คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #299 : Remember Me (80% ปีนี้เรื่องบังเอินจะหมดได้หรือยังจ๊ะ)
![](https://i.imgur.com/uVVTNJK.png)
อยู่มาวันหนึ่ง โคโคนะ อิชิมิเนะ หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด ยึดอาชีพนักแปลอิสระเพื่อเลี้ยงชีพอยู่ที่นอร์ธแคโรไลน่าในปี 2021 ก็ได้ย้อนเวลากลับมาในปี 2013
โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ ไม่มีสัญญาณบอกกล่าว และไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอตายกะทันหัน หรือย้อนเวลากลับมาด้วยวิธีการธรรมดาไม่ก็พิสดารพันลึกอะไรก็ช่างอย่างในหนังสือหรือภาพยนตร์ โคโคนะก็แค่ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ไม่ทันได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในห้องนอนที่คุ้นตามาตลอดสามปีเลยด้วยซ้ำ ก็จะถูกเบียดบังด้วยใบหน้าบ้องแบ๊วกับลูกนัยน์ตาสีฟ้ากลมโตใสแจ๋วของหลานสาวเจ้าของบ้านเช่าวัยสิบเจ็ดที่มีชื่อว่าเอลลี่ ซึ่งจะกำลังส่งยิ้มเผล่มาให้เหมือนการกลบเกลื่อน — หรือไม่แน่ว่ากำลังสนุกอยู่ต่างหาก — แล้วเริ่มต้นเอ่ยขึ้นว่า
“เพราะมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นนิดหน่อย หนูเลยเผลอดึงโคโค่เข้ามาด้วยระหว่างการเดินทางข้ามเวลา และตอนนี้เครื่องก็เจ๊งกะบ๊งจนทำให้เราต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่...หนูหมายถึงปี 2013 ด้วยกันราวๆ หนึ่งสัปดาห์จนกว่าหนูจะซ่อมเครื่องไทม์แมชชีนเสร็จ เอาเป็นว่าหนูจะบอกให้คุณตางดค่าเช่าให้หนึ่งเดือนเป็นการไถ่โทษแทนความสะเพร่าของหนู หวังว่าโคโค่จะไม่ถือสานะ!”
แต่เจ้าตัวจะเอาอะไรไปถือสาได้ในเมื่อยังจับต้นชนปลายไม่ถูกด้วยซ้ำ! แม้เมื่อเอลลี่จะผิวปากฮัมเพลงออกไปจากห้องแล้ว โคโคนะก็ยังคงได้แต่กะพริบตาปริบอยู่อย่างนั้น
โคโคนะไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมเรื่องการเดินทางข้ามเวลาที่ทั้งเหลือเชื่อ บ้าบอ และพิลึกพิลั่นของเอลลี่เลยแม้แต่น้อย ทั้งอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะความสติเฟื่องของเด็กสาวผู้หายใจเข้าออกเป็นวิทยาศาสตร์ก็เป็นสิ่งที่เธอได้ประจักษ์มาแล้วตลอดสามปีที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน (ทำไมเธอถึงได้ไม่เอะใจที่ช่วงนี้เอลลี่กลับมาดูแบค ทู เดอะ ฟิวเจอร์เป็นสิบเป็นร้อยรอบกันนะ) ขณะที่เอลลี่เอาแต่หมกตัวซ่อมเครื่องไทม์แมชชีนอยู่ในห้องใต้ดิน โคโคนะก็ตัดสินใจออกไปเตร็ดเตร่บนท้องถนน วินโดว์ช้อปปิ้งที่มอลล์และเล่นเกมจนปรุในอาร์เคดที่แวะเวียนมาประจำตอนสมัยเรียน เข้าโรงดูหนังทุกเรื่องที่ฉายในตอนนั้นทั้งที่เคยดูแล้วและพลาดไป ดื่มด่ำกับบรรยากาศและความทรงจำอันแสนสุขของบ้านเกิดที่เธออยู่มาแทบจะทั้งชีวิต หลังจากไปแค่ช่วงเดียวคือตอนเข้ามหาวิทยาลัยกิ๊กๆ ก๊อกๆ ที่นิวยอร์กตามแฟนเก่า เพราะอย่างนั้นโคโคนะเลยไม่ต้องกลัวว่าจะบังเอิญจ๊ะเอ๋กับตัวเองและทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างพวกทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกเข้า แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตามแต่
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดีที่เอลลี่กลับขึ้นมาร่วมรับประทานมื้ออาหารค่ำกับเธออย่างเหมาะสม ไม่ใช่รีบกินรีบไปเหมือนอย่างที่แล้วๆ มา เพื่อที่จะประกาศข่าวดีด้วยรอยยิ้มกว้างอย่าง
“เพื่อเป็นการทิ้งทวนปี 2013 พรุ่งนี้เราไปเที่ยวงานแฟร์กันค่ะ!”
เพราะชีวิตวัยผู้ใหญ่ที่เรียกได้ว่าวุ่นวายเสียจนโคโคนะแทบไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเตร่แบบไม่ต้องคิดอะไรเหมือนอย่างสมัยวัยรุ่นอีก การย้อนเวลามาในครั้งนี้เลยไม่ต่างจากการลาพักร้อนเพื่อชาร์จพลังงานกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นโอกาสที่หาได้อย่างยากยิ่ง และโคโคนะก็คิดว่าเธอกอบโกยมันได้อย่างเต็มที่แล้ว เป็นเพราะความอึกทึกครึกครื้นและความมีชีวิตชีวาของงานแฟร์ที่ห่างหายไปนานหลายปีที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้น เอลลี่ที่ยังเป็นสาวน้อยพลังงานล้นเหลือก็แสนจะคึกคัก ดึงแขนชวนเธอไปเล่นแทบจะทุกเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวจนคนอายุมากกว่าเป็นต้องมึนหัวมวนท้อง รู้สึกวิงเวียนคล้ายว่าจะเป็นลมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ใช่ว่าโคโคนะจะไม่สนุกไปกับมันด้วย เธอยังพูดคุยหัวเราะกับเอลลี่จนถึงตอนพักที่มองหาโต๊ะว่างแล้วนั่งกินอาหารที่ซื้อมาเต็มไม้เต็มมือด้วยกันอยู่เลย
ท้องฟ้ามืดแล้วในตอนที่เอลลี่บอกว่าขอตัวไปเดินย่อยอาหาร ถึงโคโคนะจะรู้ว่าหล่อนคงแอบดอดไปหาพ่อหนุ่มน้อยน่ารักที่เจอตอนต่อคิวรอเล่นรถไฟเหาะต่างหาก ความคิดของโคโคนะที่นั่งเหม่ออยู่คนเดียวล่องลอยไปเรื่อยเปื่อยขณะมองดูผู้คนและแสงสีเบื้องหน้าอย่างไม่จับจด ก่อนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามซึ่งเคยเป็นของเอลลี่จะถูกแทนที่ด้วยผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ให้โคโคนะรีบหันขวับกลับมาด้วยความตกใจ เพื่อที่จะได้ตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าคนที่ควรแปลกหน้ากลับไม่ใช่คนแปลกหน้าเลยสักนิด...อย่างน้อยๆ ก็สำหรับเธอ!
แน่นอนว่าโคโคนะย่อมต้องจดจำใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ และเธอหมายถึงในแบบที่โตกว่านี้มาก จากหน้านิตยสาร ในอินเทอร์เน็ต รวมถึงทั้งบนจอแก้วและจอเงิน เพราะทาเกยูกิ มายูมิ — ในอีกหลายปีต่อจากนี้ — ก็คือหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงจากหนังรวมฮีโร่ แม้ว่าคำวิจารณ์ของหนังจะผสมกันไป (ส่วนใหญ่ในทางลบ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับเธอที่ออกตัวปกป้องหนังเรื่องนี้จะเป็นจะตายเพราะผู้ชายหล่อแล้วหนึ่ง) แต่รายได้ที่เรียกว่าถล่มทลายก็ทำให้นักแสดงวัยรุ่นกอดคอกันดังยกแผง ไม่ใช่แค่นั้น โคโคนะยังมั่นใจว่าเคยเห็นเขาไกลๆ ในเมืองเล็กแบบนี้ปีละครั้งสองครั้ง พอลองไปค้นประวัติดูถึงได้รู้ว่าบ้านเกิดของเขาก็อยู่ที่วิลมิงตันเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นที่เธอเห็นก็คงจะเป็นตัวจริง
แต่เหตุผลที่ทำให้โคโคนะสะดุ้งสุดตัวมาจากคำพูดของเขาที่ว่า “เธอน่ารักมากเลย มากับเพื่อนก็แปลว่ายังไม่มีแฟน งั้นขอจีบได้ป่ะ?” แบบที่โคโคนะมั่นใจเลยว่าเธอไม่ได้กำลังหูฝาดไปเอง!
ถ้าเป็นทาเกยูกิในอนาคตที่อายุห่างกันแค่สี่ปีก็ไม่แน่ ไม่สิ...ไม่ใช่แค่ไม่แน่ แต่เธอจะประเคนเบอร์โทรศัพท์พร้อมที่อยู่บ้านให้เขาไปเลยด้วยซ้ำเถอะ! เพราะไม่มีทางที่คนธรรมดาอย่างเธอจะปฏิเสธเด็กหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดีแบบนี้แน่ล่ะ แต่สำหรับทาเกยูกิตอนนี้ที่อยู่ในวัยเดียวกับเอลลี่ที่เธอมองเป็นน้องเป็นนุ่งนี่ยังไงก็ไม่มีทางเด็ดขาด! เพราะอย่างนั้นโคโคนะถึงได้ตอบกลับไปด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“โนเวย์!”
“ทำไม? เพราะผมเด็กกว่าเหรอ?” ขณะที่เขาก็จะสวนย้อนกลับมาทันควัน “ขอทีเหอะ มันจะสักเท่าไหร่เชียว”
และหญิงสาววัยยี่สิบตอนปลายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มรับคำชมนั้น “ขอบใจที่พูดอย่างนั้น แต่ต่อให้หน้าตาฉันจะเป็นยังไง ตอนนี้เราก็อายุห่างกันเกินกว่าที่ฉันจะสนใจเด็กอย่างเธอ” โดยไม่ลืมที่จะเน้นย้ำ “ส่วนคำตอบของคำถามข้อแรก ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ แต่ฉันมาจากอนาคตในอีกแปดปีข้างหน้าที่เธอจะได้เป็นดาราวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ขณะที่ฉันเป็นแค่นักแปลซับไตเติลกิ๊กก๊อกไปวันๆ และไม่แน่ว่าสักวันอาจจะได้แปลผลงานของเธอลงแผ่นหรือเคเบิลทีวีด้วยซ้ำไป สรุปก็คือเธออย่าเสียเวลามาสนใจผู้หญิงกระจอกงอกง่อยที่ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่มีวันคู่ควรอย่างฉันเลยดีกว่า”
เรียกเสียงหัวเราะที่ฟังดูขบขันมากจากเขา ทั้งที่เธอกำลังพูดความจริง — ที่ดันฟังอย่างไรก็ดูไม่จริง — อยู่แท้ๆ
“เชื่อก็บ้าแล้ว”
“อ๋อเหรอ คุณทาเกยูกิ มายูมิ”
“เดี๋ยวนะ นี่ผมบังเอิญแนะนำตัวเองหรือเปล่า?”
“งั้นฉันชื่ออะไรล่ะ?” เมื่ออีกฝ่ายเม้มปากทำท่าครุ่นคิด จึงเป็นทีให้โคโคนะได้เปล่งเสียงหัวเราะออกมา “อย่างนั้นก็แปลว่าไม่”
“งั้นก็บอกมา”
“โคโค่”
“ชื่อเต็มสิ”
“ไม่บอก ขืนเธอตามหาฉันในอดีตก็แย่สิ”
“ผมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนั้นหรอกน่า”
อันที่จริงโคโคนะก็อยากสวนย้อนกลับไปตามนิสัยอยู่หรอก แต่กับเด็กช่างตื๊อแบบนี้เห็นทีมีแต่จะเข้าเนื้อตัวเองเปล่าๆ ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้คือหาทางชิ่งหนีไปเลยง่ายกว่า คิดแล้วก็แสร้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วร้องออกมาว่า “ตายแล้ว! ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย! ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันต้องพาน้องสาวกลับบ้านแล้วล่ะ”
“พูดจริงป่ะเนี่ย?”
โคโคนะพยายามกลั้นยิ้มขำก่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จริงสิ ไม่งั้นพ่อของน้องฉันเอาตายแน่เลย!”
“งั้นเราจะได้เจอกันอีกไหม?”
ไหนๆ ก็ไหนๆ โคโคนะตัดสินใจหยิบปากกาหมึกซึมที่พกติดตัวไว้เสมอขึ้นมา คว้าทิชชู่ที่ยังไม่ได้ใช้แล้วก้มหน้าเขียนอะไรยุกยิกลงไปบนนั้น
“ไว้เจอกันในอีกแปดปีข้างหน้าแล้วกัน”
จากนั้นก็ยัดทิชชู่ใส่มือของทาเกยูกิที่มีสีหน้างงงวยเป็นการทิ้งท้าย จังหวะที่เขาก้มหน้าลงไปอ่านปุ๊บโคโคนะก็ถือโอกาสนั้นเผ่นหนีปั๊บ ขอบคุณผู้คนที่พลุกพล่านมากขึ้นในตตอนที่ล่วงดึกจนทำให้เขาคลาดกับเธอที่มุดหลบฝูงชนออกมา เพราะย่อมไม่มีทางที่ผู้หญิงปวกเปียกอย่างเธอจะหนีเด็กหนุ่มนักกีฬาแบบนั้นพ้นแหงล่ะ! ถึงจะเป็นอะไรที่น่าอับอายชะมัดยาดก็ช่างมันแล้ว ในเมื่อยังไงเธอกับเขาก็ไม่มีวันได้กลับมาเจอกันอีก ต่อให้ผ่านไปอีกแปดปีข้างหน้า...อย่างที่เธอเขียนลงไปในทิชชู่แผ่นนั้นก็ตาม
![](https://i.imgur.com/phjaS3V.png)
_______________
ความคิดเห็น