คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #294 : Soda Pop Love (50% คุโร่ยนากาเระโบชิ happy)
คนที่โทริมารุ ริกินะแอบชอบมาตั้งแต่เข้าเรียนที่มัธยมปลายนิจิอิโระคือเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องที่มีชื่อว่าคุโรดะ โคกิ เพิ่มเติมคือเพื่อนสนิท...กับเพื่อนสมัยเด็ก...ของเพื่อนสนิทเธออย่างเนโกตะ เรย์ระ
ริกินะที่แอบยิ้มกรุ้มกริ่ม (ในใจ) ตั้งแต่ตอนที่จับฉลากได้นั่งข้างหล่อนเลยเริ่มยุทธการเข้าไปเกาะแกะตีซี้ กระทั่งจะได้กลายมาเป็นเพื่อนซี้ตัวติดหนึบสมดั่งใจหวัง กว่าที่ริกินะจะได้รู้ซึ้งกับคำกล่าวที่ว่า ‘เพราะติดกระดุมเม็ดแรกผิดมาตั้งแต่ต้น’ เหมือนกับการตัดสินใจของเธอที่ผิดมาตั้งแต่ต้น! ทุกอย่างก็สายเกินแก้เสียแล้ว
เพราะถึงเรย์ระจะหาเรื่องหยุมหัวกับโอนิชิ ฟูกะ เพื่อนข้างบ้านตั้งแต่สมัยเด็กได้ไม่เว้นวันจนเป็นอะไรที่ชินชาของเพื่อนร่วมห้องและครูประจำชั้นโคจิมะที่ก็เป็นพี่ชายข้างบ้านของพวกเขาอีกที แต่ความเย็นชาของหล่อนกับเพื่อนสนิทของเพื่อนสมัยเด็กนั้นยะเยือกมาก แค่เพราะต้นเหตุมาจากเรื่อง — ที่หล่อนคิดเอาเองว่า — เล็กน้อยจากคำถามที่ว่า “นายซื้อรองเท้าที่ไหนเหรอ?” แถมยังมีหน้ามาเล่าต่อให้เธอฟังอย่างใส่อารมณ์อีกว่า “เอาจริงนะ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดกันทั้งนั้นแหละว่า บ้าแล้ว! เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะโกรธด้วยเรื่องแค่นี้ แกก็คิดเหมือนกันใช่ป่ะ ริกินะ?” ถ้าไม่ใช่เพราะชิมาซากิ โทอะที่นั่งปั่นงานไฟลุกอยู่โต๊ะข้างหลังจะโพล่งขึ้นก่อนเธอได้ทันคิดอะไรด้วยซ้ำว่า “คนบ้าก็มีแต่เธอนั่นแหละ เนโกะ มันใส่มากี่คู่ๆ ก็โดนถามได้ทุกคู่ มันก็คิดดิว่าเธอไปล้อเรื่องที่มันเตี้ย”
“เอ้า! ฉันแค่ชอบรองเท้าส้นหนาๆ เห็นว่าสวยดีเลยถามว่าซื้อที่ไหนจะได้ไปซื้อตามบ้าง ก็แค่เนี้ยเองป่ะ! มันที่คิดเพ้อเจ้อไปเองว่าถูกล้อนั่นแหละบ้า สูงกว่าใครตั้งหลายคนในห้องยังทำมามีปงมีปม ไม่ได้เตี้ยอย่างนิชิทาคุหรือนายด้วยซ้ำมะ!”
“จ้า สูงเหลือเกินนะแม่คุณ”
หลังฝากคำประชดประชันเพราะวันนี้ไม่มีเวลาด่าแบบรวบตึงทั้งนิสัยและส่วนสูงของเจ้าหล่อนให้แล้ว โทอะก็จะรีบขนสมุดการบ้านหนีไปนั่งทำที่อื่นไกลๆ ไม่สนใจทั้งสายตาค้อนควักหรือเสียงจึ๊จ๊ะไล่หลังที่ทุกคนในห้องล้วนเคยเผชิญกันมาหมดแล้วด้วยอีก
“รู้แบบนี้แล้วแกก็อย่าไปยุ่งกับไอ้คุโรดะมันนะ เดี๋ยวติดเชื้อบ้า ทำมาน้อยจงน้อยใจ”
“แต่เค้าเป็นเพื่อนฟูกะของแกไม่ใช่เหรอ?” ริกินะยังพยายามชักแม่น้ำมาแย้งด้วยเสียงอ่อนอ่อย
“เพื่อนมันไม่ใช่เพื่อนฉันป่ะ!” เรย์ระย้อน “ที่จริงนะ แกไม่ต้องไปยุ่งกับทั้งสองตัวเลยนั่นแหละ ปล่อยพวกมันทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญไป”
และริกินะคนป๊อดที่จะเลิกคบกับหล่อนก็ไม่ได้ หรือจะตะโกนด่าว่า “คนที่งี่เง่าแถมยังน่ารำคาญที่สุดก็คือแกนั่นแหละเรย์ระ! ยัยบ้าๆๆๆๆ! มีสิทธิ์อะไรมากีดกันความรักของฉันกับคุโรดะคุง!” ก็ไม่ได้ จึงทำได้แค่เอออรับฟังเพื่อนสนิท — ที่รู้งี้ไม่น่ามาสนิท — บ่นก่นด่าอีกคู่เพื่อนสนิท — ที่หล่อนอยากไปสนิทด้วยมากกว่า — และต้องทนหน้าชื่นอกตรมกับการแอบมองคุโรดะคุงข้างเดียวมาตลอดหนึ่งปีด้วยหัวใจที่แสนจะชอกช้ำ
ก่อนโชคจะเข้าข้างริกินะเป็นครั้งแรกตอนปีสอง เมื่อชั้นปีของเธอจะได้ไปเข้าค่ายฤดูร้อนไกลถึงชิกะ และครูโคจิมะก็จัดการแบ่งกลุ่มด้วยการให้ทุกคนนับเลขเรียงกันไปตามลำดับที่นั่งในห้องเรียน ริกินะต้องพยายามไม่ออกนอกหน้าในตอนที่เรย์ระนับได้คนละเลขแล้วแสร้งตีหน้าเศร้าพูดว่า “ว้า เสียดายจัง” เหมือนกับที่ต้องพยายามเก็บเสียงกรี๊ดไม่ให้ไปให้ถึงชิกะในตอนที่คุโรดะคุงนับได้เลขหกเหมือนกันกับเธอ (ขอบคุณมากค่ะ พระผู้เป็นเจ้า ลูกสัญญาว่าวันนี้จะให้มากกว่าแค่สิบเยนที่จิ๊กยัยเรย์ระไปใส่กล่องวันก่อน) ขณะที่เรย์ระไม่แม้แต่จะเก็บอาการในตอนที่ฟูกะป้องปากตะโกนมาจากหลังห้องว่า “วู้ฮู! ลัคกี้เซเว่น! ได้อยู่กับเนโกะก็ลัคกี้แล้ว!” ด้วยการลุกขึ้นหันไปโวยว่า “ลัคกี้กะผีสิโว้ย!”
ถึงริกินะจะไม่อยากใช้คำว่าสมน้ำหน้า แต่คนใจมารที่กีดกันความรักของคนอื่นก็สมควรโดนกรรมติดปีกเล่นงานแบบนี้แล้ว เพราะไม่ได้มีแค่เพื่อนสมัยเด็กที่หล่อนบ่นให้ฟังได้ทุกวี่วันว่าน่ารำคาญชะมัดยาด แต่ยังมีโอกาซากิ โคทาโร่ คนที่หล่อนแอบชอบได้แค่สองสัปดาห์ก่อนจะโดนยัยฟุคาดะ ริกะ ศัตรูคู่อาฆาตที่ทั้งลัคกี้เซเว่นและลัคกี้อินเลิฟตัดหน้าสารภาพรัก ถึงริกินะจะดูออกว่าเรย์ระเลิกชอบเขาอย่างปากว่า (เพราะเอาแต่ด่า) ได้แล้วจริง แต่การที่หล่อนต้องมาทนเห็นคู่รักจี๋จ๋าตลอดสามวันสองคืนที่ชิกะก็สาแก่ใจริกินะยิ่งนักแล้ว!
แต่ความตื่นเต้นดีใจที่อุตส่าห์นับวันรอให้มาถึงอยู่นานหลายสัปดาห์ของริกินะก็จะพลันสลายหายวับไป เฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า นับตั้งแต่ตอนที่ได้มองเห็นใบหน้าด้านข้างของคุโรดะคุงไกลๆ ทันทีที่มาถึงจุดนัดพบในโรงเรียนตอนแปดโมงครึ่ง หลังเรย์ระที่มาถึงแต่เช้าแล้วโทร.ตามเธอยิกๆ เพราะบ้านอยู่ใกล้กว่า แต่แทนที่จะรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนข้างบ้านที่ยังไงก็ต้องมาด้วยกันเหมือนอย่างทุกที เจ้าหล่อนกลับกำลังยืนกอดอกทำหน้าบึ้งตึงอยู่กับคนที่ริกินะไม่คาดคิดที่สุดอย่างไอ้ฟุคาดะ ริวเซย์ ผู้ชายที่สารภาพรักกับเรย์ระร้อยรอบ ถูกปฏิเสธไปล้านรอบ แต่ก็ยังหน้าด้านหน้าทนตามตื๊อหล่อนอยู่ได้โดยไม่สนคำขาดที่ว่า “ไปทำให้แฝดนายเลิกกับโคทาโร่ให้ได้ก่อนไป้แล้วฉันจะคบ!” เพราะใครที่ไหนมันจะโง่ไปช่วยเรื่องความรักของคนที่ตัวเองแอบรักก่อน และฟุคาดะก็เป็นตัวอย่างของสายเอ็มเต็มขั้นที่โดนทำร้ายแล้วยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ จิตใจช่างแข็งแกร่งยิ่งนักจนริกินะยังต้องแอบยกนิ้วโป้งให้ (ไม่ใช่นิ้วกลางอย่างที่เรย์ระเคยแอบทำลับหลัง เพราะถ้าทำต่อหน้ามันจะคิดอย่างอื่น)
ครั้นเรย์ระหันมาเห็นเธอเข้าก็จะรีบผละจากมาโดยไม่เหลียวแลคู่สนทนาเดิม เริ่มต้นประโยคที่ไม่ใช่ทั้งคำทักทายหรือว่าคำด่าไอ้ฟุคาดะอย่างที่เธอคิด แต่เป็นสิ่งเดียวกับที่ใจเธอก็คิดว่า
“น่ารำคาญ!”
และสายตาที่ตวัดขวับไปยังทิศทางเดียวกันกับที่ริกินะเองก็ล็อกเป้ามาจากบ้าน หลังอ่านไลน์ที่เรย์ระส่งมาเมาท์ตั้งแต่สองสามวันก่อนว่าเพื่อนข้างบ้านหล่อนดอดไปทำหัวทองรับวันเข้าค่ายกับเพื่อนสนิท (ไม่มีรูปแนบ) แต่วันนี้กลับไม่ได้มีแค่ฟูกะกับคุโรดะที่สีหัวโดดเด่นเป็นสง่าเจิดจ้ากลางดวงอาทิตย์อยู่ท่ามกลางฝูงชน และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้พวกเธอกำลังทำหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่อย่างนี้!
“แกก็เห็นละใช่ป่ะว่ายัยจิริโกะกับนาริโกะมันทำหัวทองตามไอ้สองตัวนั่นด้วย สะเออะมาก! ออกตัวแรงเบอร์นี้ สงสัยกะจะเผด็จศึกสารภาพรักที่ค่ายเลยสิท่า” แล้วร่ายยาวต่อไปไม่มีเว้นช่องไฟให้เธอได้เออออเลยด้วยซ้ำว่า “แค่ต้องมาทนอยู่กลุ่มเดียวกับสองคู่รักนั่นก็รกหูรกตาจะแย่แล้ว นี่ฉันยังต้องมาเห็นยัยจิริโกะอ่อยไอ้ฟูกะอีกเหรอ! อีกคนในกลุ่มก็เหลือแค่อีตาโทอะที่จะสวบหัวฉันอยู่แล้ว! ลัคกี้เซเว่นกะผีอะไร เลขเจ็ดอาถรรพ์สิไม่ว่า! นี่ฉันอิจฉาแกนะ ริกินะ อย่างน้อยกลุ่มแกก็ยังมีคนดี๊ดีแสนดีอย่างหัวหน้าห้องอยู่ ขนาดไอ้นิชิทาคุกับฟุคาดะก็ยังดีกว่าเล้ย มัดรวมไอ้คุโรดะมาด้วยก็ยังดีกว่าอีกเอ้า!”
ขณะที่ริกินะก็ต้องพยายามข่มใจไม่พูดออกมาดังๆ ว่า “ฉันก็ต้องมาทนดูยัยนาริโกะอ่อยคุโรดะคุงของฉันเหมือนกันนั่นแหละ! สำหรับแกก็แค่เพราะมีเรื่องกับชาวบ้านไปทั่ว! แต่ของฉันเป็นเพราะชอบคุโรดะคุงต่างหาก!” เพราะมันคือความลับหนักอกที่ริกินะยังคงไม่สามารถปริปากบอกใครได้แม้แต่กับเพื่อนสนิทจนถึงตอนนี้อยู่ดี
ปกติพวกเธอมักจับจองที่นั่งแถวหลังสุดเอาไว้สอดแส่สาระแนเรื่องของชาวบ้าน แน่นอนว่าคนที่นั่งข้างก็ย่อมต้องเป็นอีกคู่เพื่อนสนิทที่ฟูกะมักวอแวอยู่แต่กับเรย์ระจนริกินะยอมระเห็จไปนั่งริมหน้าต่างแทนก็ได้วะ เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นโอกาสให้เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับคุโรดะคุงบ้าง แม้จะหมายถึงคนละมุมรถก็ยังชื่นใจ แต่ไม่ใช่กับวันนี้เมื่อเรย์ระจะนัดแนะกับเธอที่ก็ไม่คิดจะทักท้วงให้ไปนั่งหน้ารถด้วยกัน ด้วยความไม่พอใจเอามากขนาดที่ทำให้หล่อนเมินเสียงตะโกนเรียกชื่อจากท้ายรถของฟูกะที่ดังหูแตกจนโดนโทอะตบหัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปณิธานอันแน่วแน่ของเรย์ระแตกลงไปได้ ส่วนริกินะคือความคับแค้นใจที่ได้เห็นยัยนาริโกะหันไปคุยเจ๊าะแจ๊ะอยู่กับคุโรดะคุงจากที่นั่งเยื้องไปด้านหน้า แหวะ! สวยก็ไม่สวย! แต่ทำมาจีบปากจีบคออ่อยคนหล่อได้ขัดหูขัดตาชะมัดยาด!
กระนั้นการเดินทางเกือบหกชั่วโมงก็ยังเรียกได้ว่าจบลงด้วยดี สำหรับเรย์ระคือการตัดทุกปัญหาด้วยการยัดหูฟังแล้วนอนหลับมันทั้งอย่างนั้นหลังล้อหมุนไปได้ยี่สิบนาที ส่วนริกินะที่นั่งติดทางเดินก็กินขนมพลาง พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับหัวหน้าห้องคาวาซากิ โคกิ และฟุคาดะคนพี่ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนบ้าแค่เพราะวันนี้โชคดีได้นั่งแถวเดียวกับคนที่ชอบ ก่อนนิชิมูระ ทาคุยะจะหยิบกีตาร์ที่พกมาด้วยขึ้นดีด แล้วขับร้องเพลงด้วยน้ำเสียงนุ่มที่เข้ากับหน้าตาหล่อเหลาน่ารักในแบบไอดอลตามคำขอให้พวกผู้หญิงได้ร้องกรี๊ดกร๊าด ส่วนพวกผู้ชายก็ร้องโห่ฮากันไป และคำว่า ‘ด้วยดี’ สำหรับริกินะ ก็คือการที่คุโรดะคุงจะเดินมาร่วมแจมกับนิชิทาคุโดยไม่มียัยนาริโกะติดสอยห้อยตามมาด้วย และเพลง ‘ซินเดอเรลล่า เกิร์ล’ ของคิงแอนด์ปริ๊นซ์ที่พวกเขาร้องคลอไปด้วยกัน เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ริกินะมั่นใจว่าคุโรดะคุงมองมาทางเธอแล้วส่งยิ้มให้แบบที่ไม่ได้คิดไปเองชัวร์ป้าบ! ริกินะก็คิดว่าอยากจะกลายเป็นแสงอาทิตย์เพราะรอยยิ้มของเขาที่ราวกับมีเวทมนตร์นั้นเลย!
เมื่อมาถึงชิกะก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว แกลมปิ้งสุดหรูริมทะเลสาบที่ทั้งกว้างขวางและน่าตื่นตาเสียจนทุกคนต้องทำตาโต อ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นที่พักเป็นเต็นท์แบบโดมใส แยกชายหญิงไม่เกินห้องละแปดคน ถือเป็นโอกาสอันดีให้เรย์ระกับริกินะได้พักหายใจหายคอจากยัยสามใบเถา ริกะ จิริโกะ นาริโกะ ที่พอพวกหล่อนลงจากรถมาแล้วบังเอิญได้สบตากันก็จะทำคอเชิดสะบัดหน้าพรืดใส่ แถมยังจงใจเลือกเต็นท์ฝั่งตรงกันข้ามกับของพวกฟูกะตัดหน้าไปอีก แต่แล้วยังไง! ก็ไม่ได้จะเลือกตั้งแต่แรกแล้วป่ะ! ใครแคร์!
เพราะต้องเหนื่อยเดินทางไกลกันมาจากโตเกียวถึงใช่ว่าจะออกกันแต่เช้าตรู่ วันแรกเลยยังไม่มีการทำกิจกรรมอะไรนอกจากพักผ่อนเดินเล่นกันตามอัธยาศัย รับประทานอาหารที่ทางค่ายจัดเตรียมไว้ให้ ฟังนัดหมายเรื่องกำหนดการวันพรุ่งนี้กับครูโคจิมะ แล้วแยกย้ายกันไปนอนก่อนเวลาสี่ทุ่ม แต่เพราะกว่าจะถึงมื้ออาหารในเวลาหกโมงเย็นหรืออีกราวๆ สองชั่วโมง ส่วนใหญ่เลยถือโอกาสนี้งีบเอาแรงกัน แต่ก็มีบางส่วนอย่างเรย์ระที่รีบอาบน้ำอาบท่าแต่หัววัน ขนาดอ้อยอิ่งอยู่นาน พอออกมาริกินะก็ยังรื้อของในกระเป๋าไม่เสร็จสักที เรย์ระที่ไม่อยากเสียเวลารอเพื่อนไปเปล่าๆ ปลี้ๆ เลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินสำรวจบริเวณโดยรอบล่วงหน้าก่อนแทน
อารมณ์ของเรย์ระกลับมาชื่นบานอีกครั้งจากบรรยากาศที่ร่มรื่นของธรรมชาติที่รายล้อม อากาศหรือก็เย็นสบายดีเพราะลมจากทะเลสาบที่พัดโพยมา ก่อนที่เรย์ระจะได้มองเห็นเจ้าแมวเหมียวสีน้ำตาลปนขาวตัวหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ไม่รอช้า เธอก็จะรีบปรี่เข้าไปหา ฉีกยิ้มกว้างทำเสียงงุ้งงิ้ง ขณะทิ้งตัวลงนั่งยองๆ มองดูเจ้าเหมียวที่ไม่กระดิกกระเดี้ยนอกจากจ้องตาเธอกลับ แต่เมื่อเรย์ระยื่นมือออกไปหมายจะลูบขนนุ่มๆ ของมัน เจ้าเหมียวก็ดันลุกหนีไปซะอย่างนั้น
“ขนาดเจ้าเหมียวพวกเดียวกันแท้ๆ ยังไม่เข้าใจกันเลย” คนที่ลงมานั่งท่าเดียวกันอยู่เบื้องหน้าเธอจนตัวบังเจ้าเหมียวที่เดินหนีหายไปไหนไม่รู้แล้ว ก็คือมนุษย์ที่เรย์ระไม่อยากเสวนาด้วยที่สุดในตอนนี้ “แล้วฉันจะไปเข้าใจเนโกะได้ยังไงล่ะ เนอะ”
แต่อาจเป็นเพราะอัดอั้นมาตลอดทั้งวัน เรย์ระเลยอดปากตัวเองเอาไว้ไม่ไหว แล้วสวนกลับไปว่า
“ไม่เข้าใจก็ช่างนายสิ! ไม่สิ นายไม่ต้องมาเข้าใจอะไรฉันทั้งนั้นแหละ!”
ทั้งอย่างนั้น ฟูกะก็ยังคงส่งยิ้มเผล่เหมือนกับเด็กน้อยให้เธอโดยไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่าเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมวันนี้ตอนขึ้นรถบัสถึงไม่มานั่งด้วยกันล่ะ? ฉันนะมีเรื่องอยากคุยกับเนโกะตั้งเยอะแยะ”
“ก็เจอหน้ากันแทบทุกวันอยู่แล้ว จะอยากมีเรื่องอะไรมาคุยกับฉันนักหนา”
“ก็เยอะแยะ” ฟูกะว่า “รู้ไหมว่าฉันทั้งเหงา ทั้งเบื่อ จนต้องนอนหลับมาตลอดทางเลยนะ เนโกะเองก็เหมือนกัน...”
ให้เธอรีบแก้ตัวเสียงดังก่อนอีกฝ่ายจะทันได้พูดจนจบประโยคว่า “ที่ฉันหลับก็เพราะเมื่อคืนนอนดึกต่างหาก!”
เหมือนกับที่ฟูกะเองก็ยังจะยืนกรานว่า “แล้วก็เหงาที่ไม่มีฉันด้วยไง”
“ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดเหอะ!”
ทว่าปุบปับฟูกะก็จะลุกขึ้นยืน เมินเฉยต่อคำพูดของเรย์ระด้วยการเดินมาดึงแขนเธอที่กอดไว้บนเข่าให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน หากคำพูดของฟูกะจะหลุดรอดออกมาได้แค่ “ฉันอุตส่าห์ขนขนมมาตั้งเยอะ เราไป...” เมื่อมันจะถูกขัดด้วยเสียงหวีดร้องของเรย์ระที่พยายามขืนแรงอยู่กลายๆ จนกลายเป็นการกระชากร่างของอีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวลงมาด้วย ขอบคุณที่เป็นแค่พื้นหญ้าเลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และเด็กสาวตัวบางร่างน้อยอย่างเธอก็รอดไม่โดนผู้ชายตัวใหญ่กว่าตั้งมากแบบนั้นล้มทับเข้าใส่จนอาจไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ เพราะถึงจะเห็นเธอเอาแต่บ่นอยู่ได้...ก็ใช่ว่าจะไม่ตั้งตารอสักหน่อยนี่นา
เรย์ระลุกพรวดขึ้นมานั่งปัดเศษหญ้าตามเนื้อตัว พร้อมคำบ่นก่นด่าให้อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะถือโอกาสนอนลงบนพื้นหญ้ามันซะเลยโดยไม่กลัวว่าจะเปื้อน ทั้งที่ก็อยู่ในชุดตัวใหม่เหมือนกันกับเธอแท้ๆ ฟูกะหัวเราะออกมาเต็มเสียง ก่อนเปลี่ยนมานอนตะแคงข้างมองหน้าเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มกว้างที่ยังคงเกลื่อนใบหน้าจนนัยน์ตาหยีปิด โดยมีแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงไปอาบไล้เส้นผมสีทองสว่างของเขาว่า
“อยู่กับเนโกะดีที่สุดเลย”
เดี๋ยวนะ...แล้วมันเกิดบ้าอะไร ทำไมหน้าเธอถึงได้ร้อนเห่อ ใจเธอถึงได้เต้นรัว เหมือนกับอาการของคนกำลังตกหลุมรักแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!
แผนทำเป็นลีลาหลอกให้เรย์ระออกไปชมนกชมไม้คนเดียวของริกินะเพราะเธอจะได้หาโอกาสไปแอบทักแอบส่องคุโรดะคุงกลับพังไม่เป็นท่า ทั้งที่วันนี้เธออุตส่าห์ช่วยเหลือความรักของคนอื่นทั้งที่ไม่ได้เชียร์เลยด้วยซ้ำอย่างไอ้ฟุคาดะ แต่ไหงพระเจ้าถึงไม่เห็นใจเธอ ให้ต้องโดนศัตรูหัวใจอย่างยัยนาริโกะตัดหน้าวิ่งเข้าไปทักคุโรดะคุงที่เพิ่งจะเดินออกจากเต็นท์ก่อนเธอแค่เสี้ยววินาที! ส่วนยัยจิริโกะที่เดินตามหลังทั้งสองคนนั้นแล้วบังเอิญหันมาสบตากับเธอก็ยังมีหน้ามายิ้มเย้ยแทนเพื่อนอีกต่างหาก! ทำเอาริกินะได้แต่กำหมัด นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนเดินกระทืบเท้าตึงตังหนีไปอีกทาง โชคดีที่บังเอิญเจอหัวหน้าห้องกับฟุคาดะที่ชวนไปเซอร์เวย์ห้องอาหารด้วยกัน ทำหูทวนลมต่อคำถามของไอ้ฟุคาดะที่ว่าแล้วเรย์ระไปไหน (ถึงอยากจะตอบว่าไปที่ชอบๆ แล้วมั้ง) เพราะทำดีไปพระเจ้าก็ไม่เห็นจะช่วยเหลือความรักของเธอสักหน่อย แต่มันเรื่องอะไรที่ยัยเรย์ระถึงได้เดินเข้ามาในห้องอาหารกับฟูกะ แล้วนั่งลงบนที่ว่างข้างเธอ โดยมีฟูกะนั่งอยู่ข้างหล่อน เหมือนอย่างกับว่าเรื่องเมื่อเช้าไม่เคยเกิดขึ้น!
ริกินะอยากตะโกนใส่หน้าเพื่อนชะมัดยาดว่า “ยัยขี้โกง! หนีไปมีความสุขคนเดียวได้ไง!” แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั่นแหละเป็นคนเปิดโอกาสให้หล่อนเอง แค่ได้ยินเสียงยัยเรย์ระคุยกับฟูกะและฟุคาดะที่หาโอกาสแจมด้วยก็รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน เลยได้แต่ยกแก้วสไปร์ทขึ้นดื่มอึกๆ เพื่อดับความอิจฉาในใจ
ก่อนเธอจะได้ยินเสียงเรียกชื่อคุโรดะจากฟูกะที่ยกมือขึ้นโบกไหว กระนั้นริกินะที่เคยสนใจทุกเรื่องของคุโรดะคุงกลับไม่คิดว่าอยากหันกลับไปดูเขาอยู่กับยัยนาริโกะให้แสลงลูกกะตา แต่ริกินะก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะทันใดนั้นเอง ที่นั่งว่างอีกฝั่งข้างเธอก็จะถูกจับจอง แทนที่จะเป็นฝั่งตรงกันข้ามซึ่งมีแค่หัวหน้าห้องกับฟุคาดะ และเมื่อคุโรดะคุงเอ่ยปากทักทายเธอว่า “หวัดดี โทริ” ริกินะที่ตกใจสะดุ้งเฮือกก็เผลอคายสไปรท์กลับลงไปในแก้ว เรียกเสียงหัวเราะขบขันแต่ทำไมถึงได้ไพเราะน่าฟังจังจากเขา เหมือนกับใบหน้าตอนนี้ที่เจิดจ้าน่ารักเป็นบ้า! ขนาดทำให้ริกินะคิดว่าต่อให้ต้องอับอายกว่านี้ ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเขาเรื่อยไปเธอก็ยอม
_______________
_______________
ความคิดเห็น