คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #262 : NEON/NIGHT/CITY: TROUBLED PARADISE (40% ยินดีกับรางวัลโคอิบิโตะนิชิไตที่ห้าด้วยจ้าาา)
ความตื่นเต้นดีใจของการได้กลับมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เธออุตส่าห์ตั้งตารอการนัดพบกับสมาชิกครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งหมดอีกครั้งในรอบสองปี ถึงขนาดรีบจับเครื่องบิน ยอมละทิ้งการเที่ยวเล่นยังเกาะสวรรค์ในเขตร้อนอันแสนเพลิดเพลิน แต่ทว่าบัดนี้ มันกำลังทำให้ทาเคียว ริไอ รู้สึกหงุดหงิดดิ้นพล่านด้วยเหตุผลมากมายอย่างเช่นว่า
หนึ่ง...การต้องได้มาเห็นหน้าศัตรูคู่อาฆาตอย่างยัยทามูระ โทคิเนะ คนที่เอาแต่พล่ามพูดอยู่นั่นว่าพอเรียนจบแล้วจะไม่กลับมาเป็นภาระของมาดามทสึรุโกะอีก แต่พอถึงเวลานั้นเข้าจริงๆ หล่อนก็กลับมายืนสลอนรอต้อนรับแขกด้วยสีหน้าระรื่นชวนให้หมั่นไส้อยู่กับมาดามและชายหนุ่มตัวสูงมากที่เธอคงต้องนับรวมญาติเข้าไปด้วย แม้ว่าอิวาซากิ ไทโชจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับแม่บุญธรรมหรือพ่อเลี้ยงของพวกเธอ หากพวกท่านก็ให้ความรักความเมตตาไม่ต่างอะไรจากลูกชายแท้ๆ เหมือนกับสมาชิกคนอื่นในคฤหาสน์ ลงลึกให้ชัดไปกว่านั้นก็คือเหตุผลที่ยัยโทคิเนะยอมกลืนน้ำลายตัวเองกลับมาอยู่ที่นี่ ริไอไม่รู้จริงๆ ว่าเธอพลาดไปตรงไหนถึงได้มองไม่เห็นความสัมพันธ์ของพวกเขา ทั้งที่ตอนนั้นเธอออกจะตัวติดกับไทโช เหมือนที่ยัยโทคิเนะก็ตัวติดกับไครุตลอดทั้งสัปดาห์ กระทั่งถึงช่วงเวลาที่ต่างต้องแยกย้ายกันไป แต่แม้ว่าสองคนนั้นจะแสดงออกด้วยความคลุมเครือแค่ไหน เธอที่รู้จักยัยโทคิเนะมาเกินกว่าครึ่งชีวิตก็ย่อมต้องดูออก
สอง...การต้องทนเห็นพี่ชายไม่แท้ที่เธอทั้งรักทั้งชังเป็นบ้าอย่างอุกิโช ฮิดากะ ควงคู่มากับคุซึโนเสะ อาซึฮะ แฟนสาวคนเดิมกับคราวก่อน (เว้นก็แต่ผมสีเงินที่ต่างไปจากคราวก่อน) และอีกไม่นานคงจะได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นพี่สะใภ้อย่างที่มาดามเย้าหยอก กระนั้นมันก็เป็นดั่งชนวนที่จุดไฟริษยาให้กับริไอมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบหน้า ที่ซ้ำร้ายคือเธอใช้ไทโชเป็นเครื่องมือประชดประชันเขาไม่ได้แล้วเพราะไม่อยากเปิดศึกให้โดนยัยโทคิเนะมาแหวกอก เมื่อลำพังเรื่องของฮิดากะก็ทำให้เธอหนักอกพออยู่แล้ว ริไอจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับความรู้สึกหลายหลากที่ประดังประเดเข้ามา มากถึงขนาดที่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มเยาะเย้ยหรือคำพูดเหยียดหยันต่อหน้าอาซึฮะผู้ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้น้องสาวของคนรักไม่พอใจหรือเปล่าได้อีกต่อไป
แต่ทั้งหมดเหล่านั้นยังไม่เท่ากับ สาม...เหตุการณ์ที่เธอเพิ่งได้ประจักษ์แจ้งกับตา ความจริงที่เธอเพิ่งได้กระจ่างแจ้งกับหู ทั้งที่ไม่ควรมีเรื่องราวอะไรของผู้ชายที่เธอรักและผู้หญิงที่เธอเกลียดที่ริไอจะไม่รู้
แต่ริไอก็ได้รู้เรื่องนั้นเป็นครั้งแรกในตอนดึกคืนหนึ่ง เพราะเอาแต่คิดเรื่อยเปื่อยมาหลายวันติดจนสมองหนักอึ้งไปหมด เธอเลยตั้งใจว่าจะออกไปสูดอากาศเย็นสบายเพื่อเคลียร์หัวให้โล่งที่ระเบียง ก่อนน้ำเสียงที่แสดงความข่มกลั้นของฮิดากะจะเรียกให้ริไอชักฝีก้าวกลับมา เปลี่ยนไปยืนแนบตัวกับกำแพงแล้วชะโงกมองดูสองพี่น้องที่ยืนสนทนากัน โดยไม่ทันได้เอะใจเลยแม้แต่น้อยว่ามีใครอีกคนกำลังแอบสอดรู้อยู่ไม่ห่าง
“เธอคบกับไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นอยู่เหรอ โทคิเนะ?”
“ถ้าไทโชไม่มีหัวนอนปลายเท้า ฉันก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ” โทคิเนะโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น เช่นเดียวกับสีหน้าเรียบเฉยที่นิ่งสนิท บ่งบอกให้รู้ว่าหล่อนกำลังไม่พอใจกับคำพูดของเขาเป็นอย่างมาก
แต่อีกฝ่ายก็หาได้ใส่ใจ เมื่อเอ่ยต่อไปอย่างไม่ยี่หระว่า
“ใช่ว่าเธอไม่มีทางเลือกนะ”
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ต่อให้ฉันจะเลือกใครก็ไม่ใช่กงการอะไรของพี่ อีกอย่างนะ ถ้าพูดถึงคนอื่นดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดซะยังดีกว่า”
“ทำไมโตแล้วถึงได้ดื้อด้านแบบนี้นะ โทคิเนะ!”
และเมื่อฮิดากะเริ่มขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ โทคิเนะก็ตัดสินใจไม่ยั้งปากตัวเองเอาไว้อีกต่อไปเช่นกัน
“โอ๊ย น่ารำคาญ! เอาเวลาไปปกป้องแฟนตัวเองจากยัยริไอก่อนมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของฉันเหอะ!”
“ที่พูดนี่เพราะพี่เป็นห่วงเธอหรอกนะ!”
“ห่วงหรืออิจฉาเค้ากันแน่?” โทคิเนะยกยิ้มมุมปากเป็นเชิงเหยียดหยัน “ในเมื่อไทโชทั้งเป็นลูกรักของพ่อกับแม่ หมายถึงแม่แท้ๆ ของพี่น่ะนะ แถมยังนิสัยดี เล่นเปียโนก็เก่ง...”
คงเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากทนฟังคำเยินยอแสลงหูถึงสมาชิกที่ไม่ชอบหน้าที่สุดจากปากของน้องสาวคนที่ชอบที่สุดได้อีกต่อไป ถึงได้โพล่งแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาลอย่างที่ยากจะได้ยินแม้ในตอนที่โกรธเธอว่า “ดีเหรอโทคิเนะ! เธอพูดคำงี่เง่านั่นออกมาได้ยังไง! โดนความหลงบังตาไปหมดแล้วเหรอถึงได้หน้ามืดตามัวมองไม่เห็นความจริง! ก็ไม่ใช่เพราะไอ้หมอนั่นหรือไงที่ทำให้เธอเถียงคำไม่ตกฟากกับพี่อยู่แบบนี้น่ะ!” แล้วย่ำฝีก้าวเข้าหาโทคิเนะที่จ้องสบโดยไม่คิดจะหลบราวกับท้าทาย ความใกล้ชิดขนาดนั้นมากพอที่จะทำให้ริไอตัดสินใจว่าถึงเวลายุติการกระทำลับๆ ล่อๆ ของตัวเอง รีบเดินออกไปเลื่อนบานประตูเปิดเสียงดังปึงปังเพื่อเรียกความสนใจจากคนทั้งสองที่จะรีบหันขวับมามองด้วยความพร้อมเพรียง กระนั้นก็หาได้มีใครกระวีกระวาดรีบขยับตัวแยกห่างออกจากกัน
ผิดกับริไอที่แสร้งทำสีหน้าตกอกตกใจ ยกมือขึ้นปิดริมฝีปากที่อ้าค้างแล้วว่า
“ตายแล้ว! โทคิเนะ! ฮิดากะ! แอบมาทำอะไรกันสองคนตอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เนี่ย! แต่โชคดีไปนะที่เป็นฉัน ถ้าไทโชกับคุณอาซึฮะมาเห็นภาพแบบนี้เข้ามีหวังเป็นเรื่องแน่เลย!”
ริไอคิดว่ายัยโทคิเนะอาจจะพูดแดกดันประชดประชันเธอสักอย่างเหมือนกับที่เป็นมาตลอด หากหล่อนก็จะเพียงเดินคอเชิดจากไป ไม่มีแม้แต่คำบอกลาหรือราตรีสวัสดิ์กับใครในที่นี้ทั้งนั้น ครั้นเมื่อริไอหันกลับมาหาฮิดากะซึ่งยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอก็จะเปล่งเสียงหัวเราะขบขันออกมา “โธ่ๆๆ ห่วงหรือหวงยัยโทคิเนะกันแน่?” เลียนแบบประโยคคำพูดของคนที่ถูกพาดพิดถึงด้วยสิ่งที่เธอเพิ่งได้แน่ใจ
“เลิกสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองเถอะ ริไอ”
ขณะที่สีหน้าของฮิดากะก็ไม่ปิดบังความรำคาญใจต่อน้องสาว...ที่เขาไม่เคยสนใจใยดีในฐานะน้องสาวอีกคนหนึ่งเหมือนอย่างคนที่เพิ่งเดินจากไป กระนั้นริไอก็หาได้ใส่ใจเมื่อแสร้งเอียงคอถามไปว่า
“แล้วไม่คิดว่าเป็นเรื่องของไทโชกับคุณอาซึฮะเหรอ? จะเป็นยังไงน้าถ้าเกิดพวกเขารู้ว่านายชอบยัยโทคิ...”
ทันใดนั้นเอง ริไอก็จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่ไหล่ข้างหนึ่งซึ่งเขาเดินมากระชากเหวี่ยงเอาร่างผอมบางของเธอเข้ากับผนังจนแผ่นหลังปวดระบมไปด้วย จากนั้นก็กดบีบมันลงไปให้รู้ซึ้งถึงเนื้อหนังข้างใต้ด้วยความตั้งใจที่ไม่ทอนแรง
“ก็เอาเลยสิ! ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลย! ฉันเองก็อยากรู้นักว่าใครมันจะไปเชื่อเด็กนิสัยเสียที่ชอบหาเรื่องคนอื่นแถมพยายามจับฉันให้ได้อย่างเธอ!”
ความตื่นเต้นพลันแล่นปราดเข้ามาจากความเกรี้ยวกราดรุนแรงที่ริไอไม่เคยได้พานพบมาก่อนตลอดครึ่งชีวิตที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ราวกับไฟฟ้าสถิตพลุ่งพล่านไปทั่วร่างและต้องการการถ่ายเท ทว่าการแลกเปลี่ยนผ่านริมฝีปากหรืออวัยวะส่วนใดก็ตามเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เธอปรารถนา เมื่อฮิดากะจะเดินหัวเสียจากไป ทิ้งเธอไว้กับสายลมฤดูร้อนเพียงคนเดียวลำพัง ถึงอย่างนั้นริไอก็ยังไม่อาจหยุดความรุมร้อนภายในร่างกายที่สั่นเทาเฉกเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นรัวแรงได้เลย
∞
“ทั้งที่ฉันอยู่บ้านเดียวกับฮิดากะมาตั้งนาน แต่ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าเขาเป็นคนโมโหร้ายได้ตั้งขนาดนี้”
“ก็เพราะมันไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนไง”
“เอ๋...พูดจริงเหรอ?” เธอเผลอตัวขึ้นเสียงสูงด้วยไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน “งั้นแปลว่าที่ฮิดากะเป็นแบบนี้แค่เพราะยัยโทคิเนะคบกับไทโชเหรอ?”
ขณะที่ความนึกคิดของริไอยังติดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองคืนก่อน เขาก็ดูเหมือนว่าจะกำลังง่วนอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอ ณ ขณะนี้ให้ได้ ก่อนที่จะฝังใบหน้ากดริมฝีปากลงไปบนไหล่ลาด ลากเรื่อยขึ้นไปถึงซอกคอเนียนนุ่มจนเธอต้องหลุดหัวเราะออกมาด้วยความจั๊กจี้ กลั้วไปกับเสียงหัวเราะขบขันไม่แพ้กันของชายหนุ่มที่ถูกผลักอกดันร่างออกห่างอย่างนาสุ ยูโตะ เพื่อนสนิท — ถ้าจะใช้คำนั้นได้ — ตั้งแต่สมัยเรียนของพี่ชายที่ริไอได้ทำความรู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ตอนที่บังเอิญเจอกันระหว่างไปเป็นกขค.ที่ห้างสรรพสินค้าของคู่รักน่าหมั่นไส้กับไครุ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากแอลกอฮอล์เพราะความหมกมุ่นต่อเรื่องของฮิดากะหลังดื่มไปมากที่บาร์บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมในค่ำคืนนั้น ยังคงดำเนินต่อเนื่องที่ห้องสวีตห้องเดิมในโรงแรมมาจนถึงทุกวันนี้เมื่อฝ่ายไหนก็ตามร้องเรียกหา เนื่องจากว่าริไอไม่มีเพื่อนสนิทที่สามารถระบายความลับคับอกให้ฟังได้ เหมือนที่อย่างน้อยๆ ยัยโทคิเนะก็ยังมีไครุหากถึงที่สุดจริงๆ และการที่ยูโตะขอสิ่งตอบแทนเป็นการแลกเปลี่ยนที่ก็ทำให้เธอพึงพอใจดีมากก็เป็นเรื่องที่รับได้
ริไอจ้องสบตากับยูโตะที่เปลี่ยนไปเอนหลัง ยันแขนทั้งสองข้างกับเตียงนอนกว้างขวาง ในสภาพเสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดกระดุมแค่เม็ดบนเหมือนกันกับเธอ แต่ยูโตะก็รู้ว่ายังไม่ถึงเวลานั้น เมื่อริมฝีปากสีแดงสดอิฐของเธอยังคงขยับขึ้นลง เอ่ยคำถามที่คั่งค้างอยู่
“คิดว่าฉันควรบอกไทโชกับอาซึฮะดีไหม?”
“บอกไปเธอก็ไม่ได้มันอยู่ดี”
“ฮิดากะก็ไม่มีทางได้ยัยโทคิเนะเหมือนกันนั่นแหละ” ริไอสวนย้อนกลับไป ไม่ได้ถือสากับคำพูดติดตลกที่อย่างกับเธอจะไม่รู้ว่าเป็นความจริงของเขา “รู้อะไรไหมยูโตะ ฉันว่าที่ฮิดากะโกรธขนาดนั้นต้องเป็นเพราะเขาอิจฉาไทโชมากแน่ๆ เลย ในเมื่อน้องชายคนใหม่ที่น้องสาวสุดที่รักของเขาหลงใหลคลั่งไคล้ทั้งตัวสูงกว่า นิสัยดีกว่า แถมยังเล่นเปียโนเพราะกว่าด้วย ถึงฉันคิดว่าสองอย่างที่เขาแพ้ก็คือหน้าตากับหัวสมอง อ๊ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าห่างกันคนละระดับอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่อย่างกับว่ายัยโทคิเนะจะสน! แค่คิดก็สมน้ำหน้าฮิดากะชะมัดยาดเลย!”
“โห ถ้าคนที่ชื่อไทโชอะไรนั่นมีดีนักหนา งั้นทำไมเธอถึงไม่ชอบเขาบ้างล่ะ ริไอ?”
“นั่นเพราะว่าฉันมีความรักที่มั่นคงให้กับฮิดากะยังไงล่ะจ๊ะ ยูโตะ”
ริไอเปลี่ยนไปโอบรอบคอชายหนุ่มที่เธอเคลื่อนร่างขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัก เพื่อที่จะโน้มตัวลงไปปิดปากคนที่ส่งเสียงหัวเราะน่ารำคาญ ยุติบทสนทนาที่เธอไม่อยากจะเสวนาอะไรให้มากความอีกหลังประโยคที่ว่า “แต่ก็แพ้ความใคร่อยู่ดี” ซึ่งก็อาจเป็นจริงดังว่า จากการที่ริไอยินยอมให้เขาเป็นฝ่ายควบคุมดูดกลืนลมหายใจของเธอจากการรุกล้ำเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น ริไอรู้สึกได้ถึงความแข็งขืนที่ด้านล่างยิ่งเมื่อร่างกายของพวกเขาต่างบดเบียดแนบชิด สัมผัสได้ถึงไอความร้อนระอุแม้จะมีเนื้อผ้ากางกั้น แต่ไม่...เขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายควบคุมในเรื่องนี้ เธอจะปล่อยให้เขาทรมานไปก่อน จนกว่าความทรมานของเธอจะได้รับการเติมเต็ม
_______________
ความคิดเห็น