คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #277 : Midnight Trilogy Part One: Silent Lucidity (10% but hbd 22yrs na :D)
บรรยากาศภายในเดอะ แจม บาร์ เมื่อไทโช อิวาซากิหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ก็ยังคงไม่ผิดแผกจากที่คุ้นเคยและเป็นมา ถึงแม้ว่าจะเหินห่างไปนานถึงกว่าสามเดือน ทั้งความมืดสลัวภายใต้ดวงไฟนีออนหลากสี ตู้เกมหยอดเหรียญหลากประเภท เครื่องเล่นแผ่นเสียงกับแผ่นเพลงเก่าๆ หรือแม้แต่บาร์เทนเดอร์ผมสีทองที่ผละจากไปหยิบขวดเครื่องดื่มที่เรียงรายกันบนชั้นวาง หลังเอ่ยทักว่า “เหมือนเดิมนะ” ทันทีที่เขาเยี่ยมหน้าเข้าไปยังเคาน์เตอร์บาร์ก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูง เมื่อนั้นไทโชจึงเปลี่ยนไปจับจ้องมองความเป็นไปของผู้คนภายในบาร์ซึ่งคล้ายจะจมจ่อมอยู่แต่กับตัวเองหรือไม่ก็คนข้างกาย แทบไม่แพร่งพรายสิ่งใดให้แก่คนแปลกหน้าที่หลุดวงโคจรในระยะเฉียดกรายเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็คือหนึ่งในเหตุผลให้ไทโชซึ่งพิสมัยความสันโดษเป็นนักหนาจะยึดถือเดอะ แจม บาร์เป็นดั่งสวรรค์พักพิงทั้งกายใจหลังวันที่เหนื่อยล้า...และอาจจะแสนสาหัส
กระนั้นไทโชก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด ผู้คนจึงไม่สมัครใจผูกมิตรหรือแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกันเฉกเช่นเดียวกับชื่อเดอะ แจม บาร์อีกแล้ว ในเมื่อภาพถ่ายฝาผนังที่ติดอยู่ในซอกมุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ ย้อนกลับไปถึงยุคเก่าก่อนซึ่งเขาได้เห็นนั้นช่างดูแตกต่างราวกับคนละโลก เสียจนเขาต้องเอ่ยถามบาร์เทนเดอร์ควบตำแหน่งเจ้าของบาร์ที่มีชื่อว่าไทกะ เคียวโมโตะ ผู้ซึ่งปรากฏอยู่ในรูปถ่ายครั้งเก่าก่อนด้วยริมฝีปากที่วาดขึ้นกว้างๆ ไม่ได้
“เมื่อก่อนเราทุกคนมาที่นี่เพื่อสนุกด้วยกันจริงๆ ละเล่น เต้นรำ ฟังเพลง กินดื่ม ได้เพื่อนใหม่ ได้คนรัก...” ช่วงจังหวะที่ขาดหายกับรอยยิ้มที่ขื่นขม ทำให้ไทโชรู้ได้ว่าผู้ริเริ่มถวิลหาถึงอดีตครั้งที่ผู้คนยังมีความสุขกว่านี้มากเพียงใด ก่อนที่ไทกะจะสรุปสั้นๆ เพียงแค่ว่า “เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน”
ในบรรดาลูกค้าประจำของบาร์แห่งนี้ มีทั้งประเภทที่หลบมาพักกายใจเหมือนอย่างเขา บ้างก็พาเพื่อนสนิทหรือคนรักมาหาที่เงียบสงบเพื่อพูดคุยกัน บ้างก็นั่งเศร้าเอาแต่เหม่อลอย ปล่อยความคิดลำพังไปกับบทเพลงที่เล่นอยู่ในหูฟังสวมครอบ แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่กำลังจับกีตาร์เงอะงะอยู่หน้าตู้เกมจู๊ค สตาร์ คอยส่งยิ้มให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างแข็งขันถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เลยก็ตามจะไม่เข้าประเภทกับตัวอย่างที่เขาหยิบยกขึ้นมาเลยสักข้อเดียว
“เธอเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก” ไทกะวางแก้วร็อกลงเบื้องหน้าเขาที่กำลังเท้าคางเหลียวหันไปทางอื่น ครั้นลองไล่สายตาไปตามทิศทางเดียวกันก็อดวาดรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ถ้าอยากรู้จักก็เข้าไปทักสิ”
“ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากรู้จักใครสักหน่อย” ไทโชทำทีเป็นไม่ใส่ใจ ดื่มเบอร์เบินจนหมดในรวดเดียวแล้วเอ่ยปากขอแก้วใหม่...ที่ดูอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
“แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ”
“ถ้าอยากได้เพื่อนมากนักก็ไปที่คลับสิ หรือถ้าอยากเล่นเกมมากนัก คลับที่มีเกมอาร์เคดก็มีอยู่ถมไป”
“เธอบอกว่ารู้จักคลับนี้เพราะคุณยายเคยเล่าให้ฟัง” ไทกะเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังคำพูดที่เจ้าตัวแสร้งทำเป็นว่าไม่แยแสนั้น ก่อนที่จะก้มหน้ากลับลงไปเทเครื่องดื่มต่อ “ผ่านมาตั้งสี่ห้าสิบปีได้แล้วมั้ง”
ไทโชชะงักค้างไปหน่อยหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวรายนั้นอีกครั้ง
“เธอเข้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว พยายามจะผูกมิตรกับคนอื่นไปทั่วเลย น่าสงสารนะ สิ่งที่เฝ้าฝันถึงมาตลอดสุดท้ายก็เป็นได้แค่ความฝันอยู่วันยังค่ำ”
ในตอนที่เบอร์เบินแก้วที่สองถูกรินเสิร์ฟใหม่ให้เขา ก็พอดีกับที่ลูกค้ารายหนึ่งจะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มให้บาร์เทนเดอร์ได้ผละจาก ทิ้งไทโชไว้กับคำพูดที่เขารู้ดีว่ามันคือความตั้งใจอย่างสุดซึ้งของไทกะเลยก็ว่าได้
และเมื่อไทโชหันกลับไปดูบนจอสี่เหลี่ยมที่เธอขยับตัวเบี่ยงหลบไปด้านข้าง ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มเล่นไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ดันเกมโอเวอร์ซะแล้ว ดูเหมือนกิริยาเงอะงะนั้นจะเป็นเรื่องจริง หากเธอก็ยังคงไม่ลดละที่จะจับกีตาร์ของปลอมนั้นต่อขณะพยายามค้นหาเศษเหรียญในกระเป๋ากระโปรงลายจุดสีเหลืองที่สวมใส่ ไทโชมั่นใจว่าเป็นเพราะเขาแค่ทนรู้สึกเวทนาเธอไม่ไหว ถึงได้ยอมตัดสินใจกรอกเบอร์เบินลงคอโดยไม่ดื่มด่ำอีกครั้งแล้วก้าวอาดๆ ตัดหน้าเธอไปหยอดเหรียญที่ล้วงเจอจากก้นกระเป๋ากางเกงลงในช่อง ใบหน้างงงวยของเธอเปลี่ยนไปเป็นความตื่นเต้นยินดี รอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากสีแดงและน้ำเสียงหวานใสที่เข้ากับรูปลักษณ์ของเธออย่างมากทำให้ไทโชพลันรู้สึกประหม่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เสทำเป็นยกกีตาร์อีกตัวขึ้นพาดไหล่ นอกจากการเป็นผู้เล่นฝีมือดีที่สุดตลอดกาลของตู้เกมจู๊ค สตาร์ในเดอะ แจม บาร์แล้ว ไทโชก็ยังเคยฝึกเล่นของจริงเพื่อลองจีบสาวขำๆ ตั้งแต่สมัยอยู่เกรดเจ็ด หากผลลัพธ์กลับออกมาดีเกินคาดขนาดที่ตัวเองยังต้องทึ่ง
“ขอเล่นด้วยคงไม่ว่ากันนะครับ”
“ไม่ว่าเลยค่ะ! ไม่ว่าเลยสักนิดเดียว!” เธอรีบตอบรับด้วยความกระตือรือร้น แสดงความดีอกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ผูกมิตรแรกในรอบค่ำคืน “ฉันให้คุณเลือกเพลงได้ตามใจเลยค่ะ ถ้าเอ่อ...ไม่ถือสาว่าฉันจะเป็นตัวถ่วง”
ไทโชเพียงยิ้ม เลือกเพลงที่ไม่ง่ายเกินไปสำหรับมือโปรอย่างเขาและไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างเธอ แต่แม้ว่าเธอจะดีดพลาด (คิดเป็นเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งเพลง) ก็ยังสามารถหัวเราะขบขันออกมาได้โดยไม่ยอมหุบรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว และเมื่อผลรวมออกมา คนที่ได้แรงค์อีไปครองก็จะทำตาโตให้กับคู่แข่งที่ได้แรงค์ดับเบิลเอสไปอย่างสวยงามพร้อมกับเอ่ยชื่นชมได้ไม่หยุดปาก ให้ไทโชผู้ซึ่งไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากใครมาก่อนเพราะครองตำแหน่งผู้เล่นหนึ่งเพียงคนเดียวมาตลอดต้องยกมือขึ้นแตะท้ายทอยด้วยความขัดเขิน
“ว้าว! คุณเล่นเก่งจังเลยค่ะ ดูฉันสิไม่ได้เรื่องเลย”
“ไม่หรอกครับ ที่มันง่ายเพราะผมเคยเล่นบ่อยแล้วเท่านั้นเอง”
“ต่อให้ฉันเล่นบ่อยก็ไม่มีทางเก่งได้เท่าคุณหรอกค่ะ” เธอเปล่งเสียงหัวเราะรวนร่า ยกปลายนิ้วเกี่ยวเอาเรือนผมดัดลอนสีน้ำตาลยาวที่ปรกบังเสี้ยวหน้าด้านข้างเข้ากับใบหู ปฏิกิริยาของเธอลื่นไหลมากจนไทโชไม่คิดว่าเธอจะตั้งใจเล่นตลกกับหัวสมองของเขา...เหมือนอย่างที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
“แค่ชอบเล่นตู้เกมเอาสนุกเฉยๆ แต่คิดว่าคุณคงไม่สนุกด้วยเท่าไหร่ที่ต้องมาเจอคู่แข่งฝีมือแย่อย่างฉัน”
“ไม่เลยครับ อย่าคิดมาก ผมไม่ใช่พวกเล่นจริงจังอะไรอยู่แล้ว”
“ฉันว่าเราเปลี่ยนไปเล่นโหมดแจมกันดีกว่า อย่างน้อยฉันก็คิดว่าตัวเองร้องเพลงดีกว่าเล่นดนตรีแน่ล่ะ ยังไงถ้าฉันขอเปลี่ยนไปเป็นคนร้องแทน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่แน่นอนครับ” ไทโชตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ผมเลือกไปแล้ว คราวนี้ให้เกียรติคุณนักร้องเลือกเพลงเลยครับ”
ไทโชอดสะดุดไปกับบทเพลงที่เธอเลือกไม่ได้ เอาเป็นว่า ‘เรฟเวเลเตอร์ อายส์’ จาก เดอะ เปเปอร์ ไคต์ส เป็นเพลงที่เขาจะจัดอันดับให้อยู่ในหมวดหมู่ประเภทเล่นเพื่อเก็บแต้มให้ครบทุกเพลงและทุกโหมดโดยไม่หวนกลับมาเล่นซ้ำอีก ไทโชไม่ใช่แฟนเพลงของศิลปินกลุ่มนี้ โน้ตในเกมเองก็ไม่ได้เล่นสนุกอะไรขนาดนั้น ว่ากันตามตรง เขาแทบจดจำทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นบทเพลงนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าอินโทรจะขึ้นให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้นดีดกีตาร์ก่อนเธอที่กำลังยืนโยกตัวน้อยๆ ตามท่วงทำนองอยู่ข้างๆ ก็ตาม
ให้นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเสียงร้องเวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นยังไง แต่ไทโชก็แน่ใจว่านับจากนี้ เขาจะไม่มีวันพบเจอเวอร์ชั่นไหนที่ตราตรึงใจได้เท่ากับเสียงร้องหวานใสของหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้อีกแล้ว ไทโชไม่อาจห้ามใจตัวเองให้หันไปมองเธอที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะเงยใบหน้าสบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอยู่เสมอ ระยะห่างระหว่างเธอดูคล้ายจะเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกขณะจนสัมผัสได้ถึง ‘นัยน์ตาที่แสดงความนัย’ คู่นั้น
ถ้ามันจะไม่มีวันจบลงก็คงดี
“ที่นี่ไม่เหมือนกับที่คุณยายของฉันเล่าให้ฟังเลยนะคะ”
เธอเอ่ยออกมาหลังจากดื่มเตกีล่าซึ่งเขาไปหิ้วมาให้จากเคาน์เตอร์บาร์ ยังตำแหน่งที่นั่งในซอกมุมหนึ่งซึ่งเขาเคยได้จดจ้องมองดูประวัติศาสตร์ของเดอะ แจม บาร์กาลครั้งหนึ่งซึ่งนานมาแล้ว
“ไทกะ เอ่อ...ผมหมายถึงบาร์เทนเดอร์คนนั้น คิดว่าทุกวันนี้คนเรารักสันโดษกันมากขึ้น อาจไม่เหมือนยุคคุณยายของคุณ”
“และยุคฉัน” เธอเสริม เหลือบสายตามองไปทางเขาหน่อยหนึ่ง ครั้นอีกฝ่ายไม่ได้แสดงทีท่าหรือว่าเอ่ยปากพูดอะไร เธอจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนบทสนทนาเสียเอง “นี่ยังไงล่ะคะ คุณยายของฉัน” ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอชี้ไปยังภาพถ่ายของกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงหกคนบนโซฟาสีแดงเข้มตัวยาวเหนือพื้นยกระดับในมุมหนึ่ง ให้ไทโชอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะคุณยายของเธอคือสาวชาวตะวันตกขนานแท้ ผมสีบลอนด์ซีดดัดเป็นลอนกระจายทั่วศีรษะ โครงร่างสูงใหญ่ ท่าทางแข็งแรง แม้จะไม่ได้สวยหยาดเยิ้มเหมือนกับดาราหนังสมัยนั้น แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างขนาดที่สามารถสะกดสายตาของผู้พบเห็นได้กระทั่งแค่ในรูปถ่าย และทั้งหมดนั้นก็แทบไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับหญิงสาวตัวผอมบางตรงหน้า กับหน้าตาบ่งบอกความเป็นชาวเอเชียแทบจะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลยแม้แต่น้อย
“แม่ฉันเป็นคนอเมริกันเหมือนกับยาย ถอดแบบกันมาแทบจะเปี๊ยบเลยค่ะ ส่วนพ่อฉันเป็นคนญี่ปุ่น ฉันก็แปลกใจเหมือนกันแหละค่ะที่ดูเหมือนจะไม่ได้เชื้อทางฝั่งแม่มาเลยสักนิดเดียว”
เธอขยายความสงสัยโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมองสีหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ เมื่อมันคือคำถามที่ได้รับจนชินชามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เช่นเดียวกับคำตอบที่เธอป้อนเข้าสู่ระบบความทรงจำแล้วปล่อยผ่านริมฝีปากโดยแทบไม่ต้องคิด ขณะที่เดินนำเขาไปทิ้งหลังพิงกำแพงในซอกมุมหนึ่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลแทน
“จะว่าไปแล้วเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะคะ ฉันชื่อ...” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยยิ้มกว้างออกมา “เรียกฉันว่าแคลร์ก็แล้วกันค่ะ เป็นชื่อที่คุณยายตั้งให้”
ไทโชตอบรับชื่ออันแสนสามัญของเธอด้วยรอยยิ้ม ที่นี่มีทั้งคนที่ยึดมั่นและละทิ้งในตัวตน ไม่มีใครสนใจว่าในอีกโลกหนึ่งเราจะมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร หรือเคยเป็นอะไรมา
“ผมไทโช”
“ลูกครึ่งเหมือนกันหรือเปล่าคะ?”
“ญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แต่ฉันต่างหากที่ดันหน้าตาเหมือนญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
แคลร์ยกแก้วเบอร์เบินขึ้นชูเหนือศีรษะ กล่าวไชโยเป็นเชิงล้อเลียน เรียกเสียงหัวเราะสดใสจากทั้งสองฝ่ายให้เปล่งออกมา
ในตอนที่เธอลดแก้วเครื่องดื่มที่จรดขอบปากลง จึงได้ตระหนักถึงสายตาที่จับจ้องมองมาจากชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามอยู่ก่อนแล้ว ภายใต้แสงสลัวของหลอดไฟนีออนสีชมพูม่วงซึ่งส่องสะท้อนจนกลายเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่มีเพียงแค่เขากับเธอ และเมื่อริมฝีปากของเขาโน้มลงมาแตะสัมผัส แคลร์ก็ตระหนักได้ว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญอีกต่อไป
_______________
ความคิดเห็น