ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #275 : Love Me as Though There Were No Tomorrow (30% ได้อยู่ อู้หูว นี่ไม่ใช่ปลาหมอคางdumแต่เป็นปลาสลิด)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 67


    Love Me as Though There Were No Tomorrow
    Inspiration: The Conjuring 2 (Film, 2015)
    Playlist: หาอยู่ รอไปก่อนนะ













    .

    วันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาวของปี 1987 พ่อของริโนะ ซาโต้ได้ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด กับการช่วยเหลือเด็กที่กำลังจะตกจากอพาร์ตเมนต์บนชั้นสี่ จนพาร่างของตัวเองกระแทกลงไปบนพื้นปูนแข็งๆ เข้าอย่างจังและเสียชีวิตคาที่ ไม่มีแม้กระทั่งคำอุทานหรือร่ำลา เพียงเสียงหวีดร้องลั่นของผู้คนที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งเสียงร้องไห้จ้าของเด็กชายวัยหกขวบที่อยู่รอดปลอดภัยในอ้อมแขนของมารดาที่จะรีบปรี่เข้ามา กอดลูกน้อยไว้แนบอกเพื่อเบียดบังใบหน้าให้พ้นจากภาพติดตาเบื้องล่างอันน่าพรั่นพรึง หากสิ่งนั้นไม่ได้บรรยายความรู้สึกภายในจิตใจอันแหลกสลายของหญิงสาวที่ต้องสูญเสียสามีอันเป็นที่รักอย่างกะทันหันไปได้เลย

    คิโนะ ซาโต้คือชื่อของหญิงผู้นั้น และมารดาซึ่งเลี้ยงดูเธอลำพังมานับแต่นั้น ริโนะสูญเสียพ่อไปในวัยห้าขวบ แทบจะจดจำเรื่องราวของชายผู้ให้กำเนิดไม่ได้เลยสักอย่าง นอกจากเรื่องที่ว่าเขาเป็นศาสตราจารย์ภาควิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยประจำเมือง กับความทรงจำอันเลือนรางของใบหน้า น้ำเสียงและอ้อมกอดเมื่อยามที่เธอร้องโยเยอยู่เสมอ โชคดีที่ในวันเกิดเหตุเธอออกไปกินไอศกรีมกับคุณย่า จึงไม่ได้มีความทรงจำถึงโศกนาฏกรรมนั้นแม้สักเสี้ยวเศษ ดูเหมือนว่าเธอในวัยเด็กจะเป็นพวกเรียนรู้ช้าเกินกว่าจะรู้ความ หรืออาจเพราะการแทบไม่เห็นมารดาเคยเสียน้ำตาแม้สักหยดเดียว ขณะจับมือน้อยๆ เอาไว้ด้วยความสั่นเทาในวันงานศพที่เป็นเพียงภาพเลือนรางสำหรับเธอ เพราะอย่างนั้นริโนะจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าโศกเศร้าอะไรเหมือนอย่างที่ทุกคนต่างพากันเรียงแถวเข้ามาแสดงความเสียใจ

    คุณย่าที่เสียน้ำตามากที่สุดและยังคงไม่จางหายกระทั่งวันนี้เมื่อมองดูรูปถ่ายของลูกชายคนเดียวยังคอยพร่ำบอกแก่เธอเสมอว่าพ่อไม่ได้จากไปไหน พ่อยังอยู่กับพวกเราถึงแม้ว่าจะไม่อาจมองเห็น สัมผัส หรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้อีกต่อไป ริโนะจึงเชื่อแบบนั้นโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ และจะกล่าวคำลากับรูปถ่ายบนโต๊ะเมื่อออกจากบ้านทุกเช้าไม่ได้ขาด

    ขณะที่ริโนะไม่เคยเห็นมารดาร่ำร้องให้กับคนรักที่ต้องจากไปในวัยเพียงแค่สามสิบสามแม้แต่ครั้งเดียว แม่จะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินชื่อที่พิเศษที่สุดของเขา หรือกับรูปถ่ายซึ่งใบหน้าที่หล่อเหลาที่สุดในโลกของสองแม่ลูกจะยิ้มตอบกลับมา เมื่อไหร่ที่คุณย่ามาเยี่ยม กลับเป็นแม่ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายคอยปลอบใจคุณย่าซึ่งยังคงทำใจรับไม่ได้ ทุกถ้อยคำที่พร่ำบอกแก่หลานสาวก็เหมือนจะเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองที่แสนจะยากเย็นเท่านั้น

    ริโนะรักพ่อ...และรู้ดีว่าแม่ย่อมต้องรักเขายิ่งกว่า หากเมื่อเวลาผันผ่านไป เธอก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าแม่ที่เหน็ดเหนื่อยเลี้ยงดูเธอให้เติบใหญ่ไม่น้อยหน้าใครจากงานแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้าคนเดียวตลอดมา ก็ควรที่จะได้มีใครสักคนมาคอยดูแลบ้างเสียที แม้แต่คุณย่าเองก็คิดเห็นตรงกันว่า “ลูกชายแม่จะต้องอยากเห็นคนที่รักมีความสุข” แต่คำตอบที่ได้รับนั้นกลับฟังแล้วน่าปวดใจยิ่งกว่า

    “ความสุขของหนูยังอยู่กับหนูตรงนี้เสมอค่ะ”

    ทำให้ไมตรีของเจสซี่ ลูอิส พ่อม่ายลูกสองที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่ในแถบละแวกบ้านเดียวกัน อีกทั้งแวะเวียนไปซื้อของสดของชำที่ห้างสรรพสินค้าบ่อยๆ ก็ไม่เกิดความคืบหน้าใดๆ มากไปกว่านั้น ต่อให้เธอจะเอาใจช่วยจนแทบจะออกนอกหน้าเพียงไรก็ตาม

    สุดท้ายในค่ำวันหนี่ง ริโนะก็อดปากเอาไว้ไม่ไหวเมื่อต้องเห็นเขาเดินคอตกกลับบ้านไปอีกคราว

    “แม่ไม่สงสารคุณลุงเจสซี่เหรอคะ?”

    “ความรักไม่ใช่เรื่องของความสงสารนะจ๊ะ”

    “แต่เขาดูรักแม่มากเลยนะคะ หนูเชื่อว่าเขาจะต้องดูแลแม่ได้ดีมากแน่ๆ”

    เรียกรอยยิ้มน้อยๆ จากหล่อน

    “แม่รู้จ้ะว่าเขาต้องทำได้”

    “แล้วทำไมล่ะคะ? ทั้งแม่ทั้งย่าเคยบอกหนูเองไม่ใช่เหรอคะว่าพ่อใจดีออกจะตายไป หนูคิดว่าพ่อคงไม่โกรธหรอกค่ะถ้าแม่จะลงเอยกับผู้ชายที่ดูแลแม่ได้”

    “เรื่องนั้นแม่ก็รู้เหมือนกันจ้ะ” หล่อนยังคงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่เจื่อนจางลงไป เปิดตู้เย็นเก็บเค้กช็อกโกแลตพราลีนที่ได้มาทั้งปอนด์ใส่เข้าไป จากนั้นก็เปรยๆ ขึ้นมาว่าจะทำอาหารอะไรให้สามพ่อลูกบ้านลูอิสเป็นการตอบแทนดี เป็นอันยุติบทสนทนาถึงเรื่องก่อนหน้าเพียงแค่นั้น แต่ความรู้สึกที่ตกตะกอนอยู่ข้างในใจของริโนะนั้นยังคงไม่จางหายไปไหน

    ทำไมแม่ถึงยังรักพ่อที่จากไปตั้งสิบปีแล้วได้มากถึงเพียงนี้กัน?

    บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้รู้จักพ่อของตัวเองดีนัก นอกจากแค่ในเรื่องเล่าของแม่กับย่า ถ้าเพียงแต่เธอจะสามารถจดจำแววตาที่พ่อมีให้กับแม่ หรือความรักที่พวกเขามีให้แก่กัน ถ้าเป็นอย่างนั้น เธออาจจะได้เข้าใจถึงเหตุผลที่แม่ไม่คิดจะเปิดใจตัวเองขึ้นมาก็ได้

     

    เป็นเพราะความรู้สึกที่เหมือนกับร่างกายถูกฉุดกระชากขึ้นจากแรงโน้มถ่วง พลันเรียกนัยน์ตากลมโตให้เบิกโพลง ก่อนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าไปเต็มปอด ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสคือตัวเองไม่ได้กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างที่ควรจะเป็น ถึงจะกำลังยืนอยู่ในชุดนอนแขนยาวกรอมเข่าที่จำได้ว่าใส่เข้านอน หลังจากจัดการช็อกโกแลตพราลีนไปหนึ่งส่วนแล้วแปรงฟันเข้านอนก่อนแม่ที่ยังคงทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ในครัว นั่นเป็นเวลาราวๆ สามทุ่มครึ่งไม่ผิดแน่ แต่บัดนี้กลับมีแสงแดดเจืออ่อนสาดส่องเข้ามา ภายในระเบียงทางเดินของบ้านหลังที่เธอไม่คุ้นตาจนต้องเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความงุนงง ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงกริ่งของประตูหน้าบ้านที่อยู่ห่างจากเธอไปไม่เท่าไหร่ ตามมาด้วยเสียงสนทนาที่ดังแว่วมาจากชั้นบน

    “คงจะเป็นเพื่อนฉัน เธอทำตัวดีๆ นะ”

    “พี่ควรจะดูแลฉันต่างหาก ไม่ใช่นัดเพื่อนมาที่บ้านแบบนี้!

    “เธอต่างหากที่มาทีหลัง ฉันนัดหมอนั่นมาตั้งชาตินึงแล้ว ส่วนเธอเพิ่งจะถูกคุณป้าเอามาฝากไว้ที่บ้านฉันไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง อย่าวุ่นวายมากนักเข้าใจไหม ยัยกาฝาก!

    “ฉันจะเตะก้นพี่ให้หงายเลย!”

    น้ำเสียงของพวกเขาใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ ริโนะจะบอกพวกเขาว่าอย่างไรดีกับสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ ในเมื่อเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ หรือพวกเขาเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ร่างของเด็กหญิงและชายหนุ่มที่วิ่งตึงตังลงบันไดมากลับผ่านร่างของเธอไปเหมือนกับ...ผี!

    “พอได้แล้วน่า คิโนะ!” เขายกมือขึ้นปัดป้องตัวเองจากการประทุษร้าย ไม่ได้มีท่าทางหงุดหงิดนอกจากรำคาญ และเด็กผู้หญิงเจ้าของชื่อต้นที่ริโนะรู้จักเพียงแค่คนเดียวในชีวิตก็จะยอมถอยทัพแต่โดยดีหลังคำพูดที่ว่า “อายเพื่อนฉันหน่อย”

    “โทษที วันนี้คุณป้าบ้านข้างๆ เอาลูกมาฝากเลี้ยง หวังว่านายคงไม่ถือสานะ โชริ นี่คิโนะ คิโนะ นี่โชริ”

    ท่ามกลางความตื่นตะลึงอย่างที่สุดกับริมฝีปากที่อ้าค้าง ริโนะ ซาโต้ได้ตระหนักแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นผี วิญญาณของเธอไม่ได้หลุดออกมาจากร่าง และนี่ไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดาทั่วไป แต่เธอได้ย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่พ่อกับแม่ได้พบกันอย่างที่ปรารถนาว่าจะได้เห็นต่างหาก!



    ไม่มีพรุ่งนี้หรอก เพราะวันนี้ก้ตอแหลมากพอแล้ว >_<
    2024年08月12日
    _______________
     ไหนๆ นี่ก็คือหนึ่งในเซ็ตฟิคตอแหลเหมือนกับเรื่องก่อนหน้า เลยได้ฤกษ์เอามาลงสักทีละกันหลังจากแปลงทิ้งไว้นานละชาติเศษได้ แต่เกลาไม่เสร็จสักทีเพราะภาษาเหี้ยมาก ไม่มีอารมณ์อยากจะแก้เกลา ไม่รู้จะเวิ่นเว้ออะไรมากมาย ไปไหนมา สามวาสี่ศอก -_- ที่กูอึ้งกว่าคือตอนย้อนอ่านทอล์คเก่าแล้วเขียนว่าแต่งเรื่องนี้จบภายในสองวัน บ้าไปแล้ว! กูคนนั้นไปเกิดใหม่หรือยัง! ทำพิธีเข้าทรงเรียกมาเข้าร่างกูด่วนๆๆ!
     ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากเจสสี้ ยังไงคนที่จะรับไม้ต่อก็ต้องเป็นโชริเท่านั้น เพราะอะไรไม่รู้ ทั้งที่คนอื่นในค่ายก็เล่นกีตาร์ได้ แต่ยังไงก็ต้องเป็นโชริเท่านั้น...เท่านั้น...เท่านั้น (เสียงก้อง) หรือเพราะเพลงฟอร์เอฟเว่อร์โกลด์ที่ทำให้เราคิดว่าไทม์เลสเปิงกับยุคเก่าไรงี้วะ ตลอดไป / อนึ่ง อย่าเพิ่งคิดว่าพ่อแม่หน้าตาดีมากทำไมลูกไม่สวยเริ่ดเลยง่ะ ก็อยากให้คิดว่าน้องยังเด็ก ยังไม่โต แต่ก็ตั้งใจเลือกคนที่ตาเฉียงๆ แก้มยุ้ยๆ ทรงโชริได้อยู่นะ TvT / ส่วนเพลงประกอบกูบอกตรงนี้แหละว่าไม่ใช่ยุคกูเล้ย หายังไงก็ไม่เปิงใจจริง ขนาดไปไล่หาจากเพลย์ลิสต์ในเกมมาเฟีย 2 มาละก็ยังไม่นำพา หรืออาจเพราะฟิคมันตอแหลด้วยแหละ เดาๆ เพราะงั้นขอติดไว้ก่อนละกัน สักวันคงมาแปลงจนเสร็จแล้วหาเพลงลงได้ หรืออาจไม่มีสักวันนั้นเลยก็ไม่รู้ / และขอบคุณกรอบคู่ราชนิกูลจากครัวเจ้เอินอีกทีด้วยงับ เป็นไงๆ กุหลาบแดง 9999 ดอกบ่งบอกความจริงอันยิ่งใหญ่ >_< 
    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×