คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #197 : Sun Kills Moon
สองปีในลอสแอนเจลิสเป็นไปด้วยดี หนึ่งปีกับอีกหกเดือนในรั้วไฮสคูลก็เป็นไปอย่างราบรื่น ชีวิตของคีอาร่า นาสุเคยเป็นไปในแบบนั้น กระทั่งเธอจะได้รู้จักกับเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าฮิดากะ อุกิโช
เขาอาจมีเชื้อชาติเดียวกันกับเธอก็จริง แต่ใช่ว่าคนเชื้อชาติเดียวกันจะต้องจับกลุ่มอยู่ด้วยกันเพราะไม่มีใครคบหา อย่างน้อยๆ คีอาร่าก็คงพูดแบบนั้นกับฮิดากะไม่ได้ เขาหน้าตาดีแถมยังหัวดีที่สุดในชั้นปี จะเรื่องดนตรีหรือกีฬาก็ไม่เป็นสองรองใคร ถึงใช่ว่าจะกินเรียบหมดทุกอย่าง แต่แค่สามารถทำได้ทุกอย่างในระดับมาตรฐานก็เปิดโอกาสให้ได้มากมาย ไม่ใช่อย่างคีอาร่าที่มักจะหมกตัวอยู่แต่กับหนังสือนิยายต่างประเทศที่แปลเป็นภาษาบ้านเกิด เพราะทักษะภาษาที่สองที่เรียงติดกันเป็นพรืดยังคงทำให้เธอปวดหัว ไม่ก็นินเทนโดสวิตช์ของลูกติดพ่อใหม่ที่ยกเครื่องเก่าเอาไปแต่งสติกเกอร์เป็นสีเหลืองอย่างที่เธอชอบให้เป็นของขวัญการเริ่มต้นชีวิตใหม่ คีอาร่าอาจไม่ได้มีเพื่อนสุดเจ๋งมากหน้าหลายตาเป็นโขยงเหมือนอย่างฮิดากะ...หรือพี่ชายของเธอ...ที่ไม่ว่าใครในโรงเรียนต่างก็รู้จัก แต่เธอก็มีเพื่อนที่ยอดเยี่ยมในชมรมวิดีโอเกมที่พี่ชายแก่เดือนเป็นคนแนะนำให้ เมื่อนั่นคือหนึ่งในแวดวงที่ฮิดากะไม่ได้ให้ความสนใจ ชีวิตของหนุ่มสาวเชื้อชาติเดียวกันจึงไม่เคยมีความข้องเกี่ยวกันมากไปกว่านั้น นอกเหนือจากการลอบมองสีหน้าเมื่อเดินผ่านใกล้ๆ หรือเมื่อได้มองเห็นจากที่ไกลๆ เพราะคีอาร่าชอบใบหน้าและรอยยิ้มของเขาที่ส่องสว่างเหมือนกับวันฟ้าใส แม้ว่าจะไม่ได้แฝงไปด้วยความรู้สึกในแง่นั้นก็ตามที
เพราะคนที่คีอาร่ารู้สึกในแง่นั้นด้วยก็คือยูโตะ นาสุ พี่ชายคนใหม่ของเธอ
มันเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันแรกที่พ่อของเขาและแม่ของเธอพาครอบครัวมาทำความรู้จักกันในห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม คำว่ารักแรกพบไม่เคยอยู่ในสารบบชีวิตของคีอาร่ามาก่อน และมันก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อยูโตะถึงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเรียกได้ว่าดูดี แต่หลังจากได้พบหน้ากันเพียงสองชั่วโมง เขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะได้ด้วยเรื่องเล็กน้อยที่สุดอย่างตอนที่เขาเอ่ยปากถามเมื่อเห็นเธอหยิบพ็อกเก็ตวอตช์จากเกมเพอร์โซน่า 5 ขึ้นมาดูเวลา พอรู้ว่าต่างก็มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน กำแพงของคีอาร่าที่ไม่รู้ว่าจะเข้ากับเพื่อนต่างเพศซึ่งดูแตกต่างจากเธอคนละขั้วเลยค่อยพังทลายลง เหมือนกับกำแพงในหัวใจที่ปิดตายเพราะแฟนคนแรกสมัยอยู่ญี่ปุ่นที่เลิกกันด้วยไม่ดี แต่เขาก็ยังทำให้เธอคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ได้อย่างน่าเศร้า หากความทรงจำทั้งหมดเหล่านั้นก็สลายหายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ในตอนที่ได้เห็นยูโตะหัวเราะจนตาปิดพอเธอบอกว่าไม่มีสวิตช์เลยไม่เคยเล่นชิน เมกามิ เทนเซย์ ในตอนที่เธอบอกว่าอยากเห็นเขาเล่นเกมที่ถนัดบ้าง จากนั้นก็เอาชนะในเกมซูเปอร์สแมชบราเธอส์ให้ดู
แต่มันคือความรักที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่แค่เพราะสุดท้ายพ่อแม่ของพวกเขาต่างหากที่จะได้ครองรักกันอย่างที่คีอาร่าเฝ้าฝันว่าจะเป็นตัวเอง แต่ยูโตะยังมีคนรักที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นอยู่แล้วอย่างเมลินดา หล่อนเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่สนใจเรื่องแฟชั่นและความงามตามสมัยนิยม ไม่มีความสนใจในเรื่องวิดีโอเกมเหมือนอย่างยูโตะเลยแม้แต่นิดเดียว อาจนอกจากเกมโบว์ลิ่งที่หล่อนไม่อิดออด พวกเขาไม่ใช่คู่รักตัวติดกันโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในโรงเรียน กระนั้นความสัมพันธ์ก็ดำเนินเดินไปด้วยดี ทั้งที่เธอต่างหากที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด ความคิดริษยาแบบนั้นจะปรากฏขึ้นมาทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน นั่งเล่นเกมด้วยกัน หรือไม่ก็ตอนที่ได้เห็นเขาขับรถไปส่งเมลินดากลับบ้านไม่ก็ไปเดตตอนหลังเลิกเรียนด้วยกันแค่เพียงสองคน
กระนั้นเมื่อตัดเรื่องความรักที่ชอกช้ำแสนระกำออกไป ชีวิตของคีอาร่าก็ไม่มีเรื่องหวือหวาอะไรอีก
ไม่จนกระทั่งเธอจะได้รู้จักกับเด็กหนุ่มฮิดากะ อุกิโช...มากกว่าแค่ผิวเผินในที่สุด
ปุบปับฝนก็ตกลงมาระหว่างที่คีอาร่ากำลังเดินกลับบ้าน หลังพ้นจากร้านคาเฟ่ที่สมาชิกชมรมวิดีโอเกมชักชวนกันไปสุมหัวเล่นเกมด้วยกัน (คืนนี้เป็นทีของโอเวอร์คุก 2!) ไม่นับรวมยูโตะที่ย่อมต้องไปเดตกับเมลินดาจนกลับบ้านเอาตอนดึกดื่นค่ำมืดเสมอในคืนวันศุกร์ เพราะอย่างนั้นก็ตัดตัวเลือกที่คีอาร่าจะโทร.ไปขัดจังหวะเพื่อขอให้เขาช่วยขับรถมารับไปได้เลย มันก็ไม่ได้ตกหนักขนาดนั้น และการหยุดรอให้ฝนซาก็เป็นเรื่องที่เสียเวลาเกินไป อาจเพราะสายฝนที่ตกลงมาในวันที่ใช่ เวลาที่ใช่ และอารมณ์ที่ใช่ คีอาร่าถึงได้บังเกิดความรู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่าในหัวใจขึ้นมากับความรักที่เป็นไปไม่ได้ ขณะเดินไป เนื้อตัวของเธอก็สั่นเทา หากไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าภาพมัวพร่าที่บดบังนัยน์ตาในยามนี้มาจากน้ำตาหรือว่าน้ำฝนที่ตกกระทบกันแน่
แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือร่างของคนที่คู้ตัวพิงกำแพงอยู่หน้าเธอตอนที่เลี้ยวไปตรงหัวมุม ความคิดทั้งหมดของคีอาร่าสลายเปลี่ยนกลายเป็นความตื่นตกใจ เมื่อได้เห็นว่าคนที่บาดเจ็บอยู่ก็คือฮิดากะ เธอเห็นเลือดสีแดงไหลซึมออกมาผ่านเสื้อยืดสีขาวบนหน้าท้องที่เขาเอามือไปกุม แม้ฝนจะชะล้างจนมันจางลงไปก็ใช่ว่าจะช่วยบรรเทาความร้ายแรงของสถานการณ์ได้เลย
“ฮิดากะ! เป็นอะไรหรือเปล่า!” คีอาร่ารีบวิ่งเข้าไปย่อตัวลงตรงหน้าเขา ทำท่าว่าจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นจากกระเป๋าเสื้อคลุม
“ไม่ต้อง” เขาเอื้อมมาจับข้อมือของเธอไว้ “นั่นรถฉัน แค่ช่วยพาฉันกลับไปก็พอ”
“แต่ว่า...”
“แผลแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก”
แม้จะอย่างลังเล แต่คีอาร่าก็ตัดสินใจทำตามคำขอด้วยการยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดไหล่ แล้วค่อยประคองร่างหนาหนักนั้นไปยังรถคันสีดำที่จอดอยู่อีกฝั่งถนน เป็นความทุลักทุเลอยู่ไม่น้อยเพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ กระนั้นเด็กสาวก็ยังกัดฟันพาเขาเข้าไปนั่งอยู่ที่เบาะหลังตามคำขออีกครั้งจนได้
“โทษที แต่ฉันขับรถไม่เป็น อยากให้ช่วยโทร.เรียกเพื่อนคนไหนมาให้ไหม?” คีอาร่าเสนอความเห็น “ระหว่างนั้นฉันช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ได้ ถ้านายโอเคนะ”
เขาไม่ได้ตอบรับเป็นคำพูด นอกจากกระเถิบตัวไปเพื่อให้ที่ว่างแม้ไม่จำเป็นต้องมากมายนักกับคนตัวเล็กอย่างเธอ
“เธอพกชุดปฐมพยาบาลด้วยเหรอ?”
เป็นครั้งแรกที่คีอาร่าได้ยินฮิดากะพูดออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด เธอตื่นเต้นมากจนรีบเงยหน้าส่งยิ้มกว้างให้เขาหลังปลดกระเป๋าสะพายหลังเพื่อหยิบชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนกลายเป็นความเก้อกระดากเมื่อเห็นเขาถอดเสื้อที่เปียกออก คีอาร่าหลีกเลี่ยงการมองดูบาดแผลที่ท้องของเขาไม่ได้ โชคดีที่มันเฉียดจุดตายและเขาก็ดูจะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักจากมีดที่เฉือนผ่านแค่สีข้าง ไม่นับร่องรอยตามเนื้อตัวที่ดูเหมือนกับว่าน่าจะถูกประเคนด้วยมือเท้ามาไม่ใช่น้อย แว่บหนึ่งที่เธอคิดถึงเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมา ถึงยากที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มอย่างฮิดากะจะพัวพันกับเรื่องแบบนั้น คีอาร่าไม่อยากที่จะคาดเดาไปในทางร้ายและไม่คิดว่าอยากจะละลาบละล้วงกับเรื่องส่วนตัวของใคร ยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรด้วย
“แม่ให้ฉันพกติดตัวไว้เพราะเมื่อก่อนฉันซุ่มซ่ามบ่อยแล้วไม่กล้าเข้าห้องพยาบาลน่ะ” เธอทำทีเป็นหัวเราะขณะตอบคำถามก่อนหน้านั้นกลับไป ทั้งเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าและความว้าวุ่นที่ประดังประเดเข้ามา พยายามจดจ่ออยู่กับการเช็ดรอบปากแผลและร้องขอโทษตอนที่ต้องใช้สำลีชุบน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาด เธอรู้ว่ามันจะแสบมาก ถึงเขาจะแค่ส่งเสียงร้องในลำคอเล็กน้อยเช่นเดียวกับการขยับตัว
ครั้นปิดปากแผลด้วยผ้าก๊อซแล้วจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว คีอาร่าจึงค่อยพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนที่จะหันไปเก็บข้าวของลงในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวอีกฟากแล้วว่า “นายโทร.เรียกเพื่อนให้มารับได้แล้ว ส่วนฉันจะได้กลับ...”
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดจนจบประโยคดี มือของเขาก็จะเอื้อมมาจับท่อนแขนเธอให้หันขวับกลับไปด้วยความสงสัย โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าและริมฝีปากที่เย็นเฉียบของเขาก็จะโน้มลงมาใกล้เพื่อแตะประทับลงไป เพียงแค่วินาทีเดียวคีอาร่าก็ตอบรับจูบที่รุมร้อนมากกว่านั้น เหมือนกับจะแผดเผาเธอให้ตายจากความวูบไหวข้างในอกและช่องท้อง ความคิดของเธอเลือนพร่าจนแทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ หากก็หาได้ทำให้ความคำนึงต่อชายอีกคนเลือนลับไปเมื่อปิดตาลง อาจเพราะความอ่อนไหวจากสายฝนซัดสาดซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เมื่อคีอาร่าจินตนาการว่าคนที่มอบความรักซึ่งเธอเฝ้าปรารถนาตลอดมาให้ก็คือยูโตะ
เรื่องราวของเธอกับฮิดากะจบลงแค่จูบและสัมผัสภายนอกที่ไม่มากไปกว่านั้น แต่ก็ทำให้เธอกลับบ้านมาพร้อมกับพิษไข้เป็นของแถม อาจจากฝน จากจูบ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง หากคีอาร่าก็ได้พบกับฟ้าหลังฝนที่ส่องสว่างที่สุดเมื่อยูโตะมาทำหน้าที่เป็นพยาบาลเฝ้าไข้ดูแลเธอ ถึงจะถูกแม่เอ็ดอึงใส่ว่าทำไมถึงได้บื้อเดินตากฝนกลับบ้านแทนที่จะหลบรอไปก่อนก็ไม่ทำให้คีอาร่านึกฉุนเฉียวอย่างที่เป็นมาตลอด เพราะมีแค่ถ้อยคำผ่านน้ำเสียงอ่อนโยนมากของยูโตะที่ว่า “ถ้าครั้งหน้ามีปัญหาอะไรก็โทร.มาได้ทุกเมื่อเลยนะ” เล่นวนอยู่ในหัวสมอง จนคีอาร่าไม่อาจหุบรอยยิ้มที่พยายามซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มได้เลย แค่ได้รับความห่วงใยจากเขาถึงอาจไม่ใช่ความรักอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้ก็มากพอแล้ว
ตรงกันข้ามที่เมื่อคีอาร่าได้เห็นว่าฮิดากะดูสบายดี กลับมาเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงคนเดิมโดยไม่แสดงอาการบาดเจ็บภายในออกมาให้ใครได้เห็น หรือจะบาดแผลจากมือเท้าที่ภายนอกก็ไม่ได้ดูร้ายแรงให้เพื่อนๆ ต้องนึกสงสัย คีอาร่าจึงไม่มีอะไรให้ค้างคาใจอีก คีอาร่าชอบที่ได้จูบกับฮิดากะ หวนคิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังทำให้เธอมวนท้องได้ทุกครั้ง แต่ใช่จะไม่รู้ว่ามันก็แค่สถานการณ์พาไป...ทั้งกับเขาและเธอ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้สำหรับวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุกพล่าน และคีอาร่าก็ไม่อาจหาญพอที่จะใช้เขาเป็นตัวแทนของใคร เมื่อดูอย่างไรคนที่ด้อยกว่าในทุกด้านก็คือเธอ
คีอาร่ายังคงสุมหัวอยู่กับเพื่อนๆ ในชมรมวิดีโอเกมต่อไปทุกคืนวันศุกร์ แต่หนนี้เป็นทีของทุกคนพร้อมหน้าในลานโบว์ลิ่ง และคำว่า ‘ทุกคน’ ก็รวมถึงกลุ่มเพื่อนของเมลินดาและฮิดากะ เพราะนัดกระชับสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มๆ ที่คีอาร่าไม่ค่อยเข้าใจ หากสิ่งหนึ่งที่เธอได้เข้าใจแจ่มแจ้งในที่สุดคือความรักของยูโตะและเมลินดาที่ตำตาตำใจ พวกเขาไม่ใช่คู่รักตัวติดกันที่โรงเรียน ยูโตะไม่เคยพาแฟนมาเที่ยวที่บ้าน และเมื่อออกเดตก็จะแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนๆ ไปเสมอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่คีอาร่าได้เห็นการแสดงความรักของพวกเขา อย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะหมายรวมถึงการไม่ให้ความสำคัญอะไรกับน้องสาวเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เธอเล่นโบว์ลิ่งไม่เป็น แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะสอน แล้วปล่อยให้เพื่อนร่วมชมรมที่ก็ไม่ได้มีใครเล่นเก่งเหมือนเขาเลยมาช่วยสอนแทน
คีอาร่าถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปเมื่อหลบออกไปนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างนอก ทำไมพ่อแม่ของพวกเธอต้องแต่งงานกันด้วย ถึงเขาจะมีคนรักอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่คีอาร่ายังสามารถทำได้คือบอกความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจออกไปแล้วทำตัวเหมือนเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปเลย แต่หากเธอเลือกที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว ความสัมพันธ์ฉันครอบครัวที่ทุกคนช่วยกันฟูมฟักมาก็จะพังทลายลงไป
“รักคนที่เป็นไปไม่ได้มันน่าเศร้านะ”
เธอยังคงเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่กับเข่าของตัวเอง ไม่สนใจที่จะแหงนเงยมองแม้จะรู้สึกได้ถึงเงาร่างข้างตัว
คีอาร่าไม่รู้หรอกว่าฮิดากะพูดถึงเธอหรือพูดแทนตัวเองด้วยกันแน่ อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอสนใจใคร่อยากรู้ในเวลานี้ เป็นอีกพักกว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นแทรกเสียงสะอื้นที่แผ่วค่อยลงไปของเธอว่า
“หนีไปที่ไหนไกลๆ สิ ไปในที่ที่จะไม่มีใครหาเจอ แล้วสักวันเธอก็จะลืมเขาได้เอง”
มันเป็นประโยคชักชวนหรือเปล่าเธอไม่แน่ใจ หากคีอาร่าก็อู้อี้ตอบกลับไปด้วยความหนักแน่นว่า “ฉันจะไม่หนีแบบนั้นหรอก”
“ฉันรู้” ที่เขาจะสวนย้อนมา “ลมพัดแรงขนาดนี้ อีกเดี๋ยวฝนก็คงจะตกลงมา...เหมือนกับวันนั้น”
เป็นคำพูดที่ทำให้เธอต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นน้ำตาขึ้นมอง
“สายฝนทำให้ใจคนอ่อนไหวได้เสมอเลยนะ คีอาร่า”
ด้วยรอยยิ้มที่ส่องสว่างเหมือนกับวันฟ้าใส...อย่างที่ฮิดากะเป็นมาตลอด
คีอาร่าไม่ได้ต้องการหลบหนีไปที่ไหนไกลๆ แต่เธอต้องการหลบหนีช่วงเวลาหนึ่งเหมือนกับที่เขาเองก็ต้องการมัน เธอไม่ปรารถนาความอ่อนโยนใดเมื่อนั่นคือสิ่งที่ยูโตะเคยมอบให้ ความใจดีจอมปลอมที่เขาแบ่งปันให้แค่เพราะอยู่ในฐานะครอบครัวเดียวกันจะมีประโยชน์อะไร เธอขอให้ฮิดากะฝังชำแรกความเจ็บปวดลงไปจนกว่าเธอจะหลงลืมทุกสิ่ง ยังดีกว่าที่หัวใจอันเปราะบางของเธอต้องแหลกสลาย ขณะรับฟังเสียงของสายฝนที่อื้ออึงอยู่ภายนอกบานหน้าต่างซึ่งผสานไปกับเสียงหอบหายใจที่รดริน และเมื่อดวงดาวนับล้านแตกกระจายในห้วงจักรวาล คนสองคนที่เคยรู้สึกว่างเปล่าก็ต่างโอบกอดกันอย่างแนบแน่นราวกับไม่ต้องการให้มีช่องว่างใดมาขวางกั้น
อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้
_______________
ความคิดเห็น