คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : Curious Alice (down the rabbit hole)
“เพราะคุณเคยไปที่นั่นมาแล้ว คุณรู้จักถนนสายนั้น คุณรู้ดีว่ามันจะลงเอยที่ไหน และฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่ที่ที่คุณต้องการจะไป”
— ทรินิตี้, เดอะ เมทริกซ์
ขณะนั้น อิมะ จูเอะกำลังถือขวดน้ำอัดลมกับซองมันฝรั่งถุงใหญ่จากในครัวกลับมายังโซฟาสีเขียวแก่ลอกล่อน บ่งบอกถึงอายุการใช้งานเฉกเช่นเดียวกับข้าวของอื่นๆ ในอพาร์ตเมนต์โกโรโกโสแห่งนี้ ที่ซึ่งหญิงสาวผมสีดำในท่าเอียงตัวเท้าศอกกับพนักจะพลันโพล่งขึ้นทันทีที่เธอหย่อนตัวนั่งลงไปข้างกัน
“เธอรู้จักเส้นทางนั้นดี เธอรู้ดีว่ามันจะลงเอยยังไง แต่ทำไมเธอถึงยังกลับไปที่นั่นอีก?”
“หือ?”
“ฉันหมายถึงทุกอย่างเลย” จิบะ มิฉะตอบคำถามโดยไม่ขยับเปลี่ยนท่านั่งหรือแม้แต่เคลื่อนสายตาจาก ‘เดอะ เมทริกซ์’ ที่นำมาฉายซ้ำทางเคเบิลบนจอสี่เหลี่ยมเครื่องเล็กตรงกลางห้อง “เธอไม่จำเป็นต้องไปมั่วสุม ลักเล็กขโมยน้อยตามพวกนั้นจนไปลงเอยที่ซังเต ไม่จำเป็นต้องกลับไปหาหมอนั่นที่ดีแต่ทำให้ชีวิตของเธอแย่ลง”
จูเอะที่เป็นเด็กหัวรั้นไม่เคยชอบคำพูดที่ดูเหมือนกับคำสั่งสอนแบบนี้ แต่เธอก็ยอมหยวนให้เสมอเมื่อมาจากปากของรูมเมตที่เป็นไปด้วยเจตนาดี เช่นนั้นจึงเพียงสวนย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เพราะนั่นคือที่ที่ฉันต้องการจะไป”
แม้ว่าร้านสะดวกซื้อตอนเที่ยงคืนจะไม่ใช่ที่ที่จูเอะต้องการจะไปในความหมายโดยนัย เมื่อที่ที่ว่านั้นคือชายหนุ่มที่ชื่อมิจิเอดะ ชุนสุเกะ กับอีกหนึ่งวันของการมั่วสุม ลักเล็กขโมยน้อย และจูเอะก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องไปลงเอยที่ซังเตตามคำว่าของมิฉะ
“นายทำให้ชีวิตของฉันแย่ลง”
เหมือนกับอีกหนึ่งคำว่าที่จูเอะอดปากตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ยามผินใบหน้าไปหาคนตัวสูงที่ยืนสูบบุหรี่พิงผนังอิฐอยู่เคียงข้าง แว่วเสียงตะโกนด่าทอที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์นักดังลอดออกมาจากบ้านเช่าฝั่งตรงกันข้ามของหัวหน้าแก๊งที่พวกเธอมารอรับ เรียกเสียงหัวเราะขบขันที่น่าฟังกว่าเป็นไหนๆ จากคนข้างกาย
“จริงเหรอจูเอะ?”
“จริงมั้ง ไม่รู้สิ” เธอไหวไหล่ “แต่จะอะไรก็ช่าง บางทีฉันอาจไม่ได้ต้องการชีวิตดีๆ ก็ได้”
“ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นน่า” ชุนสุเกะวางมือแปะลงบนหัวเธอแล้วขยี้ผ่านเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่อุตส่าห์แปรงมาอย่างดีจนเสียทรง ความรำคาญใจแล่นปราดเข้ามาได้เพียงครู่ ก่อนมันจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกวูบไหวข้างในอกเหมือนกับทุกครั้งคราวที่ถูกริมฝีปากเจือรสชาติหวานปนขมของเขาเข้าครอบครอง
กระทั่งในช่วงเวลาที่ราวกับได้ล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ จูเอะก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันดีหรือแย่ แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ทำ...เลือก...ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว
∞
ความอดทนต่อการถูกทำร้ายตลอดมาของแม่ที่มีต่อพ่อสิ้นสุดลงในตอนที่ได้เห็นลูกสาวคนเดียวถูกตบหน้า กระแทกศีรษะเข้ากับผนังจนเลือดไหลอาบแค่เพราะเบียร์ในบ้านหมด เป็นครั้งแรกที่แม่ตอบโต้ด้วยการใช้กำลังทั้งที่คอยพร่ำสอนเรื่องนั้นกับเธอทุกเช้าค่ำเมื่อยกแจกันขึ้นฟาดหลังหัวของพ่อเข้าเต็มรัก ก่อนที่จะหอบหิ้วพาเธอหนีมายังโตเกียวบี เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จูเอะเห็นว่ามันก็กระเสือกกระสนไม่ได้ต่างไปจากเดิม จริงอยู่ที่แม่ของเธออาจไม่ได้ถูกทำร้ายทางกายเหมือนที่เคยโดนพ่อกระทำอีกแล้ว หากทางวาจาจากทั้งเถ้าแก่ร้านอาหารที่ชอบกดขี่ในไชน่าทาวน์และยัยป้าเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่คอยหาเรื่องค่อนแขวะทุกครั้งที่เจอหน้าก็ยังคงบั่นทอนจิตใจอยู่ดี
ขณะที่จูเอะก็ต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งที่โรงเรียนเพียงเพราะว่าเป็นเด็กใหม่ เธอไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อยกับชีวิตเฮงซวยที่นี่ที่แม่พาเธอมา ใช่ว่าจูเอะยอมเป็นเป้านิ่งอยู่เฉยๆ แต่ยิ่งตอบโต้ก็กลับยิ่งถูกกระทำรุนแรงมากขึ้นโดยที่พวกผู้ใหญ่ไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ในเมื่อพวกนั้นไม่ได้มองเห็นคุณค่าความเป็นคนแบบเดียวกัน ก็แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องโง่อดทนเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของใครด้วย พอคิดแบบนั้นแล้วก็เริ่มโดดร่มไม่ไปเรียน เที่ยวเตร่ตามย่านศูนย์การค้า ข้างถนน กระทั่งจะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งน้อยใหญ่ที่มีอยู่เกลื่อนเมืองอันแสนโสมมที่ฉาบหน้าไปด้วยความศิวิไลซ์ จากจุดเริ่มต้นของการจิ๊กของเล็กๆ น้อยๆ ในร้านสะดวกซื้อ ไม่นานก็ขยับขยายไปเป็นการปล้นเงินสด มันคืองานใหญ่ครั้งแรกของจูเอะ เพื่อทดสอบว่าเด็กใหม่อย่างเธอเหมาะสมกับแก๊งหรือเปล่า แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างการมีนายตำรวจเป็นลูกค้าในร้านคืนนั้นพอดิบพอดี จูเอะถึงต้องมาถูกใส่กุญแจมือ จับโยนเข้าซังเตเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่ออายุได้แค่สิบแปด
เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไอ้ตำรวจบ้านั่นจะไม่ได้ทำเรื่อง...ถูก แล้วจับเธอกับเพื่อนร่วมแก๊งที่ทำเรื่อง...ผิด ให้ความลับที่จูเอะอุตส่าห์ปิดบังจากแม่ไว้ได้ตั้งนานถูกเปิดเผย ไหนจะการที่แม่ไปร้องห่มร้องไห้ พร่ำคำขอบคุณสลับขอโทษอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นักหนา แถมยังบังคับให้เธอทำมันด้วยอีกต่างหาก มันน่าโมโหมากเสียจนจูเอะตะคอกใส่หน้าแม่ไปอย่างเหลืออดว่า “ที่หนูต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะทุกอย่างมันเริ่มมาจากความอ่อนแอของแม่นั่นแหละ!” ก่อนวิ่งหนีออกจากสถานีโดยไม่สนใจต่อเสียงตะโกนร้องเรียกชื่อเธอที่ฟังดูน่าเศร้า เหมือนกับชีวิตที่ก็น่าสังเวชของพวกเธอ
แต่ไอ้ตำรวจบ้านั่นก็ยังกัดเธอไม่ยอมปล่อย ถือวิสาสะใส่กุญแจข้อมืออย่างกับคนร้ายทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนอกจากเดินกินลูกอม — ที่ซื้อมาด้วยเงินสดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย — อยู่บนท้องถนน — โดยไม่ใช่ในยามวิกาลเลยด้วยซ้ำ!
ครั้นโวยวายถามหาเหตุผลมาจากเบาะหลังที่ถูกจับยัดเข้าไปนั่ง เขาที่มองดูเธอผ่านกระจกมองหลังก็จะตอบกลับมาด้วยสายตาเย็นชาไม่ต่างจากน้ำเสียงว่า “แม่เธอขอให้ฉันช่วยตามหา”
“แล้วมันต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วยหรือไง!”
“ฉันไม่อยากต้องมาเล่นเกมวิ่งไล่จับ มันน่ารำคาญ แค่นี้ก็เสียเวลาฉันมากพอแล้ว”
“ฉันสิที่ต้องพูดว่ารำคาญ!” จูเอะกระทืบเท้าเข้าใส่เบาะที่นั่งเต็มแรงเพื่อระบายความแค้นเคือง ใช่จะไม่รู้ว่าต่อให้ทำเรื่องร้องเรียนกับกรมตำรวจไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ในเมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนแผนกอาชญากรรมถือว่ามีคุณค่ามากในโตเกียวบีที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมทุกหย่อมหญ้า
“กลับบ้านไปอยู่กับแม่ซะ ไม่ใช่ไอ้แก๊งมั่วสุมพวกนั้น ไว้เรียนจบ มีปัญญาหาเลี้ยงตัวเองได้โดยที่ไม่ใช่การเบียดเบียนคนอื่นค่อยคิดจะหนีออกจากบ้าน”
“พวกผู้ใหญ่ชอบทำเป็นพูดจาดีจังนะ”
“เด็กอย่างเธอก็ปากดีจังนะ” เขาเองก็ยอกย้อนกลับมาทันควัน “หัดทำตัวดีๆ หน่อยเถอะ อ่อนแองั้นเหรอ? แล้วตัวเองเข้มแข็งมากเลยสินะถึงได้หนีปัญหาแบบนี้”
จูเอะกระแทกแผ่นหลังเข้ากับเบาะที่นั่ง สบถถ้อยคำหยาบคายแสนล้านแปดออกมาอย่างไร้มารยาท ก่อนมองเมินออกไปนอกบานหน้าต่าง จบบทสนทนาที่เขาก็ไม่ได้คิดจะสานต่อเพียงแค่นั้น
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความเกลียดชังที่จูเอะมีต่อไอ้ตำรวจบ้านั่นที่มีชื่อว่าอิวาซากิ ไทโช
หรือที่เธอควรต้องพูดว่าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมดต่างหาก
∞
“จะทำตัวดีๆ กับเค้ามั่งไม่ได้เลยหรือไง!”
“จะเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นเค้ามั่งไม่ได้เลยหรือไง!” จูเอะแผดเสียงตะโกนกลับไป เมื่อไม่สามารถขยับตัวไปตามอิสระได้เพราะข้อมือข้างหนึ่งที่ถูกล็อกกุญแจกับราวจับ เธอเลยเตะเบาะด้านหลังฝั่งคนขับรถไม่ยอมหยุดด้วยความขุ่นเคือง อย่างที่เขาเองก็อาจกำลังรู้สึกจนตัดสินใจหักเลี้ยวรถเข้าข้างทาง ลงมากระชากเปิดประตูรถเพื่อที่จะกดแรงบีบลงไปบนกรามจนเธอได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้เป็นการประท้วง
“ถึงเธอจะโง่นะจูเอะ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้หัวคิดก็รู้ว่าชีวิตของเธอไม่มีทางดีขึ้นได้ถ้ายังอยู่กับไอ้เด็กบ้านั่น!”
ใช่จะไม่เข้าใจต่อถ้อยคำรวมถึงเจตนาของเขาที่ก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากมิฉะ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือจูเอะเกลียดเขา เกลียดพวกผู้ใหญ่ที่ชอบบังคับสั่งสอนให้ทำอย่างโน้น...เป็นอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!
หลังเรียนจบมาได้ไม่เท่าไหร่ แม่ของเธอก็จะถูกสามียัยป้าเจ้าของอพาร์ตเมนต์แทงตายเพราะไม่ยอมเล่นด้วย แล้วนับแต่นั้น จูเอะก็ต้องระหกระเหินออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวลำพัง กระทั่งจะได้งานที่ร้านขายของในสถานีรถไฟ เลยได้รู้จักกับมิฉะที่แวะเวียนมาซื้อน้ำอัดลมก่อนขึ้นรถไฟไปทำงานที่ร้านอาหารตอนหัวค่ำทุกวัน เพราะพูดคุยกันถูกคอ หล่อนเลยชักชวนให้เธอมาอยู่ร่วมห้องแทนคนเก่าที่ย้ายออกไป กว่าหนึ่งปีครึ่งที่ชีวิตอันแสนสุขสงบของจูเอะเกือบเรียกได้ว่าเข้ารูปเข้ารอย ถ้าไม่ใช่เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีมากเข้ากับเรือนผมสีทองสว่าง ส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงโตจนอาจทำให้นัยน์ตาของเธอที่นิ่งงันอยู่หลังเคาน์เตอร์มัวพร่า ยามตอบรับคำขอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกลั้วไปเสียงหัวเราะที่ทำให้หัวใจเต้นรัวแรงอย่างกับจะกระเด้งกระดอนออกมาว่า “อยากคบกับฉันไหม?” ที่ไม่แน่ว่ามันอาจทำให้หัวสมองของเธอพร่าเลือนตามไปด้วย จูเอะถึงได้กระโจนกลับเข้าไปในวังวนเดิมอีกครั้งหนึ่งตามคำชักชวนของชุนสุเกะกับเรย์อะ พี่ชายคนสนิทของเขาที่เป็นเจ้าของแก๊งเคมุชิ (หนอนผีเสื้อ)
ครั้นถูกจับมาที่สถานีบ่อยครั้งเข้าก็เลยได้เจอหน้าไอ้ตำรวจบ้านั่นบ่อยตามไปด้วย ความเฉยชาราวกับคนแปลกหน้าที่จูเอะเต็มใจให้เขากระทำ ถึงจุดจุดหนึ่งมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความไม่พอใจผ่านคำต่อว่ากลางสถานี หยิบยกเรื่องหัวอกของแม่ที่ตายไปแล้วขึ้นมา ทำอย่างกับว่ารู้ดีนักหนาแค่เพราะอายุมากกว่าไม่กี่ปี เหมือนกับวันนี้ที่เขาจะถือวิสาสะจับเธอใส่กุญแจมือ ลากตัวมาจากหน้าบ้านของเรย์อะทั้งที่ยังไม่ทันได้ก่อเหตุอะไรให้ตำรวจเอาผิดได้สักข้อหา ขณะที่ชุนสุเกะก็เอาแต่หัวเราะขำ มองดูเธอถูก ‘ผู้ปกครอง’ อย่างที่เขากับเรย์อะชอบล้อเลียนนักหนาลากตัวไป ด้วยไม่มีแก๊งไหนในเมืองนี้อยากมีปัญหากับไอ้พวกแผนกอาชญากรรมเฮงซวย!
ความขุ่นข้องหมองใจที่สั่งสมมาของจูเอะมาถึงจุดสิ้นสุดในค่ำคืนนี้ ในเมื่อนี่คือชีวิตของเธอไม่ใช่ของใคร ถ้าจะมีปัญหาอะไรมันก็เป็นของเธอ ไม่ใช่พวกเขาที่เอาแต่พูดจาว่าร้ายผู้ชายคนที่เธอรักอยู่ได้ มันหน้าที่พวกเขาเป็นคนกำหนดว่าสิ่งใดดีสิ่งใดแย่สำหรับเธอหรือไง ใครบอกกันล่ะว่าเธอต้องการชีวิตที่ดีขึ้น
จูเอะยันส้นรองเท้าบู๊ตใส่คนตรงหน้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะอย่างนั้นไทโชถึงได้เพลี่ยงพล้ำซวดเซ โชคดีที่เขาคว้าประตูรถเอาไว้ได้ทันเลยไม่ล้มคว่ำลงไป ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของจูเอะที่สั่งให้เขาหุบปาก สลับกับการผรุสวาทด้วยถ้อยคำชั่วร้ายทั้งหมดเท่าที่จะสรรหามาได้
“หัดควบคุมอารมณ์โกรธซะบ้าง!”
เขาที่ถือดีมาสั่งสอนเธอก็ไม่ได้ต่าง จากคำพูดที่ถูกดูดกลืนหายเข้าสู่ลำคอจากชิ้นส่วนของอวัยวะเดียวกันที่กดลงมา ไหล่ทั้งสองข้างถูกยึดไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่จูเอะไม่อาจต้านทานได้ไหว ไทโชตอบแทนความรุนแรงทางวาจาของเธอผ่านทางการกระทำที่รุนแรงยิ่งกว่า ด้วยการบดเคล้าอย่างดึงดัน ดูดดึงจนมันบวมช้ำและจะทิ้งรอยแดงเอาไว้เหมือนกับข้อมือที่ถูกพันธนาการไว้เหนือหัว สัมผัสแปลกใหม่ในแบบที่ไม่เคยได้รับจากใครทำให้หัวสมองของเธอตื้อตัน จูเอะจะโทษว่าเป็นเพราะเธอขาดอากาศหายใจนานเกินไปถึงได้ขาดสติยั้งคิด ตอบรับจูบที่ดุเดือดด้วยเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัด เขานำหน้าไปไกลจนจูเอะทำได้แค่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการนำพาของเขา
ราวกับการร่วงหล่นลงไปในโพรงกระต่าย
_______________
ความคิดเห็น