คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ANEMOIA CHAPTER 4: A Cuckoo Clock ~Mr. Sandman~
ANEMOIA CHAPTER 4: A Cuckoo Clock ~Mr. Sandman~
ภาพที่โรมิ ซูซูยะได้เห็นเมื่อลืมตาตื่นก่อนค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นยืนคือแสงสีขาวสว่างจ้า ทั้งบนหลอดไฟติดผนังหรือพื้นกระเบื้องที่เป็นเงาวับเสียจนสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของดวงไฟได้ ที่อยู่รายล้อมคือชั้นวางสินค้าที่เรียงรายไปด้วยอาหารกระป๋อง (นั่นเป็นโซนประจำของเธอ!) ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่แถวของมันทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าเธอจะมองตรงไปด้านหน้าหรือว่าหันขวับไปทางด้านหลัง
และทันทีที่เธอก้าวฝีเท้าบนส้นสูงออกเดินไป ลำโพงก็เริ่มเล่นบทเพลงที่โรมิจดจำได้เป็นอย่างดีว่ามันคือ ‘มิสเตอร์แซนด์แมน’ ของวงเดอะคอร์เดตส์ที่ฟังเหมือนออกมาจากแผ่นเสียงตกร่องเก่าๆ ขับให้ท่วงทำนองของบทเพลงที่ทำให้เธอหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากเรื่อง ‘ฮัลโลวีนเลือด ภาค 2’ ยิ่งน่าสะพรึงขวัญเข้าไปใหญ่ เรื่องเล่าของมนุษย์ทรายโปรยผงกายสิทธิ์ลงบนดวงตาอะไรกัน ช่างเป็นนิทานหลอกเด็กที่ไร้สาระขนาดแค่คิดถึงก็ชวนให้หงุดหงิดใจสิ้นดี กระนั้นก็ระคนไปกับความหวั่นพรั่นเมื่อคิดว่า ณ มุมใดมุมหนึ่งในความไม่สิ้นสุดของที่นี่ บางทีเธออาจจะได้เจอกับฆาตกรสวมหน้ากากที่ถือมีดปลายแหลมเปี๊ยบมารอดักแทงอยู่ก็ได้
แต่โรมิก็ยังก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวนั้น ประหนึ่งว่าหัวสมองของเธอสั่งการให้ทำมัน อาจเนิ่นนาน หรือไม่ก็แสนสั้น เธอจะไปรู้อะไรในโลกที่คลาคล้ายกับว่าเป็นนิรันดร์เช่นนี้กัน จะว่าไปแล้วบทเพลงนั้นยืดยานออกไปหรือว่าวนกลับมาเล่นซ้ำใหม่กันนะ? ครั้นเมื่อเธอกะพริบตาปริบเป็นครั้งแรก — เธอแน่ใจว่าเป็นครั้งแรก — แล้วลืมกลับขึ้นมาใหม่ เส้นทางที่ทอดยาวก็ร่นระยะลงไปให้เธอได้เห็นโซนเคาน์เตอร์คิดเงินกับตู้เครื่องดื่มปรากฏอยู่ตรงหน้า ขณะเดินเลี้ยวออกไปตามทางเดินที่ขนานกับชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์คิดเงิน โรมิก็ไม่อาจเจาะจงลงไปแน่ชัดได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่ มันผสมปนไปกันไปหมดทั้งจากความใคร่รู้ ฉงนฉงาย หวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งความตื่นเต้นก็ยังมี
เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง ในตอนที่หันใบหน้าไปทางด้านขวา เธอก็จะได้เห็นคำว่า ‘ทางออก’ กับลูกศรชี้ทางอยู่เหนือร้านโดนัทที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออก อีกครั้งที่ฝีก้าวของเธอเบนออกไปผ่านเคาน์เตอร์หนึ่งไปยังบานประตูกว้างที่เป็นกระจก มองเห็นลานจอดรถที่มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า เฉกเช่นเดียวกับท้องฟ้าสีหมอกเบื้องนอก สิ่งเดียวที่โรมิต้องการในเวลานี้คือได้ออกไปสู่ความโล่งกว้างนั้น แต่เพราะว่ามันเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ เธอเลยไม่สามารถเปิดมันด้วยมือได้ หรือต่อให้จะด้วยเก้าอี้จากร้านโดนัทที่เธอไปยกมาทุบซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะเขยื้อนเลยก็ตาม
ปุบปับ บทเพลงในวิทยุก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงพูดของผู้ชายราวกับถ่ายทอดผ่านคลื่นสัญญาณที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ถึงต่อให้โรมิจะพยายามเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่ก็แล้ว ไม่นานนักมันก็สิ้นสุดลง ตามด้วยหลอดไฟสีขาวเหนือเพดานทั้งหมดที่ดับลงโดยพร้อมเพรียง หลงเหลือเพียงแสงสีส้มจากหลอดไฟตรงเคาน์เตอร์ที่เรียงรายต่อกันไปไม่รู้จบ โชคดีที่ยังพอมีแสงสว่างจากภายนอกสาดทอเข้ามาหาโรมิที่ได้แต่ยืนชะงักงันอยู่หน้าบานประตู ก่อนเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ
เพื่อที่เธอจะได้เห็นแสงไฟดวงหนึ่งกำลัง...วิ่ง...ตรงมาหาเธอ
โรมิไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิดทั้งจากสิ่งนั้น และต่อเสียงร้องของอสุรกายที่ไล่หลังตามมา ขณะห้อไปจนสุดฝีเท้าเท่าที่แรงกายจะพาไปไหว กลับเข้าไปในความมืดมิดโดยอาศัยเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟตรงเคาน์เตอร์ ที่อีกไม่ช้านัยน์ตาของเธอก็จะปรับให้ชินได้เอง แต่อันที่จริงแล้วเธอจะต้องการมันไปเพื่ออะไร ในเมื่อยังไงก็มีแค่เส้นทางตรงให้ไปต่ออยู่แล้ว
ขณะที่เสียงของมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...เรื่อยๆ จนโรมิแน่ใจว่าอีกเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นมันก็จะกระโจนเข้ามาถึงตัวเธอ ฉับพลันนั้นเองที่เสียงหวีดร้องของมันจะเปลี่ยนไปเป็นความโหยหวนทรมานที่น่าขนลุกยิ่งกว่า แสงไฟสีขาวที่ส่องอยู่ด้านหลังเธอดับสนิทในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา มันไม่ได้วิ่งหนีจากไป ไม่ใช่เสียงร้องที่ไกลห่างออกไป ทุกอย่างก็แค่หายวับไป ง่ายๆ อย่างนั้น
บัดนี้มีแค่โรมิที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ไม่ใช่เพียงลำพังอีกแล้วเมื่อปรากฏเงาร่างหนึ่งอยู่เบื้องหน้า...เงาร่างของสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเธอ และทันทีที่เธอกะพริบนัยน์ตาปริบอีกหนึ่งครั้ง บทเพลงมิสเตอร์แซนด์แมน ดวงไฟส่องสว่าง กับสีขาวเจิดจ้าก็หวนกลับคืนมา
เฉกเช่นเดียวกับชายในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีขาวล้วนที่คุ้นเคยดีอยู่แล้วซึ่งจะทำให้โรมิพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่นับตั้งแต่ตอนที่เธอตะโกนร้องเรียกชื่อ ตอนที่เธอสาวเท้ายาวๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งเข้าไปหา ตอนที่เขาเงื้อง่ามีดปลายแหลมเปี๊ยบในมือข้างหนึ่งที่ซ่อนไว้อยู่ข้างหลังขึ้นมา ตอนที่เขาใช้มันแทงลงไปบนหน้าอกของเธอที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนที่เขาตามลงมาจ้วงกระหน่ำแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำพุสาดกระเซ็นทั้งจากหน้าอกและปากที่สำลักออกมาไม่ได้หยุดหย่อน สีแดงฉานเปรอะอยู่ทั่วใบหน้าและเนื้อตัวที่เคยเป็นสีขาวสะอาด กระนั้นริมฝีปากของเขาก็ยังคงแต้มแต่งไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากหน้ากาก ทั้งที่เขาไม่ได้กำลังสวมใส่มันอยู่เลยก็ตาม
ก่อนที่สติของโรมิจะหลุดลอยไปอย่างที่เธอเฝ้าปรารถนาว่าจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้เสียที ใบหน้าของเขาก็จะค่อยๆ โน้มลงมาหาเธอที่ได้แต่พังพาบอยู่บนพื้น มุมริมฝีปากข้างหนึ่งวาดโค้งขึ้นกว่าเดิมด้วยเจตนาถึงความเหยียดหยัน ยามกล่าวถ้อยคำหยามเหยียดสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่โรมิได้รับรู้
“ในเมื่อเธอรังเกียจฉันนัก งั้นก็อย่าได้ฝันดีเลยนะ โรมิ”
เช่นเดียวกับความเกลียดชังที่อาจเทียมเท่ากับความรัก — ซึ่งต่างก็น่ารังเกียจ — ที่ครั้งหนึ่งไทเซย์ ฟุคุโมโตะเคยมีให้เธอ
_______________
ความคิดเห็น