คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #284 : Escape From Damned Waialua
เป็นอีกหนึ่งวันธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ผิดแผกไปจากวันอื่นๆ ของไทโช อิวาซากิ ตั้งแต่การขับรถกินลมชมวิวรับอากาศสดชื่นที่มาพร้อมกลิ่นลมทะเลโดยไม่เร่งรีบ มาจนถึงห้องปกครองที่เขาต้องลงชื่อและแจ้งเหตุผลที่มาสายซึ่งดูเหมือนว่าจะมีแต่ลายมือชื่อของเขากับเหตุผลเดิมๆ เรียงติดกันเป็นพรืดเต็มหน้ากระดาษอย่างเช่นว่า ‘การจราจรติดขัด’ ที่ทุกคนในเมืองเล็กอย่างไวอาลูอาต่างรู้ดีว่าไม่มีทางจะเป็นเรื่องจริง จากนั้นถึงค่อยขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง แล้วย่ำฝีเท้าไปตามโถงทางเดินในช่วงคาบเรียนที่หนึ่งซึ่งไม่ใคร่จะมีใครสวนทาง
หรือที่ไทโชควรจะพูดว่ามันเคยเป็นอีกหนึ่งวันธรรมดา กระทั่งเขาเดินเลี้ยวจากหัวมุมมา ลืมตาขึ้นจากการอ้าปากหาวหวอดๆ เพราะน้ำตาที่ขังอยู่ตรงหน่วยตาเลยทำให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าที่อยู่สุดทางเดินนั้นได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่การเจอเด็กนักเรียนคนอื่นระหว่างเข้าคาบเรียนไปแล้วไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก เขาจึงหยุดฝีก้าว หรี่ตาเพ่งจ้องเด็กหนุ่มคนนั้นที่ก็จะหยุดการกระทำลงไปในวินาทีเดียวกัน
ก่อนที่ความคิดข้างในหัวสมองจะได้ทันเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ทันทีที่ไทโชเริ่มจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดเด็กหนุ่มคนนั้นก็จะวิ่งตรงมาหาเขา
เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าและรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกันกับเขาในวันนี้ทุกประการ
โคโนกะ คาริยะหวีดเสียงร้องลั่นออกมาดังมากจากอารามตกใจ ในตอนที่หมุนลูกบิดประตูเข้าไปในห้องที่ทึบทึมเพราะม่านที่ถูกรูดปิดและสวิตช์ไฟที่ใช้การไม่ได้มาตั้งแต่วันพุธเพราะยังไม่มีใครมาเปลี่ยนหลอดไฟ ผนวกกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มตั้งแต่ตอนเช้าตรู่จนแทบไม่มีแสงแดดลอดผ่านช่องว่างแม้สักเสี้ยวมิลลิเมตรเข้ามา สิ่งที่สายตาแรกสุดของเธอตวัดไปเห็นจึงเป็นเพียงเงาร่างสีดำที่ตรงมุมห้อง เรียกให้คนที่กำลังเดินก้มหน้ากดมือถือตามหลังอยู่ต้องรีบโผล่พรวดเข้าไปเผื่อว่าจะมีอะไร และเมื่อเด็กสาวผู้นั้นมองเลยไปเห็นภาพเดียวกัน หล่อนก็จะรีบเบียดกระแทกผ่านเธอที่ยังตัวแข็งค้างเข้าไปทั้งอย่างเร็วและอย่างแรง หากโคโนกะก็ไม่ได้นึกขุ่นเคืองอะไร เมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าความใส่ใจอันดับหนึ่งตลอดมาของเลนน่อน อิโซเบะก็คือไทโช อิวาซากิ — หรือก็คือคนที่กำลังนั่งก้มหน้ากอดเข่าคู้ตัวอยู่ตรงมุมห้องด้วยท่าทีที่เหมือนกับกำลังหวาดกลัวอะไร...บางอย่าง
“ไทโช! เป็นอะไร! เกิดอะไรขึ้น!”
“ล...เลนน่อน!” เขาละล่ำละลักร้องเรียกชื่อเธอที่ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่ตรงหน้า ค่อยๆ เอื้อมไปแตะท่อนแขนที่สั่นเทาผ่านเสื้อแขนยาวนั้นไว้ ก่อนต้องกลายเป็นฝ่ายตกใจเสียเองเมื่อเขาโจนเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ให้ได้ซวดเซ หาใช่เพื่อเป็นหลักยึด แต่เพื่อตรึงความสนใจ ที่แม้ว่าเลนน่อนจะกำลังจ้องสบตากับเด็กหนุ่มที่เป็นทุกความสนใจนับตั้งแต่วินาทีแรกด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร เธอก็ไม่ได้บังเกิดความรู้สึกอื่นใด นอกจากความเป็นห่วงเป็นใยต่อท่าทีที่ไม่เคยได้พบเห็นนั้นจากใจจริง
“ฉัน...ฉันเห็นตัวเอง”
“เอ๊ะ?”
“ฉันเห็นตัวเอง เลนน่อน! ฉันเห็นตัวของฉันเอง!” ไหล่ของเธอถูกเขย่าอย่างแรงมากขณะที่เขาตะโกนเน้นย้ำคำพูดซ้ำเดิมใส่หน้าเธออย่างนั้น “ฉันเห็นตัวฉันเองอีกคนที่ระเบียงทางเดินตอนเช้าวันนี้! มัน...มันวิ่งไล่ตามฉัน! แล้วฉันก็วิ่งหนีมันมาจนถึงนี่! ฉัน...ฉันเห็นหน้ามัน มัน...มันก็คือฉัน!”
ก่อนโคโนกะที่สติกลับคืนมาแล้วและกำลังยกมือขึ้นลูบผ่านส่วนที่ถูกกระแทกจนชาแปลบพลาง จะเป็นฝ่ายชิงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนักว่า “นายหมายถึง...แบบ...ดอพเพลแกงเกอร์เหรอ?”
“มันเป็นเพราะบ้านร้างหลังนั้น”
ไทโชไม่ได้ตอบคำถามนั้น แม้ว่าเขาจะขยับใบหน้าหันไปหาเจ้าของคำถามซึ่งยังคงยืนอยู่หน้าประตูแล้วก็ตาม มือที่จับไหล่ของเด็กสาวคนตรงหน้าลาดลง แต่เลนน่อนที่ยังคงสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาก็ตัดสินใจทิ้งความเหนียมอายใดๆ แล้วเอื้อมไปกอบกุมฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งเอาไว้เพื่อช่วยปลอบโยน
“นายหมายถึงบ้านร้างที่ฮิดากะพาพวกเราไปเล่นซ่อนแอบกันตอนสุดสัปดาห์นั่นน่ะเหรอ?”
“ไม่ใช่ฮิดากะ” เมื่อไทโชเอ่ยชื่อเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในห้องนี้ เลนน่อนก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบบนฝ่ามือที่แน่นขึ้นกว่าเดิมจนเธอต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ แต่ถ้าความเจ็บปวดของเธอสามารถแลกเปลี่ยนกับความหวาดหวั่นของเขาได้แม้แค่เพียงเล็กน้อย เช่นนั้นแล้วเธอก็ยินยอมพร้อมแลกทุกอย่าง
“ฉันคิดว่าคนที่กลับมากับเราหลังจากบ้านร้างไม่ใช่ฮิดากะคนเดิมแล้ว”
โคโนกะตัดสินใจโทร.เรียกรวมตัวสมาชิกกลุ่มเรื่องลึกลับอีกสองคนที่เหลือในเวลาเที่ยงวัน โดยไม่นับรวมสมาชิกอีกหนึ่งคนที่ถูกเอ่ยชื่อไปแล้วจากคนที่กลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีที่เกือบจะเป็นปกติ กระนั้นไทโชก็ยังคงมีอาการสั่นเทาหลงเหลืออยู่ โดยมีเลนน่อนคอยดูแลอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่าง ไม่นานหลังจากนั้น ยูโตะ นาสุและคานาซาชิ อิซเซย์ก็เดินผ่านบานประตูเข้ามาด้วยกัน ความครื้นเครงของพวกเขาในยามนี้ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจจากคำพูดของไทโชได้ โชคดีที่เด็กหนุ่มซึ่งถูกพาดพิงถึงหยุดเรียนวันนี้พอดี ไม่อย่างนั้นแล้ว การนัดพบกันในโรงเรียนโดยขาดสมาชิกคนใดคนหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องน่าสงสัยขึ้นมาทันที
และยูโตะที่ทำท่าว่าจะร้องแซวเพื่อนชายหญิงทั้งสองที่ไม่ยอมหันหน้ามาทักทายก็จะถูกเสียงกระแอมในลำคอของโคโนกะหยุดไว้ พยักเพยิดให้ผู้มาใหม่ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ที่ล้อมโต๊ะขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง จากนั้นเริ่มต้นเปิดประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมว่า
“วันนี้ไทโชบอกว่าเจอดอพเพลแกงเกอร์ของตัวเอง”
เรื่องแบบนี้คงจะเรียกเสียงหัวเราะขบขันได้มากโขภายในห้องเรียน แต่เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ เหล่านั้น พวกเขาคือสมาชิกชมรมค้นคว้าเรื่องลึกลับที่เชื่อเรื่องแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติกันสุดหัวจิตหัวใจ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นความเย็นยะเยือกที่โอบล้อมอยู่ในชั้นบรรยากาศ จนต่างได้ยินเสียงลมหายใจของกันอย่างชัดเจน
อีกชั่วอึดใจต่อมา สายตาทุกคู่ก็จะเปลี่ยนไปหาอิซเซย์ซึ่งนั่งอยู่ข้างกันกับเจ้าของประโยคก่อนหน้าเมื่อเขาเอ่ยขึ้นว่า
“อันที่จริงฉันเองก็เจอเรื่องแปลกๆ เหมือนกัน แต่ตอนนั้นฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือแค่ตาฝาดไปเองกันแน่ เลนน่อน จำเย็นวันอาทิตย์ที่เธอแวะไปที่สตูดิโอเต้นรำได้ไหม?”
เลนน่อนพยักหน้ารับ วันนั้นเธอตั้งใจแวะไปหาไทโชที่สตูดิโอเต้นรำระหว่างทางกลับจากไปซื้อของ แต่ดูเหมือนว่าจะคลาดกับเขาที่ออกไปกับยูโตะก่อนหน้านั้นไม่นาน ทำให้เหลือแค่อิซเซย์ที่กำลังซ้อมอยู่คนเดียว
“ตอนนั้น...”
เป็นเรื่องปกติที่สตูดิโอเต้นรำจะยังสว่างไสวไปด้วยแสงไฟและเสียงเพลงในเวลาเกือบๆ หนึ่งทุ่มของวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ ปกติแล้ว เขา ไทโช และยูโตะจะยึดครองสตูดิโอนี้จนค่ำมืดดึกดื่น นอกจากการเป็นสมาชิกชมรมค้นคว้าเรื่องลึกลับที่โคโนกะเป็นคนก่อตั้งแล้วลากเพื่อนข้างบ้านที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้อย่างยูโตะ...ซึ่งจะลากเด็กหนุ่มคนอื่นที่เหลือมาด้วยได้สำเร็จแล้ว พวกเขาทั้งสามก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่เลยว่าจะออกจากเกาะเพื่อไปเป็นนักเต้นในดินแดนที่กว้างใหญ่กว่านี้เมื่อเรียนจบ พวกเขาจึงมักใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนหรือไม่ก็วันหยุดมาซ่องสุมกันอยู่ที่นี่ บ่อยครั้งสมาชิกชมรมอีกสามคนที่เหลือจะพากันแวะเวียนมาหา ด้วยเหตุนั้นจึงแทบไม่เคยมีคำว่าเงียบเหงา และตลอดสองปีที่พวกเขาลงขันกันเช่าสตูดิโอใหม่เอี่ยมอ่องแห่งนี้ ก็ไม่เคยมีเรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ ปรากฏให้เห็นเลยแม้สักครั้ง
ปกติอิซเซย์ก็ใช่ว่าเป็นคนกลัวผีอะไร อันที่จริงจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าคนเราย่อมไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวในสถานที่ที่คุ้นเคย อย่างน้อยๆ อิซเซย์ก็เชื่อแบบนั้น เขาถึงไม่ทันได้เอะใจในทีแรก
ในยามที่หันหลังไปหยิบขวดน้ำแล้วหันกลับมาส่องกระจกเต็มตัวตรงหน้าเพื่อที่จะมองเห็นตัวเอง — ในสภาพขอบตาสีดำคล้ำล้อมกรอบดวงตาสีเหลืองวาววับกับมุมริมฝีปากที่ยกขึ้นข้างหนึ่ง — จ้องตอบกลับมา
หัวสมองของอิซเซย์ยังไม่ทันได้ใคร่ครวญให้ถ่องแท้ ถ้อยเสียงที่เลียนแบบการเคาะประตูตามมาก็จะรั้งเรียกความสนใจจากเขาไปเสียก่อน เป็นเลนน่อนที่ยื่นหน้าเข้ามาผ่านบานประตูที่ถูกแง้มให้กว้างขึ้น อิซเซย์หันไปบอกว่าไทโชออกไปแล้วและคืนนี้คงไม่กลับมาอีก เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ได้เซ้าซี้ถามถึงเพื่อนคนอื่น ก่อนชักชวนเขาไปกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารของพ่อเธอด้วยกัน
รอยยิ้มตอบรับของอิซเซย์ยังค้างอยู่บนใบหน้า เฉกเช่นเดียวกับกระจกที่บัดนี้จะแค่สะท้อนอิริยาบถของเขาในแบบที่เป็นออกมา
“รู้ไหมว่ากระจกคือประตูไปอีกมิติหนึ่ง ถ้าเลนน่อนไม่โผล่ไปที่นั่นพอดีนายอาจจะถูกพาตัวไปแล้วก็ได้” โคโนกะว่าพลางลูบท่อนแขนที่เปลี่ยนมากอดอกไว้ตลอดช่วงเวลาที่รับฟังเรื่องเล่าเหล่านั้น โชคดีที่ในห้องนี้ไม่มีกระจกเต็มตัว เธอจึงไม่ต้องกลัวว่าสายตาจะเผลอตวัดผ่านไปให้เสียวสันหลังเล่น “แล้วนายล่ะยูโตะ เคยเจอแฝดผีของตัวเองบ้างหรือยัง?”
ให้เจ้าตัวรีบสั่นศีรษะรัวเร็ว “ยัง และไม่อยากเจอด้วย”
“ฉันก็ยัง เลนน่อนก็ยัง”
“แล้วอยากเจอไหมล่ะ?” ให้ยูโตะอดไม่ได้ที่จะเย้า
“ก็อยากนะ”
“เธอพูดแบบนั้นได้ เพราะเธอไม่รู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน” ในที่สุดไทโชที่นั่งเงียบอยู่นานก็โพล่งขึ้นมา “ถ้าเกิดว่าถูกมันจับได้เราจะเป็นยังไง! ไม่สิ...ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นยังไง! เราจะถูกมันยึดร่าง เหมือนที่ฮิดากะเป็น ฉัน...ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น! ฉันไม่อยากให้ใครมายึดร่างฉันไป!”
“ไม่เป็นไรนะไทโช พวกเราอยู่นี่ ฉันอยู่นี่ จะไม่มีใครทำอะไรนายได้”
และทุกคนในที่นี้...อาจเว้นก็แต่เจ้าตัว...ต่างรู้ว่าเลนน่อนสามารถทำทุกอย่างเพื่อไทโชได้จริง โคโนกะจึงส่งสีหน้าแสดงความเห็นอกเห็นใจไปให้กับแผ่นหลังของหล่อนที่ดูจะไม่รับรู้ถึงมัน ปล่อยให้ทั้งสองคนได้มีช่วงเวลาของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มต้นโยนหัวข้อเรื่องซึ่งควรจะได้รับการต่อชิ้นส่วนปริศนาให้เป็นรูปเป็นร่างเสียทีว่า
“ไทโช นายบอกว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากที่บ้านร้างใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อย ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น และเหตุผลที่นายคิดว่าฮิดากะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว”
_______________
ความคิดเห็น