ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #222 : the world in a cage: 第2話

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 66


    the world in a cage
    Inspiration: In The Mouth of Madness (Film, 1994)
    Playlist: sukekiyo – Zephyr












    .

    ทสึบาสะกลับมารู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงในตอนที่ไหล่เล็กถูกเขย่าพร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อของเธอ เป็นอีกครั้งที่นากาจิมะช่วยฉุดดึงเธอออกจากความฝันอันน่าสะพรึง แม้ว่าในครั้งครานี้จะไม่มีพี่ชายตัวตลกที่หมายสังหารเธอมาปรากฏตัวให้เห็น หากการได้จดจ้องมองดูผีเสื้อปีกสีฟ้ากำลังถูกแมงมุมกลืนกิน และตระหนักได้ว่าตนเองคือ เหยื่อ ของชายผู้ที่ทำให้เธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวตลอดมา ก็จะทำให้ขนของเธอลุกชันแม้เมื่อลืมตาตื่นมาพบกับความเป็นจริง สัมผัสที่ลำคอจากริมฝีปากของเขาซึ่งเย็นเยียบกว่าความหนาวเหน็บใดๆ ที่ทสึบาสะได้เคยประสบก็ยังคงแจ่มชัดอยู่จนเธอเผลอยกมือขึ้นแตะมัน หวาดหวั่นว่าอาจจะหลงเหลืออะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่

    เช่นเดียวกับความแน่วแน่นับตั้งแต่แรกเริ่มซึ่งจะมลายหายไปจนหมดสิ้นในวินาทีที่ได้เผชิญหน้า จ้องสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น...นัยน์ตาที่สะท้อนภาพของเธอ

    แต่ไม่ทันที่ทสึบาสะจะได้อ้าปาก บอกให้เขาเลี้ยวรถกลับไปที่ไหนก็ได้ขอแค่ให้ไกลห่างจากมุโค บอกว่าเธอไม่ต้องการไปที่นั่น เธอไม่ต้องการไปยังหมู่บ้านลับแลที่เป็นทางผ่านของประตูนรกไม่ต่างจากความฝันของเธออีกต่อไปแล้ว นากาจิมะก็จะพลันโพล่งขึ้นมาในจังหวะเวลาที่เหมาะเจาะว่า

    “เรามาถึงเคียวคุโจแล้ว”

     

    ทสึบาสะหิ้วกระเป๋าเดินทางตามนากาจิมะเข้าไปในโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน เป็นโรงแรมแห่งแรก และอาจเป็นแห่งเดียว ในหมู่บ้านนี้ที่พวกเขาจะได้พบ หลังจากลอดอุโมงค์ทางสั้นและขับตรงมาอย่างเดียวราวๆ สิบห้านาทีอย่างที่นากาจิมะบอก นอกจากทำเลของมันจะดีมากแล้ว ป้ายไม้สีน้ำตาลเหนือบานประตูเลื่อนที่ส่องสว่างเป็นตัวคันจิซึ่งอ่านได้ว่า 'โรงแรมเคียวคุโจ' ก็มากพอที่จะดึงดูดนักเดินทางผู้ล้าอ่อนจากการขับรถคนเดียวตลอดเจ็ดชั่วโมงให้หยุดจอดรถที่ลานว่าง ก่อนร้องเรียกหญิงสาวที่ผล็อยหลับไปตอนเข้าสู่เขตเมืองมุโคให้ตื่นจากภวังค์ เพื่อที่เธอจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างถูกกิจจะลักษณะบนเตียงนอนนุ่มๆ ไม่ใช่ท่านั่งไม่สบายตัวบนรถแคบๆ หรือบนพื้นไม้ที่เจ้าหล่อนสลบลงไปด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างเหมือนเมื่อคืนก่อน

    แต่นากาจิมะไม่ได้ล่วงรู้ถึงความในใจของหญิงสาวที่เขาปรารถนาดีด้วยเลยแม้แต่น้อย ท้องไส้ของทสึบาสะขมวดเกร็งในทุกย่างก้าว เธอนั่งรออยู่บนโซฟาขณะปล่อยให้นากาจิมะเป็นคนจัดการเรื่องห้องพัก ไม่นานเขาก็เรียกเธอให้ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักบนชั้นสามที่เป็นชั้นสูงสุดด้วยกัน ระหว่างนั้นก็ยื่นกุญแจที่มีป้ายไม้ระบุเลขห้องพักส่งให้ ทั้งสองคนไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมา ราวกับว่าพวกเขาอยากรักษาความสงัดเงียบที่โอบล้อมอยู่อย่างเชียบงัน ภายใต้แสงสลัวตลอดทางเดินที่ทอดยาวจากไฟสีส้มดวงเล็กที่ฝังอยู่บนเพดานให้เนิ่นนานที่สุด ทสึบาสะได้ห้องสุดทางเดิน ส่วนนากาจิมะพักอยู่ห้องข้างๆ สีหน้าที่ชัดเจนว่าต่างก็เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลและเวลาที่ล่วงดึกมากแล้วจะทำให้พวกเขาเพียงบอกราตรีสวัสดิ์แก่กัน นากาจิมะนัดหมายเวลาตอนเก้าโมงเช้า ขณะที่ทสึบาสะก็ยังไม่มีแก่ใจอยากพูดถึงแผนการกลับบ้านในยามนี้ ไม่มีใครคิดอยากลงไปหาอะไรกินในห้องอาหารที่ยังคงเปิดอยู่ ถึงแม้ว่ามื้อสุดท้ายจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม

    พอเข้าห้องปุ๊บ ทสึบาสะก็เดินไปกดเปิดสวิตช์หลอดไฟที่ส่องสว่างเป็นสีนวลจากเพดานเหมือนกับบริเวณโถงทางเดินภายนอกเป็นอย่างแรก เพราะเธอไม่สามารถทนอยู่กับความมืดมิดที่มองไม่เห็นได้ ยิ่งถ้านั่นหมายถึงโรงแรมในสถานที่ที่ถูกเรียกขานว่าหมู่บ้านลับแลเช่นนี้ด้วยอีก

    เป็นเพราะอาการที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ทสึบาสะเลยสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม นอนคู้ตัวนิ่ง ปล่อยความคิดให้ละล่องไปอย่างเลื่อนลอย เฉกเช่นเดียวกับสายตาที่ทอดมองไปยังกำแพง เธอหวาดกลัวต่อการนอนหลับ หวาดกลัวต่อความฝัน ทางเดียวที่อาจยุติมันได้คือการเผาต้นฉบับของมัตสึชิมะทิ้งไปเสีย เธอคิดว่าจะพักให้อาการดีขึ้นกว่านี้อีกนิดแล้วลุกไปจัดการมัน

    ทสึบาสะไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าเธอบดปิดเปลือกตาหนักอึ้งลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กว่าที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ครั้นแล้วก็จะรีบยันตัวเองขึ้นนั่งพลางเหลียวซ้ายแลขวาด้วยสายตาที่พยายามปรับโฟกัส ความแปลกใจแล่นปราดเข้ามาเมื่อได้พบกับห้องพักโรงแรมในสภาพเดิมก่อนที่จะผล็อยหลับไป ทั้งหลอดไฟที่เปิดทิ้งไว้หรือกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ปลายเตียง ท้องที่ปวดเกร็งก็หายเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่เคยมีความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น ถึงจะกะพริบตาปริบต่อกี่ครั้ง ก็ไม่บังเกิดความมืดมิดหรือมองเห็นภาพเหตุการณ์สยองขวัญใดๆ ไม่มีใบหน้าของตัวตลก ไม่มีแววตาสีดำสนิท ไม่มีเสียงกระซิบเรียกชื่อเธอจากน้ำเสียงนั้นข้างใบหู สิ่งที่เธอสัมผัสได้ในยามนี้มีเพียงความปกติของบรรยากาศและค่ำคืน

    นาฬิกาบนข้อมือที่พลิกขึ้นดูบอกเวลาตีหนึ่งกว่า เธองีบหลับไปนานหลายชั่วโมงแล้ว แถมยังเป็นการนอนหลับที่สนิทดีด้วยอีก แผนการของทสึบาสะเกิดขึ้นหลังจากเข้าไปอาบน้ำอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายที่เคยเมื่อยล้าได้รู้สึกสดชื่น ต้นฉบับบนแผ่นกระดาษเอสี่ที่เธอหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเดินทางมีความหนาไม่มาก ซึ่งก็ดีแล้วเพราะจะได้ใช้เวลาเผามันไม่นาน ทสึบาสะไม่มีความคิดที่จะพลิกอ่านมันสักหน้าเพื่อดูว่า เรื่องสยองที่เคียวคุโจ ที่เธอเหยียบย่างอยู่นั้นคืออะไร หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้ประสบพบเจอ ตอนนี้ทสึบาสะไม่ต้องการรู้คำตอบถึงเรื่องใดอีกต่อไปแล้ว ไม่แม้แต่เรื่องของพี่ชายที่รักมากก็ตาม

    กระทั่งเธอจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างพุ่งกระแทกเข้ากับหน้าต่างหรือไม่ก็กำแพงด้วยแรงที่ไม่บรรเทา อารามตกใจทำให้ต้นฉบับร่วงหลุดจากมือ ขณะรีบวิ่งกระโจนไปรูดมู่ลี่ไม้เลื่อนขึ้น ข้างนอกยังพอมีแสงจากโคมไฟทั้งจากตัวโรงแรมและฟากฝั่งถนนตรงกันข้ามพอให้มองเห็นภาพความเป็นไป หากทสึบาสะก็มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ บนกรอบกระจกบานใหญ่ที่กั้นระหว่างห้องพักของตนเอง ก่อนที่ดวงตาจะเลื่อนต่ำตามเงาร่างลงไปยังท้องถนนเบื้องล่าง

    ชายที่มีเส้นผมสีดำสนิท ในชุดคลุมตัวยาวสีดำสนิท กับดวงตาสีดำสนิทที่อาจมืดมิดยิ่งกว่าค่ำคืนไหนๆ เหมือนกับในความฝันก่อนหน้านั้นของเธอกำลังจ้องมองมา ต่างกันตรงที่ทสึบาสะรับรู้ได้ว่าในครั้งครานี้มันไม่ใช่ความฝัน มัตสึชิมะ โซคนนี้มีตัวตนอยู่จริง เป็นคนคนเดียวกับที่ทสึบาสะได้เคยพานพบในบ้านของฟูมะไม่ผิดอย่างแน่นอน ถึงเขาจะไม่ให้เธอได้สัมผัสกับความเวิ้งว้างหรือความหวาดหวั่นใดๆ ในยามที่สายตาทั้งสองคู่ต่างสอดประสานกัน ณ ห้วงวินาทีนี้ก็ตาม

    ที่ทันนั้นเอง ทสึบาสะก็จะรีบหมุนตัววิ่งออกจากห้องทั้งเท้าเปล่าโดยไม่เสียเวลาสวมรองเท้ารัดส้นคู่เดียวที่ใส่มา ใช้บันไดหนีไฟที่รวดเร็วกว่าการรอลิฟต์เพื่อเลื่อนบานประตูหน้าโรงแรมออกไปยังท้องถนน เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น หากไม่ได้แหงนเงยขึ้นไปบนห้องพักห้องเดียวที่ชั้นบนสุดซึ่งเลื่อนมู่ลี่ไม้และเปิดไฟส่องสว่างอีกแล้ว มุมริมฝีปากข้างหนึ่งของเขายกขึ้น ในตอนที่เธอวิ่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้า ด้วยลมหายใจที่หอบสั่นเพราะการใช้เรี่ยวแรงซึ่งไม่คุ้นชิน

    “คุณ...ทำอะไรกับพี่ชายของฉัน?” เช่นเดียวกับที่ทสึบาสะไม่รั้งรอในการเอ่ยถามสิ่งที่คับข้องใจมากที่สุด ในเมื่อพี่ชายคือเหตุผลเดียวที่เธอยอมถ่อมาไกลถึงนี่ ทั้งที่พรั่นหวั่นกับชายตรงหน้ามากเสียจนร่างกายที่ลมหายใจยังคงไม่ปกติกลับมาสั่นเทา และมันไม่ได้เป็นเพราะสายลมแผ่วผินในคืนปลายฤดูร้อนที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าหนาวเหน็บ

    “เธอมาทันเวลาพอดี” ทสึบาสะรู้ว่าเขาจงใจเพิกเฉยต่อคำถาม “วันมะรืนที่หมู่บ้านจะจัดงานเทศกาลประจำปี ฉันคิดว่าเธอจะต้องชอบอย่างแน่นอน”

    “ฉัน...” ขณะที่เธอเองก็สวนกลับไปโดยไม่สนใจคำพูดของเขา “อยากรู้เรื่องพี่ชายของฉัน” ด้วยน้ำเสียงที่เน้นย้ำอย่างหนักแน่น เท่าที่ตัวเธอในเวลานี้จะบังคับมันได้

    มีเพียงริมฝีปากของเขาที่วาดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม และทสึบาสะคิดว่ามันคล้ายกับการเยาะหยัน ทั้งต่อเธอและพี่ชาย...ที่ทสึบาสะแน่ใจว่าสติเลือนและล่วงลับไปเพราะผู้ชายคนนี้ ความไม่รู้สาของเขาทำให้ความโกรธพลันแล่นริ้วขึ้นมาแทนที่ความหวาดกลัวจนเธอหน้ามืดพุ่งกระโจนเข้าหาคนตรงหน้า ทั้งที่มัตสึชิมะเป็นชายร่างเล็กที่สูงกว่าทสึบาสะไม่มาก แต่ก็สามารถหยุดฝ่ามือที่หมายจะผลักอกเพื่อระบายความกราดเกรี้ยวไว้ได้โดยแทบไม่ต้องออกแรง อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝันคือการที่ร่างกายของเธอไม่ได้กลายเป็นอัมพาต แม้ว่าฝ่ามือที่มีอุณหภูมิปกติเฉกเช่นเดียวกันของเขาจะกำลังรวบทั้งข้อมือของเธออยู่ กระนั้นทสึบาสะก็ไม่ได้ขืนตัวหรือยื้อยุดออกจากการเกาะกุมนั้น เฉกเช่นใบหน้าที่แหงนเงยขึ้นจ้องสบตากับเขาโดยไม่เบือนหลบไปยังทิศทางใด ด้วยระยะห่างที่เคลื่อนใกล้จนทสึบาสะเกือบแน่ใจว่าเขาต้องได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ข้างใน ถึงเธอจะไม่แน่ใจว่าระหว่างความพรั่นพรึงเหมือนที่เป็นมาตลอด หรือความตื่นเต้นแปลกใหม่กับชายผู้สมบูรณ์แบบราวกับไม่มีอยู่จริงจนชวนให้สั่นไหว เป็นความรู้สึกใดที่ก่อร่างมันขึ้นมา

    กระทั่งเขาโน้มใบหน้าลงมา ทว่าริมฝีปากที่เฉียดผ่านก็หยุดลงก่อนมันจะแนบประทับลงมาราวกับหยอกล้อ และการที่เธอนิ่งงันอยู่อย่างนี้ก็มาจากเจตนาของตัวเอง หาใช่สิ่งที่เขาทำให้มันเป็น

    “เธอจะได้รู้คำตอบทุกอย่าง เมื่อเวลานั้นมาถึง”

    แต่ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง เขาก็มอบเวลานี้ให้เธอ ผ่านการช่วงชิงที่เร่าร้อนและรุนแรงจนเนื้อตัวของเธอรุมร้อนไม่ต่างอะไรจากอุณหภูมิที่เขาส่งต่อมาผ่านข้อมือบาง ก่อนเลื่อนไปเป็นลำคอ ถ้ามืออีกข้างหนึ่งของเขาไม่ได้โอบเอวเธอไว้แล้วรั้งเข้ามาชิดใกล้ ร่างที่ปวกเปียกในเวลานี้คงจะทรุดฮวบลงไปเพราะสิ่งที่นอกเหนือจากจินตนาการใดๆ ต่อชายที่เป็นฝันร้ายตลอดมาของเธอ ทว่าความเป็นจริงของชั่วยามนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ทสึบาสะจะเคยได้รับมันจากใคร ไม่ว่าจะในความฝันหรือความจริง เขายินยอมให้เธอหอบเอาอากาศเข้าปอดไปได้แค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่มันจะถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากของเขาที่แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม จากความชื้นแฉะที่รุกไล่เข้ามาในโพรงปากของเธอ

    ทสึบาสะรู้สึกถึงความเจ็บบนริมฝีปากล่าง รสเลือดเฝื่อนฝาดทำให้เธอรู้สึกแขยง หากเขาก็ไม่ยอมให้เธอผละจากเมื่อกอดรัดคนในอ้อมแขนให้แนบแน่นขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกันแม้สักเสี้ยวมิลลิเมตร

    ก่อนที่ทสึบาสะจะตระหนักได้ในที่สุดว่ามันคือกับดัก...กับดักที่เชี่ยวชำนาญ

    เป็นอีกครั้งที่มัตสึชิมะ โซล่อลวงเธอให้จมดิ่งลงไปในโลกของเขา โลกใบที่เขาเป็นผู้กำหนด บัดนี้แมงมุมได้ส่งต่อพิษร้ายมายังเธอที่เป็น เหยื่อ ผีเสื้อปีกสีฟ้าที่ระโหยโรยแรงโดยไร้ซึ่งหนทางหนีก็คือเธอที่กำลังถูกบังคับให้ลิ้มรสชาติของมันซึ่งเกาะติดอย่างเหนียวแน่น ขณะที่เขากำลังหฤหรรษ์ ยิ่งในตอนที่เธอกัดทั้งริมฝีปากและลิ้นของเขาอย่างแรงเพื่อตอบโต้มัน เช่นเดียวกับฝ่ามือที่กดบีบลงไปบนท่อนแขนของเขาผ่านผ้าเนื้อหนาซึ่งหาได้ระคายอย่างไม่บรรเทา

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่กว่าที่เขาจะปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ เธอพังพาบลงไปซบใบหน้าลงกับบ่าของเขา ทั้งที่ควรจะขยับหนีไปให้ไกล แต่ร่างกายก็คล้ายว่าจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขนที่เขายังคงประคองมันไว้อยู่อย่างนั้น

    คำพูดซ้ำเดิมถูกย้ำอยู่ข้างใบหูของเธออีกครั้ง หากด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าลงไป...อย่างอดทน

    “เมื่อเวลานั้นมาถึง”

     

     

    ทสึบาสะไม่ได้ฝันถึงอะไรเลยนับตั้งแต่เดินทางมาถึงเคียวคุโจอย่างที่เคยนึกหวาดหวั่น ไม่ว่าจะเป็นฝันดีหรือว่าฝันร้าย ความเวิ้งว้างหรือความว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงที่เธอสามารถสัมผัสถึงมันได้โดยไม่จำเป็นต้องหลับตาลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานกับมัตสึชิมะ โซที่นี่คือเรื่องจริง คือตัวตนที่มีเนื้อหนังไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ของเขาจริงๆ ปลายเท้าเปลือยเปล่าของเธอยังคงเปื้อนเปรอะเพราะฝุ่นผงบนพื้นถนน หรือความเจ็บแสบที่ริมฝีปากล่างซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ แม้แต่รสชาติของสนิมที่ละเลงอยู่ในโพรงปากเธอก็ยังคงจำได้ขึ้นใจ มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่จะเค้นคิดเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกคือเธอกลับมาที่ห้องของตัวเองได้อย่างไร ทสึบาสะคล้ายว่าจะลืมเลือนทุกอย่างหลังจากคำพูดของเขา น้ำเสียงที่ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านขึ้นมาเพียงระลึกถึง ไปอย่างสิ้นเชิง

    สลัดความคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นไปเมื่อมันไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะเรื่องสำคัญเพียงเรื่องเดียวในตอนนี้ก็คือเรื่องของพี่ชาย มัตสึชิมะบอกว่าเธอจะได้รู้คำตอบทุกอย่าง เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้ไม่รู้ว่าเวลานั้นจะเป็นเมื่อไหร่ แต่หมู่บ้านลับแลที่ไม่ได้มอบเรื่องราวชวนสยองพองเกล้าในค่ำคืนแรกก็จะทำให้ทสึบาสะลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว พอใกล้ถึงเวลานัดตอนเก้าโมงเช้าก็เดินไปเคาะประตูห้องของนากาจิมะเพื่อลงไปรับประทานมื้อเช้าด้วยกัน หาใช่การลากกระเป๋าเดินทางเพื่อเช็กเอาต์ เผ่นออกไปจากที่นี่ให้ไวว่องที่สุดอย่างที่ได้เคยหมายมั่นไว้

    เมื่อไปถึงห้องอาหาร ทสึบาสะก็นึกโกรธความหน้ามืดตามัวของตัวเองที่ทำให้มื้อเช้ากลายเป็นเรื่องยาก แม้แต่สลัดผักและไข่คนที่ตักมาในปริมาณไม่มากไม่มาย เธอก็ยังกล้ำกลืนฝืนกระเดือกลงไปได้แค่เพียงน้อย ถึงจะไม่ได้รู้สึกหิว มันก็ยังน่าหงุดหงิดใจอยู่ดี ในทุกครั้งคราวที่ฟันของเธอเผลอกระแทกไปโดนรอยแผลเล็กๆ นั้น

    “ไม่สบายหรือเปล่า?” ตรงกันข้ามกับนากาจิมะที่คอยแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เพราะอย่างนั้นทสึบาสะจึงไม่อยากเพิ่มเรื่องหนักใจเกี่ยวกับตัวเองลงไปอีก เพียงส่ายหน้าเบาๆ บอกว่าไม่ค่อยหิว ที่ก็ไม่ใช่คำโป้ปดไปเสียทั้งหมด

    “ว่าแต่คุณทสึบาสะได้อ่านต้นฉบับของอาจารย์มัตสึชิมะแล้วหรือยังครับ?”

    เธอสั่นหัว

    “ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอดูต้นฉบับเรื่องที่ว่านั่นหน่อยจะได้หรือเปล่า?”

    หลังการอมพะนำมาเนิ่นนาน ในที่สุดทสึบาสะก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจรวบช้อนส้อมบนจานอาหารที่แทบไม่พร่องลงไปเลยให้เรียบร้อย ก่อนขยับเปลี่ยนเป็นท่านั่งตัวตรง ใบหน้าไม่หลงเหลือรอยยิ้มอีกแล้วเมื่อมองจ้องชายที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ปิดบัง

    “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันอาจฟังดูบ้าบอ เพ้อเจ้อ และฉันก็ไม่ได้พยายามโน้มน้าวให้คุณนากาจิมะคิดเห็นตรงกัน แต่ฉันคิดว่าผลงานของคุณมัตสึชิมะมีบางอย่างที่...” เธอเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ไม่ใช่เพื่อการเลือกสรรถ้อยคำที่มีอยู่ในหัวสมองก่อนแล้ว หากคล้ายกับการชั่งใจว่าควรจะพูดมันออกมาดังๆ ให้เขาฟังดีหรือไม่ “ผิดปกติ”

    “เหมือนกับเหตุจลาจลที่โตเกียว”

    “และเหมือนกับที่พี่ชายฉันเป็น” เธอเอ่ยเสริมคำพูดของเขาที่ก็เปลี่ยนมาจดจ่ออยู่กับเธอด้วยสีหน้าและท่าทีไม่ได้ต่าง “คุณนากาจิมะไม่คิดเหรอคะว่าเรื่องนี้มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล มีคนแต่งหน้าทาตาเป็นตัวตลก เป็นบ้า วิกลจริต เพราะผลงานของคุณมัตสึชิมะ สองวันที่ผ่านมาฉันต้องฝันร้ายแค่เพราะครอบครองต้นฉบับของเขา ทั้งที่ไม่ได้อ่านมันสักตัวอักษรด้วยซ้ำ”

    “คุณทสึบาสะกำลังจะบอกว่าฟูมะเป็นบ้าเพราะผลงานของอาจารย์มัตสึชิมะอย่างนั้นใช่ไหมครับ?”

    “มันคงฟังดูบ้า...”

    แต่นากาจิมะจะขัดจังหวะถ้อยย้ำซ้ำเดิมของเธอด้วยการยกมือข้างหนึ่งขึ้นห้าม

    “ผมอาจไม่ได้เป็นบ้าหรือว่าฝันร้ายตอนอ่านผลงานของเขา แต่ผมก็ไม่คิดว่าคำพูดของคุณทสึบาสะจะเหลวไหล” และก็เป็นอีกนับครั้งไม่ถ้วนที่เขาแสดงความเข้าอกเข้าใจเธอ เมื่อทสึบาสะสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่แค่คำพูดปลอบใจไปอย่างนั้น เธอถึงได้มีความกล้าที่จะเล่าเรื่องนั้นให้เขาฟัง

    “ตอนที่ได้ต้นฉบับมา ฉันฝันว่าพี่ชายบอกให้ฉันเผามัน สั่งห้ามไม่ให้ฉันมาที่นี่...ที่เคียวคุโจนี้ แต่ฉันก็ยังดึงดันที่จะมาเพื่อหาคำตอบเรื่องการตายของเขาให้ได้ เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้กลัวต้นฉบับของคุณมัตสึชิมะค่ะ กลัวว่ามันอาจจะเป็นต้นเหตุให้พี่ชายฉันคลั่ง กลัวว่าถ้าฉันเผลออ่านมันแล้วฉันจะต้องกลายเป็นบ้าเหมือนกับพี่ชาย”

    “แต่ผมไม่กลัว” นากาจิมะพลันโพล่งขึ้น แววตาของเขาไม่มีความสั่นไหวอยู่ในนั้น ตอกย้ำเจตนารมณ์ของตนอย่างชัดเจน “ถ้าคุณทสึบาสะคิดว่าต้นฉบับเรื่องนั้นอาจเกี่ยวข้องกับการตายของฟูมะ อย่างนั้นผมจะอ่านมันให้เอง”

    “ถึงคุณนากาจิมะไม่กลัว แต่ฉันกลัวค่ะ และฉันก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณด้วย”

    ความแน่วแน่ซึ่งจัดเจือไปด้วยความห่วงใยเฉกเช่นเดียวกันของเธอจะทำให้เขาโอนอ่อน เมื่อไม่เห็นการผ่อนอารมณ์ของเธอตลอดวินาทีที่จ้องสบตา ท้ายที่สุดเขาจึงเป็นฝ่ายถอยหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ พรูลมหายใจที่ปล่อยออกมากับเสียงหัวเราะบางเบา เข้ากับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านกรอบกระจกบานใหญ่ซึ่งทอดมองออกไปเห็นบรรยากาศภายนอกมายังตำแหน่งที่นั่งริมหน้าต่าง ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวลเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าพวกเขากำลังพำนักอยู่ในเมืองที่ถูกเรียกว่าทางผ่านของประตูนรก กิจวัตรที่ดำเนินไปตามครรลอง ผู้คนที่เดินไปมาบนท้องถนน แขกของโรงแรมที่ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมารับประทานมื้อเช้าในห้องอาหารชั้นล่างสุด ไม่มีสิ่งใดใกล้เคียงกับหัวข้อสนทนา ณ เวลานี้ที่เฉียดกรายเข้าสู่เรื่องสยองขวัญเลยเพียงน้อย

    ทุกอย่างช่างดูปกติเสียจนทสึบาสะคิดว่ามัน...ผิดปกติ

    รวมถึงตัวเธอเองที่แม้จะเอ่ยคำว่า กลัวออกมาจากริมฝีปากหลายต่อหลายครั้ง หากเนื้อตัวก็หาได้สั่นเทา หรือรู้สึกหนาววาบไปจนถึงกระดูกเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

    ทสึบาสะไม่รู้ว่าเป็นเพราะความปกติของหมู่บ้านนี้ที่ทำให้เธอผิดปกติ หรือเป็นเพราะการได้พานพบกับมัตสึชิมะ โซกันแน่ที่ทำให้เธอผิดปกติ

    และเธอคาดหวังอะไรกันแน่...เมื่อเวลานั้นมาถึง










     

    2023年09月13日
    _______________
     บันทึกไว้ว่ากูลงเวอร์ต้นฉบับตอนนี้ครั้งแรกวันที่ 2020/12/13 (สมัยนั้นก็แต่งไวไม่เบา) ในทอล์คเดิมกูบอกว่าพล็อตหักจากแนวสยองที่คิดไว้ในทีแรกเพราะตอนนี้แหละ! ตอนได้เจอนักเขียนที่ใจกูหมกมุ่นนี่แหละ! งานเทศกาลก็แว่บขึ้นมาเอง จากที่คิดว่าจะจบในสามตอนดันยืดเรื่องเลยไม่จบสักที แต่ถึงยืดแล้วคุณภาพก็ยังดีอยู่จ้าา สมัยก่อนโน้นกูแต่งซีนกับโซวันเดียวจบ เกลาก็วันเดียวจบ ไปนานตรงบทพูดกับนากาจิมะ สมัยนี้คือกลับกัน งง จุดธูปเรียกตัวกูคนเดิมที่หมกมุ่นกว่านี้กลับคืนมาที หรือเพราะตอนนี้กูเมนวงใสๆ ใจกูเลยสะอาดตามเหรอ เห้อออ แย่ๆๆ กำพืดเดิมมันปิดไม่มิดหรอก จัม!
     ขอบคุณตัวกูเองนี่แหละที่กดดูเอ็มวีไร้เน้กทูยูจนได้พบกับโซจังในวันนั้นและอยู่กันมาจนถึงวันนี้ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าวงนี้จะเป็นวงกองกลาง ไม่ใช่สโตรแล้ว 55555 ขอบคุณรูปในแมกฯแสนล้านแปดและเอ็มวีทั้งหลายแหล่ที่ลุคของโซจังใช่กับใจกูมาก พอเอามาแปลงเป็นโซแล้วเหมาะมากกกกๆๆๆ กูรักกว่าเวอร์ต้นฉบับมากกกกๆๆๆ ไม่สน ไม่แคร์ แอบนึกถึงลุคในสลีปเลสเลยว่ะ โอ๊ยใจสั่นหวั่นไหว (ว่าไปฟิคจากเพลงนี้กูยังแต่งพาร์ทโชริได้ทีละคำสองคำอยู่เลยว่ะ ไม่จบสักเตื้อ) / และเพลงประกอบที่กูรักมากตลอดกาลถึงได้เลือกใช้ในฉากกับพระเอกนี่แหละ T_T ขอบคุณที่ยังเหลือโซที่มารับบทหล่อๆ ร้ายๆ พระเจ้า เทวดา ปีศาจ ฯลฯ ได้แบบไม่เฝือเหมือนคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
     ทอล์คสั้นมากเพราะอันเดิมกูเขียนน้อยมาก พอมาแปลงใหม่ก็ไม่มีอะไรให้กูเขียนอยู่ดี ก็อยู่กันไปแบบนี้แหละนะ / ปล. ว่าไปละสงสารเคนโตะว่ะ อุตส่าห์ได้โฆษณาลิปของเคท แต่ดันมาเป็นช่วงนี้พอดี เพิ่งได้โปรโมตแค่สามอาทิตย์ คือน่าสงสารสุดแล้วจริง ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็แม่งมีข่าวออกมายกเลิกสัญญากับทาเลนต์กันอีกหลายบริษัท ไม่ไหวว่ะ น่าเบื่อชิบหาย เมื่อไหร่เรื่องนี้จะผ่านพ้นสักที เวลาเจอเม้นไอ้พวกที่บอกให้เด็กย้ายไปอยู่ค่ายของไอ้คนที่ออกนั่นทีไรก็อยากจะอ้วก จะไปค่ายไหนก็ไปยกเว้นค่ายนั้นเหอะ ลอยตัวชิบหาย ชุบตัวกันไปมีใบอ่ะเนาะ เป็นค่ายเดียวที่กูจะไม่มีวันตามแน่นอน
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×