ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #52 : CALENDULA REQUIEM ✣ II. Song From A Secret Garden

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 67


    CALENDULA REQUIEM
    Playlist: Emile Pandolfi – Someday My Prince Will Come / Emile Pandolfi – When You Wish Upon A Star













    .

    ค่ำคืนแรกในคฤหาสน์ชูเอ็นของริไอราวกับความฝัน แม้ว่าเธอจะนอนหลับสนิทเคล้าคลอไปกับเสียงสายฝนราวบทเพลงขับกล่อมโดยไม่ฝัน และตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่าในเวลาหกโมงเช้าจากเข็มนาฬิกาทองเหลืองบนผนัง

    ครั้งสุดท้ายที่ริไอได้นอนหลับบนเตียงกว้างหลังเดี่ยวที่เป็นของตัวเองอย่างสุขสบาย ไม่มีสิ่งใดให้ต้องพะวักพะวงทั้งยามก่อนและหลังเข้านอนก็ราวกับช่วงเวลาอันไกลโพ้นเสียจนเธอแทบจดจำความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้อีก ริไอเลิกเฝ้าฝันไปแล้วว่าจะมีวันที่คนป่วยอย่างเธอได้หลุดพ้นจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามายังคฤหาสน์ — สรวงสวรรค์ที่เธอจะเรียกขาน — แล้วจะเป็นเพราะใครได้ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่เปรียบเสมือนดั่งครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างโทคิเนะ แม้ใครต่อใครจะพากันเรียกขานหล่อนว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความตายก็ช่างฝีปากพล่อยๆ ของพวกเขาปะไร ในเมื่อสำหรับริไอ โทคิเนะก็คือเทพธิดาผู้มอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ

    กับอภิสิทธิ์ที่ทำให้ริไออดใคร่ครวญในตอนที่ยันตัวเองขึ้นมาเป็นท่านั่ง ทอดสายตามองดูห้องนอนที่สวยที่สุดในชีวิตเหมือนกับบ้านตุ๊กตาที่เธอเคยได้รับเป็นของขวัญจากเพื่อนพ่อที่ร่ำรวยมากสมัยยังเล็ก ภายในห้องตกแต่งด้วยสีขาวครีมเรียบหรู แซมด้วยสีเหลืองนวลประดับในสิ่งละอันพันละน้อยอย่างที่เธอชอบ เช่นเดียวกับชุดกระโปรงในตู้เสื้อผ้าที่ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ตรงต้องตามรสนิยมของเด็กสาวที่รักความเบิกบานอย่างน่าประหลาด ริไอนึกขอบคุณต่อความเมตตาของคุณและคุณนายอิวาซากิที่เผื่อแผ่มาให้เธอด้วยอย่างเหลือเฟือ ทั้งที่ตอนแรกพวกเขาต้องการรับอุปการะแค่โทคิเนะคนเดียวแท้ๆ เช่นนั้นแล้วการที่ตัวแถมอย่างเธอได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต่างจากผู้อยู่อาศัยเทียมเท่าอีกคนเป็นเรื่องที่เหมาะสมแน่หรือ เธอควรค่ากับสิทธิ์ที่ได้รับนี้จริงหรือ ความคิดเหล่านั้นยังคงตามติดริไออยู่อีกพัก กระทั่งลุกไปอาบน้ำฝักบัวอุ่นสบาย สลัดความหนาวเหน็บจากมวลอากาศเย็นที่ลอดผ่านช่องว่างเข้ามาแม้ว่าฝนจะหยุดตกไปแล้ว จนต้องหยิบชุดคลุมแขนยาวสีน้ำตาลอมส้มเหมือนกับชุดกระโปรงยาวเหนือเข่าขึ้นมาสวมทับ ตามด้วยรองเท้าบู๊ตยาวที่ช่วยให้มิดชิดยิ่งขึ้นสำหรับเด็กขี้หนาวอย่างเธอ

    เวลาหกโมงครึ่งยังถือว่าเช้ามากสำหรับโทคิเนะ แม้ว่าสมัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนจะต้องตื่นนอนตอนหกโมงเป็นกิจวัตรและทำทุกอย่างให้เสร็จสรรพก่อนลงไปรับประทานมื้อเช้าพร้อมกันในเวลาเจ็ดโมง หากริไอก็จะสังเกตเห็นความง่วงงุนของหล่อนที่มักหลบไปหาที่งีบหลับระหว่างวันอยู่บ่อยครั้ง โทคิเนะเคยพูดติดตลกให้ฟังว่าเป็นเพราะนิสัยขี้เกียจตัวเป็นขนที่สลัดยังไงก็ไม่หลุด แต่ริไอกลับคิดว่าเป็นเพราะความรังเกียจเดียดฉันท์ที่ได้รับจากผู้คนรอบข้างทำให้การลืมตาตื่นขึ้นมาในแต่ละวันเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับหล่อนต่างหาก แตกต่างจากริไอที่ขอเพียงแค่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกๆ วัน ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยความรู้สึกเช่นไรก็ตาม

    เพราะอย่างนั้นริไอถึงได้ปรารถนาให้ชีวิตใหม่ ในบ้านหลังใหม่ กับผู้คนใหม่ๆ เต็มไปด้วยความรักและความสุขที่ทำให้โทคิเนะอยากลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกๆ วันเหมือนกับเธอได้เสียที

    เมื่อตัดสินใจว่าจะไม่ไปเคาะประตูปลุกโทคิเนะตั้งแต่ไก่โห่แล้ว ริไอที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเลยแง้มผ้าม่านออกดู สวนดอกไม้หลากสีสันกับอาณาบริเวณกว้างขวางของมันที่คงเหมาะสำหรับการฆ่าเวลาเล่นเป็นอย่างดี ครั้นตกลงใจเลือกที่นั่นเป็นเป้าหมายการสำรวจแรกภายในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว ริไอก็เปิดประตูออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่ลิงโลด

     

    ทว่าเส้นทางที่วกไปเวียนมาของคฤหาสน์ทำให้ริไอได้แต่สับสน ขนาดแค่การหาบันไดที่คุณคุโรยานางิพาขึ้นมาเมื่อคืนยังชวนให้เธองุนงง ริไอยิ่งกว่าแน่ใจว่าผ่านจุดเดิมตรงนี้มาแล้วสองครั้งเพราะจำภาพวาดสวนดอกไม้บนผนังได้ ก่อนสมาชิกใหม่ที่เริ่มท้อถอดใจและคิดว่าบางทีการพุ่งหลาวผ่านหน้าต่างลงไปเลยคงง่ายกว่าจะได้สะดุ้งเฮือกจนตัวโยน อันที่จริงเธอหวีดร้องออกมาแล้วด้วยซ้ำเมื่อหมุนตัวกลับไปแล้วเกือบชนเข้าให้กับแผงอกของใครคนหนึ่ง ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมือหนาที่เอื้อมมาหยุดไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ได้ทันเสียก่อน ริไอไม่รู้เลยว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งมันจะเป็นไปได้อย่างไรบนโถงทางเดินเปิดโล่งซึ่งไม่มีซอกมุมไหนให้หลบซ่อน ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใด และไม่มีบานประตูห้องไหนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดหรือเปิดผัวะออกมาให้ได้ยิน นอกจากเสียงหัวเราะขบขันกลั้วไปกับน้ำเสียงแหบฟังดูแปร่งหูยามเอ่ยขอโทษที่เขาทำให้เธอตกใจ ผนวกกับใบหน้าที่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนชวนให้ลืมหายใจ และริไอก็อาจลืมหายใจได้จริงไปชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง กับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้หัวใจของสาวน้อยไหวสั่นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต

    “ไม่คิดว่าจะได้เจอกันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่แบบนี้เลยนะ”

    เธอรีบก้มหัวขอโทษปะหลก ละล่ำละลักแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักที่คงจะดูน่าขันเอามาก เขาถึงได้ไม่ยอมหุบรอยยิ้มน่ามองนั้นเสียที

    “เอ่อ ฉันทาเคียว ริไอค่ะ เป็นเพื่อนสนิทของโทคิเนะที่คุณกับคุณนายอิวาซากิเมตตารับอุปการะมา ถึงตอนแรกพวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจรับอุปการะฉันด้วยนอกจากว่าโทคิเนะไปขอไว้ แต่ฉันก็ดีใจและซาบซึ้งใจมากเลยค่ะที่ได้มาอยู่ที่นี่!

    “ยินดีต้อนรับและยินดีที่ได้รู้จักนะ ริไอ ชื่อของเธอเพราะมากเลย” พร้อมกับคำชมที่จะทำให้เด็กสาวเจ้าของชื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวทั่วใบหน้า ลามไปถึงสรรพางค์กายอย่างไม่มีเหตุผล “ส่วนฉันอุกิโช ฮิดากะ เป็นเพื่อนสนิทของลูกชายเจ้าของบ้านอิวาซากิที่ก็ยินดีมากกับการมาถึงของพวกเธอทั้งสองคน”

    ให้ริไอได้ผงกศีรษะตอบรับด้วยความเก้อเขิน หลุบตาหลบใบหน้าและรอยยิ้มที่เจิดจ้าเสียจนอาจทำให้นัยน์ตาของเธอมัวพร่าไม่ต่างอะไรจากการแหงนมองพระอาทิตย์ในยามเช้า

    “แล้วนี่กำลังจะไปไหน?”

    “อ๋อ ตั้งใจว่าจะไปสวนดอกไม้ค่ะ แต่คฤหาสน์ที่นี่กว้างมากแถมยังซับซ้อนมากอย่างกับเขาวงกตจนทำเอาหลงทางเลยค่ะ”

    เขาเปล่งเสียงหัวเราะเริงร่ากลั้วไปกับคำพูดติดตลกที่จะทำให้ริไอยิ้มกว้างออกมาได้เช่นกัน

    “งั้นก็ตามมาเถอะ ฉันรู้ทางออกจากเขาวงกตไปที่สวนดอกไม้ รับรองว่าไม่พาสมาชิกใหม่หลงแน่นอน”

     

    แค่ทิวทัศน์ที่ได้มองเห็นจากมุมสูงบนห้องนอนชั้นสองก็ชวนให้ตื่นตามากพออยู่แล้ว หากการได้มองเห็นมันอยู่เบื้องหน้ากลับชวนให้ตื่นใจยิ่งกว่า สวนสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ด้านหลังคฤหาสน์ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางมาก ประดาประดับไปด้วยพืชพรรณดอกไม้หลากสีสันที่พากันส่งกลิ่นหอมกำจรกำจาย ผืนหญ้าชุ่มฉ่ำอุ้มน้ำฝนที่ตกหนักทั้งคืนจนเป็นสีเขียวขจีเช่นเดียวกับพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งสวยงามเป็นระเบียบ ทางเดินที่ปูด้วยกรวดสีขาวทำให้ริไอรู้สึกราวกับกำลังโลดแล่นอยู่ในดินแดนเทพนิยายทอดยาวผ่านซุ้มประตูโค้งที่พันด้วยไม้เลื้อยเข้าไปยังน้ำพุหินอ่อนสลักรูปเทพธิดาที่ใจกลางสวน รายล้อมไปด้วยดอกไม้สีเหลืองจัด ส้มสด แซมขาวบริสุทธิ์ที่ฮิดากะบอกกับเธอว่ามันคือดอกดาวเรือง (ชูเอ็น) อันเป็นที่มาของชื่อคฤหาสน์แห่งนี้นั่นเอง

    “อันที่จริงเมื่อก่อนที่นี่ไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรอก แต่เพราะคุณนายอิวาซากิ...ฉันหมายถึงคุณแม่ของไทโชท่านรักดอกดาวเรืองมาก เลยสั่งให้คนสวนนำมาปลูกกลางสวนดอกไม้นี้แล้วเปลี่ยนชื่อคฤหาสน์เสียใหม่ว่าชูเอ็น”

    ฮิดากะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสวนดอกไม้รวมถึงพฤกษานานาพรรณที่เขาชี้ชวนให้เธอดูด้วยน้ำเสียงแหบน่าฟังอย่างมีจังหวะจะโคน พลอยให้ริไอเพลิดเพลินตามไปด้วยโดยไม่นึกเบื่อ

    ก่อนที่เขาจะพาเธอเดินข้ามสะพานตัดผ่านแม่น้ำสายเล็กมายังศาลาทรงกลม ส่วนของโดมครอบด้านบนก็ทำมาจากหินอ่อนสีขาว สลักเสลาด้วยลวดลายวิจิตรที่ทั้งประณีต อ่อยช้อย และงดงาม ไม่ต่างจากแทบทุกตารางนิ้วของคฤหาสน์ บีบให้ตัวของเด็กสาวบ้านนอกที่ไม่เคยจินตนาการถึงความรุ่มรวยประหนึ่งอยู่ในความฝันยิ่งหดเล็กลงไปอีก หรือไม่...ริไอก็อาจทำเช่นนั้นไปแล้วในตอนที่ทิ้งตัวนั่งลงไป เพราะไม่อย่างนั้นฮิดากะที่ยืนพิงเสากอดอยู่ข้างเธอคงไม่เปล่งเสียงหัวเราะขบขันแล้วพูดว่า

    “ทำตัวตามสบายเถอะริไอ จากนี้ไปที่นี่ก็คือบ้านของเธอแล้ว”

    ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย — อย่างที่เขาทำให้ทุกอย่างฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย — แต่สำหรับริไอที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาได้ไม่ถึงหนึ่งวันเต็มด้วยซ้ำก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ดี เพราะอย่างนั้นเธอจึงเริ่มต้นหาเรื่องมาสนทนากับเขาเพื่อช่วยคลายบรรยากาศเก้อเขินว่า “ก่อนหน้านี้คุณอุกิโชบอกว่าเป็นเพื่อนของลูกชายเจ้าของบ้าน ชื่อคุณอิวาซากิ เอ่อ ไท...ไทโชใช่ไหมคะ?”

    ฮิดากะพยักหน้า

    “อืม ตอนนี้ที่นี่มีสมาชิกบ้านอิวาซากิแค่ไทโชกับน้องสาวที่ชื่ออาซึฮะ ส่วนพวกเราที่เหลือเป็นเพื่อนสนิทไม่ก็ญาติสนิท เพราะเหลือคนอยู่แค่น้อยนิดคฤหาสน์เลยเงียบเหงาลงไปกว่าแต่ก่อนมาก งานเลี้ยงก็ไม่ค่อยมี แขกเหรื่อก็ไม่ค่อยมา พวกเราบางคนเลยแวะเวียนมาอยู่ด้วยเพื่อสร้างความครึกครื้นเป็นการชั่วคราว ส่วนบางคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ เอาไว้ถึงมื้อเช้าก็ได้เจอทุกคนพร้อมหน้าแล้วล่ะ”

    “คุณอุกิโชก็แวะเวียนมาอยู่ด้วยเหรอคะ?”

    “ฉันมีหน้าที่ที่ต้องทำต่างหาก” ด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่เสริมรับความอ่อนโยนของดวงตายามสบประสานกับเธอที่แหงนเงยมอง “ก่อนหน้านี้ฉันเคยทำงานเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง พอไทโชเล่าว่ามีเด็กที่รับอุปการะคนหนึ่งป่วย ฉันเลยตัดสินใจลาออกมาช่วยดูแลทางนี้แทน”

    “ลาออกเหรอคะ!” ริไอลืมตัวหลุดร้องเสียงดังด้วยความตื่นตกใจ “เป็นเพราะฉันเหรอคะที่ทำให้คุณอุกิโชตัดสินใจลาออก!

    ตรงกันข้ามกับเขาที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าและท่าทีเมื่อเอ่ยต่อไปว่า “ความจริงฉันตั้งใจว่าจะลาออกตั้งนานแล้ว แค่ยังหาจังหวะเหมาะๆ ไม่ได้สักที ต้องขอบคุณริไอด้วยซ้ำถึงจะถูก”

    “ฉันไม่ได้ป่วยเป็นอะไรร้ายแรงสักหน่อยค่ะ!” เจ้าตัวรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกปัด “อีกอย่าง...ฉันเองก็ชินกับมันแล้วด้วย”

    “เธอชินกับความเจ็บปวดไม่ได้หรอกนะ” ฮิดากะสวนย้อนกลับไปแทบจะทันที แม้ริไอจะรู้ดีแก่ใจว่าเขาพูดถูก หากเธอก็เลือกที่จะตอบกลับเขาไปด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่ทำใจให้ชินก็ทนอยู่ร่วมกับมันไม่ได้หรอกค่ะ”

    แล้วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ฮิดากะก็เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า จับมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นกุม แล้วเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “เชื่อใจให้ฉันเป็นคนดูแลริไอต่อจากนี้นะ”

    ผิวแก้มสีขาวจัดของริไอเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เนื้อตัวก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวทั้งที่อากาศยามเช้าก็ยังคงหนาวเหน็บ เธอได้แต่นิ่งงันไม่กล้ากระทำสิ่งใดแม้แต่การขยับลูกนัยน์ตาหรือริมฝีปาก ตรงข้ามกับลูกนัยน์ตาวาววับและริมฝีปากที่มีรอยยิ้มกว้างประทับอยู่ของอีกฝ่าย ริไอไม่แน่ใจเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ หากสาวใช้คนหนึ่งไม่เดินมาหยุดยืนอยู่นอกศาลาเพื่อแจ้งว่ามื้อเช้าในอีกสิบนาทีก่อนค้อมศีรษะผละจากไป ไม่ได้แสดงทีท่าใคร่อยากรู้ต่อการกระทำของพวกเขาอย่างที่ริไอนึกม้านอายขึ้นมาแต่ประการใด

    ฮิดากะปล่อยมือที่กุมไว้ออก กลับไปลุกขึ้นหยัดยืนอีกครั้ง แล้วเอ่ยปากชักชวนเธอราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นว่า

    “พวกเราก็ไปกันเถอะ”




    เป็นเพราะเสียงเคาะประตูที่แว่วดังผ่านโสตประสาทเข้าสู่ภวังค์ล้ำลึกที่ช่วยปลุกโทคิเนะให้ตื่นจากการนอนหลับที่อาจเรียกได้ว่า สนิท ที่สุดเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกโก้ร้อนแก้วนั้นจริงๆ หรือเปล่า และเธอได้ฝันถึงอะไร...หรือว่าใคร...หรือเปล่า ทั้งอย่างนั้น ความคิดคำนึงแม้ในยามตื่นของโทคิเนะก็ยังคงเป็นทายาทเจ้าของคฤหาสน์ผู้สูงศักดิ์ราวออกมาจากความฝันที่ไกลเกินเอื้อม ความรู้สึกตื่นเต้นที่อีกไม่ช้าก็จะได้พบหน้าเขาแล่นปราดคืนมา เกือบเป็นหัวใจที่เต้นโครมครามทุกวินาทีที่เดินตามสาวใช้ซึ่งรอเธอจัดแจงตัวเองอย่างเร่งรีบเพื่อช่วยนำทางไปยังห้องอาหารโดยไม่หลงตามคำสั่งของคุณคุโรยานางิ

    โทคิเนะละล่ำละลักเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับศีรษะที่ก้มปะหลก เมื่อเห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าในห้องอาหารที่จุคนได้สิบสองคนสบายๆ แล้วปรี่เข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ว่างคนละฝั่งกับริไอที่ยิ้มกว้างให้เธอได้เปิดยิ้มกลับคืนไป ก่อนชายหนุ่มหน้าตาน่ารักที่นั่งอยู่ทางขวามือของเธอจะเป็นคนเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “ยินดีต้อนรับสองสมาชิกใหม่ โทคิวะ โทคิเนะจัง และทาเคียว ริไอจัง เข้าสู่คฤหาสน์ชูเอ็นของเรา!” ให้สองสมาชิกใหม่ที่ว่าหันไปค้อมหัวตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างดุจกัน

    “เมื่อคืนพวกเรากลับมากันไม่ทันเลยไม่ได้อยู่ต้อนรับทั้งสองคน แต่ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก เนอะ! เริ่มจากคนไม่สำคัญอย่างฉันก่อนก็แล้วกัน ฉันฟูจิอิ นาโอกิ เป็นลูกพี่ลูกน้องของบ้านอิวาซากิที่กำลังว่างงาน และอยากเจอหน้าสมาชิกใหม่ใจจะขาด เลยขอมาพักอาศัยอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราว...”

    “หรือจะถาวรก็ยินดีนะคะ”

    โทคิเนะได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผมสีทองภายใต้แสงสว่างจากธรรมชาติที่ลอดผ่านกรอบหน้าต่างทรงสูงเข้ามาอย่างชัดเจนก็ตอนนี้เอง ถ้อยคำยามเย้าหยอกกลั้วไปกับเสียงหัวเราะของหล่อนฟังแล้วรื่นหู ไม่ต่างจากใบหน้าหมดจดแต้มรอยยิ้มที่ดูแล้วรื่นตา ก่อนหล่อนที่นั่งอยู่คนละฝั่งตรงกันข้ามกับนาโอกิจะหันมาหาสมาชิกใหม่ทั้งสองแล้วแนะนำตัวเองว่า “อิวาซากิ อาซึฮะค่ะ น้องสาวของพี่ไทโช ดีใจที่มีเด็กผู้หญิงอยู่ในคฤหาสน์เหมือนกัน อาซึฮะจะได้มีเพื่อนคุย”

    “ว่าแต่อาการป่วยเมื่อวานหายดีแล้วหรือคะ?” ริไออดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงตามประสา

    “ขอบคุณนะคะ แต่อาซึฮะเป็นไข้เพราะอากาศเปลี่ยนเฉยๆ ที่นี่อากาศค่อนข้างแปรปรวนค่ะ อึมครึมมากกว่าสดใส ฝนตกมากกว่าแดดออก คงเพราะว่าอยู่ติดทะเลมั้งคะ หรือไม่ก็...ก็เพราะอะไรก็ช่างเถอะค่ะ! แต่หวังว่าพอรู้แบบนี้เข้า ทั้งสองคนคงไม่ผิดหวังกับคฤหาสน์ของเราขึ้นมาหรอกนะคะ”

    “ไม่เลยค่ะ!” ริไอรีบสั่นศีรษะ “ฉันชอบฝน โทคิเนะก็ชอบเวลากลางคืน เนอะ!”

    หากคนที่ถูกถามก็จะเพียงยิ้ม

    “อย่างนั้นก็ดีไปค่ะ”

    “ส่วนสุภาพบุรุษตรงนั้น...” นาโอกิผายมือไปยังชายหนุ่มอีกคนที่นั่งข้างกับโทคิเนะ ใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาดูดีมากของเขานิ่งเฉย แต่ไม่ถึงกับเย็นชาจนน่ากลัวยามผงกศีรษะหน่อยหนึ่งเป็นการตอบรับ “เขามีชื่อว่านาสุ ยูโตะ และจะเป็นครูสอนหนังสือให้กับทั้งสองคน”

    “ครูเหรอคะ?” ริไอถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจ

    “อื้อ” นาโอกิพยักหน้า “ซิสเตอร์บอกว่าทั้งสองคนอยากเรียนหนังสือ แต่ในเมื่อทั้งสองคนมีปัญหาที่ช่วยไม่ได้อยู่ ฉันก็เลยเสนอว่างั้นทำไมไม่จัดการเรียนการสอนที่บ้านไปเลยล่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ห้องสมุดที่นี่มีทุกอย่างครบครัน นาสุคุงเองก็ปราดเปรื่องสมเป็นอัจฉริยะ ถึงอาจจะดูเย็นชาไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนไม่น่าคบหาอะไร”

    เสียงพ่นลมหายใจที่ไม่ปิดบังการเยาะหยันของอาซึฮะดังแทรกขึ้นมาก่อนนาโอกิจะได้พูดจนจบประโยคดีด้วยซ้ำ ครั้นหล่อนเสริมต่อไปว่า “ก็ไม่แน่หรอกนะคะ” แล้ว โทคิเนะก็อดใช้หางตาเหลือบแลไปทางคนที่ถูกพาดพิงขึ้นมาไม่ได้ กระนั้นยูโตะก็ไม่ได้โต้ตอบกลับไปเป็นคำพูด นอกจากจ้องหน้าหล่อนแล้วยกริมฝีปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน แต่ก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้นจากใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นงอง้ำของอาซึฮะ นาโอกิก็จะรีบตะโกนห้ามทัพอย่างรู้งาน แล้วเริ่มต้นแนะนำสมาชิกร่วมโต๊ะคนที่เหลือต่อ

    “ส่วนนั่น อุกิโช ฮิดากะ เขาจะมาเป็นหมอประจำคฤหาสน์ชูเอ็นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

    เป็นเพราะสถานะที่ได้ยิน ทำให้โทคิเนะอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “ดีจังเลยนะริไอ!”

    รอยยิ้มของริไอทั้งกระจ่างสดใสหากก็ดูขัดเขินไปด้วยในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าระหว่างที่เธอมัวแต่นอนหลับอุตุอยู่ เพื่อนสนิทของเธอก็น่าจะผูกมิตรกับคุณหมอไปแล้วเรียบร้อย แม้ว่าโทคิเนะจะไม่คาดหวังถึงการรักษาโรคที่ไม่มีใครรู้จักให้หายขาดเมื่อเรื่องนั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แต่การมีหมออยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตอนอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งทำได้แค่ปล่อยให้ริไอต้องทนทรมานก็ดีมากแล้ว

    ก่อนนาโอกิจะส่งเสียงเลียนแบบแตรวงเมื่อมาถึง คนสำคัญที่สุดซึ่งนั่งเงียบอยู่ตรงหัวโต๊ะทางฝั่งขวามือของเขา ขณะที่สมาชิกผู้ร่าเริงทั้งสามคนของฝั่งตรงกันข้ามจะพากันเปล่งเสียงหัวเราะขบขัน เสียงเดียวของโทคิเนะที่ดังอาจเป็นหัวใจยามรวบรวมความกล้าหันไปมอง

    ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มแม้เพียงน้อยเหมือนกับคนอื่น หรือแค่จะหันมองสบตากับเธอสักเสี้ยววินาทีหนึ่งเสียด้วยซ้ำไป ชั่วขณะนั้นเอง โทคิเนะอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เธอได้พบกับอิวาซากิ ไทโชนั้นเกิดขึ้นจริงหรือเป็นแค่ความฝันกันแน่?











    2023年09月09日
    _______________
     มิติใหม่ในการลงฟิค ตอนที่หนึ่งกูยังลงไม่หมดเพราะไม่ไปเกลาสักเตื้อ แต่ก็ข้ามมาลงตอนที่สองก่อนเลย อะไรของมันวะ งง เพราะกูยังคงคอนเส้ปลงฟิควันเลขสวย และฉลองให้กูด้วยที่โชคุระเมื่อวานบชนแสดงเพลง NOT FOUND ของเซ็กซี่โซนที่กูตั้งตารอมาตั้งแต่เห็นรูปในแมกฯว่าใส่ชุดแดงกับหน้ากาก! แมสคะเรด! แล้วกูก็กรี๊ดมากเพราะช่วงนั้นกำลังหมายมั่นกับเรื่องนี้อยู่ เอาแล้ว งานเลี้ยงหน้ากากของเจ้าวสีต้องมาแล้ว (ไทโชกับอุกิเพิร์ฟนี้คือสุดจริงสำหรับกู ลุคเจ้าบ้านอิวาซากิเลยค่ะ คุณผู้ชายคะ T_T) ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้ Lies of P เริ่มปล่อยคลิปโปรโมตเกมเพลย์อะไรแล้วเพราะเกมใกล้จะวางแผง เห็นฉากในเกมปล่อยมาทีละนิดกูเลยกลับมาที่คฤหาสน์ดำทีละหน่อย ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ พล็อตฟิคใหม่หาย มีแต่พล็อตฟิคเดิมเต็มหัว เอ้า! หรือนี่จะมาถึงยุคที่กูแต่งเรื่องยาวได้แล้ววะมึง (ไม่ได้)
     ลัดคิวเอามาลงได้เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับตอนก่อนหน้าอยู่แล้ว มีแค่โทคิเนะย่องออกไป ริไอหลับปุ๋ยทั้งคืน พล็อตแรกสุดที่คิดไว้คือริไอจะได้เจออุกิตอนเดินชมคฤหาสน์เพราะฝนยังไม่หยุดตก แต่บุรบาป สเตซี่ไปทีนเฟรชในสวนดอกไม้ แล้วกูก็ดันเปิงใจกับอุกิรูปนี้พอดี ก็เลย ฮะฮ่า เดี๋ยวไปพบรักกันในสวนดอกไม้ลับ (เหมือนบาร์ลับ) แล้วกันนะ >_< / และต้องขอบคุณฟิคเรื่องนี้ที่เปิดมิติการฟังเพลงให้กูมาก สรรหาเพลงแนวกอธิคอนิเมะ เปียโนมิวสิค ไนท์อคาเดมีอะไร ใดๆ คิดแค่ว่าอยากใช้เพลงที่ชื่อมีคำว่าดอกไม้เลยลองหาดู ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเพลงที่ชื่อสวนแมรี่โกลด์พอดีเด๊ะ! บรรยากาศก็กอธิคยุโรปเด๊ะ! หลับตาแล้วนึกถึงสารคดีท่องเที่ยวยุโรปสมัยเด็กเป๊ะ! ว่าไปอาลิโปรเจกต์นี่กูฟังแค่เพลงประกอบโรเซ่นเมเด้นมั้ง (โอ๊ย เกิดไม่ทันๆ >_<) ละอะไรรู้ไหม พอกูไปคุ้ยสปอติฟายดูถึงเห็นว่ามีอัลบั้มชื่อ Belle Epoque ด้วย อู๊ยยย ขนลุก!
     ตอนแรกจะเน้นแต่เรื่องในคฤหาสน์เน้นๆ กระทั่งกูไปเห็นคลิปในเมืองเพิ่มเติมจากเกมแล้วไม่ไหว ครั่นเนื้อครั่นตัว ในเมื่อกูทุ่มพล็อตทั้งหมดที่คิดไว้ลงไปในเรื่องนี้ เพื่อเซ็ตติ้งนี้ที่ได้มาเพราะแมกฯโซเอ็น และคงไม่มีพล็อตใหม่ในเวลาอันใกล้อีกแล้ว งั้นก็ยัดมาจุกๆ ไปเลยแล้วกัน ไหนๆ โลกก็รู้ว่ากูแต่งฟิคไม่เคยจบอยู่แล้ว แต่ไอเดียก็ดีจริง ชลาดจริง ต้องยอมรับ >_< ดังนั้นกูเลยเพิ่มตัวละครมาในหน้าคาแรกฯ ไปดูได้ แต่ในคฤหาสน์ก็ยังอยู่กันเจ็ดคนเหมือนเดิม (ส่วนลูกแม่บ้านจะกลับมาทุกสุดสัปดาห์จ้ะ) บทอิสเสริวกะยังคิดไม่ออกแต่จะยัดให้ครบวง โทกะเป็นพี่สาวอิสเสและเป็นคู่หมั้นไทโช (เพราะกูอ่านบ้านศิลาทรายนี่แหละสู) ส่วนริโยโกะร้องเพลงในโรงละคร แต่ที่จริงบทเซย์เร็นกูเคยวางให้คู่กับอิสเสตั้งแต่ก่อนมีข่าวแล้วต้องเปลี่ยนนักแสดงกะทันหัน ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจได้กลับมาใหม่ โอ้โห อห ง่ายจังวะ ย้อนไปอ่านหน้าคาแรกฯ กูด่าเป็นวรรคเป็นเวรเลยไม่ใช่เหรอวะมึง และจะไม่ลบด้วยโว้ย หิหิ TvT / แน่นอนว่าอีกตอนสองตอนจะต้องมีงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ แต่ยังไม่ใช่งานเลี้ยงหน้ากากหรอก อันนั้นต้องไคลแมกซ์...ที่กูจะแต่งไปถึงได้ยังไงวะ ฮึ!

    2024年08月08日
    _______________
     เอามาลงวันที่ 7 แต่จะลักไก่เขียน 8/8 เพราะครึ่งแรกเอามาลงตอน 9/9 ของปีที่แล้ว และเพราะโลกรู้ว่าดิชั้นชอบเลขสวยๆ งามๆ ชอบคนหน้าตาสวยๆ งามๆ อยากทำอะไรก็ทำค่ะ สวัสดี
     ฉากห้องกินข้าวลักมาจากคฤหาสน์ไหน manor ไหนไม่รู้ ทำรูปไว้ครึ่งปีละก็ลืมจด แต่คิดว่า(น่าจะ)เป็นฉากถ่ายทำรีเบคก้าของนฟ...ไหมวะ แต่ก็เหมือนไม่ใช่ -_- ที่แม้ว่าหนังจะห่วย อย่างน้อยก็มีพระเอกขวัญใจมึง และกูก็ได้แรงบันดาลใจกับฉากสวยๆ ให้ไปตามส่องหาโลเกชั่นจริงมากมาย / อนึ่ง อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้มาแนวเว่อร์ แนวเกมจีบหนุ่ม ไม่เน้นความสมจริง at all เพราะโถงทางเดินมันก็น่าจะเป็นทางตรงอย่างเดียวไหม จะซับซ้อนแค่ไหนก็ไม่น่าหาทางลงไม่เจอไหม ไม่ใช่เด๊ดลี่เดกะแด๊งมึงไหม ละไม่ใช่ชั้นล่างที่โทคิเนะหลงไหม อันนั้นเข้าใจได้เพราะทางข้างล่างส่วนใหญ่มันน่าจะวกวนกว่าไหม อันนี้ก็ไม่รู้ กูก็ไม่เคยไปคฤหาสน์ที่ไหนแม้แต่มันเดอร์ลีย์ในความฝัน แต่ต้องแคร์ไร / ฉากสวนดอกไม้เอามาจากคลิปเดินเที่ยวสวนยุโรปหลายๆ ที่รวมกัน เอาจริงกูว่าดอกดาวเรืองไม่สวยเลย ยิ่งเป็นสวนยิ่งไม่สวย แต่เพราะมันสีเหลืองส้มไง รู้งี้กูตั้งชื่อว่าคฤหาสน์กุหลาบดีกว่า แต่ส้มเหลืองก็ไม่สวยอีก เห้ออ ใครจะสู้ลูกองุ่นกูได้วะ U_U
     ส่วนซีนแนะนำตัวบนโต๊ะอาหารต้องขอบคุณวังไวกูณฑ์ (ที่แม่เกือบเอาไปขายแล้ววว!!!) เพราะแต่งไม่ออกเลย ขนาดแต่งได้แล้วกูยังคิดว่าคุยกันน่าเบื่อชิบหาย แต่ไม่ให้แนะนำตัวก็ไม่ได้ไหมวะ เห้ออ แต่คำพูดคำจาอะไรบอกเลยว่าตั้งใจแต่งฟีลไทย ถ้ารู้สึกว่าตอแหลจังโว้ย ขำจังวะ ก็คือถูกแล้วจ้ะพี่ / ขอเล่าหน่อยเพราะเพิ่งรำลึกได้ว่ากูลืมพล็อตสมัยที่อิสเสยังอยู่ในคฤหาสน์ก่อนฟูจิอิจะมาแทนไปเกือบหมดแล้ว เจอข่าวใหญ่ข่าวเดียวสมองกูกลับเลย 55555 แต่เหมือนว่าสมัยอิสเสบทจะสนุกกว่านี้นะ ถ้าจำไม่ผิดคือชอบโทคิเนะละเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเซย์เร็น อาซึฮะเป็นปกติชน แต่พอเวอร์นี้สลับมาเป็นนาสุกับอาซึฮะ ส่วนเซย์เร็นเป็นคนปกติแทน บทอิสเสตอนนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้แล้ว แต่บอกเลยว่าบทอาซึฮะนี่แหละตอแหลสุดแล้วในเรื่อง ทรงตัวร้าย หวงพี่เหมือนวัวเหมือนควาย ตั้งใจแต่งให้เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเพื่อเพิ่มความตอแหลอีก 200%
     เบื่อเพลงเก่าที่ก็เพราะอยู่แหละ แต่ฟังนานๆ แล้วไม่ชอบว่ะเลยเปลี่ยนดีกว่า -_- (กูขี้เบื่อขนาดนี้ทำไมยังไม่เบื่อบชนสักทีนิ) หลังจากไปส่องเพลย์ลิสต์แนวกอธิก ดาร์คอะคาเดมี ในสปอติฟายอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็เคาะๆ เพลงนี้แหละ ถือว่าเริ่ดอยู่ เพราะแรงบันดาลใจเรื่องนี้คือพีที่มาจากพินอคคิโอ งั้นเราก็ประเดิมด้วยเพลงเปียโนที่มาจากสโนว์ไวท์ เพราะริไอของกูสวยสมเป็นสโนว์ไวท์จริง ถ้าแม่มดถาม กระจกก็จะบอกว่าคนนี้แหละที่สวยจริง ไม่จกตา ไม่ต้องสะกดจิตหรือตีความใหม่ห่าเหวอะไร สวยร้อยคนมองก็คือสวย จบจ้ะ อย่ามาเพ้อฝันว่าทุกคนเป็นเจ้าหญิงได้ ส่วนเจ้าชายก็อยู่ตรงหน้านี่แล้ว ไม่ต้องรอแล้วค่ะคุณหมอ เออ รู้ป่ะว่าในเรื่องบ้านศิลาทรายก็มีบทคุณหมอศุภเกียรติ ในเรื่องก็จะเขียนว่าคุณหมอ นายแพย์ตลอดเลย ซึ่งกูทำไม่ได้ว่ะ คุณหมออุกิโชเหรอ หึยบ่ะ มีแต่ Mad Love เท่านั้นแหละค่ะที่ชั้นจะยอมเรียกว่า...คุณหมอขา / ไหนๆ แล้วก็รวดใช้เพลงจากพินอคคิโอเลยแล้วกัน เพราะคงไม่ใช้เวอร์ชั่นนี้อีกแล้วในภายภาคหน้า กูจะใช้ในภายภาคนี้เลยเพราะไทโช ฮิฮิ
     ปล. รู้สึกประทับใจเสมอเวลาเห็นวงเล็บเปอร์เซ็นต์ข้างหลังถูกลบไปจากชื่อตอน แต่นานทีปีนึงจะทำได้สักเรื่องนึง เพราะส่วนใหญ่ก็คือแต่งไม่จบ แล้วก็เปิดเรื่องใหม่ มันคือลูป ไม่ใช่สไปรัล เพราะหาทางออกไม่ได้ ถ้ากูมึงเป็นอลันเวคก็คือไม่ได้ออกมาละนิ กรรม
    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×