ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #72 : DEAD END IN TOKYO ~3/4~

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 64


    DEAD END IN TOKYO
    Inspiration: Grasshopper 「グラスホッパー (Film, 2015) & MAN WITH A MISSION – Dead End in Tokyo (Song&MV, 2017)
    Playlist: [ALEXANDROS] – Mosquito Bite












    .

    เสียงน้ำไหลจากก๊อกเงินวาวในห้องน้ำ ผสานไปกับเสียงกรีดครวญของโอเปร่าจากเครื่องเล่นแผ่นซีดีในตอนที่เขาขยี้เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางซึ่งเปื้อนเปรอะไปด้วยสีแดงฉาดฉาน นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานที่เขาพิสมัยเลย เหมือนการเก็บกวาดน่าเหนื่อยหน่ายหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมอันทรงคุณค่า ผิดกันก็แต่ว่าเขาต้องรับหน้าที่ทั้งสองนั้นลำพัง แต่จะไปโทษใครได้เล่า ในเมื่อหัวหน้าซึ่งเป็นผู้ฝักใฝ่การใช้ปืนที่ทั้งสะดวกกว่าและยังสามารถทำการโจมตีระยะไกลแค่ไหนก็ได้ตามต้องการเคยแนะนำเขาหลายครั้งหลายหนแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะความคุ้นชินจากหน้าที่การงานตั้งแต่สิบปีก่อนถึงแม้ว่าประเภทปืนพกของตำรวจนครบาลจะเปลี่ยนไปหลังจากเข้าสู่ยุคใหม่แล้วก็ตาม ส่วนเขากลับไม่นึกนิยม เนื่องจากความว่องไวจากรูปร่างที่ผอมบางเข้ากันได้กับคมมีดวาววับซึ่งเขาศรัทธาหลังจากได้เคยปลิดชีวิตไอ้คนวิปริตในครอบครัวมาแล้วมากกว่า ความรู้สึกที่ได้มองเห็นเค้าหน้าหวาดหวั่นและนัยน์ตาที่ค่อยๆ ดับแสงเมื่อใบมีดกรีดลงบนลำคอจนโลหิตพุ่งเป็นสายเหมือนกับเดรัจฉานในโรงฆ่าสัตว์นั้น ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมราวกับตนเป็นพระผู้สร้างซึ่งลงมาจัดการปีศาจเดินดิน โดยปกติแล้วเขาจะคอยพกเสื้อกันฝนติดตัวเสมอเผื่อสถานการณ์เช่นนี้ แต่วันนี้เมื่อเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทมันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาสุดเซ็งจากพิธีการที่จำต้องชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีทางใช่ฝีมือใครอื่นนอกจากยัยผู้หญิงน่ารังเกียจที่ชื่ออาเกฮะ หล่อนมักจะหัวเราะชอบใจเสมอเมื่อได้กลั่นแกล้งหรือเห็นเขาหลุดความรำคาญใจที่เฉียดใกล้กับความโกรธขึ้งออกมา เขาเกลียดหล่อน พอๆ กับที่นับถือหัวหน้าซึ่งหลงหล่อนมาได้ตั้งเจ็ดปี นอกจากใบหน้าสะสวยนั้นแล้ว มีสิ่งใดอีกหรือที่ควรค่าภายใต้มารยา?

    “แกโชคดีมากนะที่ฉันถูกส่งมาทำงานนี้”

    เขาลูบไอน้ำออกจากกระจก ขยับองศาของใบหน้าตนเองทั้งซ้ายขวา วันนี้ไม่ได้การเลย ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลและใบหน้าจนถึงลำคอขาวๆ มีแต่สีแดงเหนียวเหนอะเต็มไปหมด เห็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงถอดเสื้อกล้ามตัวข้างในที่สวมใส่อยู่ออก ตามด้วยสร้อยคอ กางเกง ชั้นใน และถุงเท้า ก่อนย่างก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำอุ่นสาดชำระของเหลวสีแดงเหล่านั้น เขาหลับตา กล่าวต่อ

    “ถ้าเป็นไทกะแกคงไม่ได้ตายดี”

    ร่างกายของเขาบัดนี้ท่วมท้นไปด้วยเลือดกลายสภาพ ยิ่งเมื่อยกมือขึ้นขยี้เรือนผมของตัวเองอยู่เช่นนั้น

    “ทั้งที่แกก็สมควรไม่ได้ตายดีจริงๆ นั่นแหละนะ”

    หลังจบประโยคเย้ยเยาะ เขาก็ไม่ได้เปล่งเสียงอื่นใดออกมาจากลำคออีก ใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำสุดหรูของโรงแรมราคาแพงระยับเทียมเท่ากับส่วนแบ่งค่าจ้างของเขาเลยก็ว่าได้ที่ใจกลางมหานคร กว่าจะจัดการตัวเองจนสะอาดหมดจดก็เป็นเวลานานพอดูชนิดที่โอเปร่าแผ่นนั้นหยุดกรีดเสียง เมื่อเขาเดินตัวปลิวพลางเช็ดผมเปียกหมาดๆ เข้ามาเปิดตู้เย็น หยิบเอาโคล่ากระป๋องเย็นเจี๊ยบ ยกดื่มอึกๆ แต่ไม่ให้หมดในคราเดียว ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอน กดเปิดรีโมตเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปยังช่องภาพยนตร์ตะวันตกสยองขวัญยุคเก่า แช่ค้าง ก่อนเหลียวไปมองบานกระจกที่ถูกเปิดอ้าไว้นิดหนึ่ง นั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกหนาววาบขึ้นมาจากลมกลางคืน เขาจึ๊ปาก กระนั้นก็ไม่ได้ขยับตัวไปทำสิ่งใดนอกจากยกโคล่าขึ้นดื่มไปอีกอึก

    “ถ้าแกปีนออกไปได้แล้วพลัดตกลงไปตายก็คงจะไม่ต้องทรมานขนาดนี้ ว่างั้นไหม?”

    คราวนี้ เขาหันไปถามความเห็นจากร่างของชายแก่ซึ่งชุ่มโชกไปด้วยเลือดทั่วพื้นพรมและบานกระจก แม้วิญญาณที่หลุดลอยไปจะไม่อนุญาตให้เขาตอบคำถามหรือกระทั่งรับฟังถ้อยใดจากชายหนุ่มได้แม้ประโยคก็ตาม หากนักฆ่าผู้ปลิดวิญญาณโสมมนั้นก็หาได้แยแสไม่

    กระทั่งโสตประสาทที่ดีเลิศจากการฝึกฝนมานับแต่เด็ก ผนวกกับพรสวรรค์มานับแต่เกิด ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่ามันคือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้เลยหลังจากพรสวรรค์ห่าเหวนี่ ทำให้บางครั้งคราวจะเกิดเสียงหวึ่งหวี่ข้างในหูของเขาอย่างไร้ที่มาจนแทบคลั่ง จะได้ยินเสียงฝีเท้าก่อนเจ้าตัวจะมาถึงและกดรหัสของห้องพักห้องนี้เสียอีกอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับเพียงเอนศีรษะไปทางบานประตูและเอ่ยปากทักทายอย่างเนือยๆ เมื่อร่างของชายผู้มาใหม่ปรากฏตัว แสดงปฏิกิริยาตรงกันข้ามสิ้นเชิงเมื่อมองเห็นศพของชายแก่ผู้เช่าห้องนอนคอตกพิงบานกระจกสีใส เป็นภาพแห่งความตายซึ่งตัดกับทิวทัศน์อันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของตัวเมืองเบื้องหลัง เก็นตะชะงักงันด้วยความไม่ทันตั้งตัว หาใช่ความตกใจที่ได้เห็นชายหนุ่มซึ่งเคยพบหน้าครั้งสองครั้งร่วมห้องนี้ด้วยแต่อย่างใด เขารู้ว่าชายผู้นี้คือนักฆ่าของพี่ชายตำรวจมือเปื้อนเลือดของเขา ไม่รู้ว่าเป็นชื่อจริงหรือไม่ แต่เขาก็รู้จักชายผู้นี้ในชื่อไคโตะ ใบหน้าราวเทวดาเมื่อแย้มยิ้มกลับเป็นเทวทูตที่พร้อมจะมอบความตายให้แก่เหล่าปีศาจจากอเวจี หากเก็นตะก็ไม่เคยนึกหวาดกลัวเลยเพียงน้อย แม้พวกเขาเหล่านี้จะเป็นนักฆ่า แต่ไม่ใช่การฆ่าพร่ำเพรื่อเพียงเพราะสินจ้างราคาลิบลิ่วเหมือนอย่างไอ้พวกปลายแถวทั่วๆ ไป เมื่อสำหรับชายนามอาเบะ เรียวเฮที่เก็นตะรู้จัก สินทรัพย์ใดก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าความยุติธรรมในสังคมฟอนเฟะที่แม้แต่กฎหมายยังต้องยอมสยบ ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก จะอาชีพตำรวจหรือนักฆ่าก็ล้วนแล้วแต่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เก็นตะยกย่องอดีตพี่ชายก็ตรงนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องเด็กลูกครึ่งของเขาจะน่าสะเอียนก็ตามที

    “ครั้งหน้านายควรจะเช็กประวัติลูกค้าดีๆ ก่อนคิดจะส่งของ”

    ว่าแล้ว คนที่อยู่บนเตียงก็เอื้อมไปหยิบซองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนโยนส่งไปให้ผู้มาใหม่ที่รับไว้ได้อย่างทันท่วงที เขาเปิดผนึก หยิบรูปถ่ายขนาดเอห้าที่อยู่ข้างในขึ้นมา ความรู้สึกอยากขย้อนพุ่งขึ้นมาที่ลำคอทุกขณะเมื่อรูปถ่ายเปลี่ยนผ่าน หญิงสาวบางรายอยู่ในสภาพถูกข่มขืน บางรายถูกจับขัง และบางรายก็เป็นศพขึ้นอืดจากการถูกเอาไปโยนทิ้งแม่น้ำ เขาไม่คิดว่าชายแก่อดีตเจ้าของช่องโทรทัศน์ซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่น ไหนจะภรรยาที่เป็นเจ้าของมูลนิธิเพื่อสตรีโดยมีสามีคอยร่วมสนับสนุน จะเป็นเพียงการแสดงบังหน้าและกล้ากระทำสิ่งวิปริตเช่นนี้ได้ลง พวกเธอเหล่านั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา บางคนก็ดูเด็กกว่ามากจนไม่น่าจะพ้นวัยมัธยมเสียด้วยซ้ำไป อาทิตย์ที่แล้ว ขณะนั่งดื่มอยู่กับทายาทมูราคามิที่ร้านเหล้ามีรสนิยมซึ่งนานทีจะได้เข้าไปดื่มด่ำ ตาแก่ที่ได้ยินเขาพูดเรื่องอาชีพและเปอร์เซ็นต์สำเร็จเต็มหนึ่งร้อยให้เพื่อนฟังคงจะเห็นเป็นโอกาส เสนอการจ้างวานเพียงว่า “ช่วยพาตัวลูกสาวของฉันมาให้ที” ตาแก่นั่นบอกว่าตนไม่อยากไปพบหน้าลูกสาวที่ได้เคยทอดทิ้งมาตั้งแต่เกิดให้เป็นข่าวครึกโครม ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่ออาชีพนางแบบที่กำลังก้าวหน้าของเธอ แถมก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเธอจะยอมรับคนที่ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูด้วยแม่ของเธอคอยแต่กีดกันเป็นพ่อแท้ๆ หรือไม่ ตาแก่นั่นเอาแต่พร่ำพรรณนา ใช้ความน่าสงสารและหน้าที่การงานของตนและภรรยาผู้เมตตาหลอกเขาซะจนหลงเชื่อ ทั้งที่ราอูลก็ปรามแล้วว่าเรื่องราวมันดูแปลกประหลาด แถมตาแก่นั่นก็ดูส่อพิรุธ หากเพราะค่าจ้างจำนวนหกหลักที่เขาต้องรีบตะครุบเอาไว้ รถของเขาจะได้รับการแต่งเพิ่มสมรรถภาพอย่างที่ฝันเสียที เขาคิดเพียงเท่านี้ จนมองข้ามคำเตือนของผู้ที่มองเห็นข้อเสียในตัวมนุษย์อย่างถ่องแท้ไป ถ้านักฆ่าไม่ชิงลงมือจัดการตาแก่นี่เสียก่อน เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าหญิงสาวที่เขาบอกให้นั่งรออยู่ข้างล่างจะต้องเผชิญกับนรกบนดินในสภาพใด

    “ที่จริงแล้วไม่มีใครจ้างวานให้พวกเราฆ่าไอ้แก่นี่”

    “หมายความว่ายังไง?”

    “ก็หมายความว่า...” เขาทำเสียงยานคางคล้ายกับรำคาญ “นายต้องเอาเงินหกหลักนั่นจ่ายค่าจ้างให้เรา” ก่อนลุกขึ้นยืดยาด เดินเข้าห้องน้ำและหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตากอยู่ตรงเครื่องเป่าแห้งขึ้นมาสวม ส่งเสียงตะโกนจากในนั้น “หัวหน้าสั่งให้ฉันมาจัดการไอ้แก่นี่เพราะรู้ว่านายจะมาส่งของ”

    “คุณเรียวเฮเหรอ?”

    ไคโตะขานรับในลำคอ “เขาบอกว่าถ้านายรู้ว่าทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องถูกข่มขืน ไม่ก็ตาย นายคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ เขาว่าเด็กอย่างนายทนรับความผิดบาปไม่ไหวหรอก”

    “แล้วฉันจะไปรู้เรื่องพรรค์อย่างนี้ได้ยังไง!

    “อย่าเอาคำตอบแบบนั้นมาอ้างกับฉัน!” จากความรำคาญแต่เดิมทีผันเปลี่ยนไปเป็นขุ่นข้องใจเมื่ออีกฝ่ายตะเบ็งเสียงลั่นโต้ตอบ แล้วพุ่งตัวเข้ามาเอาท่อนแขนกดลำคอของเขาไว้ ขณะใบมีดสีเงินวาววับก็จ่อเข้าที่ใบหน้า “ถึงนายไม่รู้ว่าไอ้แก่นี่มันเลวชาติ นายก็น่าจะต้องสงสัยในข้ออ้างน้ำเน่าของมันบ้าง! นายเอาตัวเองและคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเข้ามาเสี่ยงจากความโลภของตัวเอง ฉะนั้น นายก็ต้องชดใช้มันด้วยความโลภ! ไอ้เงินทั้งหมดนั่นต้องเป็นของเรา นายไม่มีสิทธิ์เลือก!

    ก่อนใบมีดจะถูกสะบัดกลับและร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ แต่ต้องไอค่อกแค่กเนื่องจากขาดอากาศอยู่ครู่ขณะ สายตาของนักฆ่าแสดงความสมเพชเมื่อก้มลงมองอย่างไม่มีปิดบัง

    “หมดธุระแล้ว นายกลับไปได้ ฉันมีเรื่องต้องจัดการ”

    เด็กหนุ่มไม่รีรอ เขาเดินกุมลำคอของตนออกไปไม่หันกลับมาอีก ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากชั้นสิบห้า ที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิกได้ทะยานล่วงหน้าไปนานแล้วจนไม่ทันได้ร่วมเป็นสักขีพยาน




    ชิโนะเหลือบสายตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มที่กำลังยืนเท้าแขนบนสะพาน พร้อมกับควันสีขาวขุ่นเป็นสายที่ส่งมาจากบุหรี่ตรงข้อนิ้วโป้งกับชี้ซ้ายที่คีบมันเอาไว้ ลมกลางคืนพัดโพยมาให้เรือนผมสั้นของเธอปลิวไสว เขาไม่ได้ให้เหตุผลใดในการกระทำของตนที่ปล่อยเธอทิ้งไว้ข้างล่างโรงแรมหรูราคาแพงระยับที่ใจกลางมหานคร นั่นทำให้ชิโนะคิดว่าตนเองมองดูเด็กหนุ่มที่ชื่อเก็นตะไม่เพี้ยนผิด เขาต้องเป็นลูกเศรษฐีของทายาทตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างแน่นอน มิเช่นนั้น ก็คงจะไม่เดินตัวปลิวเข้าไปในโลกอีกใบภายในตึกสี่เหลี่ยมทรงสูงเทียมฟ้าสู่สรวงสวรรค์ซึ่งอาจหาใช่เพียงคำเปรียบเปรยอย่างไม่อนาทรแน่ ที่จริง เธอจะเรียกแท็กซี่หนีไปในตอนที่เขาบอกให้เธอรออยู่ข้างล่างนี่ก็ได้ หากเพราะมีคำถามมากมายเวียนวนอยู่ในหัว ทั้งเรื่องตัวตนของเขา เรื่องงานที่ได้รับว่าจ้าง และใครคือคนที่ตามหาตัวเธอ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการคำตอบ ชิโนะจึงปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปอยู่ลำพังอย่างอดทน กระทั่งรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ครอบศีรษะจากหมวกกันน็อกที่เขาสวมลงไปให้อย่างถือวิสาสะ ก่อนน้ำเสียงอู้อี้ ทว่าหนักแน่นชัดเจนจะดังขึ้นเหมือนเป็นคำสั่งว่า “ขึ้นมา” ทันทีที่มือข้างหนึ่งเอื้อมไปเกาะเกี่ยว รถคันเก๋ากึ๊กก็จะบึ่งออกไปอย่างไม่รั้งรอ ด้วยความเร็วที่น่าจะเฉียดข้อกฎหมายแห่งกรมคมนาคม จนหญิงสาวต้องหลับตาปี๋ กอดกระชับวงแขนของตนเอาไว้ให้แน่น

    เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงลมที่บางเบาเฉกเช่นเดียวกับเสียงเครื่องยนต์ผะแผ่ว นัยน์ตาจึงค่อยเปิดปรือ ถอนหายใจออกมาและทิ้งตัวลงกับแผ่นหลังกว้างของคนขับที่ยังคงเงียบงัน อีกครู่ขณะหนึ่ง ทุกอย่างก็พลันนิ่งสนิท และเธอก็รู้สึกได้ถึงร่างที่สั่นเทาน้อยๆ อย่างไร้เหตุผลของคนในวงแขน แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร เขาก็จะผลุนผลันลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อกแขวนเข้ากับแฮนด์ ให้เธอรีบร้อนทำแบบเดียวกันและกึ่งวิ่งตามเด็กหนุ่มตัวเตี้ยที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบและมองดูวิวบนสะพานที่มองเห็นแสงสีสังเคราะห์ในตัวเมืองฝั่งตรงกันข้าม ตัดสีสันของท้องฟ้าสีดำสนิทในค่ำคืนเดือนดับได้อย่างชัดเจน ไม่มีผู้คนใช้ยวดยานสัญจรผ่านไปมานักในเวลาล่วงดึก นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแล้ว อาจมีเพียงเงาทอดยาวเป็นเพื่อนไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยว ใบหน้าที่ลอบมองไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ จนเธอคิดว่าอาจรู้สึกไปเองถึงสัมผัสอันสั่นเทาก่อนหน้านั้น คำถามยังคงวิ่งวน แต่เธอก็เกรงกลัวเกินกว่าจะทำลายบรรยากาศแสนประหลาดหากก็เป็นสุขขณะนี้เหลือเกิน

    ไม่แน่ว่าบางที...นี่อาจเป็นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอดก็ได้

    ทันใด เสียงดนตรีเพลงร็อคของบทเพลงยุคเก่าจะเป็นตัวขัดจังหวะความเงียบงันนั้น ไม่ต่างจากบทเพลงที่ดังขึ้นมาผิดเวลาในฉากหนึ่งของหนังและทำทุกอย่างล้มครืนลงมาไม่เป็นท่า เธอรีบเปิดกระเป๋าสะพายไหล่แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารหุ้มเคสสีเหลืองสดขึ้นมา หากชื่อของเจสซี่จะทำให้เธอต้องขมวดคิ้วมุ่น ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วเรียวกับปลายเล็บยาวซึ่งแต้มแต่งสีเมทัลลิกจะกดตอบรับและหันไปขอโทษขอโพยคนข้างกาย เขาก็จะฉวยคว้ามันมากดตัดสายเสียเอง ได้กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งอยู่ในริมฝีปากที่ทาบทับลงมาพร้อมกับลมหายใจที่หน่วงหนัก เสียงดนตรีกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีใครให้ความสนใจมันอีกแล้ว ริมฝีปากที่ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาทำให้ร่างของเธอคล้ายกับว่าร้อนเป็นไฟในค่ำคืนที่อากาศเยียบเย็น ถ้าเขาไม่ใช้มือแกร่งของเขาคอยโอบประคองเอาไว้ เธอก็คงจะทรุดลงกับพื้นไปแล้ว

    กระทั่งชิโนะเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงคนนี้...ในสถานที่แบบนี้อย่างง่ายดาย แต่เธอก็รู้แน่ว่ามันไม่ได้เป็นเพราะความรัก หรือสัมผัสของเขาที่โถมกระหน่ำลงมาก็เช่นกัน

     











    2021年04月04日
    _______________
    ★ เศร้ามากเอามาลงวันที่สามไม่ทันเพราะกูตื่นไม่ทัน เลยต้องข้ามมาราธอนไปหนึ่งวันเพราะลืมส่งไฟล์ไปที่สถานี T-T กับตอนของไคโตะที่กูพราวด์มากกับทุกดีเทล ที่จริงตอนแรกจะเอาสองพาร์ทนี้ไปรวมกับตอนก่อนหน้าแล้วเพราะเป็นเรื่องของเก็นตะกับชิโนะหมดเลย แต่ก็แยกๆ ไปเถอะเดี๋ยวตาแตก และกูบ้าพลังกับการทำโปสเรื่องนี้มาก อยากอวดแก๊งนักฆ่าเพื่อคุณธรรมของอาเบะจังมากถึงจะมีเด่นในตอนนี้แค่คนเดียวก็เถอะ แร้วไงใครแคร์ แบบกูชอบทุกคนในทีมมาก (ที่จริงจะมีผู้หญิงอีกคนด้วย) จนอยากจับเรื่องแก๊งนักฆ่ามาขยายที่สุดแล้ว ขอออกตัวก่อนว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กที่พ่อแม่ถูกฆ่าหมดแล้วในคดีที่อาเบะจังเคยทำ อาเบะจังแค่รับเลี้ยงดู หางานให้ทำ แต่คนที่มีเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวมีแค่คนเดียวคืออาเกฮะ เพราะสวยไง ขอบคุณค่ะ นี่ว่าบาปแต่ยิ่งแต่งฉากเป็นนักฆ่าแล้วชอบไคโตะมาก (ว่าไปไทกะในฟิคกูหายไปไหนหมดวะ เหมือนมีแต่มึงแต่งให้กูเนี่ย) และยังไงอาเกฮะก็จะได้กับไคโตะด้วยสักทาง ยิ่งเกลียดกันยิ่งได้เลยพี่สาว เพราะต้นฉบับคือยามะเซมิ แล้วตอนนั้นกูก็บ้าเค้ามากน่ะนะ
    ★ ต้องโม้ด้วยว่าพล็อตดั้งเดิมกลุ่มนักฆ่าจะใช้โค้ดเนมเป็นสัตว์หมดเลย มีทั้งหมดสี่คน อาเกฮะ-ผีเสื้อ เซมิ-จักจั่น ซาโซริ-แมงป่อง ฮิมิซึ-ตัวตุ่น แต่เพราะไม่อยากได้เซมิคนที่สาม และถ้าหาชื่อสัตว์ให้อุมิกูก็นึกถึงแต่อินุซึ่งไม่ได้ป่ะวะเลยเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงแทน ส่วนไทกะก็คงเป็นค้างคาวแหละ แต่อย่าหาว่าสอนเลยนะ เราไม่ได้เอะอะก็ใช้ผีเสื้อพร่ำเพรื่อทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่อง อย่างเรื่องไซเรน (ตอนจบกูบอกเลยว่านางเอกจะกลายเป็นผีเสื้อเพื่อแก้คำสาป) หรือแมงมุม (ที่จริงใจกูอยากเป็นค้างคาวที่สุด เพราะชเวรีก็เป็นค้างคาว แต่ยังไง ให้แมงมุมมาดักค้างคาวเหรอวะ มืดจิบเลือดป่ะ) นั่นคือเมนหลักเลยด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเสพพวกงานญี่ปุ่นสยองขวัญหรือตำนานจะเจอผีเสื้อเยอะมาก อย่างในเรื่องนี้โค้ดเนมก็มีความหมายหมดเลย เซมิ-ได้ยินเสียงในหู (เพราะจักจั่นคือแมลงที่เสียงดังที่สุดในโลก) ซาโซริ-เกี่ยวพันกับพิษ ฮิมิซึ-ชอบเก็บตัวและจะออกมาเฉพาะตอนฆ่าคน ส่วนอาเกฮะก็คือผีเสื้อที่ใช้รูปลักษณ์ล่อผู้ชายในเรื่อง ขอโทษที่กูไม่ได้ใส่มาพร่ำเพรื่อ แต่ก็ขอโทษที่ลืมไปว่าบางคนแต่งฟิคแบบใส่ดีเทลเข้ามาไม่ได้เพราะความรู้ไม่มากพอ หาข้อมูลที่เป็นภาษาอื่นไม่ได้เพราะแปลไม่ออก เลยสักแต่จะก็อปดีกว่า อิอิ และบอกเลยว่ากูยังมีกิมมิคเกี่ยวกับผีเสื้อให้เล่นอีกล้านแปด แต่เบื่อละ ไปเลี้ยงหมาดีกว่า แต่ก็จริงว่ะมึง ใครๆ ก็อยากเป็นผีเสื้อ 55555
    ★ ที่ประเภทปืนพกของตำรวจเปลี่ยนไปเราได้มาจากเรื่อง 1Q84 ที่อาโอมาเมะพูดถึง แล้วก็ฉากตอนท้ายๆ ของเก็นตะกับชิโนะอันนี้กูรู้ตัวว่าแต่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่าด่า เพราะมาแต่งเพิ่มช่วงปีสองปีก่อนที่เปิดเรื่องนี้มาอ่านแล้วมันค้างตรงท่อนท้ายที่ตอนนั้นเราคงลังเลว่าจะให้ได้กันไหม สุดท้ายเลยแต่งไปให้ได้กันให้มันจบๆ จะได้ไม่ค้างคา แต่เฮ้ยมึงฟัง! ถึงจะดูเหมือนทำอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำกันข้างถนนนะ มันจะเซอร์เรียลเกินไปในฟิคใสๆ ของกู (เหรอวะ) จากนั้นก็คงไปโรงแรมต่อ แล้วยังไงต่อก็ไม่รู้ เพราะเรื่องนี้กูด้นสด พอเลิกแต่งก็ไม่ได้คิดพล็อตตัวละครให้ใครอีกเลย แต่บทของชิโนะก็จะได้กับเจสซี่ด้วยแหละนะ สักทาง
    ★ และในที่สุดกูก็ได้ขายวงร็อคอีกหนึ่งวงที่กูรักมากๆ แล้วโว้ย! มึงจำได้ไหมตั้งแต่สมัยปี 2013 ที่เราดูเอ็มสเตทางทรูด้วยกันแล้วมีเพลงสตาร์ สมัยชื่อวงยังเป็นแชมเปญอยู่เลยแล้วกูก็บ้าเพลงนั้นมาก ส่วนเพลงนี้ก็ให้บรรยากาศโตเกียวด้านมืดจริง แม่งได้ว่ะ ใครบอกไม่ได้ก็ไปทางอื่นเลยพี่ แล้วลองไปอ่านเนื้อเพลงที่ก็บังเอิญเข้ากับเก็นตะจริง เกิ๊น!
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×