คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #nowplaying ♪ Sweetest Tune (10% คนอย่างกูแต่งทิ้งแต่งขว้างเสมอ แต่ก็โกๆๆ)
I.
มัตสึดะ เก็นตะยืนมองรถแท็กซี่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าโรงแรมหรูที่เขาเป็นฝ่ายนัดหล่อนมาพบไปจนลับตา หากแม้ว่าตัวของหล่อนจะจากไปแล้ว แต่ความคิดคำนึงของเขาก็ยังวนเวียนอยู่กับมารดาจอมจู้จี้ ขี้บ่น ขี้กังวล เอาแต่กำชับกำชาให้เขาพักผ่อนให้ตรงเวลา กินข้าวให้ครบหมู่ ไปตัดผมที่ยาวกระเซอะกระเซิงไม่สมกับหน้าที่การงานใหม่ แล้วยังพูดเรื่องการแต่งงานที่เขายังไม่ใส่ใจ แต่หล่อนก็ไม่สนใจเมื่อบอกว่าจะนัดดูตัวให้กับหญิงสาวที่มาจากชาติตระกูลเพียบพร้อม กิริยามารยาทงาม ไม่ใช่พวกสาวอเมริกันหัวทองที่ดูเปรี้ยวซ่า ก๋ากั่น หรือก็คือพวกสาวๆ ที่เขาคบควงตลอดสี่ปีที่ย้ายไปแอลเอเพื่อร่ำเรียนต่อปริญญาตรี รวมอีกสองปีที่ตะลอนเที่ยวต่อเพราะไม่อยากกลับบ้านเกิด กระทั่งจะถูกเรียกตัวกลับมาเรียนรู้กิจการเพื่อรอรับช่วงต่อจากพ่อถึงจะไม่ใช่ในเวลาอันใกล้ แต่ครอบครัวก็ลงความเห็นกันว่าลูกชายคนเล็กที่วัยย่างยี่สิบห้าควรเริ่มต้นใช้ชีวิตให้เข้ารูปเข้ารอยได้แล้วสักที
เก็นตะรู้อยู่แล้วว่าสักวันช่วงเวลานี้จะต้องมาถึง เขาไม่ได้รังเกียจงานบริหารบริษัทอสังหาฯของครอบครัว เพียงแต่เขานึกเสียดายชีวิตอิสระที่ยังไม่ทันจะได้ดื่มด่ำกับมันมากมายเสียมากกว่า
เพราะอย่างนั้นก็ย่อมไม่มีทางที่เขาจะติดกับดักแล้วแต่งงานกับผู้หญิงคนไหน ต่อให้หล่อนจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน ด้วยวัยเพียงแค่เท่านี้แน่ ยิ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นมาจากการดูตัวที่เก็นตะคิดว่ามันเป็นเรื่องโง่เง่าบ้าบอที่สุด ความรักสำหรับเขาไม่ใช่ความเหมาะสมในสายตาของคนอื่น ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องยอมสละทุกอย่างแล้วปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน หากเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มต้นจาก...หัวใจ
เหมือนอย่างที่มันกำลังรู้สึกอยู่นี้ในตอนที่เขาเดินกลับเข้ามาในล็อบบี้และได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอคนนั้นที่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เส้นผมสีทองสว่างแซมไฮไลท์สีฟ้าอ่อนของเธอเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด คอนแทกเลนส์สีอ่อน สโมกกี้อายหนาเตอะ และลิปสติกสีสดเปลี่ยนเป็นเมคอัพแบบธรรมชาติ รองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นสูง เสื้อยืดกางเกงขาสั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงอย่างคนวัยทำงานที่ดูภูมิฐานแบบผู้ใหญ่ กระนั้นน้ำเสียงเวลาพูดคุยอย่างกระตือรือร้นของเธอ รอยยิ้มกว้างจนตาปิดของเธอ เสียงหัวเราะสดใสของเธอ ก็ยังคงเหมือนเดิมกับที่เก็นตะจำจดได้
ต่อให้แม่จะมองเห็นว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่เหมาะสมกับผู้ชาย — ที่ก็ใช่ว่าดีเด่อะไรสักหน่อย — อย่างเขาก็ช่างปะไร เพราะในวินาทีที่เธอหันหน้ามาเห็นเขาพร้อมกับดวงตาและริมฝีปากที่อ้ากว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจมากกว่าสิ่งอื่นใด ก็ราวกับเก็นตะได้พบชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปและทำให้ข้างในอกของเขาโหวงหวิวมาเนิ่นนาน
อากานะ มินาริคือชื่อของเธอคนนั้น
II.
นากามูระ ไคโตะเชื่อว่าโลกนี้มีเรื่องบังเอิญอยู่มากมายนับแสนล้านแปดอย่าง และอาจมีแค่แปดอย่างเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญกับชีวิต แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าหนึ่งในแปดอย่างนั้นจะกำลังเกิดขึ้นกับตัวเองในวันที่ไม่ได้คาดคิดถึงแบบนี้
ไคโตะหมายถึงการได้เจอหน้าฟุนากิ เนมุริ หญิงสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทตกแต่งภายในเดคอร์ดินี่อันเป็นคู่ค้ากับบริษัทอสังหาฯเรโกลิธที่เขาทำงานอยู่ ผมสีน้ำตาลทองของเธอส่องล้อกับแสงแดดแล้วช่างดูดี เมคอัพโทนสีแดงก็ขับใบหน้าขาวผ่องให้ยิ่งดูน่ามอง ไหนจะน้ำเสียง ท่วงท่า หรือสีหน้า ทั้งหมดที่รวมกันเป็นเธอทำให้ไคโตะเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตรงกันข้ามกับเธอที่ไม่พยายามปิดบังสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจทั้งที่ไม่เคยใช่เรื่องยากเย็นอะไร แล้วขอตัวกลับก่อนโดยปฏิเสธคำชวนไปกินมื้อเที่ยงต่อด้วยกันกับเขาและรุ่นพี่อย่างหนักแน่น สมกับเป็นเนมุริที่ไคโตะเคยรู้จัก...จนถึงกับรักใคร่...มาตลอดสี่ปีที่ไปร่ำเรียนอยู่แอลเอ
โชคดีที่เขาแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดได้ทัน แม้เธออาจไม่คิดว่าเป็นความโชคดีจากการจงใจถอยห่างไปอยู่ที่สุดมุมหนึ่ง
“ไม่เห็นรู้มาก่อนว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่”
“ถ้าฉันรู้ว่าจะได้มาคุยกับนายนะ จ้างให้ก็ไม่มาหรอก!”
“อะไร ผ่านมาตั้งสองปีแล้วนะ ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?” ทั้งรอยยิ้มกลั้วไปกับเสียงหัวเราะเริงร่า “ขนาดฉันยังเลิกโกรธแล้วเลย”
“คนนอกใจมีสิทธิ์พูดแบบนั้นได้ด้วยหรือไง!” สุดท้ายคนที่อุตส่าห์ทำคอเชิดคอแข็งไม่ยอมหันมองเพื่อนร่วมทางไปด้วยก็อดรนทนไม่ไหวแล้วหันหน้ามากระแทกเสียงใส่เต็มแรง แต่ไคโตะรู้ว่าเธอคงอยากกระทืบเท้าเร่าๆ ไม่ก็จับหัวเขากระแทกกับผนังให้เลือดหัวไหลออกมาเป็นการระบายความคับข้องใจมากกว่า “ต่อให้ฉันจะจ้วงมีดแทงนายกับยัยบ้านั่นจนตาย นายก็ไม่มีสิทธิ์มาโกรธฉันด้วยซ้ำ!”
ทั้งอย่างนั้นไคโตะก็ยังอดแหย่เธอไม่ได้
“แบบนั้นมันผิดกฎหมายแล้ว”
“เออ! ฉันยอมติดคุกตลอดชีวิต! ขอให้ได้ฆ่านายด้วยน้ำมือตัวเองก็พอ!”
“โห ดีใจจังที่ได้รู้ว่าเธอรักฉันตั้งขนาดนั้น”
“แค่เคยย่ะ!” เนมุริแก้คำพูดแทนเขาด้วยเสียงดังลั่น ”แต่ตอนนี้ฉันเกลียดนายมากที่สุดในโลกเลย อุมิ!” พร้อมกับไหล่ที่จงใจกระแทกเข้ากับท่อนแขนของเขาเมื่อจะรีบเดินผ่านออกไปในตอนที่ลิฟต์ลงมาถึงล็อบบี้ชั้นล่าง
“แต่ฉันยังรักเนมุที่สุดเลยนะ!”
“ไปตายซะไป้!”
ไคโตะมองตามเธอที่ยกนิ้วกลางขึ้นชูแล้วหัวเราะออกมา หนนี้เขาจะหยวนๆ ให้เธอหลบไปตั้งหลักก่อนก็ได้ แต่หลังจากนี้เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยเธอไปอีกแน่
_______________
ความคิดเห็น