ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #71 : DEAD END IN TOKYO ~2/4~

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 64


    DEAD END IN TOKYO
    Inspiration: MAN WITH A MISSION – Dead End in Tokyo (Song&MV, 2017)
    Playlist: MAN WITH A MISSION – Dead End in Tokyo












    .

    ถ้ามีใครสักคนถามว่าเขาเกลียดครอบครัวตัวเองขนาดไหน เขาก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะตอบไปว่ามากกว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ทั้งแม่ที่ช่างประจ๋อประแจ๋ สิ่งที่สนใจเห็นจะมีแต่ว่าทำอย่างไรจึงจะหาเงินมาใช้จ่ายซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมและลิปสติกสีใหม่ๆ มากกว่าการต้องคอยมองดูลูกชายที่ต้องเผชิญปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาดตั้งแต่ยังเด็กให้เติบโตอย่างอบอุ่นและเข้มแข็ง หรือจะพ่อใหม่ที่ดีแต่วางท่าอวดตัวเป็นคนฉลาดกะอีแค่ทำงานเป็นนายธนาคาร ซึ่งเขาก็ไม่เห็นว่าจะวิเศษวิโสอะไรตรงไหน และพี่ชายลูกติดทางฝ่ายพ่อที่อายุมากกว่าเขาถึงสิบสี่ปี จริงอยู่ว่าเขาเคยพบหน้าพี่ชายที่ได้แต่เรียกอย่างนอบน้อมว่า คุณเรียวเฮ แค่ไม่กี่ครั้ง ขนาดจะเรียกว่าคนคุ้นเคยยังกระดากปาก ทั้งที่แทบจะไม่รู้จักนิสัยใจคอหรือเบื้องลึกเบื้องหลังมากไปกว่าที่ผู้ชายคนนั้นทำงานเป็นนักสืบในกรมตำรวจนครบาล แต่งงานแล้ว และย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่เขตอื่นตั้งแต่ก่อนเขาจะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับแม่เมื่อสามปีก่อน หากกลับมีบางอย่างในเค้าหน้า ท่าทาง อะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนั้นที่ผิดแปลกจากคนอื่นทั่วไป เหมือนกับตัวอะไรสักอย่างที่หยิบหน้ากากรูปหน้ามนุษย์มาสวมใส่ แสร้งทำตัวเป็นมนุษย์เพียงเพื่อจะได้กลมกลืนกับโลกใบนี้ ทุกขณะที่รู้สึกเช่นนั้น ความเกลียดชังที่ก่อร่างก็ค่อยๆ แผ่ขยายจนยากจะระงับ เขาเก็บงำเรื่องราวไว้กับตัวเองและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวแต่เปลือกนี้ด้วยความเหินห่าง ทักทายกันด้วยคำว่า “อรุณสวัสดิ์” หรือ “ราตรีสวัสดิ์” นานๆ ครั้งเมื่อพบหน้ากันที่ห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น อาจมีเพิ่มเติมเมื่อผลการเรียนออกกับคำด่าทอสารพันต่อเนื่องยาวนานไม่รู้จักจบสิ้น เขาเฝ้าอดทนอยู่ในสภาวะอึมครึมเช่นนี้มาตลอด คิดว่าไม่เป็นไร ด้วยความหวังว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะย้ายออกไปให้ไกลที่สุดจากจุดสังคมกระจ้อยร่อยนี่แล้วใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ หากเขาไม่ต้องรอคอยยาวนานจนถึงวันนั้น จุดระเบิดของชีวิตในวันที่แย่ที่สุดก็มาถึง ทั้งการถูกเพื่อนสนิทแย่งสาวที่แอบปิ๊ง ไม่เป็นอันตั้งสมาธิอยู่กับกิจกรรมชมรมฟุตบอลที่ใกล้แข่งขันระดับเขต จนถูกโค้ชทั้งซ้อมและด่าซะจนอ่วม พอกลับบ้านมาก็ถูกพ่อเลี้ยงที่กำลังดูข่าวโทรทัศน์อยู่พูดจาค่อนแคะจากการกลับบ้านดึกด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนว่า “หัดทำตัวดีๆ เหมือนพี่เค้าบ้างมันจะตายหรือไง!” ทั้งที่เรื่องกีฬาเขาไม่เป็นสองรองใคร แค่เพราะหัวสมองไม่ค่อยดีก็เลยถูกจัดลำดับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เอาไหนในสายตาของนายธนาคาร ทั้งคู่คงเห็นเขาเป็นเพียงหุ่นชำรุดผุพังขณะที่พี่ชายคือสิ่งสมบูรณ์แบบ เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนจ้องหน้าคนๆ นั้นบนโซฟาห้องนั่งเล่น มีสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งนั่งเป่าเล็บอยู่ข้างๆ เหลือบแลมองเขานิดหน่อยแล้วเบนสายตากลับไปยังจอสี่เหลี่ยมบนผนังดังเดิมโดยไม่แสดงสีหน้า

    และนับแต่วินาทีนั้น เก็นตะจึงได้เข้าใจ...

    “ครอบครัวห่าเอ๊ย!

    เขาส่งสบถทิ้งท้ายด้วยความอัดอั้นเต็มกลืน ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอไล่หลังตามมาซึ่งเขาไม่มีความคิดว่าจะหยุดรอฟังแต่อย่างใด เว้นแต่ยกนิ้วกลางขึ้นชูส่งไปให้ และหลังออกจากบ้านไปในคืนนั้น เขาก็ไม่ได้กลับไปเหยียบย่างมันอีกเลย

    โกดังซอมซ่อของย่านเสื่อมโทรมในเขตตะวันออกได้กลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ กลุ่มที่เรียกตัวว่า คุซึ (สวะ) ก็กลายมาเป็นครอบครัวใหม่ คนเหล่านั้นบ้างเป็นเด็กกำพร้า บ้างก็หนีออกจากบ้านหรือแค่มาซ่องสุมเพราะเผชิญปัญหาครอบครัวคลึงคล้าย เขาได้รับความช่วยเหลือจากลีดเดอร์ของคุซึในตอนที่ร่อนเร่อยู่และถูกพวกนักเลงกระจอกซ้อมแทบปางตาย ลีดเดอร์บอกว่าเขาโง่มากที่ไปหาเรื่องกับพวกมันในจำนวนสี่ต่อหนึ่ง แต่ก็นับถือในความกล้าบ้าบิ่นเหนือมนุษย์มนา เมื่อหายดีพอจะขยับตัวได้ เขาขโมยมีดพกที่ฉกมาจากหนึ่งในสมาชิกกลุ่มคุซึ กลับไปยังจุดซ้ำเดิมด้วยหวังจะพบใครสักคนในหมู่พวกมันและเอาคืนให้ยิ่งกว่าสาสม

    เขาได้พบพวกมันสมปรารถนา ทว่าในจังหวะที่ช้าไป

    เมื่อเขาเดินลากขากะเผลก ทั้งปวดแปลบสีข้างจากเลือดสีเข้มที่ยังคงไหลซึมผ่านผ้าพันแผล แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะไป ทันใด เขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัดท่ามกลางพวกนักเลงสี่ตัวที่ยึดตรอกเน่าๆ นั้นเป็นแหล่งซ่องสุม คอยดักปล้นดักทำร้ายคนดวงกุดที่ผ่านไปมาเช่นเขาเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพแผ่นหลังของชายในชุดสูทสีดำสนิทที่ยกท่อนแขนเล็งวัตถุสีเงินไปเบื้องหน้า กระสุนหนึ่งนัดเจาะกลางหน้าผากทะลุออกเบ้าตาเหลือกลานของเหยื่อรายที่สองข้างหลัง ส่วนอีกหนึ่งนัดฝังอยู่ที่กบาลเหยื่อรายที่สามอย่างแม่นยำ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ตัวของเขาแข็งเกร็ง ทำได้แค่รับฟังเสียงแหกปากร้องลั่นของมันตัวเดียวที่เหลือ ซึ่งกำลังควงใบมีดพุ่งดิ่งเข้ามาอย่างที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันไม่เกรงกลัวจริงๆ หรือว่าขาดสติไปแล้วกันแน่ ทว่าชายผู้นั้นกลับเพียงแค่ยืนนิ่งค้าง ไม่เขยื้อนหลบไปไหน รั้งรอ จนร่างนั้นเข้ามาถึงในระยะประชิด ทันใด เสียงปืนอีกหนึ่งนัดสุดท้ายก็จะดังก้องไปทั่วบริเวณ เขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ชัดเจนเพราะแผ่นหลังของร่างสูงที่เบียดบัง กระทั่งร่างไร้วิญญาณของมันจะร่วงหล่น ใบหน้าฉีกขาดกระจายจากแรงปะทะระยะเผาขน ศพคนตายในสภาพเละเทะที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกทำให้น้ำย่อยของเขาคายขย้อน

    และเมื่อนั้น ชายผู้นั้นก็ค่อยๆ หันกลับมา

    เขาไม่มีวันลืมใบหน้าเปื้อนเลือดที่อาบรอยยิ้มและคำพูดติดตลกเหมือนไม่รู้สึกรู้สาในตอนนั้นได้ลง

    “ฉันเผลอตัดหน้าฆ่าพวกมันไปซะแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ”

    เขาไม่ได้ถามหาเหตุผล เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ปริปากว่าเพราะเหตุใด ครั้นชายผู้นั้นเดินลับจากไปด้วยรอยยิ้มเปรอะ ตัวของเขาก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้าม ความรู้สึกรุนแรงขับดันขึ้นมา จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาจนสุดเสียง ทุกสิ่งที่เขาเคยสงสัยเกี่ยวกับชายผู้นี้ถูกต้องทุกอย่าง อาเบะ เรียวเฮ ลูกชายในฝัน พี่ชายต้นแบบ สามีสุดที่รัก ทั้งหมดก็แค่บทบาทที่เจ้าตัวละเล่นเพื่อล่อหลอกพวกมนุษย์สายตามืดบอดให้มัวเมา แท้จริงตัวตนลึกๆ ข้างในกลับเลวร้ายกว่าที่ใครจะคาดคิดถึง...ทั้งเกินกว่าที่ตัวเขาซึ่งเฝ้าเกลียดชังเป็นนักหนาจะคิดไปถึงเสียด้วยซ้ำ

    เรื่องที่เขาล่วงรู้ในภายหลังคือการที่พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้เลี้ยงหญิงสาวลูกครึ่งที่อายุน้อยกว่าถึงสิบปีไว้ด้วยเหตุผลทางเพศ หน้าตาของเธอสวยมาก แต่เมื่อกะเทาะออกมาก็มีแค่ไส้ในกลวงเปล่า แตกต่างจากพี่สะใภ้ที่เนิบนาบ อ่อนหวาน และเป็นของจริงชนิดคนละโยชน์ อันที่จริงเขาจะกดกริ่งประตูบ้านหรือยกหูโทรศัพท์ไปฟ้องเรื่องนี้กับพี่สะใภ้คนดีที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เก็นตะในตอนนี้ไม่มีทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย หรือพี่สะใภ้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะครอบครัวอาเบะหรือมัตสึดะต่างก็เป็นเพียงสกุลไร้ค่าสำหรับเขาที่กลายเป็นสมาชิกครอบครัวคุซึอย่างเต็มตัว เขาตัดสินใจละทิ้งอดีตทุกอย่างไว้ข้างหลังจนหมดสิ้น แม้แต่ความเกลียดชังเดิมต่ออดีตพี่ชายนอกไส้ก็เช่นเดียวกัน

    มิใช่ความต่ำช้าสามานย์นี้หรอกหรือ ที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์แท้จริงยิ่งกว่าหน้ากากไหนๆ

     

    เมื่อไหร่ที่ควันสีขาวขุ่นพวยพุ่งขึ้นเป็นสายสู่อากาศพร้อมกับไอเย็น เขาก็จะจ้องมองมันอ้อยอิ่งโดยไม่ทำสิ่งอื่นใดมากไปกว่านั้น ร่างที่นั่งทอดหุ่ยอยู่บนขอบปูนตรงไหล่ทางเดินยังไม่คิดจะขยับตัวไปไหนในเวลาอันใกล้ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนราตรีโรยตัว กระทั่งแสงสีฉาบฉายบิลบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์บนตึกสูงตรงกันข้ามจัดอันดับเพลงฮิตสิบอันดับยอดนิยมคั่นโฆษณาสิ่งบันเทิงเป็นหนที่สามได้ เก้าในสิบคือดนตรีสังเคราะห์ที่กลับมาบูมใหม่อีกครั้งเมื่อโตเกียวเดิมเปลี่ยนไปเป็นนีโอโตเกียว ราวกับการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย แทบไม่ผิดแผกจากภาพจำของโลกไซเบอร์พังค์ที่เขาเคยเห็นในภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์หรืออนิเมะช่วงก่อนและหลังยุคมิลเลนเนียมซึ่งนมนานมาแล้วเลย อาจเว้นก็แต่อนาคตในโลกแห่งความจริงนี้ไม่มีผู้ก่อการร้ายไซเบอร์ ไม่มีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง เราใช้ปัญญาประดิษฐ์ทางด้านอุตสาหกรรม หรือเป็นสิ่งบันเทิงอารมณ์ที่คนมีสตางค์เท่านั้นจะเอื้อมถึง แต่การควบคุมอำนาจโดยบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นก็ไม่แน่ เพื่อนในแก๊งคุซึคนหนึ่งของเขาเป็นลูกชายคนเล็กของบรรษัทข้ามชาติ ความจริงภายใต้เบื้องหลังเงินภาษีที่รัฐบาลนำมาสร้างเมืองหลวงใหม่คือการเข้ามามีส่วนร่วมของบรรษัทข้ามชาตินี้ เราจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมูราคามิอยู่ทั่วนีโอโตเกียว จะบิลบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์หรือโฮโลแกรมโฆษณาบนตึกสูงพวกนั้นก็ใช่ ไม่ว่าธุรกิจร้อยล้านพันล้านจะล้มระนาวกันมากเท่าไหร่ แต่หนึ่งในนั้นไม่มีทางใช่มูราคามิอย่างแน่นอน นึกถึงเรื่องเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาทีไรเขาเป็นอดคิดถึงพ่อที่เสียไปก่อนขึ้นชั้นมัธยมต้นไม่ได้ เขาไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ได้อ่าน ดู แอนดรอยด์ส ดรีม ออฟ อิเลคทริค ชีพ? และนั่งจับเจ่าดูแผ่นดีวีดีคร่ำครึเรื่อง เบลด รันเนอร์ และ เดอะ เมทริกซ์ ซึ่งผู้เป็นพ่อคอยแต่ยัดเยียดความชอบของตัวเองให้แก่ลูกชายหัวทึบอยู่เสมอ เขาอ่านหนังสือเล่มนั้นไม่เคยจบ ดูหนังเรื่องนั้นไม่เคยรู้เรื่อง แม้กระทั่งตอนนี้ เขาเกลียดปรัชญาหรืออะไรก็ตามแต่ที่ต้องมาตีความกันให้ยุ่งยาก แต่ถ้าเป็น โรโบคอป หรือ เทอร์มิเนเตอร์ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

    ควันจางลงแล้ว และเมื่อโปรโมชั่นวิดีโอของเพลงฮิตอันดับที่สิบหวนกลับคืนมาอีกหน เขาก็ขยี้ก้นกรองลงบนพื้น ทิ้งมันไว้อย่างนั้น ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วขึ้นควบมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ข้างตัวทะยานออกไป




    ความคิดถึงชีวิตที่ไร้แก่นสารเริ่มขึ้นเมื่อการกระทำซ้ำเดิมวนเวียนกลับมาไม่รู้ต่อกี่หน วันไหนที่ไม่มีงานถ่ายแบบ ถ่ายวิดีโอ หรือว่าถ่ายหนังก็ตื่นนอนตอนหัวค่ำ กิน ดื่ม จับคู่นอน ออกท่องราตรี วันนี้ที่คลับเซเรนดิพิตี้ซึ่งเป็นสถานที่ซ่องสุมของพวกเธอก็ยังเป็นเช่นเดิมเหมือนกับทุกวัน คู่รักประจำกลุ่มอย่างมัตสึมูระ โฮคุโตะและดาเตะ ทสึบาสะที่คบหากันยาวนานกว่าห้าปีหัวร่อต่อกระซิกขณะส่งแอลกอฮอล์ลงคอไปแก้วแล้วแก้วเล่า ก่อนจะลุกขึ้นเต้นรำกันตามเสียงเพลงสังเคราะห์ที่เข้าครอบครองพื้นที่อึกทึก ขณะที่มูราคามิ ลีแอนน์ ลูกสาวคนรองของมหาเศรษฐีบรรษัทข้ามชาติที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นตอนนี้ก็กำลังนั่งคุยกับบาร์เทนเดอร์ที่เธอจำได้ว่าชื่อเมกุโระอยู่ตรงเคาน์เตอร์ หล่อนไม่ได้พิสมัยบาร์เทนเดอร์กระจอกๆ เหมือนอย่างที่ใครหลายคนปรามาส แค่ว่าคุยกันถูกคอในเรื่องสัพเพเหระทั่วไปได้และเป็นที่รับฟังปัญหางี่เง่าในชีวิตของเธอชั้นดีเพียงเท่านั้น ส่วนข้างกันกับเธอก็คือเจสซี่ ลูอิส ผู้นั่งมองภาพเบื้องหน้าผ่านนัยน์ตากลวงเปล่าโดยไร้ซึ่งการจับจด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาเปิดปากก็ไม่พ้นเรื่องค่อนแคะกระแนะกระแหนคนอื่น เขาไม่พูดจาสุภาพกับคนที่ถือว่าด้อยกว่า ซึ่งก็อาจจะหมายถึงทุกคนบนโลกใบนี้ นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะไม่ได้มีอะไรดีให้น่าชื่นชมอีกเลย เธอเกลียดเขา และเธอก็เกลียดการต้องมานั่งแกร่วดื่มค็อกเทลอยู่ที่คลับห่วยๆ นี่ เธออยากนอนหลับนานๆ ไม่ก็กลิ้งเกลือก หรือออกไปกินลมชมวิวอย่างที่มนุษย์ปกติพึงกระทำบ้าง แต่เจสซี่ก็คอยแต่รบเร้าด้วยวิธีดื้อดึงสุดคลาสสิกที่ว่าถ้าเธอไม่ยอมไปด้วย เขาก็จะแฉกับนางแบบรุ่นพี่ว่าเธอแอบไปมีอะไรกับสามีผู้กำกับของหล่อน ทั้งที่นั่นคือความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว จากความใสซื่อที่เธอไม่รู้ว่าไอ้ผู้กำกับบ้านั่นมีภรรยาอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น นางแบบขายดีอย่างอิกาสะ ชิโนะ ที่มีทางเลือกเรื่องผู้ชายตั้งมากมายชนิดว่าสับเปลี่ยนควงไม่ให้ซ้ำหน้าทั้งเจ็ดวันยังได้คงไม่หมดท่าไปเอาสามีคนอื่น แถมยังแก่กว่าตั้งยี่สิบปีอย่างนั้นแน่ เธอคิดผิดมากที่เผลอเมาแล้วเปิดปากเล่าให้เจสซี่ฟังซะหมดเปลือก ถ้าเป็นโฮคุโตะกับทสึบาสะคงจะพากันหัวเราะขำ ส่วนลีแอนน์อาจจะพาเธอไปชกหน้าตาผู้กำกับนั่นให้สะใจไปเลยก็ได้ แต่นี่คือเจสซี่ ลูอิส มนุษย์ที่เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นธุระของตัวเอง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอนักหนา ตัดความเห็นที่ว่าเขาชอบเธอทิ้งไปได้เลย เมื่อการเดินทางไปตั้งอาณานิคมที่ดาวอังคารยังจะเป็นไปได้เสียมากกว่า

    ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเขาได้ ถ้าไม่ใช่เหตุผลข้อแรกว่าเธออยากออกวงการ ก็คงเป็นเหตุผลข้อสองคือฆ่าเขาให้ตายๆ ไปเสีย

    ครั้นเบื่อหน่าย เธอก็ยกค็อกเทลสีเขียวมะนาวที่เหลือดื่มจนหมดแก้ว ลุกขึ้นแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขากรอกนัยน์ตาเหลือบมองเธอนิดหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหลังช่วงเวลานิ่งเฉยยาวนาน

    ทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำมีแชนเดอเลียร์สีม่วงแดงส่องไฟสลัวๆ มีทั้งคนที่เมาฟุบหน้าหรือพิงตัวสลบอยู่ข้างทาง แน่นอนว่ามีคู่รักที่มาอี๋อ๋อแสดงความรักกันอย่างดูดดื่มโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นทั่วไปด้วย เธอไม่ได้เข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองหรือเติมเครื่องสำอางที่เลือนไปจากเครื่องดื่มในแก้วตามข้ออ้างที่บอกกล่าวแต่อย่างใด หากเพียงหยุดยืนเมื่อเจอทำเลเหมาะเจาะ ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเลื่อนอ่านข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ เป็นการฆ่าเวลา มันไม่ใช่บรรยากาศที่สะดวกสบายหรือว่าดีเด่อะไรนัก ยิ่งถ้าเทียบกับโซฟาเบาะนุ่มที่จากมา แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังดีกว่าการนั่งอึดอัดอยู่กับเจสซี่ในวันที่เขาไม่เปิดปากพูด ซึ่งแน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้นึกอยากเปิดปากพูดกับเขาเท่าไหร่อยู่แล้ว วันนี้ไม่มีข่าวน่าสนใจให้อ่านมากนักนอกจากข่าวส.ว.โกงงบประมาณที่เล่นต่อเนื่องมาได้หลายวันแล้ว เลยหย่อนมือถือเก็บกลับลงไปในกระเป๋าสะพายเพียงช่วงเวลาอันสั้น ขอบุหรี่จากคนข้างๆ มาสูบก่อนปล่อยควันสีขุ่นให้สุดปอด ยกมือขึ้นจัดแต่งเรือนผมระต้นคอสีทองของตัวเองแบบลวกๆ กับกระจกเงาสี่เหลี่ยมบานเล็กที่แขวนริมกำแพง ลากรองเท้าบู๊ตหุ้มส้นกลับออกไป หากเลี้ยวลดไปทิ้งตัวนั่งข้างกับลีแอนน์ที่นั่งดื่มคนเดียวโดยไม่ได้พูดคุยกับบาร์เทนเดอร์คนสนิทของหล่อนมาสักพักใหญ่แล้ว

    เธอไม่เห็นบาร์เทนเดอร์เมกุโระคนนั้น มีเพียงบาร์เทนเดอร์ที่ชื่อนากามูระเป็นคนรับออเดอร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดี ทั้งที่อายุมากกว่า แต่กลับดูเหมือนว่าเขาจะเด็กกว่านั้นมาก ชิโนะคิดว่าเขาคงโกงอายุเพื่อทำงานในคลับกลางคืนเช่นนี้เป็นแน่ ถึงนีโอโตเกียวจะขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนไร้ความศิวิไลซ์ แต่กฎหมายในพื้นที่บางส่วนยังคงศักดิ์สิทธิ์ แม้จะหมายถึงข้อมูลปลอมๆ ที่พวกเขาแกล้งทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ตามที

    ในตอนที่เธอยกแก้วมาร์การิต้าซึ่งนากามูระเพิ่งจะเสิร์ฟให้ขึ้นจิบ ลีแอนน์ที่นั่งหมุนเก้าอี้ออกมาทางด้านนอกฝั่งเคาน์เตอร์ก็จะกระทุ้งข้อศอกเข้ากับท่อนแขนของเธอ

    “ชิโนะ ดู”

    “เอ๊ะ? อะไรๆ?”

    “เจสซี่”

    ทันทีที่ได้ยินชื่อของชายคนที่เพิ่งจะจากมา เธอก็จะรีบเอี้ยวตัวหันไปมองยังโซฟาอันเป็นที่นั่งประจำกลุ่มด้วยความเร็วทะลุปรอท แต่กลับไม่เห็นใครเลยให้สายตาเป็นต้องหันล่อกแล่ก จนลีแอนน์ต้องบุ้ยใบ้ไปยังม้าหมุนที่ประดับอยู่มุมหนึ่งของร้าน มันขยับเขยื้อนอย่างที่เห็นในสวนสนุกหรืองานคาร์นิวัลไม่ได้ นอกจากเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งร้านสวยๆ กับสาวน้อยหน้าแฉล้มที่นั่งเท้าศอกชันเข่าที่ยกขึ้นมาไขว่ห้าง เออออรับฟังคำพูดของเพื่อนชายในกลุ่มคนเดียวที่ยังโสดของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

    “พนันเลยว่าหมอนั่นคงไม่ได้กำลังเห่าเรื่องคนอื่นให้สาวน้อยคนนั้นฟังอยู่แน่”

    นั่นเรียกให้ชิโนะหัวเราะร่าไปกับมุกตลกของหล่อนที่รวนไปด้วยกัน

    “พนันกันอีกอย่างไหมล่ะว่าหล่อนจะติดกับดักเจสซี่หรือเจสซี่จะติดกับดักสาวน้อยกันแน่?”

    “หมายความว่ายังไง?”

    “แอ๊บใสขนาดนั้นยังดูไม่ออกอีกเหรอ?”

    “บ้า! เธอก็ไปว่าเค้า!” ว่าแล้วก็ตีแขนเพื่อนสาวที่หัวเราะคิก แล้วเพ่งจ้องไปยังสาวน้อยลูกครึ่งหน้าตาสะสวย แม้แต่ผมสีเงินยาวของหล่อนก็ยังพลิ้วสลวย ทั้งท่วงท่าและการพูดคุยของเธอก็ดูเป็นธรรมชาติแม้จะแฝงจริตไว้เล็กน้อย ชิโนะคิดว่าอาจเป็นเพราะหล่อนเองก็อาจสนใจเขาอยู่เหมือนกันก็ได้ ขณะที่ลีแอนน์จะเพียงถอนหายใจให้กับเพื่อนนางแบบผู้แสนจะอ่อนต่อโลก ทั้งที่หน้าตาก็ดูเหมือนคนฉลาดกร้านโลกไม่ต่างจากเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ แต่กลับถูกผู้ชายสารเลวหลอกเอาได้ไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะงมงายในความรักมากเกินไป หรือว่าแค่โง่เฉยๆ กันแน่

    หากยังไม่ทันให้สองสาวคนไหนได้เปิดปากพูดอะไรต่อ อยู่ๆ เจ้าตัวก็จะเดินแยกออกมายังเคาน์เตอร์ให้ชิโนะต้องเลิ่กลั่ก ทำหมุนตัวหันไปจิบเครื่องดื่มในแก้วของตนเป็นการกลบเกลื่อน แตกต่างจากลีแอนน์ที่ยังคงนิ่งเฉย ไม่ปิดบังแววตาที่สบจ้องกันแม้เมื่อเขาจะเดินเข้ามาสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์และเท้าศอกยืนข้างหล่อนเลย

    “คืนนี้นายคงไม่ไปต่อกับพวกโฮคุโตะแล้วสินะ”

    “นี่คิดว่าใครเค้าจะง่ายเหมือนเธอกันหมดหรือไง?”

    ถึงจะโดนต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนั้น หล่อนก็จะเพียงหัวเราะหึ ยักไหล่ไหว “แหมๆๆ มาพูดอะไรโลกสวยอย่างการหารักแท้ในที่แบบนี้นี่ไม่สมกับเป็นเจสซี่ ลูอิสเลยนะ เห็นสาวน้อยหน้าตาใสซื่อเข้าหน่อยเลยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายคุมเกมอยู่ล่ะสิท่า อ๊ะจริงสิ! นากามูระจ๊ะ เปลี่ยนเป็นเดอร์ตี้ เชอร์ลีย์ให้คุณหนูตรงโน้นแทนดีกว่านะ ฉันว่าคงเข้ากับหล่อนมากกว่าพริตตี้ อิน พิงค์เยอะ” แล้วยกยิ้มเหยียดให้เจสซี่ที่กำลังแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับ พ่นลมหายใจพลางยกแก้ววอดก้าที่ถูกเสิร์ฟมาให้ก่อนขึ้นดื่มในรวดเดียวหมด

    “ก็แค่คุยกันถูกคอ”

    “ฉันก็คุยกับบาร์เทนเดอร์ที่นี่ถูกคอเหมือนกัน ยังไม่เห็นว่าจะต้องกะลิ้มกะเหลี่ยแบบนายเลยสักนิด”

    “พวกนั้นมันกระจอก” เขาพูดโดยไม่สนใจว่าบาร์เทนเดอร์ที่ว่ากำลังยืนชงเครื่องดื่มอยู่ข้างหลังเขานี้เอง แต่อย่างกับว่าคนอย่างเจสซี่จะแคร์ เช่นเดียวกับนากามูระ หรืออาจหมายรวมถึงเมกุโระ

    “แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าพื้นเพของคุณหนูนั่นจะไม่กระจอกล่ะจ๊ะ หืม?”

    หล่อนใช้ปลายนิ้วเชยคางของเขาที่จะรีบปัดออกไปด้วยท่าทีรำคาญ รอรับแก้วเครื่องดื่มบรรจุค็อกเทลสีชมพูที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปตามคำขอของหล่อน แม้ทั้งชิโนะและลีแอนน์ต่างก็แน่ใจว่าเขาคงอยากปาแก้วเครื่องดื่มในมือใส่หน้าสวยๆ ของพวกเธอจนเต็มแก่จะแย่อยู่แล้วก็ตาม

    “ฉันพนันหมดหน้าตักเลยว่ายัยคุณหนูนั่นคงเล่นงานอีตาเจสซี่จนหัวปั่น”

    “โอ้โหลีแอนน์ ฉันล่ะนับถือที่เธอกล้าต่อปากต่อคำกับเจสซี่จริงๆ”

    “ก็เพราะเธอเอาแต่ยอมนั่นแหละหมอนั่นถึงได้ใจ แต่ต่อให้ฉันแนะนำอะไรไปเธอก็ทำไม่ได้หรอก เอาเถอะ! คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” หล่อนว่า ก่อนคว้ากระเป๋าถือใบสีเงินที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาถือเมื่อลุกขึ้นยืน สะบัดหางม้ารวบสูงไปข้างหลัง “ฉันจะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า เธอล่ะว่าไง?”

    “ตามสบายเลย ฉันขอดื่มต่ออีกนิดแล้วค่อยกลับ”

    “รีบกลับก่อนหมอนั่นจะโดนเขี่ยทิ้งแล้วมาพาลกับเธอดีกว่านะ อ้อ และถ้าให้ดี ฉันว่าเธอน่าจะเลี้ยงเครื่องดื่มยัยคุณหนูนั่นแทนคำขอบคุณด้วยล่ะ”

    ที่นั่งข้างกายเธอว่างเปล่าและไม่มีใครมาจับจองอยู่อีกนาน กระทั่งมาร์การิต้ารสเปรี้ยวๆ เค็มๆ ที่เธอละเลียดจิบจะพร่องแก้วลงไป เธอลุกจากที่นั่งสูง บอกลานากามูระที่ค้อมหัว กล่าวลาขอให้เธอมีค่ำคืนที่ดี ครั้นลองเหลียวหลังมองดูก็เห็นเจสซี่กับสาวน้อยนางนั้นยังคงพูดคุยกันอยู่ อาจเพิ่มเติมตำแหน่งที่ทิ้งตัวนั่งข้างกันบนเจ้าม้าหมุนตัวนั้นจนเธอต้องทำตาโต คิดถึงคำพูดของเพื่อนรักขึ้นมาจึงหันไปหานากามูระ สั่งเบียร์ยี่ห้อโปรดของเจสซี่และค็อกเทลอะไรก็ได้ให้แก่สาวน้อย เธอลืมเหตุผลข้อที่สามไปได้อย่างไร แค่ให้เจสซี่มีคนรักที่หมกมุ่นด้วยสักคน เขาก็เลิกกวนใจเธอแล้ว

     

    ถึงอากาศคืนนี้จะค่อนข้างหนาว แต่ชิโนะก็ยังพอใจที่จะออกมารับสายลมเย็นข้างนอกมากกว่าอุดอู้อยู่ในคลับเซเรนดิพิตี้ กับเสียงดนตรีอึกทึก แสงไฟสีนีออนสลัว และกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมควันบุหรี่ที่คละคลุ้งกันไปหมด เธอไม่เคยนึกชอบที่นั่นเลย ทุกอย่างชวนให้รู้สึกว่าน่าเบื่อไปหมด (ยกเว้นเครื่องดื่มที่เธอคิดว่าอร่อยดี) บางครั้ง เธอยังเคยนึกเบื่องานนางแบบที่ตนทำอยู่ซึ่งไม่เห็นจะมีอะไรมากไปกว่าการโชว์หน้าสวยๆ อวดเรือนร่างของตัวเองให้คนทั้งประเทศดู แต่ถ้าไม่ทำ เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไรที่ไม่หนักหนาแถมยังได้เงินมาง่ายๆ แบบนี้ ไม่ใช่เพราะหัวสมองไม่ดี ความจริงคือเธอเป็นคนฉลาด มีผลการเรียนดีอยู่ในอันดับต้นๆ มาตั้งแต่เข้าเรียนชั้นอนุบาล เสียแค่ขี้เกียจเกินไปหน่อยเท่านั้น ยิ่งเมื่อประสบช่วงสภาวะตกต่ำหลังสงครามด้วยอีก ชิโนะจึงได้เข้าใจว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมากแค่ไหน

    เธอตั้งท่าจะเดินข้ามถนนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผู้คนมากมายเองก็เตรียมพร้อมออกเดินไปในเส้นทางเดียวกันกับเธอ แต่กลับมีเธอคนเดียวที่ถูกตัดหน้าจากผู้ชายรูปหล่อ ในชุดสูทตัวยาวสีดำสนิทรับกับทรงผมสีทองสว่าง เขาทันได้พูดอะไรนิดหน่อยที่น่าจะเป็นการเชื้อเชิญเข้าร้านในย่านโลกีย์ฝั่งตรงกันข้าม หากเจ้าของริมฝีปากคู่สีแดงสดยังไม่ทันได้ทั้งตอบรับหรือปฏิเสธ ร่างแบบบางในชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังก็จะถูกท่อนแขนแกร่งล็อกลำคอเอาไว้จากข้างหลัง น้ำเสียงที่เธอแน่ใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตเอ่ยขึ้นว่า “โทษที ผู้หญิงคนนี้มากับฉัน” ความตกใจมีมากมายเสียจนเธอทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้ชายแปลกหน้าผู้นั้นลากตัวไปตามทาง แล้วโยนเธอแหมะขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์คันที่จอดอยู่ตรอกหนึ่งในฝั่งตรงกันข้ามไม่ไกล แต่ก่อนที่เขาจะสวมหมวกกันน็อคให้แล้วพาตัวไปไหนต่อไหนในนีโอโตเกียวอันแสนกว้างไกลก็ไม่รู้ สติของเธอก็จะพลันกลับคืน กระเถิบตัวหนีลงมาหยัดยืนตัวชิดพิงกำแพงตรอก ละล่ำละลักถามปากคอสั่นว่าเขาเป็นใคร? เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้เห็นใบหน้าของชายเจ้าของท่อนแขนในแจ็คเก็ตยีนส์ผู้นั้นอย่างชัดแจ้ง ควรเรียกว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อวัยไม่น่าจะพ้นไฮสคูลที่มีเค้าหน้าเป็นมิตรภายใต้รอยยิ้มน้อยๆ เมื่อถูกถาม ดูจากภายนอกแล้วไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยหรือระบุว่าเขาเป็นโจรร้ายให้ชิโนะต้องนึกกังวลแต่อย่างใด

    ถ้าลีแอนน์อยู่ที่นี่ด้วยหรือได้ยินเรื่องเล่านี้ในภายหลัง หล่อนคงจะคืนคำทั้งหมดและบอกว่าอิกาสะ ชิโนะ คือผู้หญิงที่โง่เรื่องผู้ชายที่สุดในนีโอโตเกียวอย่างแน่นอน!

    “มีคนบอกให้ผมตามหาคุณ”

    “ตามหาฉัน?”

    “นี่ ผมไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรหรอกนะ แต่ถ้าไม่ไว้ใจคุณจะกลับไปก็ได้ ผมไม่ได้บังคับอยู่แล้ว”

    “แล้วที่ลากตัวมานี่ไม่เรียกว่าบังคับเหรอ?”

    เขาหัวเราะ ยกมือทั้งสองขึ้นยอมจำนน “ก็จริง ถ้าเผื่อว่าคุณจะอยากคุยกับนายโฮสต์นั่นนานๆ ล่ะก็นะ เอ...หรือว่าจริงๆ แล้วคุณอยากล่ะ?”

    แก้มของเธอขึ้นสีระเรื่อเมื่อรู้สึกถึงคำพูดยียวนกวนประสาทจากใบหน้าเย้ยเยาะเชิงขบขันแบบนั้น แต่ก็ยังทำตีเนียนร้องแหวไปว่า “ฉันเปล่าพูดอะไรสักหน่อย!”

    “ถ้าเห็นใจนักคุณอยากกลับไปเสียตังค์ให้เค้าหน่อยไหมล่ะ? คืนอากาศหนาวๆ แบบนี้เค้าจะได้ไม่ต้องออกมายืนหาลูกค้าอีก”

    ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มแปลกหน้ายังคงชอบใจที่ได้เย้าแหย่จนหน้าเธอขึ้นสีกว่าเดิม ไม่รู้เพราะความอายหรือว่าความโกรธกันแน่ หากเขาก็ทำให้เธอรู้สึกฉุนจนต้องเอื้อมไปฉวยหมวกกันน็อคในมือเขามาถือไว้กับตัว พูดตะกุกตะกักขณะทัดเรือนผมของตัวเองทั้งสองข้างเข้ากับใบหู “ฉันไปกับคุณก็ได้! แต่รับปากนะว่าไม่ได้จะพาไปขายหรือไปฆ่าที่ไหน!

    “สบายใจได้ นั่นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานผมอยู่แล้ว”

    “งาน?”

    “ตามหาของไง”

    “เอ๊ะ?” แต่เขาไม่รอให้เธอได้ปริปากถามอะไรอีกเมื่อสวมหมวกกันน็อคเต็มใบอย่างดีแล้ว เธอจึงทำได้เพียงใส่หมวก แล้วตามขึ้นไปซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิกที่สภาพใกล้เคียงกับเศษเหล็กในสายตาของคนทั่วไป แต่เธอที่มีเพื่อนนายแบบที่สนใจเรื่องรถและเคยมาโอ้อวดให้ฟังบ้างก็รู้ว่ามันไม่ใช่ราคาที่ใครๆ จะจับต้องกันได้ง่ายๆ ถ้าได้ลองแต่งรถมากกว่านี้ราคาคงสูงลิบลิ่วขึ้นไปอีก คงจะเป็นลูกเศรษฐีที่ไหนล่ะมั้ง แต่ถึงต่อให้ใช่จริงๆ เธอเองก็ไม่ได้สนใจเพราะลำพังเงินของตัวเองก็มีกินมีใช้มากพออยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเธออยากจะคบหาลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นจริงๆ เธอเลือกจีบไม่พี่ชายก็น้องชายของยัยลีแอนน์เอาไม่ดีกว่าหรือ? ยังมีข้อสงสัยอีกมากมายอยู่ในหัวที่คิดว่าจะลองถามเขาดูเมื่อรถพุ่งทะยานออกไป แต่ความเร็วไม่ทันตั้งตัวทันทีที่เธอกอดเอวเขาหลวมๆ ก็จำต้องเปลี่ยนเป็นรัดแน่นขึ้น ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเขาละล่องมา ความรู้สึกแปลกใหม่นี้ทำให้แม้แต่ชิโนะเองก็เผลอหลุดยิ้มกว้างไม่ได้ ถึงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับต่อจากนี้ แต่ถ้าเป็นเด็กหนุ่มคนนี้ก็คงจะไม่เป็นไร












    2021年04月02日
    _______________
    ★ เป็นตอนที่ได้รับเกียรติให้ใช้เพลงหลักของเรื่องเพราะเราว่าฟีลมันได้จริงทั้งพล็อตของเก็นตะและชิโนะเลย ภาพในหัวกูคือมีความเป็นคาบุกิโจที่คอนทราสต์กันทั้งสองพาร์ท แบบคนนึงก็พวกสังคมชั้นล่าง อีกคนก็แสงสีนีออน โอ้โห ดีเทลละเอียดทุกเม็ดจริงว่ะ ต้องยอม ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาชมเพราะมั่นหน้ารู้ว่ามันดีจริง แต่ก็อย่างที่ออกตัวไปว่าเรื่องนี้มีความสลิดสูงมากในพาร์ทของตัวละครหญิง ทั้งที่พอเป็นเรื่องของตัวละครชายแล้วกูโอเคหมดเลยทั้งเร็น เก็นตะ และไคโตะในพาร์ทหน้า และเอาจริงคือแต่งพาร์ทของตัวละครชายง่ายกว่าด้วย โดยเฉพาะไคโตะพาร์ทหน้า (ใช่ กูพูดอวดก่อน อย่ามั่นหน้าว่าตัวเองแต่งเรื่องฆ่าคน ชีวิตมืดมนดีมากนักนะอิจุงอิควายอิเหี้ย)
    ★ ว่าไปเราชอบบทของผู้ชายในเรื่องนี้ทุกคนเลยนะแม้แต่เรย์อะ (แฮปปี้เบิร์ธเดย์ด้วย เร้ว! กูเพิ่งรู้ว่าเค้าเกิดวันนี้) โฮคุโตะ หรือราอูล (ที่เป็นน้องของลีแอนน์และเพื่อนของเก็นตะ) ยกเว้นเจสซี่คนเดียว และไม่ใช่เพราะเป็นเจสซี่ แต่ความจริงกูก็ไม่ชอบบทนี้มาตั้งแต่ต้นฉบับแล้ว แค่มันต้องมี...ที่รู้งี้ไม่มีดีกว่า ฉากในแก๊งเราได้มาจากไฮโล (ลีดเดอร์ของคุซึตอนนั้นคือคุโบะลุคในไฮโล อิสัสขนาดยังไม่เคยดูแต่เยี่ยวจองแล้ว แต่เมื่อเป็นเวอร์ชั่นจอห์นนีส์แล้วกูให้ลูกพี่อิวาโมโตะนะ มึงว่าไง) ส่วนฉากในบาร์ได้แรงบันดาลใจมาจากในเอ็มวี แสงสีอะไรจิ๊กเอามาหมดแต่ก็เอามาแต่งเติมโน่นนี่นั่นไปเรื่อย (มึงรู้ไหมว่านายแบบหล่อๆ ที่เล่นฉากในคลับนั่นก็ชื่อไคโตะ กูจะบ้า) แต่จำไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าพล็อตทำอาชีพส่งของมาจากไหน แต่มั่นใจมากว่ามันมีต้นแบบมาจากหนังญี่ปุ่นสักเรื่องที่เราดูช่วงนั้น ส่วนฉากขี่มอไซค์นั่นขอเรียกว่าเป็นการ tribute ให้อากิระแล้วกันนะจ๊ะ (ถุย!) ท่อนที่พูดถึงหนังไซไฟเก่าๆ นั่นก็คือบทดั้งเดิมที่กูเขียนไว้ตอนแต่งครั้งแรกหมดเลย ไม่ได้แก้หรือเพิ่มอะไรทั้งนั้น (แล้วทำไมไม่มีอนิเมะญี่ปุ่นเลยสักเรื่องวะ งง คุณคนญี่ปุ่นจริงหรือเปล่าครับ) / ขอเมาท์ด้วยว่าเรย์อะไม่ได้โกงอายุ แต่หน้าเด็กจริงอะไรแบบนี้ แบบถ้าเอาจากะจังมาเล่นก็เนียนเหมือนกัน เพราะทราวิสกับเซเว่นเม็นจะเป็นเด็กน้อยสำหรับเราเสมอ 55555 อ้อที่จริงบทโฮสต์ที่มาชวนชิโนะก็เป็นตัวเด่นหลังจากนี้นะแค่มึงคงไม่มีวันได้รู้แล้ว คิดซะว่าเป็นฟุกกะตอนผมทองแล้วกัน โฮสต์เบอร์ล่างๆ ต้องออกมาแจกทิชชู่เองก็เหมาะอยู่ เพราะสำหรับเราแล้ว โฮสต์เบอร์ล่างๆ นี่แหละเบ้าหน้าสเปคทั้งนั้น วุ้ย! 
    ★ ขอบคุณมึงมากนะที่ชมเรื่องนี้ เพราะกูก็รู้ว่ามันดีจริง ถึงจะมีโน่นนี่นั่นที่แปลกแปร่ง ตอแหล สลิด แต่ภาพรวมมันดี มันก็ดีหมดแหละ เฮ้อเบื่อๆ และขอโทษนะ แต่กูจะทวงคืนความยุติธรรมให้อาเบะจังและสโนว์แมนทุกท่านในฟิคของกูเอง ไม่ได้เน้นว่าต้องบทหล่อบทดีแค่ให้มันเป็นไปตามเรื่อง ไม่ได้แต่งเป็นแค่ให้ผู้ชายหน้าตาดีต้องดูดีไปซะทุกอย่าง เพราะชีวิตคนเราก็มีดีบ้างเหี้ยบ้าง กระเสือกกระสนบ้าง แต่ก็ไม่ขนาดเรื่องมึงละกัน อิจุงอิควายอิเหี้ย
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×