ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #27 : ANEMOIA CHAPTER 4: A Cuckoo Clock ~Mr. Sandman~

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 66


    ANEMOIA CHAPTER 4: A Cuckoo Clock ~Mr. Sandman~

    Inspiration: Backrooms Level 232 (The Infinite Grocery Store)
    Playlist: The Chordettes – Mr. Sandman












    .

    ภาพที่โรมิ ซูซูยะได้เห็นเมื่อลืมตาตื่นก่อนค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นยืนคือแสงสีขาวสว่างจ้า ทั้งบนหลอดไฟติดผนังหรือพื้นกระเบื้องที่เป็นเงาวับเสียจนสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของดวงไฟได้ ที่อยู่รายล้อมคือชั้นวางสินค้าที่เรียงรายไปด้วยอาหารกระป๋อง (นั่นเป็นโซนประจำของเธอ!) ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่แถวของมันทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าเธอจะมองตรงไปด้านหน้าหรือว่าหันขวับไปทางด้านหลัง

    และทันทีที่เธอก้าวฝีเท้าบนส้นสูงออกเดินไป ลำโพงก็เริ่มเล่นบทเพลงที่โรมิจดจำได้เป็นอย่างดีว่ามันคือ มิสเตอร์แซนด์แมนของวงเดอะคอร์เดตส์ที่ฟังเหมือนออกมาจากแผ่นเสียงตกร่องเก่าๆ ขับให้ท่วงทำนองของบทเพลงที่ทำให้เธอหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากเรื่อง ฮัลโลวีนเลือด ภาค 2ยิ่งน่าสะพรึงขวัญเข้าไปใหญ่ เรื่องเล่าของมนุษย์ทรายโปรยผงกายสิทธิ์ลงบนดวงตาอะไรกัน ช่างเป็นนิทานหลอกเด็กที่ไร้สาระขนาดแค่คิดถึงก็ชวนให้หงุดหงิดใจสิ้นดี กระนั้นก็ระคนไปกับความหวั่นพรั่นเมื่อคิดว่า ณ มุมใดมุมหนึ่งในความไม่สิ้นสุดของที่นี่ บางทีเธออาจจะได้เจอกับฆาตกรสวมหน้ากากที่ถือมีดปลายแหลมเปี๊ยบมารอดักแทงอยู่ก็ได้

    แต่โรมิก็ยังก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวนั้น ประหนึ่งว่าหัวสมองของเธอสั่งการให้ทำมัน อาจเนิ่นนาน หรือไม่ก็แสนสั้น เธอจะไปรู้อะไรในโลกที่คลาคล้ายกับว่าเป็นนิรันดร์เช่นนี้กัน จะว่าไปแล้วบทเพลงนั้นยืดยานออกไปหรือว่าวนกลับมาเล่นซ้ำใหม่กันนะ? ครั้นเมื่อเธอกะพริบตาปริบเป็นครั้งแรก — เธอแน่ใจว่าเป็นครั้งแรก — แล้วลืมกลับขึ้นมาใหม่ เส้นทางที่ทอดยาวก็ร่นระยะลงไปให้เธอได้เห็นโซนเคาน์เตอร์คิดเงินกับตู้เครื่องดื่มปรากฏอยู่ตรงหน้า ขณะเดินเลี้ยวออกไปตามทางเดินที่ขนานกับชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์คิดเงิน โรมิก็ไม่อาจเจาะจงลงไปแน่ชัดได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่ มันผสมปนไปกันไปหมดทั้งจากความใคร่รู้ ฉงนฉงาย หวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งความตื่นเต้นก็ยังมี

    เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง ในตอนที่หันใบหน้าไปทางด้านขวา เธอก็จะได้เห็นคำว่า ‘ทางออก’ กับลูกศรชี้ทางอยู่เหนือร้านโดนัทที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออก อีกครั้งที่ฝีก้าวของเธอเบนออกไปผ่านเคาน์เตอร์หนึ่งไปยังบานประตูกว้างที่เป็นกระจก มองเห็นลานจอดรถที่มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า เฉกเช่นเดียวกับท้องฟ้าสีหมอกเบื้องนอก สิ่งเดียวที่โรมิต้องการในเวลานี้คือได้ออกไปสู่ความโล่งกว้างนั้น แต่เพราะว่ามันเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ เธอเลยไม่สามารถเปิดมันด้วยมือได้ หรือต่อให้จะด้วยเก้าอี้จากร้านโดนัทที่เธอไปยกมาทุบซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะเขยื้อนเลยก็ตาม

    ปุบปับ บทเพลงในวิทยุก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงพูดของผู้ชายราวกับถ่ายทอดผ่านคลื่นสัญญาณที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ถึงต่อให้โรมิจะพยายามเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่ก็แล้ว ไม่นานนักมันก็สิ้นสุดลง ตามด้วยหลอดไฟสีขาวเหนือเพดานทั้งหมดที่ดับลงโดยพร้อมเพรียง หลงเหลือเพียงแสงสีส้มจากหลอดไฟตรงเคาน์เตอร์ที่เรียงรายต่อกันไปไม่รู้จบ โชคดีที่ยังพอมีแสงสว่างจากภายนอกสาดทอเข้ามาหาโรมิที่ได้แต่ยืนชะงักงันอยู่หน้าบานประตู ก่อนเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ

    เพื่อที่เธอจะได้เห็นแสงไฟดวงหนึ่งกำลัง...วิ่ง...ตรงมาหาเธอ

    โรมิไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิดทั้งจากสิ่งนั้น และต่อเสียงร้องของอสุรกายที่ไล่หลังตามมา ขณะห้อไปจนสุดฝีเท้าเท่าที่แรงกายจะพาไปไหว กลับเข้าไปในความมืดมิดโดยอาศัยเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟตรงเคาน์เตอร์ ที่อีกไม่ช้านัยน์ตาของเธอก็จะปรับให้ชินได้เอง แต่อันที่จริงแล้วเธอจะต้องการมันไปเพื่ออะไร ในเมื่อยังไงก็มีแค่เส้นทางตรงให้ไปต่ออยู่แล้ว

    ขณะที่เสียงของมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...เรื่อยๆ จนโรมิแน่ใจว่าอีกเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นมันก็จะกระโจนเข้ามาถึงตัวเธอ ฉับพลันนั้นเองที่เสียงหวีดร้องของมันจะเปลี่ยนไปเป็นความโหยหวนทรมานที่น่าขนลุกยิ่งกว่า แสงไฟสีขาวที่ส่องอยู่ด้านหลังเธอดับสนิทในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา มันไม่ได้วิ่งหนีจากไป ไม่ใช่เสียงร้องที่ไกลห่างออกไป ทุกอย่างก็แค่หายวับไป ง่ายๆ อย่างนั้น

    บัดนี้มีแค่โรมิที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ไม่ใช่เพียงลำพังอีกแล้วเมื่อปรากฏเงาร่างหนึ่งอยู่เบื้องหน้า...เงาร่างของสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเธอ และทันทีที่เธอกะพริบนัยน์ตาปริบอีกหนึ่งครั้ง บทเพลงมิสเตอร์แซนด์แมน ดวงไฟส่องสว่าง กับสีขาวเจิดจ้าก็หวนกลับคืนมา

    เฉกเช่นเดียวกับชายในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีขาวล้วนที่คุ้นเคยดีอยู่แล้วซึ่งจะทำให้โรมิพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่นับตั้งแต่ตอนที่เธอตะโกนร้องเรียกชื่อ ตอนที่เธอสาวเท้ายาวๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งเข้าไปหา ตอนที่เขาเงื้อง่ามีดปลายแหลมเปี๊ยบในมือข้างหนึ่งที่ซ่อนไว้อยู่ข้างหลังขึ้นมา ตอนที่เขาใช้มันแทงลงไปบนหน้าอกของเธอที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนที่เขาตามลงมาจ้วงกระหน่ำแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำพุสาดกระเซ็นทั้งจากหน้าอกและปากที่สำลักออกมาไม่ได้หยุดหย่อน สีแดงฉานเปรอะอยู่ทั่วใบหน้าและเนื้อตัวที่เคยเป็นสีขาวสะอาด กระนั้นริมฝีปากของเขาก็ยังคงแต้มแต่งไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากหน้ากาก ทั้งที่เขาไม่ได้กำลังสวมใส่มันอยู่เลยก็ตาม

    ก่อนที่สติของโรมิจะหลุดลอยไปอย่างที่เธอเฝ้าปรารถนาว่าจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้เสียที ใบหน้าของเขาก็จะค่อยๆ โน้มลงมาหาเธอที่ได้แต่พังพาบอยู่บนพื้น มุมริมฝีปากข้างหนึ่งวาดโค้งขึ้นกว่าเดิมด้วยเจตนาถึงความเหยียดหยัน ยามกล่าวถ้อยคำหยามเหยียดสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่โรมิได้รับรู้

    “ในเมื่อเธอรังเกียจฉันนัก งั้นก็อย่าได้ฝันดีเลยนะ โรมิ”

    เช่นเดียวกับความเกลียดชังที่อาจเทียมเท่ากับความรัก — ซึ่งต่างก็น่ารังเกียจ — ที่ครั้งหนึ่งไทเซย์ ฟุคุโมโตะเคยมีให้เธอ











    2023年09月11日
    _______________
     เมื่อวานกูนั่งทำงานเอดีอยู่แล้วก็หาดูคลิปไปเรื่อยจนวนกลับมาที่แบครูมส์ กูบอกเลยว่าดูคลิปแบครูมส์แต่ละอันซ้ำเป็นสิบเป็นร้อยรอบ อันที่เป็นชั้นในห้างอันนี้แหละ (ลิงค์) ที่กูดูบ่อยสุด เพราะอะไรก็ไม่รู้ ชอบมากไหมก็ไม่ แต่จำได้เลยว่าก่อนหน้านี้มันวนมาช่วงที่นานิวะจะปล่อยบั้ม POPMALL แล้วกูก็ปิ๊งแว่บขึ้นมาเลยว่า...อยากแต่งฟิคก๊อปฉากในคลิปมาเลย เพื่ออะไรกูก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายเวลาก็ล่วงเลยมาจนสามเดือน กระทั่งเมื่อวานที่กูอู้งานแป๊ปหนึ่งมาแต่งแล้วดันได้ว่ะ เอาว่ะ เพลินว่ะ จากนั้นก็รีบทำงานให้เสร็จแล้วมาแต่งต่อจนจบก่อนนอนนี่แหละ มันคือฟิคไล่ควายภายในหนึ่งวันที่กูทำได้หลังจากห่างหายไปนาน! ถึงบอกว่าก๊อปมาแต่สมองอย่างเราย่อมไม่ใช่ก๊อปหมดทุกฉากอยู่แล้ว เพราะเราชลาดจ้าาา
     สารภาพว่ากูรู้จักเพลงในคลิปแบครูมส์อันนี้นะ แต่จำชื่อเพลงไม่ได้ กระทั่งไปเสิร์ชถึงได้อ๋ออ! เพลงมิสเตอร์แซนด์แมนนี่เองเหรอวะ! พับผ่าสิ! พอเห็นว่าประกอบฮาโลวีนสองที่กูก็จำไม่ได้แล้วเลยเอามาใส่ (มึงดู กูเอาชื่อไทยมาใส่เลยนะโว้ยยย! ทำเป็นเล่นไป 55555) แล้วก็เลยโยงไปฉากจ้วงมีดตอนท้ายที่พล็อตมาเพราะฮาโลวีนจริง ตั้งใจแต่งให้มีฉากฆ่าอยู่แล้วแค่คิดไม่ออกจนได้ไมเคิล ไมเยอร์สนี่แหละ ขอบพระคุร / เล่าว่าคนที่ติดโผแรกสุดเลยนะคือเร็นคิงปริ๊น โจ นาสุ ไทเซย์ เรียงตามลำดับ เอาจริงมันตึ๊กอยู่ที่นาสุตอนโรมิวิ่งไปหา แต่เอาไปเอามาพอถึงฉากแทงแล้วยังไงมันก็ต้องไทเซย์ว่ะ กูสเตอริโอไทป์จริง ยอมรับ TvT เห้อออ กูกลับมาแต่งไทเซย์ได้แค่เพราะเป็นเพื่อนเมน มันใช่เหรอวะ orz
     เพราะนี่คือพล็อตไล่ควาย เกิดก่อนหน้าแชปสี่จึงจะเรียกว่าภาคลบสี่ (เหมือนโกจิระของญี่ปุ่นยังไงล่ะ >_<) ถ้ารอกูแต่งก็ไม่รู้ว่าชาติไหนจะได้มาเฉลยเลยจะเล่าให้ฟังตรงนี้แหละ โรมิกับไทเซย์ทำงานในห้างเหมือนกัน ไทเซย์ชอบโรมิมากแต่โรมิจะยี้เพราะดูโง่งี่เง่าน่าสมเพชแถมยังตามตื๊ออยู่ได้ โน่นนี่นั่น เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือความฝัน เพราะเซ็ตแอนีมอยอากูเน้นเรื่องเกิดจากความฝันหมดแหละ ต้องแคร์เหี้ยไร และเวลาเราฝันบางทีความรู้สึกเรามันก็มึนๆ งงๆ ควรกลัวก็ไม่กลัว ควรเกลียดก็ไม่เกลียด มึงก็ต้องเคยเป็นเหมือนกันแหละใช่มะ โรมิก็เลยดูชิวๆ ไม่ได้ตระหนกตกใจมาก ไม่ได้รังเกียจไทเซย์เหมือนในชีวิตจริงที่ผลักไสไรงี้ สรุปคือโรมิก็ตายในโลกจริง ส่วนไทเซย์ก็ไม่ใช่คนธรรมดาจริง จบปิ๊ง รู้แค่นี้ก่อนพอ / ที่พอแต่งเรื่องนี้ปุ๊บพล็อตในมอลล์ก็พร่างพรูปั๊บ ส่วนในโรงหนังยังไม่คืบเลยว่ะ บอกเลยว่าพระเอกคืออุกิโชเพราะชอบดาร์คไนท์ (อะไรนะ! แค่นี้เนี่ยนะ!) เห้อออ เมื่อไหร่จะคิดออก
     ว่าไปก็แอบอยากได้เมมฯนานิวะเป็นพระเอก แต่คนที่เปิงสุดในหัวกูคือมิจิเอดะ ซึ่งไปเวลล์เนสสปาหล่อรวยไปแล้ว จะให้มาเล่นบทคนจนกิ๊กๆ ก๊อกๆ ทำงานห้างก็บ่ คนอื่นในวงที่เหลือก็ ฮ่าๆๆ ไหวจริงๆ เหรอวะมึง โจก็ฝืนนะ แต่เคียวเฮก็จะได้เล่นแชปนี้แหละ เพราะหัวน้ำตาลทองหล่อจังและเค้ายังเป็นเมนหนึ่งกู (ที่สุด) ในนนว มิจิที่อยู่ยั้งยืนยงเพราะดันเป็นเพื่อนที่รักไทโชมากๆ เฉยๆ 55555 แต่บางคนต่อให้เรารักมากก็แต่งไม่ได้ หาบทลงไม่เปิงใจถมไป ชัดสุดสำหรับกูก็โคจิกับฟูจิอินี่แหละนะ / ปล. อีเหี้ยกูเพิ่งดูเพิร์ฟเมคอัพเดย์/มิสซิ่งที่ช่องลงเมื่อวาน หล่อมากอีเหี้ยเย้ดแม่ เดี๋ยวกูไปขุดไฟ (รัก) ที่มอดหลังจากเรียลเฟซกลับมาแต่งนนวแนวยั่วเยหน่อยสิ เป็นกำลังใจให้ด้วย (แต่เคนโตะกู... ฮ่าๆๆ ทำไมเด็กที่กูเคยบ้ามากเพราะชอบหน้ามากถึงทำงี้กันหมดเลยวะ ตั้งแต่คานาซาชิละ กูจะบ้าตาย orz)
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×