อนแขนของเขากับความรู้สึกที่เอ่อท้นจนเกินจะรับไหว ในทุกขณะที่เขาขยับเคลื่อนกาย เพียงเธอพร่ำคำรักออกมา เขาก็ไม่ปรารถนาสรวงสวรรค์อื่นใดอีกต่อไป
เจสซี่ ลูอิสทำงานเป็นตำรวจ กระทั่งจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นนักสืบประจำเขตหกได้เกือบห้าปีแล้ว เขามีผลงานที่ดีมากนับตั้งแต่เข้าร่วมกับกรมตำรวจนีโอโตเกียว รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่แทบไม่มีอะไรให้ตำหนิ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยขนาดเช่าอพาร์ตเมนต์บนตึกสูงราคาแพงระยับได้ แต่ห้องสตูดิโอโปร่งสบายบนชั้นสี่ขนาดกำลังพอเหมาะที่มีอยู่ตอนนี้ก็สะดวกสบายและน่าอยู่ ชายหนุ่มระดับกลางค่อนไปทางสูงอย่างเขาสมควรที่จะคบหาผู้หญิงในระดับที่ทัดเทียมซึ่งหาได้อย่างไม่ยากเย็น แทบทุกคนล้วนแล้วแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตำรวจอย่างเขาไม่ควรคบหากับสาวเสิร์ฟค็อกเทลในไนต์คลับ แต่คนเราจะหักห้ามหัวใจตัวเองเพียงเพราะคำครหาว่าไม่เหมาะสมจากคนนอกไปเพื่ออะไร? เจสซี่ได้พบ ‘หญิงคนรัก’ เป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่ตามสืบผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมยังวีนัสวิลล์คลับ เธอใช้นามแฝงว่าเชอร์รี่ในตอนทำงาน แต่เขาใช้สิทธิพิเศษจากการเป็นตำรวจเข้าถึงฐานข้อมูลและรู้ว่าชื่อจริงๆ ของเธอก็คืออามาโนะ มิโคโตะ หากกว่าจะล่วงรู้จากปากของจ้าตัวเองก็ในอีกสามเดือนให้หลัง เป็นระยะเวลาเดียวกันกับที่เขาและคู่หูหาหลักฐานมัดตัวเป้าหมายได้สำเร็จ จึงคิดจะไปเลี้ยงฉลองยังวีนัสวิลล์คลับเหมือนแทบทุกค่ำคืนเพียงเพื่อได้เห็นหน้าเธอให้ชื่นใจ กอปรกับเธอที่ถูกแฟนหนุ่มบาร์เทนเดอร์ทิ้งและกำลังเป็นฝ่ายหาเรื่องวิวาทในร้านเมื่อเขาก้าวเข้าไปท่ามกลางความชุลมุน โชคดีเหลือเกินที่เจสซี่เข้าไปห้ามทัพได้ทันเวลาและซัดหน้าไอ้หนุ่มที่เตรียมเงื้อหมัดขึ้นจะชกหน้าเธอด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด ก่อนจะบังคับลากตัวเธอออกมาหลังเสียงประกาศิตจากเจ้าของร้านที่เจสซี่เองก็รู้จักในฐานะผู้ให้การช่วยเหลือคดี เธอยังคงกรีดร้องโวยวายโดยไม่สนใจต่อชะตากรรมของตนเองว่าหลังจากนี้จะมีแหล่งหารายได้ต่อไปอีกหรือไม่ เมื่อพ้นออกมาไกลพอสมควรแล้วเขาจึงค่อยปล่อยตัวเธอที่อ่อนแรงขนาดถึงกับทรุดลงไปกอง แต่มือบางกลับปัดปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างไม่ใยดีแล้วพยายามยันตัวเองลุกขึ้นเดินฟึดฟัดจากไปด้วยความซวนเซสิ้นดี เขาตั้งใจเดินตามเธอไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหลบซ่อน ด้วยรู้ดีว่าคนที่นัยน์ตามืดบอดไปด้วยความโกรธคงไม่มีทางมองเห็นสิ่งใด นอกไปจากท่อพีวีซีริมทางที่เธอเงื้อเตรียมยกขึ้นฟาดมอเตอร์ไซค์คันที่เขาจำได้ว่าเคยเห็นเธอซ้อนท้ายมันไปกลับวีนัสวิลล์คลับโดยตลอด เจสซี่ไม่อยากให้เธอต้องมีปัญหาหนักถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกับเรื่องงี่เง่าพรรค์อย่างนี้ จึงจำต้องปรี่เข้าไปลากตัวเธอที่เกือบจะเรียกได้ว่าคลุ้มคลั่งออกมาสงบสติอารมณ์อีกครั้งหนึ่ง เธอยังพยายามยื้อยุดอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกับเขาซึ่งก็ไม่ยอมท้อถอดใจ ถึงต้องแลกมาด้วยรอยกัด รอยข่วน จนได้แผลตามเนื้อตัวมาจากผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่พิษสงดูร้ายกาจคนเดียวนับไม่ถ้วนก็ตาม
กว่าที่เธอจะสงบลงได้ก็เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ตลอดเจ็ดปี เจสซี่ยังไม่เคยเจอคนร้ายที่ดื้อด้านได้เท่ากับเธอเลยแม้แต่คนเดียว หลังจากนั้นความคลุ้มคลั่งก็พลันเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ระเบิดออกมาอย่างหนักหน่วง ให้อ้อมแขนแกร่งได้กอดกระชับเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก เขาโอบกอดร่างแบบบางอยู่อย่างนั้นกระทั่งเจ้าตัวจะเหนื่อยล้าถึงขีดสุดทั้งร่างกายและจิตใจจนผล็อยหลับไปเอง แม้เจสซี่จะรู้ที่อยู่ของเธอ แต่เขาไม่มีทางจะพาเธอกลับไปหาไอ้ผู้ชายคนที่คิดจะทำร้ายเธออย่างแน่นอน ยวดยานของเขาเคลื่อนไปยังที่ที่จากมาในตอนเช้า อุ้มเจ้าของร่างเล็กที่ไม่รู้สึกตัวใดๆ เลยตลอดเส้นทางไปวางไว้บนเตียง ถอดแจ็คเก็ตตัวนอกที่สวมทับชุดสายเดี่ยวคว้านลึกขับเน้นทรวดทรงออก รีบจัดแจงห่มผ้าให้เพื่อจะได้ไม่เสียมารยาทจับจ้องมอง แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาของเธออย่างเบามือ ถึงรู้ดีว่าต่อให้ออกแรงมากกว่านี้ เธอในเวลานี้ก็คงจะไม่มีทางลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน ขณะที่มองใบหน้าในความฝันตลอดมา เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าอดีตคนรักของเธอนั้นช่างโง่เง่าเพียงไร
เขาตัดสินใจลางาน ไม่ใช่เพราะกว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบย่ำรุ่งและหัวเพิ่งจะแตะหมอนที่วางอยู่บนโซฟาแต่อย่างใด ในเมื่อตำรวจอย่างเขาเคยต้องอดหลับอดนอนทำคดีมาแล้วตั้งบ่อย หากเพราะไม่รู้ว่าเธอจะขาดสติแล้วตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อีกหรือเปล่าต่างหาก ระหว่างนั้น เขาไม่ได้ออกไปพ้นบานประตูเลยแม้แต่ก้าวเดียวระหว่างที่รอ กว่าเธอจะลืมตาตื่น แสงอาทิตย์ก็โรยราลงไปมากแล้ว หญิงสาวค่อยๆ ปรับสายตามองรอบตัวโดยไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจ แล้วยันตัวเองขึ้นมา ทำท่าว่าจะลุกหาเขาที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่หน้าแล็ปท็อปไม่ไกล หากชายหนุ่มที่ไวกว่าก็พุ่งมาคว้าเอาร่างโงนเงนของเธอไว้ได้ทัน
“เพื่อนที่ทำงานฉันบอกว่าคุณเป็นตำรวจ” ประโยคแรกของเธอในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ แม้นั่นจะไม่ใช่ประโยคคำถาม เขาก็แนะนำตัวเองไปเสร็จสรรพว่า “ใช่ครับ ผมเจสซี่ ลูอิส” ที่ทั้งน้ำเสียง รอยยิ้ม และสัมผัสต่างก็ชวนให้รู้สึกวางใจ จนคนที่ตั้งแง่กับตำรวจมาตลอดสามารถขยับริมฝีปากเอ่ยประโยคแค่สั้นๆ หากไม่บ่อยนักที่จะพูดมันกับใครไปว่า “ฉันอามาโนะ มิโคโตะ เอ่อ หมายถึงชื่อจริงๆ น่ะค่ะ” เจสซี่พยักหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยเป็นการตอบรับ
“ต้องขอโทษเรื่องเมื่อคืนด้วยนะคะ แบบว่าฉันสติแตกไปหน่อย”
อยากจะแกล้งหยอกไปว่านั่นไม่น่าจะเรียกว่าหน่อย แต่ขอบตาที่แดงก่ำก็ทำให้เขาเพียงผงกศีรษะอีกครั้ง ค่อยพยุงเธอกลับขึ้นไปนั่งบนเตียง
“แต่ต้องขอบคุณจริงๆ นะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงจะทำอะไรที่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ” น้ำเสียงของเธอแผ่วผิวลงทุกขณะ และเจสซี่คิดว่าน้ำตาของเธอกำลังจะรินไหลลงมา หากยังสะกดกลั้นไว้ได้ในยามที่เอ่ยต่อ “ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง แฟนของฉันกับพี่สาวคนข้างห้องที่ฉันอุตส่าห์ไว้ใจ คุณเชื่อไหมล่ะคะว่าพวกเขาจะกล้าหักหลังฉันแบบนี้?”
ครั้นเมื่อถึงคราวประโยคคำถามถูกส่งผ่านในที่สุด เขากลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เธอเองก็ไม่รั้งรอ โพล่งขึ้นต่อไปเพราะความอัดอั้นตันใจที่เหลือคณา
“ฉันก็ไม่รู้เหตุผลหรอกค่ะว่าทำไม แต่คงเพราะเธออยากได้เขามากล่ะมั้งคะ เมื่อวานถึงได้มาบอกฉันถึงที่ทำงานว่านอนกับเขามาแล้วครึ่งปี...ตั้งครึ่งปีเลยนะคะ! ฉันจำได้ดีเลยว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่สบาย ฉันเลยฝากให้เธอช่วยดูแลตอนที่ฉันต้องไปทำงาน หลังจากนั้น ทั้งที่ฉันอยู่กับเขาเกือบตลอดเวลา เขาก็ยังหาเวลาไปเอากับผู้หญิงคนอื่นได้ โดยที่ฉันไม่เอะใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเธอไม่มาบอกด้วยตัวเอง ฉันก็คงไม่มีวันรู้” เธอเว้นจังหวะเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น “ที่ร้ายที่สุดคือเธอถ่ายคลิปเอาไว้เพราะรู้ว่าแค่คำพูดคงไม่ทำให้คนโง่งมงายอย่างฉันเชื่อ และใช่ค่ะ เธอเดาได้ถูกเผงเลย วินาทีแรกที่ได้เห็นหลักฐานกับตาตัวเอง ฉันรู้สึกเหมือนวันสิ้นโลก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น ทั้งขยะแขยง ความรักมันหายไปหมด ฉันบอกตัวเองเลยว่าจะไม่มีวันให้อภัยทั้งเขาและเธอแน่ๆ ไม่มีวัน!” ก่อนจะยิ้มหยันออกมาให้แก่ตัวเองเมื่อนึกถึงภาพของหล่อนกับเขาในคลิปที่ได้เห็น บนเตียง ในชุดสเกตเตอร์เดรสเว้าหลังสีดำที่เขาดูจะหลงใหลเป็นนักหนา...ของเธอ แต่เหล่านั้นไม่มีอะไรเทียบได้กับคำรักที่เขาพร่ำเป็นชื่อของหล่อนเลยแม้แต่น้อย
มิโคโตะไม่เข้าใจว่าเขาทำเรื่องแบบนี้กับหล่อน แล้วยังมีหน้ามาบอกรักเธอทุกวันคืนได้อย่างไร
“ฉันอยากจะแก้แค้นเขา ทำลายทุกๆ อย่างที่เป็นของเขา เหมือนที่เขาทำลายหัวใจของฉัน ถึงมันจะเทียบกันไม่ได้เลยก็ตาม”
“คุณแค้นเขามากกว่าผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
“แปลกเหรอคะ?” เธอพ่นลมหายใจอย่างชวนหัว ไม่อาจหยุดสมเพชตัวเองได้เลยแม้สักวินาทีเดียว “ฉันยอมรับว่าเกลียดเธอค่ะ เกลียดมากจนเกินพรรณนา แต่ที่เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเพราะความมักมากของเขาเอง ฉันรับไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าไม่รักฉันแล้วก็สู้มาบอกเลิกกันตรงๆ ยังดีซะกว่า”
“เพราะเขารักคุณไงครับถึงไม่ยอมเลิก”
“รัก?” เธอแค่นหัวเราะออกมา “ค่ะ รักฉัน แต่ก็รักผู้หญิงอีกคนด้วย”
นัยน์ตาของเธอที่มองผ่านบานกระจกหน้าต่างนั้นว่างเปล่า ไม่เหลือเค้าความสดใสและมีชีวิตชีวาในคราบเชอร์รี่ที่วีนัสวิลล์คลับเลยจนน่าสะเทือนใจ ลมปากจะพูดอะไรก็ได้ แต่เจสซี่รู้ดีว่าเธอยังรักเขาอยู่ และอาจจะรักมากเลยด้วยถึงได้ทำเรื่องวู่วามทั้งหมดนี้ลงไป
การเห็นสภาพเธอแบบนี้ ยิ่งแย่กว่าการที่เธอยังเป็นคนรักของผู้ชายคนอื่นเสียอีก
“คุณไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ จะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง”
เธอเอียงคอหันมองเขาด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ ก่อนพยักหน้ารับคำแนะนำนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน เจสซี่ที่กลัวเธอจะล้มลงไปอีกจึงช่วยประคองร่างที่เปราะบางไปยังห้องน้ำ โดยพยายามไม่ทำให้แก้วที่มีรอยบิ่นอยู่ก่อนแล้วแตกสลายลงไป ทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัว เขาก็กลับมาจมจ่อมอยู่กับตัวเอง ครุ่นคิดว่าแล้วจะทำเช่นไรต่อไปดี?
ทว่าหญิงสาวไม่ได้ใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานนับชั่วโมงอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้ และเมื่อเธอเดินออกมาทั้งเส้นผมที่เปียกหมาดๆ พร้อมกับผ้าเช็ดตัวพันรอบกาย เขาก็จึงต้องรีบเมินหน้าหนีก่อนจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “แถวนี้มีร้านเสื้อผ้าอยู่ ถ้ายังไงผมจะลงไปซื้อมาให้—”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเอาไปซักแล้ว พอเสร็จก็รอปั่นแห้งเดี๋ยวเดียว หวังว่าคุณคงจะไม่ถือสาที่ฉันใช้ข้าวของในห้องคุณโดยพลการนะคะ”
เธอดูไม่ได้ใส่ใจแม้ต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะเคยชินกับชุดค็อกเทลที่เผยเนื้อหนังมากกว่านี้ อีกทั้งการต้องพบปะลูกค้ามากมายในแต่ละคืน เป็นเขาเองต่างหากที่คิดว่าไม่น่าจะทนได้นาน จึงรีบเดินเลยผ่านเข้าไปค้นเสื้อผ้าในตู้แล้วยื่นส่งให้ พร้อมสำทับว่า “ถ้าคุณไม่ถือ” ด้วยใบหูที่แดงก่ำ และนั่นทำให้มิโคโตะแตะรอยยิ้มขันน้อยๆ อย่างเข้าใจ ไม่นานหลังจากนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มที่ต้องพับขากันจ้าละหวั่น เนื่องจากส่วนสูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบที่หักลบกันเกินยี่สิบเซนติเมตรจนหญิงสาวต้องแหงนคอคุย
สภาพของมิโคโตะในตอนนี้มิดชิดกว่าเดิมมาก ยิ่งกางเกงขายาวหลวมโพรกนั้นยิ่งชวนขันเข้าไปใหญ่ แต่เจสซี่กลับอดรู้สึกจั๊กจี้ไม่ได้ เมื่อตระหนักว่าเป็นเสื้อผ้าของเขาเองที่กำลังแนบชิดอยู่กับร่างกายของเธอ
“หิวหรือเปล่า?” กระแอมไอ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและความคิดในหัวของตัวเอง
“ค่ะ แต่สั่งมาที่นี่ได้ไหมคะ? ฉันไม่อยากออกไปไหน”
“ผมก็เหมือนกัน”
ปล่อยให้เจ้าบ้านเป็นคนจัดการสั่งอาหารผ่านแอป ขณะทิ้งตัวนั่งลงไปบนโซฟาและกอดเข่าคุดคู้ดูภาพยนตร์ทางจอโทรทัศน์ที่ฉายไปเกินครึ่งเรื่องแล้วอย่างไม่เรื่องมาก เพราะถึงยังไงก็คงไม่มีอะไรผ่านกระบวนการในหัวสมองของเธอไปได้อยู่ดี ขณะที่เขากำลังยืนทำรายการกับโฮโลแกรมและเธอได้บังเอิญเคลื่อนสายตาไปมอง เป็นตอนนั้นเองที่มิโคโตะจะได้เห็นบาดแผลสดใหม่จากรอยข่วนบนท่อนแขนและอีกมากมายนับไม่ถ้วน จนต้องรีบเบิกตากว้าง รอคอยจนเขาเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนพร่ำขอโทษกับฝีมือของตัวเองเป็นการใหญ่
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ”
แต่มิโคโตะไม่อาจสบายใจได้เลย เธอรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปกับชายผู้นี้ยิ่งกว่ากับไอ้คนรักเก่าสารเลวนั่นอีก
แล้วทันใด ความคิดหนึ่งก็แล่นปราดเข้ามาว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้ยอมช่วยเหลือคนแปลกหน้าที่เสียสติคุ้มคลั่งอย่างเธอกัน?
ความคิดของเธอแล่นวนในหัวอยู่เงียบๆ ตลอดเวลา แม้หลังจัดการบะหมี่ผัดจนเกลี้ยงกล่องและท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยแสงไฟสังเคราะห์ เมื่อเครดิตของภาพยนตร์ปรากฏขึ้น มิโคโตะจึงตัดสินใจเริ่มเรื่องราวบทใหม่ของตัวเองด้วยการอ้าปากถามว่า “ทำไมคุณถึงได้ช่วยฉันหรือคะ?” น่าแปลกที่เมื่อเอ่ยมันขึ้นมาดังๆ คำตอบก็กลับชัดเจนแทบจะทันที “อ้อ คงเพราะคุณเป็นตำรวจนี่เอง ฉันลืมไป”
“ถ้าคุณเชื่อว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
เป็นคำตอบแสนกำกวมที่ทำให้เธอต้องหันไปเขม้นจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาพร้อมคำถามใหม่ที่บังเกิด
แน่นอนว่ามิโคโตะย่อมต้องจดจำลูกค้าประจำในช่วงหลังที่มายังวีนัสคลับวิลล์แทบทุกคืนอย่างเขาได้อยู่แล้ว ถึงอาจไม่ได้สนใจนักสืบหนุ่มรูปหล่อผู้นี้ในแง่เดียวกับเพื่อนร่วมงานบางคน เช่นเดียวกับที่ไม่เคยใส่ใจต่อนัยน์ตาของเขายามที่มองสบตาหรือเอ่ยทักทายกันตามประสาพนักงานและลูกค้าในชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆ สาวเสิร์ฟค็อกเทลหน้าตาสะสวยมีประสบการณ์เรื่องผู้ชายที่เข้ามาจีบทั้งเล่นๆ และจริงจังมากพอที่จะเข้าใจ...ถึงแม้ไม่ขนาดดูออกได้ทั้งหมด ทว่าเมื่อทุกอย่างพลันกระจ่าง จึงได้มองเห็นความนัยของเขาอย่างชัดแจ้ง รวมถึงเหตุผลของการกระทำทั้งหมดทั้งมวลนี้ จู่ๆ น้ำตาที่อุตส่าห์กักเก็บไว้ก็หยดเผาะลงมา อาจเพราะความดีใจที่มีใครสักคนเฝ้าห่วงใยในยามที่ไม่เหลือใคร หรืออาจเพราะเหตุผลอื่นใดที่แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้แน่ แต่เธอก็ได้ร่ำร้องไห้ออกมา
เจสซี่ที่ได้ยินเสียงสะอื้นเป็นต้องตกอกตกใจเพราะคนที่ลงไปก้มหน้ากับร่างที่ไหวโยน เขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบเธออย่างมากเหลือเกิน แต่เพราะไม่อยากทำตัวฉวยโอกาสในสถานการณ์แบบนี้ จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยิบทิชชู ยื่นส่งให้เมื่อก้มตัวลงตรงหน้า
ความตั้งใจเดิมพลันมลาย ในวินาทีที่เธอเงยหน้าขึ้นสบกับเขา
จูบแรกของเจสซี่ ลูอิสกับหญิงผู้เป็นที่รักในวัยยี่สิบเจ็ดทั้งสั่นเทาและมีรสชาติของน้ำตา...
_______________
ความคิดเห็น