ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #278 : Midnight Trilogy Part One: Silent Lucidity (10% but hbd 22yrs na :D)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 67


    Midnight Trilogy Part One: Silent Lucidity
    Inspiration: The Paper Kites – Revelator Eyes (MV, 2015) & Black Mirror: San Junipero (TV Episode, 2016)
    Playlist: The Paper Kites – Revelator Eyes / The Midnight – America 2













    .

    บรรยากาศภายในเดอะ แจม บาร์ เมื่อไทโช อิวาซากิหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ก็ยังคงไม่ผิดแผกจากที่คุ้นเคยและเป็นมา ถึงแม้ว่าจะเหินห่างไปนานถึงกว่าสามเดือน ทั้งความมืดสลัวภายใต้ดวงไฟนีออนหลากสี ตู้เกมหยอดเหรียญหลากประเภท เครื่องเล่นแผ่นเสียงกับแผ่นเพลงเก่าๆ หรือแม้แต่บาร์เทนเดอร์ผมสีทองที่ผละจากไปหยิบขวดเครื่องดื่มที่เรียงรายกันบนชั้นวาง หลังเอ่ยทักว่า “เหมือนเดิมนะ” ทันทีที่เขาเยี่ยมหน้าเข้าไปยังเคาน์เตอร์บาร์ก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูง เมื่อนั้นไทโชจึงเปลี่ยนไปจับจ้องมองความเป็นไปของผู้คนภายในบาร์ซึ่งคล้ายจะจมจ่อมอยู่แต่กับตัวเองหรือไม่ก็คนข้างกาย แทบไม่แพร่งพรายสิ่งใดให้แก่คนแปลกหน้าที่หลุดวงโคจรในระยะเฉียดกรายเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็คือหนึ่งในเหตุผลให้ไทโชซึ่งพิสมัยความสันโดษเป็นนักหนาจะยึดถือเดอะ แจม บาร์เป็นดั่งสวรรค์พักพิงทั้งกายใจหลังวันที่เหนื่อยล้า...และอาจจะแสนสาหัส

    กระนั้นไทโชก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด ผู้คนจึงไม่สมัครใจผูกมิตรหรือแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกันเฉกเช่นเดียวกับชื่อเดอะ แจม บาร์อีกแล้ว ในเมื่อภาพถ่ายฝาผนังที่ติดอยู่ในซอกมุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ ย้อนกลับไปถึงยุคเก่าก่อนซึ่งเขาได้เห็นนั้นช่างดูแตกต่างราวกับคนละโลก เสียจนเขาต้องเอ่ยถามบาร์เทนเดอร์ควบตำแหน่งเจ้าของบาร์ที่มีชื่อว่าไทกะ เคียวโมโตะ ผู้ซึ่งปรากฏอยู่ในรูปถ่ายครั้งเก่าก่อนด้วยริมฝีปากที่วาดขึ้นกว้างๆ ไม่ได้

    “เมื่อก่อนเราทุกคนมาที่นี่เพื่อสนุกด้วยกันจริงๆ ละเล่น เต้นรำ ฟังเพลง กินดื่ม ได้เพื่อนใหม่ ได้คนรัก...” ช่วงจังหวะที่ขาดหายกับรอยยิ้มที่ขื่นขม ทำให้ไทโชรู้ได้ว่าผู้ริเริ่มถวิลหาถึงอดีตครั้งที่ผู้คนยังมีความสุขกว่านี้มากเพียงใด ก่อนที่ไทกะจะสรุปสั้นๆ เพียงแค่ว่า “เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน”

    ในบรรดาลูกค้าประจำของบาร์แห่งนี้ มีทั้งประเภทที่หลบมาพักกายใจเหมือนอย่างเขา บ้างก็พาเพื่อนสนิทหรือคนรักมาหาที่เงียบสงบเพื่อพูดคุยกัน บ้างก็นั่งเศร้าเอาแต่เหม่อลอย ปล่อยความคิดลำพังไปกับบทเพลงที่เล่นอยู่ในหูฟังสวมครอบ แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่กำลังจับกีตาร์เงอะงะอยู่หน้าตู้เกมจู๊ค สตาร คอยส่งยิ้มให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างแข็งขันถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เลยก็ตามจะไม่เข้าประเภทกับตัวอย่างที่เขาหยิบยกขึ้นมาเลยสักข้อเดียว

    “เธอเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก” ไทกะวางแก้วร็อกลงเบื้องหน้าเขาที่กำลังเท้าคางเหลียวหันไปทางอื่น ครั้นลองไล่สายตาไปตามทิศทางเดียวกันก็อดวาดรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ถ้าอยากรู้จักก็เข้าไปทักสิ”

    “ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากรู้จักใครสักหน่อย” ไทโชทำทีเป็นไม่ใส่ใจ ดื่มเบอร์เบินจนหมดในรวดเดียวแล้วเอ่ยปากขอแก้วใหม่...ที่ดูอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย

    “แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ”

    “ถ้าอยากได้เพื่อนมากนักก็ไปที่คลับสิ หรือถ้าอยากเล่นเกมมากนัก คลับที่มีเกมอาร์เคดก็มีอยู่ถมไป”

    “เธอบอกว่ารู้จักคลับนี้เพราะคุณยายเคยเล่าให้ฟัง” ไทกะเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังคำพูดที่เจ้าตัวแสร้งทำเป็นว่าไม่แยแสนั้น ก่อนที่จะก้มหน้ากลับลงไปเทเครื่องดื่มต่อ “ผ่านมาตั้งสี่ห้าสิบปีได้แล้วมั้ง”

    ไทโชชะงักค้างไปหน่อยหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหญิงสาวรายนั้นอีกครั้ง

    “เธอเข้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว พยายามจะผูกมิตรกับคนอื่นไปทั่วเลย น่าสงสารนะ สิ่งที่เฝ้าฝันถึงมาตลอดสุดท้ายก็เป็นได้แค่ความฝันอยู่วันยังค่ำ”

    ในตอนที่เบอร์เบินแก้วที่สองถูกรินเสิร์ฟใหม่ให้เขา ก็พอดีกับที่ลูกค้ารายหนึ่งจะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มให้บาร์เทนเดอร์ได้ผละจาก ทิ้งไทโชไว้กับคำพูดที่เขารู้ดีว่ามันคือความตั้งใจอย่างสุดซึ้งของไทกะเลยก็ว่าได้

    และเมื่อไทโชหันกลับไปดูบนจอสี่เหลี่ยมที่เธอขยับตัวเบี่ยงหลบไปด้านข้าง ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มเล่นไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ดันเกมโอเวอร์ซะแล้ว ดูเหมือนกิริยาเงอะงะนั้นจะเป็นเรื่องจริง หากเธอก็ยังคงไม่ลดละที่จะจับกีตาร์ของปลอมนั้นต่อขณะพยายามค้นหาเศษเหรียญในกระเป๋ากระโปรงลายจุดสีเหลืองที่สวมใส่ ไทโชมั่นใจว่าเป็นเพราะเขาแค่ทนรู้สึกเวทนาเธอไม่ไหว ถึงได้ยอมตัดสินใจกรอกเบอร์เบินลงคอโดยไม่ดื่มด่ำอีกครั้งแล้วก้าวอาดๆ ตัดหน้าเธอไปหยอดเหรียญที่ล้วงเจอจากก้นกระเป๋ากางเกงลงในช่อง ใบหน้างงงวยของเธอเปลี่ยนไปเป็นความตื่นเต้นยินดี รอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากสีแดงและน้ำเสียงหวานใสที่เข้ากับรูปลักษณ์ของเธออย่างมากทำให้ไทโชพลันรู้สึกประหม่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เสทำเป็นยกกีตาร์อีกตัวขึ้นพาดไหล่ นอกจากการเป็นผู้เล่นฝีมือดีที่สุดตลอดกาลของตู้เกมจู๊ค สตาร์ในเดอะ แจม บาร์แล้ว ไทโชก็ยังเคยฝึกเล่นของจริงเพื่อลองจีบสาวขำๆ ตั้งแต่สมัยอยู่เกรดเจ็ด หากผลลัพธ์กลับออกมาดีเกินคาดขนาดที่ตัวเองยังต้องทึ่ง

    “ขอเล่นด้วยคงไม่ว่ากันนะครับ”

    “ไม่ว่าเลยค่ะ! ไม่ว่าเลยสักนิดเดียว!” เธอรีบตอบรับด้วยความกระตือรือร้น แสดงความดีอกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ผูกมิตรแรกในรอบค่ำคืน “ฉันให้คุณเลือกเพลงได้ตามใจเลยค่ะ ถ้าเอ่อ...ไม่ถือสาว่าฉันจะเป็นตัวถ่วง”

    ไทโชเพียงยิ้ม เลือกเพลงที่ไม่ง่ายเกินไปสำหรับมือโปรอย่างเขาและไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างเธอ แต่แม้ว่าเธอจะดีดพลาด (คิดเป็นเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งเพลง) ก็ยังสามารถหัวเราะขบขันออกมาได้โดยไม่ยอมหุบรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว และเมื่อผลรวมออกมา คนที่ได้แรงค์อีไปครองก็จะทำตาโตให้กับคู่แข่งที่ได้แรงค์ดับเบิลเอสไปอย่างสวยงามพร้อมกับเอ่ยชื่นชมได้ไม่หยุดปาก ให้ไทโชผู้ซึ่งไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากใครมาก่อนเพราะครองตำแหน่งผู้เล่นหนึ่งเพียงคนเดียวมาตลอดต้องยกมือขึ้นแตะท้ายทอยด้วยความขัดเขิน

    “ว้าว! คุณเล่นเก่งจังเลยค่ะ ดูฉันสิไม่ได้เรื่องเลย”

    “ไม่หรอกครับ ที่มันง่ายเพราะผมเคยเล่นบ่อยแล้วเท่านั้นเอง”

    “ต่อให้ฉันเล่นบ่อยก็ไม่มีทางเก่งได้เท่าคุณหรอกค่ะ” เธอเปล่งเสียงหัวเราะรวนร่า ยกปลายนิ้วเกี่ยวเอาเรือนผมดัดลอนสีน้ำตาลยาวที่ปรกบังเสี้ยวหน้าด้านข้างเข้ากับใบหู ปฏิกิริยาของเธอลื่นไหลมากจนไทโชไม่คิดว่าเธอจะตั้งใจเล่นตลกกับหัวสมองของเขา...เหมือนอย่างที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้

    “แค่ชอบเล่นตู้เกมเอาสนุกเฉยๆ แต่คิดว่าคุณคงไม่สนุกด้วยเท่าไหร่ที่ต้องมาเจอคู่แข่งฝีมือแย่อย่างฉัน”

    “ไม่เลยครับ อย่าคิดมาก ผมไม่ใช่พวกเล่นจริงจังอะไรอยู่แล้ว”

    “ฉันว่าเราเปลี่ยนไปเล่นโหมดแจมกันดีกว่า อย่างน้อยฉันก็คิดว่าตัวเองร้องเพลงดีกว่าเล่นดนตรีแน่ล่ะ ยังไงถ้าฉันขอเปลี่ยนไปเป็นคนร้องแทน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”

    “ไม่แน่นอนครับ” ไทโชตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ผมเลือกไปแล้ว คราวนี้ให้เกียรติคุณนักร้องเลือกเพลงเลยครับ”

    ไทโชอดสะดุดไปกับบทเพลงที่เธอเลือกไม่ได้ เอาเป็นว่า เรฟเวเลเตอร์ อายส์ จาก เดอะ เปเปอร์ ไคต์ส เป็นเพลงที่เขาจะจัดอันดับให้อยู่ในหมวดหมู่ประเภทเล่นเพื่อเก็บแต้มให้ครบทุกเพลงและทุกโหมดโดยไม่หวนกลับมาเล่นซ้ำอีก ไทโชไม่ใช่แฟนเพลงของศิลปินกลุ่มนี้ โน้ตในเกมเองก็ไม่ได้เล่นสนุกอะไรขนาดนั้น ว่ากันตามตรง เขาแทบจดจำทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นบทเพลงนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าอินโทรจะขึ้นให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้นดีดกีตาร์ก่อนเธอที่กำลังยืนโยกตัวน้อยๆ ตามท่วงทำนองอยู่ข้างๆ ก็ตาม

    ให้นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเสียงร้องเวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นยังไง แต่ไทโชก็แน่ใจว่านับจากนี้ เขาจะไม่มีวันพบเจอเวอร์ชั่นไหนที่ตราตรึงใจได้เท่ากับเสียงร้องหวานใสของหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้อีกแล้ว ไทโชไม่อาจห้ามใจตัวเองให้หันไปมองเธอที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะเงยใบหน้าสบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอยู่เสมอ ระยะห่างระหว่างเธอดูคล้ายจะเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกขณะจนสัมผัสได้ถึง นัยน์ตาที่แสดงความนัย คู่นั้น

    ถ้ามันจะไม่มีวันจบลงก็คงดี

     

    “ที่นี่ไม่เหมือนกับที่คุณยายของฉันเล่าให้ฟังเลยนะคะ”

    เธอเอ่ยออกมาหลังจากดื่มเตกีล่าซึ่งเขาไปหิ้วมาให้จากเคาน์เตอร์บาร์ ยังตำแหน่งที่นั่งในซอกมุมหนึ่งซึ่งเขาเคยได้จดจ้องมองดูประวัติศาสตร์ของเดอะ แจม บาร์กาลครั้งหนึ่งซึ่งนานมาแล้ว

    “ไทกะ เอ่อ...ผมหมายถึงบาร์เทนเดอร์คนนั้น คิดว่าทุกวันนี้คนเรารักสันโดษกันมากขึ้น อาจไม่เหมือนยุคคุณยายของคุณ”

    “และยุคฉัน” เธอเสริม เหลือบสายตามองไปทางเขาหน่อยหนึ่ง ครั้นอีกฝ่ายไม่ได้แสดงทีท่าหรือว่าเอ่ยปากพูดอะไร เธอจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนบทสนทนาเสียเอง “นี่ยังไงล่ะคะ คุณยายของฉัน” ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอชี้ไปยังภาพถ่ายของกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงหกคนบนโซฟาสีแดงเข้มตัวยาวเหนือพื้นยกระดับในมุมหนึ่ง ให้ไทโชอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะคุณยายของเธอคือสาวชาวตะวันตกขนานแท้ ผมสีบลอนด์ซีดดัดเป็นลอนกระจายทั่วศีรษะ โครงร่างสูงใหญ่ ท่าทางแข็งแรง แม้จะไม่ได้สวยหยาดเยิ้มเหมือนกับดาราหนังสมัยนั้น แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างขนาดที่สามารถสะกดสายตาของผู้พบเห็นได้กระทั่งแค่ในรูปถ่าย และทั้งหมดนั้นก็แทบไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับหญิงสาวตัวผอมบางตรงหน้า กับหน้าตาบ่งบอกความเป็นชาวเอเชียแทบจะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลยแม้แต่น้อย

    “แม่ฉันเป็นคนอเมริกันเหมือนกับยาย ถอดแบบกันมาแทบจะเปี๊ยบเลยค่ะ ส่วนพ่อฉันเป็นคนญี่ปุ่น ฉันก็แปลกใจเหมือนกันแหละค่ะที่ดูเหมือนจะไม่ได้เชื้อทางฝั่งแม่มาเลยสักนิดเดียว”

    เธอขยายความสงสัยโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมองสีหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ เมื่อมันคือคำถามที่ได้รับจนชินชามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เช่นเดียวกับคำตอบที่เธอป้อนเข้าสู่ระบบความทรงจำแล้วปล่อยผ่านริมฝีปากโดยแทบไม่ต้องคิด ขณะที่เดินนำเขาไปทิ้งหลังพิงกำแพงในซอกมุมหนึ่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลแทน

    “จะว่าไปแล้วเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะคะ ฉันชื่อ...” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยยิ้มกว้างออกมา “เรียกฉันว่าแคลร์ก็แล้วกันค่ะ เป็นชื่อที่คุณยายตั้งให้”

    ไทโชตอบรับชื่ออันแสนสามัญของเธอด้วยรอยยิ้ม ที่นี่มีทั้งคนที่ยึดมั่นและละทิ้งในตัวตน ไม่มีใครสนใจว่าในอีกโลกหนึ่งเราจะมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร หรือเคยเป็นอะไรมา

    “ผมไทโช”

    “ลูกครึ่งเหมือนกันหรือเปล่าคะ?”

    “ญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

    “แต่ฉันต่างหากที่ดันหน้าตาเหมือนญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

    แคลร์ยกแก้วเบอร์เบินขึ้นชูเหนือศีรษะ กล่าวไชโยเป็นเชิงล้อเลียน เรียกเสียงหัวเราะสดใสจากทั้งสองฝ่ายให้เปล่งออกมา

    ในตอนที่เธอลดแก้วเครื่องดื่มที่จรดขอบปากลง จึงได้ตระหนักถึงสายตาที่จับจ้องมองมาจากชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามอยู่ก่อนแล้ว ภายใต้แสงสลัวของหลอดไฟนีออนสีชมพูม่วงซึ่งส่องสะท้อนจนกลายเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่มีเพียงแค่เขากับเธอ และเมื่อริมฝีปากของเขาโน้มลงมาแตะสัมผัส แคลร์ก็ตระหนักได้ว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญอีกต่อไป



    ตัดๆๆ ข้ามๆๆ ก่อนจ้า



    2024年08月23日
    _______________
     สุขสันต์วันเกิดครบ 22 ในปีที่ 2 ของเรานะไทโชนะ ขอโทษที่ไม่มีฟิคดีๆ ให้ เพราะปีนี้ยุ่งวุ่นวายเหมือนนกพลัดถิ่น เลยจำต้องไปขุดฟิคเก่ามาแปลงลง ยังไงก็หวังว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้ฉลองให้ในฐานะจูเนียร์สักทีนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สู้กันต่อไป บชน6
     เป็นเรื่องที่ตั้งใจจะแปลงมานานมากกกก ตั้งแต่รุ่นไทกะ มาอุมิ ไปไทเซย์ วนมาไทกะใหม่ จนมาจบที่ไทโชนี่แหละ แต่ก็ไม่นำพาสักที เพราะพอย้อนอ่านแล้วก็เห้อ ตัวละครก็สลิด ภาษาก็เวิ่นเว้อ เพราะต้องเข้าใจว่ากูแต่งเรื่องนี้ตั้งแต่ปี '18 ไม่แน่ใจว่าพระเอกต้นฉบับมาจากเกม (ไฟนอล 13-2) หรือเคพ้อพ (SF9) แต่ถามว่าเกลียดมากไหมก็ไม่ขนาดนั้น ก็ยังชอบพล็อต ชอบบรรยากาศอะไรอยู่ ว่าไปสมัยนั้นกูก็แต่งออกมาฟิว(วอแหวน)ฝรั่ง(ชุบบ๊วย)อยู่นะ 55555 ไปย้อนอ่านมากูเขียนว่าแต่งเรื่องนี้เพราะติดอ่าน smut สมัยบ้าเกมกูอ่านฟิคที่ AO3 เป็นบ้าเป็นหลัง ไม่เน้นเนื้อเรื่อง 55555 แต่ฉบับนี้ก็รอไปก่อนละกัน หรืออาจไม่มีวันนั้น เพราะขนาดฉากปกติชาตินึงกูยังเกลาไม่เสร็จเล้ย! / ถึงพล็อตทั้งหมดจะยังอยู่ในหัว แต่ผ่านมาหลายปีแล้วกูยังแต่งไม่จบก็แปลว่าต่อไม่ติดแล้ว ว่าไปคิดถึงสมัยแบล็กมิเร่อร์ยังไอเดียสดใหม่ ดูแล้วว้าวตลอด ตื่นตาตื่นใจ ซีซั่น 5-6 นี่คือบ่าค่อยไหวละ -_-
     จำได้เลยว่าที่ตอนนั้นจะทำเป็น Midnight Trilogy เพราะเป็นคอนเส้ปเอ็มวีของเปเป้อไคต์ที่แนวนีออนหมดเลย จริตกูมากเว่อร์ ชักแหง่กๆ ถึงจะไม่ได้ชอบเพลงอื่นมากเท่าเพลงนี้ แต่พอย้อนไปดูละรำลึกได้ว่ามีเอ็มวีตัวหนึ่งแก๊งวัยรุ่นแอบเข้าสระว่ายน้ำด้วย หรือว่าจะถึงเวลาแล้วสักทีวะ (ยัง) เพราะงั้นไหนๆ ก็เลยขอตั้งชื่อเซ็ตเดิมนี้ไว้ไม่ว่าจะมีพาร์ททูทรีหรือไม่ก็ตามจ้ะ / และขอบคุณชื่อเรื่องจากเพลงของวงเมทัล Queensrÿche ที่ชื่อเพราะมากจนต้องลักมาค่ะ แต่ถามว่าไปเจอได้ไงก็ไม่รู้ว่ะ นานจัดจนลืม / และประกาศให้โลกรู้ไปว่าอเมริกาทูนี่แหละคือหนึ่งในเพลงที่กูรักที่สุดในโลก เริ่มฟังวงนี้จริงจังก็เพราะเจอเพลงนี้แหละ ขอบพระคุณค่ะ ไอเลิ้บยู (จี๊ฟแพทริค) / อนึ่ง ไม่ต้องถามเหตุผลที่นางเอกชื่อแคลร์เพราะก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ ละไหนๆ ก็เป็นฟิควันเกิดไทโชทั้งทีนี่นะ
     และวันนี้ปล่อยรูป NEWSIES ในวันเกิดพระเอกพอดี เย่ะ! ขอบคุรไทกะที่เป็นพี่ชายที่ดีของไทโช เป็นแจ็คคนแรกของสตาร์โตะ เป็นเมนคนแรกหลังจากดิชั้นกลับมาสตาร์โตะ และขอบคุณหัวหน้าของดิชั้นที่เคยให้งานแปลดิสนีย์นิวซีส์เดอะมิวสิคอลบรอดเวย์ค่ะ โอ้ ซานตาเฟ่ TvT
     จะเล่าพล็อตให้ฟังเลยให้มันจบๆ / อเมริกาทูเป็นโลกเสมือน ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็เข้าไปได้ ส่วนตอนตายถ้าอยากอยู่ต่อต้องแบคอัพความทรงจำเข้าไป เมื่อก่อนเคยเป็นเมืองที่ดี ตอนนี้ก็ตามบุรตามกำ อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ / ไทโชในโลกจริงเจออุบัติเหตุทำให้ขาพิการเดินไม่ได้ ครอบครัวเลยจ่ายค่าบำบัดให้มาอยู่ที่นี่ / แคลร์ตัวจริงแก่มากแล้ว ชีวิตเหี้ย ผัวเหี้ย ทั้งชีวิตไม่เคยมีความสุขเลย จนได้มาเจอไทโชแค่คืนเดียวนี่แหละ เพราะกูเชื่อในเรื่องรักแรกพบเพราะหน้าตาเพราะก็เคยเจอมาแล้วจ้ะ TvT / หลังจากนี้ไทโชจะไม่ได้เจอแคลร์อีกเลยลองเอาประวัติของน้องสาวที่นางเอกเล่าไปค้นในโลกจริง เพราะปู่เป็นตำรวจเลยช่วยสืบให้จนเจอตัว ไทโชเลยไปคุยกับน้องสาวจนได้รู้ความจริงทั้งหมด เพราะผัวรู้ว่าแคลร์เข้ามาที่นี่เลยซ้อมจนนอนเป็นผัก น้องสาวก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะผัวเป็นผู้มีอิทธิพล ถ้าผัวไม่เซ็นให้ก็ไปอยู่ไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนไทโชก็จะไปขอร้องผัวต่อ คุยไปคุยมาผัวก็ฆ่า แต่ปู่ก็มาช่วยแล้วจับเข้าคุกได้อยู่นะ (อย่าถามว่ามีอิทธิพลแต่ทำไมถูกจับได้วะ มันคือพล็อตโฮลโว้ย) ทีนี้พอผัวเข้าคุกละน้องสาวก็เลยได้สิทธิ์มอบอำนาจ แล้วเซ็นให้พี่ได้เข้าไปอยู่กับผู้ชายที่รักมากถึงขนาดยอมสละชีวิตตัวเองให้ สุดท้ายก็แฮปปี้เอนด์จ้ะ พระนางได้อยู่ด้วยกันตลอดไป TT____TT
     ขอบคุณภาพคอมมิชจากคุรพอยที่รักเสมอมาและตลอดไป (จริงๆ ภาพนี้เค้ายังวาดไม่เสร็จแต่เอามาลงก่อนละกัน) ที่กูก็รู้แหละว่าจ้างแนวกลางคืนแนวนีออนบ่อยจริง แต่ชอบมากและจะจ้างต่อไป บรีฟแบบไล่ควาย ขอฉากหลังเป็นบาร์สีนีออนๆ เหมือนซานจูนิเปโร่อ่ะค่ะ (แต่อันนี้ดูไปดูมาแอบฟิวโฮสต์คลับ) ชุดกับทรงผมในหัวก็คือแบบนี้แหละ จริงๆ กูพยายามเอาแบบเชยๆ นะ ทรงโบราณๆ ดูแก่ๆ แต่ออกมาเป็นคุณหนูตุ๊กตามากแม๊! สวยมากแม๊!
     ปล. เพิ่งรู้ว่าวันนี้ก็เป็นวันเกิดของคุรพัคชานอุคเว้ยเฮ้ย! เหมือนที่วันเกิดเราก็ตรงกับผกก.ในตำนานเช่นกัน หิๆๆ ฟิคเอเลี่ยนกำลังมา (มาก็บ้าแล้ว)
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×