ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #231 : Tori wa Oyogikata wo Shirazu Obore Nakigara 【B: The Short Lived Girl】

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 67


    (B)

    The Short Lived Girl
    Playlist: Utada Hikaru Be My Last












    .

    ครั้งหนึ่ง...โลกใบนี้ก็เคยเป็นที่ที่งดงามสำหรับฮางิวาระ เซย์เร็น

    เธอหมายถึงตอนที่ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกยังอยู่กันพร้อมหน้า ตอนที่มีกลุ่มก๊วนเพื่อนสนิทที่เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมต้นเดียวกัน ตอนที่เธอยังใช้ชีวิตเหมือนกับวัยรุ่นธรรมดาโดยไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใด ไปจนกระทั่งตอนที่เธอจะได้รู้จักกับความรู้สึกที่เรียกว่า ตกหลุมรักเป็นครั้งแรกเพราะอิวาซากิ ไทโช เด็กหนุ่มป๊อปปูล่าร์ที่เพิ่งจะได้เรียนร่วมห้องเดียวกันตอนขึ้นชั้นมัธยมต้นปีที่สอง

    แต่เพราะสิ่งสวยงามไม่เคยจีรัง แม้แต่สรวงสวรรค์ก็ยังไม่ได้ยืนยาวไปชั่วกัลปาวสานอย่างที่เซย์เร็นเคยวาดฝันว่ามันจะเป็น ที่น่าเศร้าใจที่สุดคือต้นเหตุไม่ได้มาจากเธอที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยด้วยซ้ำ เซย์เร็นเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ลูกจะไม่ถูกลงโทษเพราะบาปของพ่อแม่” หากเป็นช่วงเวลานั้นเองที่เธอจะได้เข้าใจลึกซึ้งไปจนถึงแก่นแล้วว่าไม่ใช่ — อย่างน้อยๆ ก็ในนัยหนึ่ง — เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องมาถูกเพื่อนในห้องรังเกียจเดียดฉันท์จากการวางแผนใส่ร้ายของไทโชว่าเป็นคนขโมยนาฬิการาคาแพงชิ้นสำคัญของเขาไป สันดานเดียวกับพ่อของเธอที่ก็เป็นแมวขโมยเอาแม่คนสำคัญของเขาไป โดยที่เซย์เร็นไม่เคยล่วงรู้ความจริงถึงเรื่องที่พ่อปิดบังทุกคนในบ้านมานานนับปีเลยแม้แต่น้อย

    แต่ทันทีที่ความลับถูกเปิดเผย พ่อกลับเลือกที่จะหนีปัญหาและหนีจากเธอกับแม่ไปกับชู้รัก ไม่มีทั้งจดหมายหรือแม้แต่คำร่ำลาใด นอกจากใบหย่าลงลายเซ็นให้แม่ที่ต้องข่มใจไม่ฉีกมันทิ้ง ไม่มีอะไรให้เลยแม้แต่กับลูกสาวคนเดียวที่พ่อเคยบอกว่าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แม่ที่เคยใจดีเริ่มต้นก่นด่าเธอที่วันๆ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้หาพ่อเลวๆ พรรค์นั้นอยู่ได้อีก หล่อนมักจะบอกว่าป่านนี้พวกเขาคงไปโดดน้ำตายด้วยกันเหมือนอย่างนักเขียนที่ชอบกับชู้รักของเขาแล้วล่ะมั้ง บางครั้งก็สาปแช่งสองคนนั้นให้ตายตกตามกันไปเลยยิ่งดี และเซย์เร็นที่ทนฟังคำว่าร้ายถึงพ่อไม่ได้ก็จะกรีดเสียงตะโกนใส่หน้าแม่ที่กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้วก่อนวิ่งหนีขึ้นไปขังตัวเองอยู่ในห้องนอน บ้านที่เคยอบอุ่นเริ่มลุกเป็นไฟจนเซย์เร็นเริ่มรู้สึกคับที่คับใจ เช่นเดียวกับที่โรงเรียนซึ่งไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสุขหลงเหลืออยู่ให้เธออีกต่อไป ขนาดเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่ชั้นประถมและควรรู้จักเธอดีที่สุดว่าไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นั้นก็ยังเลือกที่จะตีจาก เพราะพวกหล่อนกลัวที่จะต้องกลายเป็นแกะดำและถูกรังแกเหมือนกับเธอ คำว่ามิตรภาพที่เซย์เร็นเคยตีค่าไว้สูงส่งสุดท้ายก็แค่เรื่องจอมปลอมทั้งเพ

    โชคดีที่แม่ได้เจอกับผู้ชายคนใหม่ที่ร้านกินดื่มซึ่งหล่อนไปสมัครเป็นสาวเสิร์ฟหลังลาออกจากงานที่บริษัทเพราะทนคำซุบซิบนินทาไม่ไหว ไม่ทันไรก็ตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสด้วยกันก่อนได้พาทั้งสองครอบครัวมาทำความรู้จักกันด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างปะไร ในเมื่อสิ่งเดียวที่เซย์เร็นปรารถนาคือการได้หลุดพ้นจากชีวิตในขุมนรกนี้เพื่อไปเริ่มต้นใหม่

    ถึงอาจแสดงออกคล้ายอย่างนั้น แต่เซย์เร็นก็ไม่ได้เกลียดคุณอุกิโชหรือลูกชายอายุเท่ากันกับเธออย่างฮิดากะ เซย์เร็นก็แค่ไม่อยากต้องเสียใจเพราะการจากลาเหมือนอย่างที่พ่อทำ ไม่อยากต้องเจ็บปวดเพราะการถูกหันหลังให้เหมือนอย่างที่พวกเพื่อนๆ ทำ ถึงได้เลือกที่จะไม่เอาใจเข้าไปผูกกับใครอีก

    ทว่าการได้เห็นฮิดากะพยายามเข้าหาเธอ...เหมือนอย่างที่ไทโชเคยเสแสร้งแกล้งทำ ก็ราวกับการเรียกเอาความทรงจำที่อยากจะลบเลือนไปให้หวนกลับคืนมา เซย์เร็นเริ่มกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขย้อนเอามื้อเย็นที่บ้านออกมาทุกคืน สายตาที่มองเขาเปลี่ยนไปจากแค่ความเฉยชาที่ปั้นแต่ง ในเมื่อเซย์เร็นอ่านเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเป็นมิตรนั้นออก หากเผลอไผลเปิดใจให้เขาแม้เพียงนิด สุดท้ายแล้วมันก็จะแว้งกลับมาเล่นงานเธอให้กระอัก

    เธอเริ่มต้นออกเที่ยวเตร่ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับบ้านไปเจอหน้าฮิดากะ ถ้าไม่ใช่เกมเซนเตอร์หรือว่าโรงหนังก็มักจะเป็นมังงะคาเฟ่ที่เธอชอบไปสิงสถิต ก่อนไลฟ์เฮาส์ที่เด็กสาวอ่อนต่อโลกไม่เคยเข้าไปเหยียบย่างจะเพิ่มเติมเข้ามา หลังจากที่เซย์เร็นได้รู้ว่าวงใต้ดินที่เธอเคยเทิดทูนบูชาจะกลับมารวมตัวกันใหม่ ใช่จะไม่รู้ว่ามันตรงกับช่วงสัปดาห์สอบที่ทางโรงเรียนออกกฎห้ามไม่ให้ไปเที่ยวเตร่ที่ไหน แต่คอนเสิร์ตรวมวงในรอบห้าปีก็ไม่ใช่เรื่องที่เซย์เร็นจะต้านทานได้ เพราะไม่มีใครในบ้านมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธออีก จึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะล็อกห้องแล้วแอบปีนหน้าต่างหนีออกไป พร้อมกับความรู้สึกของหัวใจที่ลิงโลดไม่ต่างจากปีกที่โบยบิน จนแม้แต่การถูกหักหลังจากฮิดากะก็ไม่ทำให้เธอแค้นเคืองอย่างที่คิดว่าจะเป็น

    แต่นับจากวันนั้น เธอก็ไม่อาจไว้วางใจอุกิโช ฮิดากะได้อีกเลย

     

    เซย์เร็นได้บังเอิญกลับมาเจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในโลกที่คุ้นเคยดีของไทโชในไลฟ์เฮาส์เดิมที่มีชื่อว่ายูโทเปีย เพราะวงดนตรีที่เธอชอบกลับมาขึ้นแสดงอีกครั้งตามคำเรียกร้อง เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของเขาจากที่ไกลๆ ก็ทำให้มือไม้ของเธอสั่นเฉกเช่นเดียวกับเนื้อตัวจนกระโปรงนักเรียนที่กำไว้ยับยู่ยี่ ไม่มีบทเพลงใดผ่านเข้ามาในหัวอีกนอกจากเรื่องราวในอดีตและน้ำเสียงเย้ยหยันด่าทอของไทโชที่แล่นวน ขณะที่ดวงตาซึ่งพยายามบังคับให้จดจ่ออยู่แต่กับบนเวทีก็ไหวระริกสั่น เซย์เร็นไม่สามารถอดทนรอจนกว่าการแสดงจะสิ้นสุดลงได้ แล้วก้มหน้าฝ่าฝูงชนแออัดออกไปสู่ความโล่งโปร่งของท้องฟ้าในยามค่ำคืน แต่เธอก็ไม่ทันได้สูดเอาอากาศเข้าปอด เมื่อสิ่งที่ตีตื้นอยู่ในลำคอจะขย้อนขึ้นมาให้เธอได้ปลดปล่อย และคนที่ยื่นขวดน้ำให้เธอที่แหงนเงยมองขึ้นไปก็คือพนักงานไลฟ์เฮาส์ที่น่าจะอายุใกล้เคียงกับเธอ

    ก่อนที่เซย์เร็นจะได้รู้ในวันถัดมาเมื่อสวนทางกันที่ห้องพักครูว่าที่แท้แล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือเพื่อนร่วมชั้นปีเดียวกัน ชื่อนามสกุลที่เธอบังเอิญเหลือบไปเห็นจากสมุดการบ้านของเขาก็คือ...โอกาซากิ โคทาโร่

    กระนั้นเซย์เร็นก็เลือกที่จะเมินเฉยทั้งต่อความใจดีเมื่อวานนี้และรอยยิ้มในวันนี้ เพราะมันคือสิ่งที่เธอไม่ควรได้รับแม้ว่าต้องการที่จะได้รับมากแค่ไหน เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะต้องเจ็บปวด เหมือนอย่างที่ไทโชหวนกลับมาทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด ราวกับโชคชะตาขีดเขียนมาให้ชีวิตของเธอต้องทุกข์ตรมจากบาปที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนร่วมก่อด้วยซ้ำไป

    เย็นวันนั้นเป็นอีกครั้งที่เซย์เร็นจะได้พบเจอกับอดีตที่มาตามหลอกหลอนในชิบุยะที่ออกจะพลุกพล่านและเธอเคยคิดว่ามันกว้างใหญ่ แต่ในร้านอาหารครอบครัวบนชั้นสองที่เธอชอบไปฝากท้องก่อนกลับบ้าน ระหว่างที่นั่งเหม่อมองออกไปยังความพลุกพล่านนอกบานหน้าต่างเพื่อรออาหารมาเสิร์ฟอยู่นั้นเอง ไทโชที่เดินขึ้นมากับกลุ่มเพื่อนก็จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากร้องทักเธอก่อน

    เซย์เร็นพยายามบังคับสีหน้าให้นิ่งสงบ ถึงนัยน์ตาจะวูบไหวก็หวังว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นความอ่อนแอและหวาดกลัวของเธอ

    “ทุกคน! นี่ไงล่ะ! ฮางิวาระ เซย์เร็น แมวขโมยนาฬิกาที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง ส่วนพ่อก็เป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขา!” เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากเพื่อนชายหญิงกลุ่มใหญ่มากของเขายกใหญ่ “นี่ หวังว่าคราวนี้แม่ของเธอคงไม่ได้เป็นชู้กับผัวชาวบ้านอีกคนแล้วทำให้ครอบครัวของคนอื่นต้องแตกแยกหรอกนะ”

    เหลือที่จะทนได้ไหวอีกต่อไป เซย์เร็นลุกพรวดขึ้นสวนกลับไปพร้อมกับหมัดที่กำแน่นว่า

    “ตบมือข้างเดียวมันจะไปดังได้ยังไง! ถ้าแม่นายไม่เล่นด้วยซะอย่างพ่อฉันจะไปทำอะไร...”

    แต่เธอก็ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค เมื่อใบหน้าจะหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือหนาที่ทำให้แก้มของเธอชาแปลบ เสียงหัวเราะรวนร่าถึงก่อนหน้านั้นเปลี่ยนไปเป็นเสียงหวีดร้องด้วยความตื่นตกใจ และเซย์เร็นที่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำแสดงความโกรธจัดของไทโชก็คิดว่าบางที...มันอาจจะคุ้มค่า

    “อย่ามาพูดไม่ดีถึงแม่ฉันนะ นังบ้านี่!

    แต่ก่อนที่ไทโชจะทันได้ยกมือขึ้นเงื้อง่าอีกหน ร่างของใครคนหนึ่งก็จะพุ่งตัวเข้ามาแทรกระหว่างกลาง

    “นายก็อย่ามาพูดไม่ดีกับเพื่อนของฉัน!”

    “แล้วมันกงการอะไรของแกวะ!”

    โชคดีที่เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทไม่ได้ดำเนินไปไกลเกินกว่านั้น เมื่อผู้จัดการบอกว่าจะโทร.เรียกตำรวจแน่หากพวกเขาไม่ยอมหยุดสร้างปัญหา พอได้ยินแบบนั้นพวกเพื่อนๆ เลยช่วยกันลากตัวไทโชออกไปก่อนที่จะมีปัญหา เขามองหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเป็นครั้งสุดท้าย และเซย์เร็นก็หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบเขา เพราะเธอไม่อยากต้องยกมือขึ้นปิดปากแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาเจียนเอาน้ำย่อยเมื่อยังไม่มีอะไรตกถึงท้องออกมาแบบนี้อีก

    แต่หลังจากที่ล้างหน้าล้างตากลับออกมาแล้ว เซย์เร็นถึงได้เห็นว่าที่นั่งของเธอมีเพื่อนร่วมโต๊ะ...ผู้ช่วยชีวิต...กำลังนั่งเท้าคางยกยิ้มกว้างจนตาปิดให้เธออยู่ เซย์เร็นหนีไม่ได้เพราะสเต๊กมาเสิร์ฟแล้วในตอนที่เธอกำลังหิวท้องกิ่ว เลยเลือกที่จะก้มหน้าก้มตา ทำทีเป็นไม่สนใจเด็กหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามที่เพิ่งจะได้เจอหน้ากันเมื่อตอนเที่ยงอีก

    เหมือนกับเด็กหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามที่ก็ไม่สนใจต่อการเมินเฉยนั้น แล้วเอ่ยขึ้นหลังจากบริกรนำเมนูของเขามาเสิร์ฟในที่สุดว่า

    “เธอรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ของฉันฆ่าตัวตายทั้งคู่?”

    หากนี่เป็นการเรียกร้องความสนใจจากเขา เซย์เร็นก็ต้องบอกว่ามันได้ผล

    “ตอนนั้นฉันกลัวมากเลยนะ ได้แต่คิดว่าเด็กอย่างฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง ถึงจุดหนึ่งก็คิดว่างั้นฉันก็น่าจะตายตามไปอยู่กับพวกเขาซะให้มันจบๆ ถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ทำ เพราะฉันได้รู้แล้วว่ายังมีคนที่จะคอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้าง ขอเพียงแค่เธอเอ่ยปาก”

    ทั้งอย่างนั้นเซย์เร็นก็จะเพียงมองหน้าเขาแน่วนิ่ง

    “การเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวมันไม่ช่วยหรอกนะ ถ้าเธอไม่พูดก็จะไม่มีใครรู้ ตัวคนเดียวมันน่ากลัวออก แถมเหงาด้วย”

    แล้วโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ฉันไม่กลัว และไม่ได้เหงาเลยสักนิด”

    “ไม่จริงหรอก วันนั้นเธอกลัวเขา วันนี้เธอก็กลัวเขา”

    “ไม่ใช่...”

    “แต่จะเหงาหรือกลัวก็ไม่เห็นจะเป็นไรสักหน่อย” โคทาโร่ขัดคำพูดของเธอ ทั้งที่เพิ่งจะพูดเรื่องน่าเศร้าแบบนั้นออกมา แต่ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขากลับไม่ใช่ จนทำให้เซย์เร็นอดปากยอกย้อนกลับไปด้วยคำพูดที่ไม่คิดว่าอยากระบายกับใครแท้ๆ ว่า “แล้วนายรู้ไหมว่าถ้าเราไม่อยากเจ็บ ไม่อยากรู้สึกอะไรจนถึงขนาดทำเรื่องโง่เง่าอย่างการคิดฆ่าตัวตายตามไป เราก็แค่ไม่ต้องเอาใจไปผูกพันกับใครทั้งนั้น ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อแม่ เพราะสุดท้ายทุกคนก็จะทอดทิ้งเราไป ไม่ก็หักหลังเราอยู่ดี”

    “ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นนะ เซย์เร็น”

    ชื่อต้นของตัวเองที่ได้ยินจากปากของเด็กผู้ชายที่มีปมคล้ายเดียวกับเธอจะทำให้นัยน์ตาสีเข้มไหววูบไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่เซย์เร็นก็จะรีบซ่อนมันด้วยการก้มกลับลงไปจัดการกับมื้ออาหารต่อ ตัดบทสนทนาที่ไม่ต้องการจะเอ่ยอีกเพียงแค่ว่า

    “ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้นแหละ”

     

    ทว่าโอกาซากิ โคทาโร่ก็พยายามเข้ามาเป็น ใครคนนั้นที่ป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในชีวิตของเซย์เร็นด้วยเจตนาที่เธอรู้ดีว่าเป็นความจงใจของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะทลายกำแพงที่อยู่ข้างในใจเธอได้มากมายเพียงไหน ทำให้หัวใจของเธอคล้ายกับว่าจะกลับมาเต้นเป็นจังหวะได้อีกครั้งมากมายเพียงไร เซย์เร็นก็ไม่อาจเปิดใจรับเขาเข้ามาได้ เพราะเธอไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ จากเขา...หรือว่าใครอีก

    “โอ้โห ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะชอบวงร็อกใต้ดินแบบนี้ด้วย”

    ฝีก้าวของเซย์เร็นในรองเท้านักเรียนชะงักกึกเพราะคำพูดจากเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอซึ่งกำลังจะเข้าไปในไลฟ์เฮาส์ แม้ว่าหนนี้จะมีแค่ไทโชคนเดียว แต่ความหวั่นพรั่นของเซย์เร็นที่เกิดจากเขาคนเดียวมาโดยตลอดก็ดูเหมือนจะไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปด้วยเลย

    “นายยังต้องการอะไรจากฉันอีก ไทโช?”

    “ไม่รู้สิ” เขายักไหล่ไหว “แต่ได้เห็นเธอกับแม่ใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วมันน่าหงุดหงิดเป็นบ้าเลย ได้ข่าวว่าพ่อใหม่ของเธอฐานะดีไม่เบาเลยนี่ ได้เข้าโรงเรียนดีๆ มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือคงมีความสุขมากเลยสิท่า” พอว่ามาถึงตรงนี้ไทโชก็จะหัวเราะออกมา ไม่เพียงแค่นั้น เขายังจับข้อมือของเธอข้างหนึ่งไว้แล้วกดบีบมันลงไปไม่ต่างอะไรจากคีมเหล็กที่ไม่อาจสะบัดหลุดตลอดเวลาที่เอ่ยประโยคเหล่านี้ “ขณะที่พ่อฉันได้แต่ตรอมใจที่แม่หนีไปกับชายชู้จนเริ่มกินเหล้าเมามายแล้วด่าทอฉัน บางวันก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยด้วยซ้ำ ดูสิ! ดูรอยช้ำที่แขนของฉันนี่สิ! ต่อให้ฉันหักแขนเธอทิ้งเธอก็ไม่มีทางเข้าใจความเจ็บปวดที่ฉันต้องเผชิญได้ด้วยซ้ำ ทั้งที่พ่อกับแม่ของเราหนีไปด้วยกันแท้ๆ แต่ทำไมชีวิตฉันถึงได้ต้องเจอเรื่องบัดซบเฮงซวยอยู่คนเดียว ส่วนเธอถึงได้มีความสุขอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะ เซย์เร็น?”

    “แล้วทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของฉันด้วยซ้ำ แต่ทำไมนายถึงได้เอาทุกอย่างมาลงกับฉันแบบนี้ล่ะ ไทโช?เซย์เร็นพยายามกลั้นน้ำตาที่จะไม่ยอมให้มันไหลลงมาต่อหน้าผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปิดบังน้ำเสียงตัดพ้อวิงวอนถึงความอัดอั้นตันใจตลอดมาได้เลย “ไม่คิดเหรอว่าถ้านายเก็บเรื่องที่รู้ไว้เป็นความลับกับตัวเอง ฉันก็คงไม่เอาไปพูดกับพ่อจนทำให้เราสองคนต้องเสียพ่อแม่ไปในวิธีที่แย่ที่สุดแบบนี้หรอก”

    “แล้วมันเป็นความผิดของฉันได้ยังไงวะ!”

    “ก็แล้วมันเป็นความผิดของฉันได้ยังไงล่ะ!” เหมือนกับที่เซย์เร็นเองก็จะสวนย้อนกลับไปด้วยประโยคเดียวกัน

    ไทโชผลักร่างของเธอออกไปด้วยความหงุดหงิดใจมากเสียจนแผ่นหลังในชุดสูทยังรู้สึกเจ็บแปลบเพราะการถูกกระแทกเข้ากับกำแพงเต็มแรง แต่ก็เป็นเสี้ยววินาทีนั้นเองที่ท่อนแขนข้างหนึ่งของเธอจะถูกลากพาไป หากด้วยเรี่ยวแรงที่โคทาโร่ตั้งใจไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ ไม่เหมือนกับสายตาเย็นเยียบด้วยความเคืองแค้นที่เธอได้เห็นไทโชจ้องมองมาโดยไม่ได้ขยับตัวตามอย่างที่คิดว่าจะเป็น

    และเมื่อโคทาโร่ปล่อยมือจากในตอนที่พ้นมาแล้ว เซย์เร็นก็ไม่อาจห้ามตัวเองแล้วก้มหน้าซบกับฝ่ามือเพื่อปลดปล่อยน้ำตาที่กักเก็บไว้ออกมาหลังจากความเย็นชาที่เฝ้าแสดงออกเป็นครั้งแรกได้ ทั้งต่อความกลัว ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความรู้สึกทุกอย่างที่ไทโชทำให้เธอกลับมารู้สึก และเซย์เร็นก็มั่นใจว่านี่ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอกับเขา

    กระทั่งเธอจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นผ่านอ้อมกอดที่โอบรัดร่างที่สั่นสะท้านอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วเธอก็ได้เข้าใจความรู้สึกของการมีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ความหวาดกลัวหรือโดดเดี่ยวของการต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ เพียงลำพังอีกต่อไป

    “เธอเหงาได้ เธอกลัวได้ เธอร้องไห้ได้ แต่นับจากนี้เธอจะไม่เป็นไรแล้วนะ เพราะฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเอง เซย์เร็น”

    เมื่อนั้นเธอจึงดันร่างของเขาออก มองจ้องสบกับใบหน้าอันรางเลือนของเด็กหนุ่มผ่านม่านน้ำตาที่มัวพร่าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “จูบฉันสิ” ด้วยประโยคที่เป็นคำสั่งมากกว่าจะร้องขอ “ทำให้ฉันรับรู้ว่านายจะไม่มีวันทอดทิ้งฉันสิ” ที่เซย์เร็นจะรับรู้ได้จริงในยามที่ริมฝีปากของเขากดประทับลงมา มันเป็นความนุ่มนวลราวกับต้องการเพียงปลอบประโลมในทีแรก หากเธอที่ตอบรับมันด้วยความรุมร้อนก็ทำให้จูบแรกที่ควรจะอ่อนโยนที่สุดแปรเปลี่ยนไปเป็นความรุกล้ำ แต่เซย์เร็นก็ยังต้องการจากโคทาโร่มากกว่านี้อีก...มากขึ้นไปอีก ยิ่งได้รับมามากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งโหยหามากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้รู้จักความโลภขนาดนี้เป็นครั้งแรก

    ในที่สุด เซย์เร็นก็กล้ายื่นมือไขว่คว้าสิ่งสำคัญเอาไว้ ด้วยความหวัง...เชื่อ...ว่ามันจะไม่ถูกทำลายเหมือนอย่างที่เคยต้องเผชิญ

    “อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ โคทาโร่”

    “ไม่มีวัน”

    เขาให้คำมั่นสัญญากับเธอด้วยจูบอีกนับร้อยพัน และความอบอุ่นของฝ่ามือที่จะคอยจับกับเธอไว้ไม่ว่าเมื่อไหร่











    2024年06月02日
    _______________
     แรกสุดเลยนะ พล็อตเด็กที่แกล้งเซย์เร็นจะแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ตอนแรกกูเขียนชื่อริวกะ เรียว เรย์อะ ไปเรื่อยด้วยซ้ำตามอารมณ์ที่อยากจะเปลี่ยน แต่พอแต่งๆ ไปกูก็คิดว่าบ้าป่ะวะ! ในเมื่อไอ้นี่แหละคือปมในใจนางเอกเลยไม่ใช่เหรอ! ก็เลยเปลี่ยนเป็นพระรอง (เหรอวะ) ไปเลยแล้วกัน เพราะงั้นบทมิจิเอดะที่วางไว้เลยพลิกหมด ตอนแรกกูกะให้เป็นเพื่อนไทโช แบบเป็นพระรองแสนดี แอบชอบข้างเดียว เดี๋ยวมาเล่นกีตาร์ปลอบ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นบทนี้แล้ว จากที่คิดพล็อตไม่ออกก็คือพร่างพรูมาหมดเลย โซกู๊ดมากๆ ชลาดจริงๆ ตัวเรา >_< / ขอบคุณเรื่องปากกาหมึกซึมของมุนาคาตะที่กูหยิบไปอ่านพอดีเลยได้มาเป็นพล็อตให้เซย์เร็นกับมิจิ แล้วถ้าเกิดว่ามันมีอะไรตรงไหนเหมือนโมริจังวะก็อย่าด่ากัน พล็อตญปกูมึงมันวนเวียนกันอยู่แถวนี้แหละ เพราะสมัยเด็กเราแม่งเสพญปแนวเดียวกัน (พอโตมามึงดันไปเวย์พ่อชิองที่ติดคุกแล้ว เดี๋ยวมึงก็อย่าลืมมาเยี่ยมเค้าน่ะ) แต่โตมาก็ไม่ได้ก๊อปกันละป่ะ ไม่ได้อยากแต่งฟิคโต้กับมึงที่ตัวละครนิสัยเหมือนกันหมด มีสมองคิดพล็อตของใครของมันได้ ไม่ใช่อิจฉามึงแล้วสักแต่จะก๊อปพล็อตก๊อปฉากโน่นนี่นั่นเอาไปลงในฟิคขยะๆ อีควาย
     ที่จริงบทไทโชก็ผิดจากที่คิดไว้นิดหน่อย เพราะตอนแรกจะมาทรงเถื่อนกว่านี้ ต้องมีด่าเซย์เร็นด้วย แต่พอบทมิจิด่าแล้วมันจะทับรอยกันก็ไม่ได้ป่ะวะ เพราะงั้นเค้าเลยได้กลับมาเป็นผู้ชายแสนดีให้กูเรื่องที่แสนล้านกันไป แต่เรื่องนี้กูแต่งแล้วเฉยกับบทมาก เรื่องอื่นมาทรงนี้ยังดีกว่านี้ เอาดีๆ กูยังชอบบทมิจิกับฮิดะมากกว่าอีก จะบ้า Orz แต่จะพยายามแต่งพาร์ทไทโชให้ออกมาแบบที่กูจะชอบให้ได้ ไม่งั้นก็เทละ ถ้าบทเมนไม่เปิงใจกูไม่แต่ง! เลิกๆๆๆๆ!  / และขอสัญญาว่าตอนที่เหลือจะไม่ปิดด้วยฉากจูบแล้ว เดี๋ยวไปปิดบนเตียงเลยละกัน สวัสดี
     ขอบคุณชื่อตอนจากวงอินดี้ญป Luby Sparks ที่นักร้องนำเป็นฝรั่งเว้ยมึง สมัย 6 ปีก่อนเคยบ้ามาก แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ฟังอินดี้แล้ว ดรีมพ็อพนี่ยิ่งแทบไม่อยู่ในสารบบอีกต่อไป เพลงนี้ก็ไม่ใช่เพลงที่ชอบเท่าไหร่ / แต่สำหรับเพลงประกอบของนางเอกกูนั้นย่อมต้องเป็นอุทาดะที่ชอบมากอยู่แล้วจ้า เอาจริงกูชอบเพลงของอุทาดะทุกแนวก็จริงนะ แต่ถ้าเอาแบบหวนย้อนวันวานมันจะตึ๊กที่ COLORS เนาะมึง ยังไม่ได้ร้องเพลงเรื่องเอวานเกเลียนเล้ย สมัยดูเอ็มวีเพลงญปที่เจโซน (เกิดไม่ทัน ฟังเค้าเล่ามางับ) / อยากเล่าที่มาของนามสกุลมากกว่ากูลักมาจากฮางิวาระ มิโนริ ที่เล่นเรื่อง Risky กับจากะแล้วกูชอบนางมากกกๆๆๆ! เรื่องนั้นสวยมากกกๆๆๆ! แต่คือกูเพิ่งรู้ว่านางออกจากวงการแล้ว! เพิ่งรีไทร์ตอนสิ้นปีเพราะแต่งงานกับสามีที่เป็นผกก.แล้วเหมือนเค้าไม่อยากให้นางเล่นบทแรงๆ มั้ง ไม่รู้ อันนี้กูอาจกาวมา แล้วกูก็แซ้ดมากเหลือเกิน ชีวิตมันสั้น ใช้ซะ T_T 
     แต่งพาร์ทของมินาเระเกือบจบแล้ว พาร์ทมิจิเอดะไปได้ 1/4 แล้ว ส่วนไทโชไม่มีอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่ยังไงก็ต้องได้มาครบองค์แน่นอน เพราะกูจะไม่แต่งพระเอกได้อย่างไร! / ปล. บังเอิญมากเว่อร์ที่ตรงกับวันเกิดของนางเอก(ซึ่งกูจำไม่ได้)พอดี วุ้ยยย จากที่ลีลาไม่เกลาสักทีทั้งที่แต่งจบไปเป็นชาติก็ได้ฤกษ์เอามาลงแล้วจ้า ฮูเร่!

    2024年06月27日
    _______________
     เพราะอย่างที่ไดัเคยบอกว่าบทพระเอกแรกเริ่มมาจากความแสนดีของไทโช ที่พอลองเปลี่ยนเป็นมิจิเอดะแล้วไม่ได้เลยว่ะ ไม่คือ ในหัวกูมันไม่ใช่! จะเอาอะไรมาด้อยกว่าอุกิไท ไหน! กูถามหน่อยซิ! กระทั่งกูรำลึกได้ว่ายังมีเมนแสนดีไม่เคยโกรธอยู่อีกคนนี่ ไหนๆ พระรองของมินาเระก็เป็นพี่โยซิ งั้นก็สวัสดีค่ะหนุ่มคันไซ มิจิไทเอาไว้ก่อนนะ โอกาสหน้ายังมี TvT ที่พอเปลี่ยนเป็นคทรแล้วชอบมาก ดีมาก เปิงใจมาก แสนดีมาก เห้อออ ทั้งที่กูเป็นคนเหี้ยแสนเหี้ย แต่ทำไมเมนกูถึงมีแต่คนดีนะ สะเทือนใจเหลือเกิน
     อนึ่ง เพิ่มบทไทโกะมาจะได้ตั้งวงดนตรีกับไทโชงับ (ให้เป็นมิจิไม่ได้เพราะเดี๋ยวกีตาร์ทับไลน์หมดทั้งไทโชโยซิ กูตะบ้า) มิโอโกะเล่นเบสจ้า ส่วนคีย์บอร์ดไม่มีไม่ตายโว้ยย! ส่วนบทรันนะไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องใครละนะ เป็นเมียพี่โยซิพอ จบ แยก



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×