คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : CINDERELLA CHRISTMAS
แม้ว่าจะผ่านไปนานถึงกว่าสี่ปี แต่นางาเสะ เร็นที่ฮานาซาวะ ยูคิเมะรู้จักก็ยังคงไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปจากวัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เหมือนอย่างที่เธอก็เป็น แต่อาจมาจากการได้เห็นรูปภาพของเขาผ่านตาในอินสตาแกรมของเพื่อนๆ หรือญาติๆ ที่เทียวหาเขาซึ่งย้ายไปร่ำเรียนไกลถึงอเมริกา แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่มีบัญชีโซเชียลเลยแม้แต่แอคเคานท์เดียวก็ไม่ใช่ปัญหา ยูคิเมะถึงได้ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนักของเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่สมัยมัธยมต้น
อาจนอกจากความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงไป...หรืออย่างน้อยๆ ยูคิเมะก็คิดอย่างนั้น เธอถึงได้ไม่กล้ารบกวนเวลาของเร็นที่กลับมาเยี่ยมตายายและบ้านเกิดเมืองนอนหนึ่งเดือนหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ที่ตารางของเขาคงแน่นเอี๊ยดเต็มไปหมดตามประสาคนเพื่อนเยอะมิตรแยะ ไม่แน่ว่าอาจรวมถึงสาวสวยที่เขาเคยคบควงไม่ซ้ำหน้า ไหนจะการที่เธอกับเขาต่างก็เหินห่างหลังจากชีวิตการเรียนที่วุ่นวายจนการส่งข้อความหาหรือโทรศัพท์นานๆ ครั้งลดน้อยลงไปเกือบจะเป็นศูนย์ และการที่เธอย้ายออกมาแชร์ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์กับเพื่อนมหาลัยโดยแทบไม่ได้กลับไปที่บ้านเลยด้วยอีก สุดท้ายแล้วเขาอาจบินกลับอเมริกาโดยไม่ได้เจอหน้ากันเลยก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเสียดาย แต่ยูคิเมะก็ไม่คิดที่จะเป็นฝ่ายกวนใจเพื่อนเก่าก่อนอยู่ดี
ทว่าในบ่ายวันหนึ่งที่เธอหมกตัวอ่านการ์ตูนอยู่ในห้องเป็นกิจวัตร เร็นก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหา ด้วยประโยคที่เป็นรูปคำสั่งมากกว่าจะเป็นคำขอเหมือนอย่างที่เขาเป็นว่า “เย็นนี้ไปเดินดูไฟที่รปปงงิด้วยกัน”
นางาเสะ เร็นที่ยูคิเมะได้พบหน้าเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีอาจเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มมาเป็นชายหนุ่ม แต่เขาก็ยังคงเป็นคนผิวคล้ำ ตัวสูง รูปหล่อ อัธยาศัยดี และทำให้ยูคิเมะที่เข้ากับคนยากมาจนกระทั่งบัดนี้เป็นตัวของตัวเองได้เสมอ เหมือนอย่างตอนที่เธอวิ่งไปชนหมัดเข้าที่ไหล่ของเขาซึ่งรออยู่ที่ม้านั่งตรงจุดนัดหมายพร้อมตะโกนทักทายว่า “โย่! วอทซับ!” ที่พอเจ้าตัวหันมาเห็นก็จะหย่อนมือถือเก็บกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วดีดนิ้วเข้าที่หน้าผากเป็นการเอาคืน เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากเขารวนไปกับเสียงร้องโอดโอยจากเธอที่ยกมือขึ้นลูบป้อยๆ
“ไม่แฟร์นี่! ฉันตีนายผ่านเสื้อหนาวนะ! มันจะเจ็บเหมือนโดนจังๆ ได้ไง! นิสัย! ลองโดนต่อยหน้าดูมั่งไหมล่ะ!”
“ทำได้ก็เอา”
“แน่จริงก็ก้มลงมา!”
“โดดขึ้นมาให้ถึงเองดิ”
ที่ขนาดว่าวันนี้อุตส่าห์ใส่รองเท้าส้นตึกหนาสามนิ้วมาแล้วก็ยังไม่ทำให้เธอโดดขึ้นไปข่วนหน้าคนที่ตัวสูงกว่ากันสิบเซนติเมตรเลยได้ เจ้าตัวเลยได้แต่ฮึดฮัด บ่นขมุบขมิบ ตีสีหน้าบึ้งตึง กระนั้นก็หาได้จริงจังอะไรนัก อาจเป็นเพราะจุดเริ่มต้นของพวกเขาเริ่มต้นมาจากการหยุมหัวกัน และการได้ทำสิ่งเดิมๆ ที่คุ้นเคยก็ช่วยขยับช่องว่างให้กลับมาลงล็อกได้อีกครั้ง และยูคิเมะก็ดีใจที่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงทำตัวไม่ถูกกับเพื่อนสมัยเด็กที่วันนี้ยิ่งหล่อดูดีเป็นบ้า แถมยังชวนเธอมาดูไฟประดับวันคริสต์มาสสองต่อสองแบบนี้ได้แน่
ยูคิเมะไม่เคยชอบเร็นแบบนั้น ไม่สิ...ให้บอกว่าไม่เคยก็ไม่ถูก เพราะเธอที่ชอบผู้ชายหล่อๆ ก็ย่อมมีใจสั่นหวั่นไหวอยู่บ้างในบางที แต่ผู้หญิงที่เขาคบหาสมัยนั้นก็มีแต่พวกระดับท็อป สูงยาวเข่าดี แต่งหน้าแต่งตัวเซ็กซี่จัดจ้านกันทั้งนั้น แล้วยูคิเมะที่เป็นสายสาวน้อยบ้องแบ๊ว สวมชุดกระโปรง ดัดผมเป็นลอน มีเอสคาวาอี้เป็นไบเบิลประจำใจจะเอาอะไรไปสู้ ถึงใครต่อใครจะพากันบอกว่าหน้าตาของเธอก็น่ารักเหมือนกับคุณหนู แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าสวยเหมือนนางแบบบนรันเวย์อย่างที่เร็นชอบอยู่ดี เพราะอย่างนั้นยูคิเมะเลยสามารถรักษาความรู้สึกแค่ชั่วครั้งชั่วคราวรวมถึงมิตรภาพกับเขามาได้อย่างยืนยาวจนจบไฮสคูล
เนื่องจากเป็นวันกลางสัปดาห์ ผู้คนที่มาเดินเล่นดูไฟประดับวันคริสต์มาสจึงไม่ได้พลุกพล่านมากนัก ยูคิเมะตื่นตาตื่นใจไปกับดวงไฟสีขาวฟ้าที่ให้ทั้งความรู้สึกหนาวเย็นแต่ก็โรแมนติกเอามากตลอดแนวถนนเคยากิซากะ ทั้งยังเพลิดเพลินใจไปกับบทสนทนาของการแลกเปลี่ยนช่วงเวลาที่ขาดหาย ก่อนวกกลับมายังช่วงเวลาสมัยเด็กที่ไม่เคยห่างหาย อย่างเช่นเธอที่หัวเราะขำกับเรื่อง “ตอนไฮสคูลปีหนึ่งที่นายจับได้ว่าแฟนนอกใจเลยไปต่อยชู้ที่เป็นนักมวยจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มรับคริสต์มาส” หรือเขาที่ยิ้มกว้างกับเรื่อง “ตอนไฮสคูลปีสองที่เธอบอกเลิกกับแฟนเพราะหมอนั่นเลือกไปดูไลฟ์วงไอดอลมากกว่ามาเดตกับเธอ” ให้ทั้งคู่หยุดรื้อฟื้นความหลังแล้วสบประสานสายตากัน ยูคิเมะรู้สึกได้เลยว่ามีเสียงชิ้งออกมาจากการฟาดฟันนั้น
“แล้วเธอก็เลยเข้าสู่วังวนของการ์ตูนผู้หญิง ตกหลุมรักหนุ่มทูดีและเลิกเหลียวแลผู้ชายในชีวิตจริงอีกนับตั้งแต่นั้น”
“เว่อร์ย่ะ! ฉันไม่ได้บ้าขนาดนั้น!” ว่าแล้วก็ซัดท่อนแขนเขาไปหนึ่งป้าบ “แค่ยังไม่เจอคนที่ชอบมากจนคิดว่าอยากอยู่ด้วยต่างหาก ฉันไม่ใช่พวกคบดะเหมือนนายสักหน่อยนี่!”
“ฉันไม่ได้คบไปเรื่อยสักหน่อย!” เร็นท้วง
“โห คบควงตั้งไม่รู้กี่คนขนาดนั้น จะบอกว่านายชอบหมดทุกคนเลยหรือไง?
“ชอบดิ! แต่จะทำยังไงก็ไม่ถึงขั้นรักสักที”
เป็นคำตอบที่ทำให้ยูคิเมะถึงกับต้องโห่แซว
“สงสัยเจ้าชายอย่างนายคงต้องรอเจ้าหญิงมาเกิดก่อนล่ะมั้ง เฮ้อ น่าเสียดายจังที่ฉันไม่ใช่เจ้าหญิง คงเป็นได้แค่สาวใช้อย่างซินเดอเรลล่าที่ต้องรอนางฟ้ามาช่วยให้สมหวัง!”
เขาก้มลงมองนาฬิกา
“อีกสามชั่วโมงถึงจะเที่ยงคืน”
“งั้นฉันก็ต้องรีบกลับบ้านก่อนราชรถจะกลายเป็นฟักทอง”
ยูคิเมะมีความสุขเสมอที่ได้ตอบโต้เรื่องไร้สาระกับเร็นโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะอย่างนั้นเธอเลยนึกสนุกชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมเสียงหัวเราะขณะเย้าหยอกไปว่า “นายก็อย่ากลายเป็นหนูไปซะก่อนล่ะเร็น! เดี๋ยวฉันไม่มีคนพาไปส่งกลับบ้าน”
ที่พลันนั้นเอง มือข้างขวาของเธอก็จะถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้ พร้อมกับที่แหวนวงหนึ่งจะถูกยัดเข้าไปที่นิ้วนาง!
“ฉันเป็นเจ้าชายต่างหาก เรื่องนั้นเธอปฏิเสธไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ อีกอย่างนะ ฉันก็เจอเจ้าหญิงที่รักมาตั้งนานแล้วด้วย” สีหน้าของเร็นยังคงราบเรียบเป็นปกติ ตรงกันข้ามกับสีหน้าตื่นตกใจระคนสับสนงนงงของยูคิเมะที่ได้แต่อ้าปากค้าง ยิ่งเมื่อได้เห็นแหวนในมือชัดๆ เต็มสองตา เพราะมันคือลวดลายเดียวกันเปี๊ยบกับแหวนของเล่นลายแมวสีขาวหน้าตาตลกที่แม่เคยซื้อให้สมัยชั้นมัธยมต้น — อาจเว้นก็แต่น้ำหนักของวัสดุที่ดีกว่าพลาสติกราคาถูกในตอนนั้น — และยูคิเมะที่ชอบใจมากก็ใส่เห่อไปทั่วแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่สุดท้ายมันก็หายไปจนได้เพราะคนสะเพร่าอย่างเธอดันลืมถอดทิ้งไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ยูคิเมะร้องห่มร้องไห้อยู่หนึ่งวัน บอกกับแม่ว่าชาตินี้จะไม่สวมแหวนวงไหนอีกเลยตลอดชีวิต ที่เธอก็สามารถทำ (เรื่องไร้สาระ) ได้อย่างปากว่าจริง
“ถึงจะไม่ใช่รองเท้าแก้ว แต่ดูสิ ยูคิเมะ! เธอสวมแหวนที่ทำตกไว้ได้พอดีเลย เจ้าเหมียวของเธอแค่หายไปอัปเกรดตัวเองมาเท่านั้นเอง งั้นก็แปลว่าเธอต้องแต่งงานกับเจ้าชายแล้วนะ” ให้ยูคิเมะได้เงยหน้าพรวดกลับขึ้นไปจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าตายของตัวเองทั้งที่กำลังพูดเรื่องจริงจังอย่างนั้นออกมาเลยแม้แต่น้อย “แล้วฉันจะทำให้สาวใช้อย่างเธอกลายเป็นเจ้าหญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเอง”
เป็นคำบอกรักที่อวดดีเป็นบ้า! แต่ทั้งที่คิดอย่างนั้น ใบหน้าของยูคิเมะก็อาบด้วยรอยยิ้มกว้างขณะยื่นมือออกไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า “ทำให้ฉันชอบนายให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดจะข้ามขั้น” และเมื่อเร็นยื่นมือมากอบกุมมันไว้ก่อนที่จะโต้ตอบกลับไปว่า “ตอนนี้เลยยังได้” พวกเขาที่ต่างเปล่งเสียงหัวเราะขบขันรวนไปด้วยกันก็พลันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
เพราะถึงต่อให้วันหนึ่งเวทมนตร์ของนางฟ้าจะหมดลงไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันสลายหายไปคือรอยยิ้มของเธอที่จุดประกายแสงสว่างในหัวใจ...และเขาสัญญาว่าจะปกป้องมันเรื่อยไป
_______________
ความคิดเห็น