คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #117 : Hisoubi
ลมหายใจของพวกเขาที่ออกวิ่งกันไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วในป่ารกชัฏที่มืดมิดและมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องให้เห็นทางเริ่มจะติดขัด
แต่พวกเขาก็รู้ว่าจะหยุดไม่ได้เป็นอันขาด ตราบเท่าที่เสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะเยาะหยันที่สะท้อนก้องเหล่านั้นจะยังคงดังไล่หลังตามมา
ทั้งอย่างนั้น เด็กสาวที่วิ่งหอบหายใจอยู่ระหว่างกลางก็ไม่อาจจะทานทนได้ไหวอีกต่อไป
เมื่อร่างของหล่อนทรุดฮวบลงไปจากความเหนื่อยล้า หาใช่การสะดุดล้มบนผืนหญ้าหรือรองเท้าผ้าใบที่ทำให้เสียการทรงตัวอะไรทั้งนั้น
เรียกให้เด็กสาวอีกคนที่วิ่งนำหน้าไปก่อนต้องชะงักกึกแล้วหันขวับมามอง ขณะเด็กหนุ่มที่ไม่ได้วิ่งสุดฝีก้าวเมื่อคุ้มกันอยู่รั้งท้ายให้เด็กสาวทั้งสองคนก็เผ่นพรวดเข้าไปช่วยไว้ไม่ทัน
น้ำเสียงของหล่อนเมื่อเอ่ยขึ้นเป็นคำพูดสั้นๆ เพียงแค่ว่า “หนีไป...ทิ้งฉันไว้” อย่างแสนจะแผ่วผิวก็ทั้งหอบและสั่น
แต่เขาไม่สนใจที่จะทำตามเมื่อรีบก้มตัวลงไปประคอง เช่นเดียวกับเธอที่วิ่งกลับมาหา บอกให้เขารีบพาหล่อนไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งก่อน
ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อยทั้งจากเธอและเขาที่ต่างก็ทำตามใจตัวเอง
โดยไม่ใส่ใจหล่อนที่พยายามร้องห้ามหรือว่าขัดขืนการกระทำที่รังแต่จะทำให้กลายเป็นภาระเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าหล่อนที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงลงไปแล้วไม่สามารถยื้อยุดสู้กับเด็กหนุ่มนักกีฬาได้ไหว
เพียงปล่อยให้เขาประคอง ยกท่อนแขนข้างหนึ่งขึ้นพาดไหล่แล้วลากท่อนขาปวกเปียกของตัวเองตามไปด้วย
เธอมองตามแผ่นหลังของพวกเขาทั้งคู่กระทั่งลับหายไปจากสายตาพร้อมกับความมืดมิดที่เบื้องหลัง
เมื่อนั้นจึงขยับใบหน้ากลับมายังความมืดมิดที่เบื้องหน้า แล้วเฝ้ารอคอย
เสียงฝีก้าวสวบสาบในจังหวะของการเดิน ไม่ใช่การวิ่งห้อจนสุดแรงกระทั่งมันจะเหือดหายลงไปเหมือนที่พวกเขาเป็นจะใกล้เข้ามา
ก่อนเค้าโครงของมนุษย์จะค่อยๆ ประกอบขึ้นเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น แต่เธอไม่เสียเวลาอยู่ดูจนถึงวินาทีสุดท้ายซึ่งอาจจะสายเกินไป
ในตอนที่ตัดสินใจออกเร่งฝีเท้าไปอีกครั้ง ลมหายใจของเธอหอบสั่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
หัวใจเต้นรัวแรงจากความเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัดปกติเกินกว่าที่จะทานทนไหว แต่ตราบเท่าที่ร่างกายของเธอจะยังไปไหว
เธอก็จะไม่ถอดใจยอมแพ้เป็นอันขาด
แต่ไปได้แค่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอก็จะถูกน้ำหนักโถมถั่งเข้าใส่จากด้านหลังจนร่างกายที่อ่อนแรงอยู่แล้วล้มตึงลงไป
โชคดีที่เธอพลิกตัวกลับมาทัน จึงเป็นแผ่นหลังที่กระแทกอย่างหน่วงหนักจนปวดระบม เธอไม่ได้กรีดเสียงร้องออกมา
มีเพียงเสียงหัวเราะที่ขาดหายไปของเขาซึ่งพลันหวนกลับคืนมา ครานี้แจ่มชัดอยู่เหนือร่างของเธอที่พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดพ้นถึงรู้ว่าเป็นการเสียแรงเปล่า
มือของเขาข้างหนึ่งกดลงไปที่ไหล่จนเธอคิดว่ากระดูกที่อยู่ข้างใต้นั้นอาจจะถูกบดขยี้เป็นผุยผง
มองเห็นมีดสีเงินวาววับสะท้อนในแววตาเขาอยู่ที่มืออีกข้างหนึ่ง เธอได้แต่เอื้อมมือข้างที่ยังใช้การได้ไปปาดป่าย
จนไปถึงใบหน้าของเขาที่ปลายนิ้วชี้ของเธอบังเอิญหลุดเลื่อนเข้าไปในริมฝีปากซึ่งปิดงับลงไปอย่างฉับพลัน
พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากแรงกดบนฟันที่คล้ายว่าจะฉีกทึ้งมันให้ขาดออกจากกันในวินาทีนั้น
เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
และหัวใจที่ยังคงเต้นรัวแรงเป็นอย่างมาก แม้ว่าเหงื่อกาฬจะไม่ได้ไหลโทรมกายจนต้องถอดเสื้อยืดออกมาบิดซับ
หากก็เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนเข้มข้น เช่นเดียวกับความปวดแปลบจากปลายนิ้วชี้ที่แล่นริ้วขึ้นมา
เมื่อยกมันขึ้นมาส่องต้องกับแสงจันทร์ที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนหนาซึ่งพลิ้วไหวเพราะหน้าต่างที่เธอจะเปิดแง้มไว้เพื่อให้ลมธรรมชาติพัดผ่านเข้ามาตลอดทั้งคืน
เธอก็ได้เห็นรอยกัดเป็นวงสีแดงเหมือนกับในความฝันอยู่บนนั้น
ทุกอย่างในรั้วโรงเรียนยังคงดำเนินเดินไปเฉกเช่นปกติ
ไม่ว่าจะเป็นนากามูระ ไคโตะที่เดินหาวหวอดๆ เข้ามาก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวหลังสุดกลางห้องแล้วล้มตัวลงนอนทั้งอย่างนั้นโดยไม่สนใจเสียงกริ่งเข้าเรียนที่กำลังดัง
เจสซี่ ลูอิสที่นั่งกินขนมปังเป็นมื้อเช้าพลางพูดคุยเสียงดังกับเพื่อนโต๊ะข้างๆ ด้วยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยตรงที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งประตูห้องเรียน หรืออิริกิ ยูซุรุที่นั่งหน้าสุดริมหน้าต่างซึ่งทำทีเป็นเท้าคาง
กวาดสายตาคล้ายไม่ตั้งใจ หากเธอรู้ว่าหล่อนตั้งใจมองตามไคโตะตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในห้อง
จากนั้นจึงค่อยกลับไปเออออเรื่องนิตยสารแฟชั่นที่กลุ่มเพื่อนๆ ซื้อมาเปิดดูด้วยกันกับรอยยิ้มที่แผ่กระจายไปทั่วบนใบหน้า
ไม่มีใครแสดงท่าทีเหมือนกับว่าเคยผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายในป่า ที่เธอยังคงรู้สึกได้อย่างแจ่มแจ้งแม้เวลาจะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วราวกับมันเกิดขึ้นจริง
รอยกัดบนปลายนิ้วชี้ที่บัดนี้เธอใช้พลาสเตอร์พันปิดมันแล้วก็ราวกับเกิดขึ้นจริง กระนั้นฮามาดะ
จิซุรุก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นจริง
อาจเรียกได้ว่าเป็นความฝันที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของจิซุรุ
ไม่ใช่แค่เรื่องราว ความรู้สึก แต่ยังรวมถึงบุคคลทั้งสามที่เธอไม่ได้สนิทสนมหรือแทบจะเคยพูดคุยด้วยเลยถึงจะอยู่ร่วมห้องเดียวกันมาตั้งแต่ตอนไฮสคูลปีหนึ่ง
กระทั่งถึงเกือบปลายเทอมหนึ่งของไฮสคูลปีสองในตอนนี้ พวกเขาทั้งสามคนล้วนแล้วแต่เป็นคนดังประจำห้องที่มีเพื่อนสนิทมิตรสหายในสังคมประเภทเดียวกันอยู่มากมาย
เช่นไคโตะที่เป็นศูนย์กลางเรื่องเกมและการ์ตูน เจสซี่ที่เป็นเด็กหนุ่มนักกีฬาบาสเกตบอลประจำโรงเรียน
หรือยูซุรุที่ชอบเรื่องสวยๆ งามๆ และเคยเป็นนางแบบผู้อ่านในนิตยสารวัยรุ่นอยู่หลายหน
ตรงกันข้ามกับเธอที่ต้องแกล้งทำเป็นขลุกตัวอยู่กับหนังสืออะไรก็ได้ในมือลำพังเสมอ ก็ใช่ว่าไม่อยากมีเพื่อน
แต่ถ้าผูกมิตรตั้งแต่แรกไม่ได้ก็ไม่มีทางจะเป็นไปได้แล้วในตอนนี้ โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์การกลั่นแกล้งเกิดขึ้นภายในห้อง
แต่ก็เป็นชีวิตที่คงเรียกว่ามีความสุขสำหรับจิซุรุไม่ได้อยู่ดี
ตลอดทั้งวัน เธอไม่อาจหยุดคิดถึงเรื่องราวในความฝันที่เกิดขึ้นได้เลย
เพราะตำแหน่งที่นั่งหลังสุดริมหน้าต่าง เธอจึงสามารถมองดูแผ่นหลังของยูซุรุ หรือใบหน้าด้านข้างของเจสซี่ได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ใช่กับไคโตะ และไม่ได้เป็นเพราะว่าเขานั่งถัดไปจากเธอโดยมีเด็กหนุ่มตัวสูงมากอีกคนคั่นกลาง
แต่เป็นเพราะเขาหายตัวไปตั้งแต่ตอนเรียนวิทยาศาสตร์ในคาบที่สองและยังคงไม่กลับมาแม้ใกล้จะหมดช่วงพักเที่ยงแล้ว
เป็นคำตอบที่ทุกคนในห้องคาดเดาได้ เช่นเดียวกับจิซุรุที่กระสับกระส่ายมากเสียจนอ่านหนังสือที่ทำทีเป็นเปิดค้างไว้และหยุดอยู่ที่หน้าเดิมโดยไม่มีอะไรผ่านเข้าหัวหรือว่าตาไม่ไหวอีกต่อไป ตัดสินใจลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่งแล้วขึ้นไปตามหาเขาบนดาดฟ้า ทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าถ้าได้เจอหน้าเด็กหนุ่มคนที่ต้องการฆ่าเธอในความฝันแล้วจะทำอย่างไร
แต่สิ่งที่จิซุรุได้พบเมื่อหมุนลูกบิดประตูดาดฟ้าเข้าไป
กลับเป็นเสียงตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมากของเด็กหนุ่มสองคนที่จิซุรุเพิ่งจะพานพบมาในความฝัน
คนหนึ่งคือเจสซี่ ลูอิส ที่แสดงออกว่าชอบอิริกิ ยูซุรุอย่างเปิดเผยหลังจับคู่ทำรายงานกลุ่มสามคนในวิชาดาราศาสตร์
ส่วนอีกคนก็คือนากามูระ ไคโตะ ซึ่งกำลังตอบโต้ข้อครหาเรื่องของอิริกิ ยูซุรุว่าเขาไม่ได้ชอบพอหล่อน
ไม่ได้ไปดักรอหล่อนที่ชิบุยะแล้วแวะกินข้าวด้วยกันในร้านฟาสต์ฟู้ดสองต่อสอง หรือไปต่อที่โรงแรมอย่างที่เจสซี่กำลังใส่ไฟอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
จิซุรุไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่เลี้ยวลดกลับไปยังทิศทางที่มาก่อนพวกเขาจะหันมาเห็น ทั้งยังขยับฝีเท้าในรองเท้าหนังเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหยุดยืน แอบมองดูพวกเขาด้วยความนิ่งงันอยู่อย่างนั้น กระทั่งวาจาผรุสวาทที่สาดทอ
เปลี่ยนกลายเป็นความรุนแรงทางกำลังของหมัดที่ทั้งคู่ต่างเหวี่ยงเข้าหากันโดยไม่บรรเทา
มันก็ควรจะจบลงที่การทำร้ายร่างกายของเด็กผู้ชายสองคนที่ทะเลาะกันเท่านั้น ถ้าเพียงแต่แผ่นหลังของไคโตะจะไม่ได้ล้มลงไปหารั้วที่อยู่ด้านหลัง
รั้วไม่แข็งแรงที่จิซุรุจำคำบอกเล่าของคุณลุงภารโรงตอนที่ขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ว่ามันเก่ามากจนรองรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว
และกำลังจะยื่นเรื่องขอทำรั้วใหม่กับผู้อำนวยการ
ไวกว่าความคิด จิซุรุรีบพุ่งตัวออกไปหาเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวเดิน
กระนั้นมันก็ยังสายเกินไปเมื่อเธอไม่อาจฉวยคว้าท่อนแขนของเขาเอาไว้ได้ หรือแม้แต่จะเฉียดกรายผ่านเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนั้น
มีเพียงสิ่งเดียวที่จิซุรุทันได้เห็นคือสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดของไคโตะที่สะท้อนเค้าหน้าของเธออยู่ในแววตา
และก่อนที่จิซุรุจะได้กระทำสิ่งใดแม้แต่การเปล่งเสียงร้องเรียกชื่อของเขาผ่านลำคอที่เหนียวหนืด
เธอก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่ผลักแผ่นหลังจนร่างกายร่วงหล่นลงไปตามแรงโน้มถ่วง น่าแปลกที่จิซุรุไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในยามที่เสี้ยวหน้าด้านขวาของเธอกระแทกลงไปกับพื้นคอนกรีต
ส่งเลือดสีแดงฉานอาบล้อมรอบตัวเหมือนวงล้อพิธีกรรมและบิดงอแขนขาให้เสียรูปทรง มากเท่ากับตอนที่เธอถูกทำร้ายเพียงแค่น้อยนิดในความฝันของค่ำคืนที่ผ่านมา
จากเด็กหนุ่มที่กำลังจ้องสบตากับเธออยู่เคียงข้างกัน หากครั้งครานี้มันว่างเปล่า ไร้จิตวิญญาณอื่นใดมาเติมเต็ม
ขาของเขาไม่สามารถวิ่งไล่ตามเธอได้อีกแล้ว มือของเขาไม่สามารถกดไหล่ของเธอให้ป่นปี้คาลงไปได้อีกแล้ว
ฟันของเขาไม่สามารถกัดทึ้งปลายนิ้วของเธอจนมันขาดออกจากกันได้อีกแล้ว ก่อนที่สติสัมปชัญญะ — หรืออาจหมายรวมถึงดวงวิญญาณ —
ของจิซุรุจะหลุดลอยตามไป เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้ตระหนักว่าหาใช่ความกลัวต่อความตายที่ตามติดมาในโลกความเป็นจริง
หากเป็นความสั่นสะท้านที่มาจากความพึงใจในความเจ็บปวดซึ่งอาจนำไปสู่ความตาย ที่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในโลกที่เธอพลันตกหลุมรักจากความฝันนั้นจะมอบมันให้ได้ต่างหาก
∞
ตลอดสิบเจ็ดปี ไม่มีสิ่งใดที่เจสซี่ ลูอิสเคยนึกหวาดกลัว
ไม่ทั้งในแง่ของรูปธรรมหรือว่านามธรรม เขาไม่กลัวตอนที่กระโดดลงไปช่วยเด็กจมน้ำทั้งที่ฝนตกหนักและมีคลื่นลมแรง
เขาไม่กลัวตอนที่เดินข้ามถนนแล้วมีรถยนต์ที่เสียหลักพุ่งเข้ามาชนอย่างจังจนได้แต่นอนพังพาบไปกับพื้นถนน
กระดิกกระเดี้ยไปไหนไม่ได้ นอกจากรอคอยให้รถพยาบาลเคลื่อนตัวแหวกผ่านฝูงชนเข้ามา สิ่งละอันพันละน้อยที่อาจนำไปสู่ความตายซึ่งใครหลายคนนึกหวาดหวั่นไม่เคยทำให้เขาหวาดกลัวถ้าหากว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
กระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะขาดความรู้สึกหรือสำนึกชั่วดีอย่างที่มนุษย์ปกติพึงมี เจสซี่คือตัวอย่างของเด็กหนุ่มร่าเริง
นิสัยดี และเป็นมิตรกับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก รวมถึงความสงสารเห็นใจที่มีให้กับเด็กหญิงคนเดียวในห้องที่ไม่มีใครคบหาอย่างฮามาดะ
จิซุรุซึ่งจับจองที่นั่งด้านหลังสุดริมหน้าต่างนั้นด้วยเช่นกัน
ทว่ามันไม่ได้มาจากความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์
เจสซี่แน่ใจว่าทุกคนในห้องล้วนคิดเห็นตรงกันว่าบรรยากาศที่โอบล้อมรอบตัวเธอเหมือนกับฟองสบู่นั้นเข้าที่เข้าทางอยู่แล้วในแบบนี้
และไม่ควรมีใครอาจหาญเข้าไปทำลายมัน เพราะแค่เพียงเล็กน้อยมันก็จะแตกออก
ถึงเจสซี่จะเคยเฝ้าฝันว่าอยากจะทำให้มันแตกกระจายหายวับไปในชั่วพริบตา
แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงความคิดที่เขาไม่ได้ลงมือทำแม้ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ต่อให้จะมองเห็นเธอนั่งเสียบหูฟังแล้วเหม่อมองออกไปภายนอกบนรถไฟสถานีเดียวกันในวันที่เขากลับบ้านไวเพราะไม่ได้อยู่ซ้อมชมรมหรือเที่ยวเตร่ที่ไม่ใคร่จะบ่อยเท่าใดนัก
เวลาแบบนั้นเขาจะคิดว่าเธออาจกำลังฟังเพลงที่มีชื่อเหมือนกับเธออย่าง ‘จิซุรุ’ ของเดอะ กาเซตต์ (แม้เขาจะไม่รู้เลยว่าเธอฟังเพลงแนวไหน
อย่าว่าแต่การนิยมชมชอบวงวิชวลเคย์เลยด้วยซ้ำ) ความคิดเรื่องการพับนกกระเรียนพันตัวเพื่อความปรารถนาแค่ข้อเดียวเป็นสิ่งที่เจสซี่ไม่เคยนึกซาบซึ้ง
และการที่เธอขาดไร้ซึ่งปีกให้โบยบิน ก็ยิ่งตอกย้ำว่าไม่มีทางที่ความปรารถนาใดจะเป็นจริงได้
เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายที่เขามักจะนึกถึงมีอยู่ว่า...
「一つになれぬ二人」
“เราสองคนไม่มีทางจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ถึงแม้ว่าเขาจะได้เคยเป็นหนึ่งเดียวกับเธอที่สวยราวกับเต็มไปด้วยปริศนาในความฝันบ้างนานๆ
ที กระนั้นเจสซี่ก็แน่ใจได้ว่าไม่มีทางที่เขา...หรือใครคนไหนบนโลกใบนี้จะเป็นหนึ่งเดียวกับเธอได้ในโลกความเป็นจริง
เขาไม่เคยนึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเย็นวาน หลังแยกกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่คาราโอเกะ เจสซี่ก็จะได้บังเอิญเห็นเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนอย่างนากามูระ
ไคโตะและอิริกิ ยูซุรุเดินหัวร่อต่อกระซิกด้วยกันที่ชิบุยะสองต่อสอง ด้วยท่าทีที่ดูสนิทสนมมากทั้งที่ไม่เคยมีวี่แวว
ไม่ว่าใครในห้องต่างก็รับรู้ว่าเขาชอบยูซุรุหลังจับคู่ทำรายงานกลุ่มสามคนในวิชาดาราศาสตร์ แล้วเริ่มต้นแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งอย่างนั้นการได้เห็นเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนเล่นเกมด้วยกันทำพฤติกรรมที่เขาคิดว่าไม่ต่างจากการแทงข้างหลังเข้ากับตา
ความเกลียดชังก็แล่นปราดเข้ามาแทนที่ทุกความรู้สึกอย่างไม่อาจควบคุม
ไม่ว่าจะไคโตะที่เคยพูดว่า “เจสซี่ นายคือเพื่อนที่เจ๋งที่สุดของฉันเลย!”
หรือยูซุรุที่เป็นคู่สนทนาชั้นเยี่ยมของเขาตลอดการจับกลุ่มสามคน มากกว่าเพื่อนสนิทของเขาอย่างเมกุโระ
เร็น ซึ่งสุดท้ายแล้วจะขอตัวกลับไปกลางคันเนื่องจากธุระที่เจสซี่รู้ว่าเกี่ยวกับคนรักต่างโรงเรียน
ไม่มีทางใช่เรื่องทางบ้านอย่างที่กล่างอ้าง เธอตอบรับทุกเรื่องราวที่เขาเล่าให้ฟังกระทั่งถึงตอนเดินไปส่งเธอที่บ้านด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสเบิกบาน ราวกับเส้นสายของเครื่องดนตรีซึ่งขับบรรเลงบทเพลงที่ไพเราะที่สุดให้แก่โลก — ที่ไม่เคยมีสิ่งใดมากางกั้น
— ของเจสซี่หลังจากนั้น
ความรู้สึกที่คล้ายคลากับการถูกทรยศหักหลังทำให้เขาหน้ามืดตามัว
หลงคิดไปเองว่าได้เห็นคนทรยศทั้งสองเลี้ยวลดเข้าไปในตรอกที่เต็มไปด้วยเลิฟโฮเต็ลซึ่งเรียงรายตลอดสองข้างทาง
ทั้งที่ความจริงแล้วแผ่นหลังของพวกเขาจะหายลับไปในทิศทางอื่นตั้งแต่ที่สติอันไม่มั่นคงของเขาจะโบกโบย
เจสซี่ขึ้นรถไฟกลับบ้านโดยพยายามไม่ระเบิดความรู้สึกใดๆ ออกมา บนรถไฟขบวนนั้น เขาได้มองเห็นเด็กสาวผมสีดำยาวในฟองสบู่ช่วงดึกเป็นครั้งแรก
เด็กสาวผู้เป็นรักแรกในรั้วโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ที่ไม่มีวันจะทำให้เขาผิดหวังตราบเท่าที่เธอซ่อนตัวอยู่ในโลกลำพังของตัวเอง
เหตุผลที่เจสซี่ไม่เคยซาบซึ้งกับเรื่องราวของนกกระเรียนพันตัว เพราะเขาไม่เชื่อว่าคำอธิษฐานใดจะสัมฤทธิ์ผล
มากไปกว่าการลงมือลงแรง หรือแม้แต่ทำใจยอมรับอนาคตที่จะเป็น
เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ลงมือปีนเข้าห้องนอนของเธอที่โชคดีเปิดหน้าต่างแง้มไว้
เขารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวฮามาดะ พ่อแม่ทำงานกะดึกด้วยกันทั้งคู่ จึงย่อมไม่มีใครอยู่ที่บ้านในเวลานี้กับเธอ
การได้เป็นเด็กผู้ชายคนเดียวในโรงเรียนที่เคยเห็นฮามาดะ จิซุรุในสภาพกำลังนอนหลับใหลอยู่ในนิทรารมย์
โดยไม่รับรู้ถึงการบุกรุกใดที่เขาเป็นผู้กระทำก็จะทำให้หัวใจของเจสซี่เต้นไม่เป็นส่ำ
ระคนไปกับความตื่นเต้นเพียงแค่ได้จดจ้องมองเธออยู่ข้างเตียงนี้ เจสซี่เคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่าถ้าหากกระซิบกระซาบกับใครในตอนที่หลับ
มันจะสร้างความทรงจำที่ฝังลึกเมื่อลืมตาตื่นหรืออะไรทำนองนั้น แต่เขายังไม่อยากทำลายบรรยากาศครั้งแรกที่ได้ใช้ร่วมกันกับเธอ
ยิ่งเมื่อตอนที่ปลายนิ้วของเธอเฉียดผ่านในตอนที่ขยับพลิกตัว เพียงเท่านั้นเองที่เป็นตัวกระตุ้นให้เขาทำลายฟองสบู่ที่ห่อหุ้มเธอ
ด้วยการกัดปลายนิ้วชี้ที่เรียวยาวและอ่อนนุ่มอย่างแรงมากพอให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
มันทิ้งร่องรอยเอาไว้หรือเปล่านะ? พลาสเตอร์ที่พันทบปลายนิ้วชี้ของเธอแทนคำตอบว่าน่าจะใช่
เจสซี่มองเห็นมัน เหมือนที่มองเห็นรอยยิ้มของยูซุรุที่ขยับกว้างขึ้นกว่าเดิมแค่ได้เห็นไคโตะเดินเข้ามาในห้อง ทั้งที่ไม่ได้เหลือบแลมองไปยังทิศทางของหล่อนเลยด้วยซ้ำ เขายังลบรอยแผลสดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานจากคนทรยศทั้งสองไม่ได้ สัมผัสอันน้อยนิดของจิซุรุยังกลบมันให้ได้ไม่มากพอ
เขาถึงต้องปลดปล่อยความโกรธแค้นทั้งหมดไปกับอดีตเพื่อนที่ได้กลายมาเป็นศัตรูนับตั้งแต่บัดนั้น
กระทั่งเกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเขาที่ตัวโตกว่าจะทุ่มแรงทั้งหมดผลักอกจนหลังของไคโตะไปชนกับรั้วที่พังลงไปกับตา
เขาตื่นตะลึงกับมันได้เพียงครู่ เงาร่างของเด็กสาวก็จะวิ่งตัดหน้าเขาออกมาจากมุมมืด เอื้อมมือออกไปพยายามไขว่คว้าร่างที่ร่วงหล่นจากเหตุการณ์ที่เจสซี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น
หากเมื่อได้เห็นการกระทำของเธอที่มีต่อไคโตะ คนที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงเขาได้
และไม่มีอะไรควรคู่ทั้งกับยูซุรุ หรือเธอจิซุรุ ทั้งที่เพิ่งจะฝากฝังร่องรอยเอาไว้บนปลายนิ้วข้างที่เธอยื่นมันออกไป
ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับการถูกทรยศหักหลัง อย่างหนักหน่วงและรุนแรงยิ่งกว่าที่ไคโตะและยูซุรุได้กระทำ เพราะเธอไม่ควรกระโจนออกมาจากฟองสบู่ด้วยตัวเองเพื่อคนพรรค์นี้...หรือว่าใคร
ก็จะทำให้เจสซี่ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ในตอนที่ตั้งใจผลักแผ่นหลังของเธอลงไปโดยไม่มีทั้งความสั่นเทาหรือว่าลังเลใจ
แผ่นหลังที่ไม่มีปีกงอกสยายออกมาเพื่อช่วยให้เธอโบยบินขึ้นไปกับชีวิตที่จะไม่ถูกปลิดปลง
หรือความปรารถนาที่ต้องการช่วยชีวิตของใครอีกคน ขณะมองดูร่างที่นอนแน่นิ่ง ผิดรูปผิดร่าง
และชุ่มโชกไปด้วยเลือดของคนทั้งสองจากชั้นบนสุดของดาดฟ้า แล้วรับฟังเสียงกรีดร้องของเพื่อนนักเรียน ที่จะกลายเป็นเพียงเสียงหวึ่งหวี่ซึ่งไม่อาจทะลุผ่านเข้าไปในโสตประสาทได้มากเท่ากับยามที่วัตถุหนาหนักกระแทกลงไปบนพื้นคอนกรีต
เจสซี่ก็ยิ้มออกมา เมื่อรู้ว่าตอนนี้ ฮามาดะ จิซุรุ เด็กผู้หญิงในฟองสบู่ที่จะยังคงงดงามอยู่ในนั้น
จะไม่มีทางเป็นหนึ่งเดียวกับนากามูระ ไคโตะ...หรือใครคนไหนบนโลกใบนี้ได้อีก นอกจากในความฝันที่เขาจะทิ่มแทงฟองสบู่แล้วทำลาย
กัดทึ้ง มากกว่าแค่ปลายนิ้วของเธอให้แหลกสลายคามือ
และบางที เขาอาจจะฝากฝังร่องรอยสีแดงบนปลายนิ้วในโลกความจริงให้กับยูซุรุบ้าง แต่รอก่อน รอจนกว่าเขาจะอิ่มหนำกับความคิดถึงจิซุรุที่ตายไปในความฝัน
แล้วเมื่อนั้นเขาจะไปกระซิบกระซาบข้างหูหล่อนเพื่อให้ตัวเขาได้ไปปรากฏอยู่ในความฝัน
ความนึกคิด และความจริงแทนไคโตะที่ตายไป เมื่อถึงตอนนั้นเส้นสายของยูซุรุจะผูกโยงกับเขาอย่างแนบแน่นและเป็นหนึ่งเดียวกัน
ไม่มีความหวาดกลัวใดจะบังเกิด เพราะไม่มีความรู้สึกใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขสันต์...กระทั่งงดงาม...หลังจากโศกนาฏกรรมอีกแล้ว
_______________
ความคิดเห็น