คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : Color of the City (Yellow)
สายลมเย็นและแสงแดดเรื่ออ่อนระต้องกับใบหน้าทันทีที่เธอผลักบานประตูออกจากร้านคาเฟ่ในเวลาใกล้เที่ยง เรือนผมยาวสยายพัดปลิวจนต้องยกมือข้างที่ยังว่างทัดมันเข้ากับใบหู แต่ก็ดูท่าว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อสายลมก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขันเฉกเช่นกัน
ทั้งอย่างนั้นริมฝีปากสีเรื่ออ่อนของหญิงสาวก็ยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยเสียงหัวเราะ ขณะย่ำรองเท้าส้นสูงไปตามท้องถนน พร้อมกับแก้วชานมไข่มุกและสายลมที่เธออนุญาตให้พัดผ่านมาเป็นเพื่อนร่วมทาง พลางมองดูทิวทัศน์ของร้านรวงและตึกรามบ้านช่องที่เรียงราย ทั้งผู้คนที่แต้มแต่งความมีชีวิตชีวาประสาชาวกรุงในเมืองหลวงบนถนนสายหนึ่งที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ภายใต้ท้องฟ้าสีสดสว่างในยามนี้ ฮานาโมริ โมโมเอะรู้สึกเหมือนกับว่าความสุขในชีวิตกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
ด้วยแม้อายุจะปาเข้าไปยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าในปลายปีนี้ แต่โมโมเอะกลับเพิ่งจะสำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย ท่ามกลางความปีติของครอบครัวที่ดูจะดีอกดีใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก ใช่ว่าโมโมเอะเป็นพวกเรียนไม่เอาอ่าวหรือว่าขี้เกียจสันหลังยาว แต่ต้นเหตุของเรื่องนี้คงต้องโทษเพื่อนสนิทที่กอดคอเข้ามาเป็นเฟรชชี่ด้วยกัน แต่จู่ๆ ก็กลับชิงลาออกไปในช่วงรอยต่อของการเลื่อนขึ้นศึกษาต่อในชั้นปีที่สองด้วยเหตุผลที่ว่า “ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าอยากทำอะไร” ทั้งยังขนข้าวของหนีไปตามหาความฝันที่โตเกียวเอาเสียดื้อๆ แล้วทิ้งให้คนขี้เหงาอย่างเธอต้องใช้ชีวิตในโอซากะคนเดียวลำพังอย่างน่าเจ็บใจ
ที่แม้ว่าใครคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาอยู่เคียงข้างคอยช่วยทำทำหน้าที่นั้นแทนเพื่อนสนิทมาตลอดสองปี แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กลับกลายเป็นแค่สิ่งลวงตา ขนาดทำให้โมโมเอะยอมดรอปเรียนไปถึงหนึ่งปีเต็ม แค่เพียงเพราะไม่อยากจะเจอหน้าผู้ชายใจร้ายแบบนั้นให้ยิ่งต้องเจ็บช้ำใจมากไปกว่านี้
ใช่จะไม่รู้ว่าตัวเธอกับภาษาฝรั่งเศสนั้นดูอย่างไรก็คงไปกันไม่รอด แต่ไหนๆ ก็อุตส่าห์อดทนร่ำเรียนมาตั้งสามปี อีกทั้งลูกสาวคนเดียวที่ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ได้ภูมิใจก็ใช่ว่าจะไม่อยากเห็นรอยยิ้มของพวกท่าน แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความกล้ำกลืนฝืนทนของเธอ กระทั่งในที่สุด ลูกสาวที่ไม่เอาไหนก็ทำให้พ่อกับแม่ยิ้มแก้มปริออกมาได้ด้วยเกียรติบัตรและพิธีจบการศึกษาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่เธอจะขอรางวัลจบการศึกษาชิ้นใหญ่ด้วยการขอออกไป ‘ตามหาความฝันที่โตเกียว’ อย่างเพื่อนสนิทบ้านข้างเคียงบ้าง
แน่ล่ะว่าพวกท่านย่อมไม่เห็นด้วย ก็เลี้ยงกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แล้วจะไม่ให้เป็นห่วงลูกสาวคนเดียวที่แทบจะทำอะไรไม่เป็นได้ยังไงไหว! แต่เป็นเพราะความต้องการอย่างแน่วแน่ครั้งแรกในชีวิต บวกกับความมั่นใจจากเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ถึงขนาดโทร.มาบอกเล่าถึงชีวิตที่แสนจะมีความสุขและเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันมากมายในเมืองหลวง
ด้วยเหตุฉะนี้...นกน้อยจากโอซากะจึงได้โผบินไปเริ่มต้นใช้ชีวิตยังโตเกียวในที่สุด
ปุบปับสายฝนก็ร่วงหล่นลงมาโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า ให้โมโมเอะได้แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แสงแดดเริ่มอ่อนจาง อดไม่ได้ที่จะจึ๊ปากให้กับความยุ่งยากที่กำลังก่อร่างขึ้นจากเมฆและไอน้ำข้างบนนั้น โชคดีที่พกติดตัวมาแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องวิ่งหาที่หลบฝน ไหนจะอพาร์ตเมนต์ของเธอที่ก็อยู่ห่างไปไม่เท่าไหร่ คิดเสียว่าดีซะอีก กลับไปจะได้ไม่หาข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำอีกแน่ะ!
แต่ไม่ใช่จากร่มที่เฉี่ยวชนจนใบหน้าแต้มเครื่องสำอางจะเปรอะไปด้วยหยดน้ำ แถมยังกระเด็นเข้าตาจากคุณป้าเจ้าของร่มที่จู่ๆ ก็หมุนตัวหันหลังกลับกะทันหันแล้วเดินลิ่วไปทั้งอย่างนั้น โชคร้ายที่วันนี้เธอดันใส่คอนแทกเลนส์มา แม้อยากจะขยี้ตาแรงๆ แค่ไหนก็ทำไม่ได้ดั่งใจ โมโมเอะได้แต่ครางฮือขณะพยายามถูข้อนิ้วกับเปลือกตาเบาๆ หากด้วยความไม่ระวังจากการก้มหน้าก้มตาเดิน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นรถจักรยานที่จอดเกะกะขวางทางอยู่ริมทาง ทำเอาขาเรียวที่พ้นโผล่จากเดรสสั้นของเธอกระแทกกับมันเข้าอย่างจัง
โมโมเอะเกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว แต่ยั้งมันไว้ได้ทันภายใต้ใบหน้าบูดบึ้งและเสียงลมหายใจที่พ่นพรูออกมาเต็มแรง
นึกโทษฟ้าฝนที่พร่างพรูลงมาไม่ขาดสายได้ไม่ทันไร สายฝนปรอยเมื่อครู่ก็สาดเทลงมาอย่างกับเบื้องบนต้องการเล่นตลกกับเธออย่างไรอย่างนั้น
พระเจ้าจะกลั่นแกล้งลูกทำไมนักหนานะ!
♥
ฝนตก...ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าจะออกไปเดินเล่นหาอะไรทำหลังจากนั่งแกร่วอยู่ในบ้านมาตลอดทั้งเช้าจำต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากประตูห้องไปเป็นข้างบานหน้าต่างแทน
แม้จะเป็นสายฝนแรกในรอบปี หรืออาจเป็นสายฝนแรกนับตั้งแต่โอกาซากิ โคทาโร่ย้ายกลับมาอยู่ที่โตเกียวตั้งแต่เมื่อต้นปี แต่ในวันที่เขารู้สึกเบื่อและเหงามากอย่างนี้ สายฝนที่เคยนึกชอบมาตลอดก็กลับดูเหมือนจะยิ่งทำให้หดหู่มากขึ้นกว่าเดิมอีก
โคทาโร่เอาแต่ยืนมองท้องฟ้าสลับกับท้องถนนภายนอกไปเรื่อยเปื่อยอย่างลอยเหม่อ กระทั่งสายตาจะสะดุดเข้าให้กับหญิงสาวที่กำลังเดินนวยนาดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่อหยาดฝนที่โปรยปราย คนที่หยุดยืนแล้วแหงนคอมองขึ้นไปบนฟ้าให้โคทาโร่ได้มองเห็นใบหน้าสดสวยที่บูดบึ้ง คนที่ถูกร่มส่งน้ำฝนกระเซ็นเข้าใบหน้า และคนที่เดินชนรถจักรยานของป้าข้างบ้านที่ไม่เคยสนใจกฎระเบียบเข้าอย่างจัง
คนที่ทำให้โคทาโร่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบวัน
และคนที่จะบังเอิญทำให้ข้างในอกข้างซ้ายของเขาพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ...อย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้
เมื่อสายฝนเร่งจังหวะแรงขึ้นจนภาพที่เห็นภายนอกบานหน้าต่างเริ่มมัวพร่า โคทาโร่ที่เพิ่งจะได้สติจึงรีบวิ่งทั่กๆ ลงชั้นล่างไปคว้าเอาร่มคันสีเหลืองที่วางอยู่ข้างชั้นวางรองเท้าแล้วรีบเปิดประตูออกไป หากเจ้าของแผ่นหลังในชุดกระโปรงสีขาวและรองเท้าส้นสูงสีแดงที่ยกกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กขึ้นบังเหนือหัวก็วิ่งจากไปด้วยความรวดเร็วเสียแล้ว
แต่แล้วเธอก็จะวิ่งกลับมา ก้มตัวคว้าเอาอะไรบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมากำแน่น ชั่ววินาทีที่บังเอิญได้สบตากัน เธอก็ส่งยิ้มให้โคทาโร่ที่ได้แต่ยืนถือร่มอยู่อย่างหมิ่นเหม่ จนสายฝนสาดกระเซ็นเข้าไหล่ข้างหนึ่งให้เสื้อยืดตัวเก่งได้เปียกปอน
แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว แต่หัวใจของเขายังไม่ยอมหยุดเต้นไม่เป็นจังหวะเลย!
_______________
ความคิดเห็น