คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #76 : Demise and Kiss: The Final
1
ทั้งที่ทสึบากิฮาระ ไมระ เคยคิดมาตลอดว่าอยากให้ทากาฮาชิ ไคโตะ เด็กผู้ชายเฮงซวยบัดซบที่ดีแต่กลั่นแกล้งเธอ และทำให้ชีวิตใหม่ กับครอบครัวใหม่ ในเมืองใหม่ และรั้วโรงเรียนใหม่ราวกับอยู่ในนรกก็ไม่ปานตายๆ ไปซะได้ก็ดี หากในวินาทีที่ได้มองเห็นเขาอยู่ในสภาพใกล้ตายเข้ากับตาจริงๆ ทั้งเนื้อตัวที่อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ย้อมผิวหนังและชุดนักเรียนสีขาวทั่วทุกตารางนิ้วไม่มีว่างเว้น จากชิ้นเนื้อเหวอะหวะตรงลำคอที่เขาพยายามยกมือขึ้นเพื่อกดกลับลงไป หากก็ดูเหมือนเป็นการกระทำที่ไร้ผลจากของเหลวที่ยังคงไหลลงมาไม่ได้หยุด มีร่องรอยของกรงเล็บตลอดทั้งบนใบหน้าและลำตัวราวกับถูกสัตว์ร้ายขย้ำ ที่น่าเหลือเชื่อว่าเขาจะยังคงสามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนที่เดินโซเซออกมาจากป่า ก่อนที่จะล้มลงไปเมื่อพรวดพราดตัดหน้าเธอที่เร่งฝีก้าวอยู่บนถนน ไมระปล่อยให้ความตื่นตะลึงครอบงำอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นรีบวิ่งปราดเข้าไปหาแล้วประคองร่างหนาหนักนั้นไว้โดยไม่มีความลังเลใจ
ร่างกายของเด็กหนุ่มปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงที่จะกระทำสิ่งใดได้อีก จนเด็กสาวต้องเป็นฝ่ายเอื้อมมืออันสั่นเทาเพราะความหวาดหวั่นต่อภาพสยองขวัญเบื้องหน้าที่ได้เห็น ไปกดห้ามเลือดราวน้ำพุสาดกระเซ็นตรงลำคอ ที่ดูเหมือนจะถูกกัดกระชากเพื่อความสาแก่ใจมากกว่าจะกัดกินเป็นอาหารแทน
หากแม้ว่าใบหน้าที่ถูกกรงเล็บข่วนขย้ำจะกระชากเนื้อหนังให้เปิดอ้าออก ปล่อยสีแดงอาบละเลงไปทั่วใบหน้าจนแทบไม่อาจมองเห็นเค้าเดิมได้อีก แต่ไม่ว่าอย่างไร ไมระก็รู้ว่าเธอจะจดจำทากาฮาชิ ไคโตะได้เสมอ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นเรือนผมสีน้ำตาลทองทั้งที่ผิดกฎโรงเรียนอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลยด้วยซ้ำ
และเมื่อคิดถึงความทรมานทางกายที่เขากำลังเผชิญ ซึ่งหนักหนาสากรรจ์กว่าความทรมานทางใจที่เธอได้รับจากเขาตลอดมา ขณะจ้องสบดวงตาซึ่งเคยสะท้อนภาพความเกลียดชังต่อกันและทำให้เธอต้องเสียน้ำตาจากความคับแค้นใจมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าไม่ใช่กับครั้งครานี้ที่มันมาจากความรู้สึกอื่น อย่างที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมี ‘ความสงสาร’ ให้กับคนอย่างเขาได้
“อย่าตายนะ…ทากาฮาชิ...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว...แข็งใจไว้นะ...นายจะตายต่อหน้าคนที่เกลียดได้ยังไง...”
ไมระร่ำร้องไห้ เอ่ยพร่ำคำพูดปลอบโยนซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาและเปื้อนเปรอะไปด้วยของเหลวเหนียวหนืดโดยไม่มีท่าทีรังเกียจ และเมื่อไคโตะได้สัมผัสถึงความอุ่นร้อนบนใบหน้าจากหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา เขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนชื้นที่ขอบตาของตัวเอง
2
ทุกคนในเมืองคุรันต่างรู้ดีว่าไม่ควรใช้เส้นทางลัดตัดผ่านป่ามืดครึ้มที่ดูน่าวังเวงในตอนเย็นย่ำแบบนี้ ยิ่งโดยเฉพาะกับเด็กสาวที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือนและยังไม่คุ้นชินกับพื้นที่ด้วยอีก แต่ไมระไม่มีทางเลือก แค่การต้องอยู่โยงช่วยงานครูประจำชั้นหลังเลิกเรียนเป็นชั่วโมงก็เป็นการเสียเวลามากพอแล้ว เพราะนั่นหมายถึงการต้องถูกคนที่บ้านด่าทอสาดเสียเทเสียด้วยถ้อยคำที่เสียดแทงทะลุโสตประสาท ลามมาถึงการขว้างปาข้าวของและทำร้ายร่างกายจนทะลุผิวเนื้อให้เลือดตกยางออก โดยไม่ยินยอมรับฟังคำแก้ตัวอื่นใดทั้งนั้นที่เธอพยายามจะเอ่ย ชีวิตของไมระดำเนินไปในแบบที่เลวร้ายที่สุด ไม่ใช่แค่ที่บ้าน แต่ยังรวมไปถึงที่โรงเรียน
เหตุการณ์หนึ่งเชื่อมโยงไปยังอีกเหตุการณ์หนึ่ง เริ่มต้นจากการสูญเสียแม่ที่เลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวมาตลอดทั้งชีวิตไป จนเด็กสาวต้องย้ายจากเมืองหลวงมาอยู่กับป้า สามีของป้า และลูกสาวอายุน้อยกว่าสามปี ยังเมืองอันหนาวเหน็บทางตอนเหนือ กระนั้นไมระก็ยังได้รับความอบอุ่นจากความเมตตาของพวกเขา เช่นเดียวกับชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ทุกคนต่างก็ให้การต้อนรับเด็กใหม่ที่หัวดีและหน้าตาดีจากโตเกียวโดยไม่แบ่งแยก
ชีวิตของไมระเคยดำเนินเดินไปอย่างราบรื่นและเป็นปกติสุขดีในแบบนั้น กระทั่งวันที่เธอได้เป็นเวรทำความสะอาดประจำห้องและต้องเอาขยะไปทิ้งหลังตึกเรียนซึ่งได้ร่วมเป็นพยานมองเห็นการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น เธอก็แค่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แม้ว่าความเป็นจริงเธอจะไม่ได้รู้จักเด็กชายต่างห้องสี่คนนั้น ทั้งคนที่คู้ตัวอยู่แทบเท้า หรือคนที่กระทืบส้นรองเท้าลงไปไม่ยั้งโดยมีเพื่อนๆ ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ แต่ด้วยมโนธรรมที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไมระจึงวิ่งเข้าไปผลักเด็กหนุ่มคนที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัวราวกับพระเจ้าผู้กำหนดชีวิตของผู้ที่ต่ำต้อยกว่าออกไปเต็มแรง
“หยุดได้แล้ว!”
คนที่เพียงซวนเซไปจะกลับมาตั้งหลักจับท่อนแขนของเธอไว้แล้วพยายามกระชากเหวี่ยง หากไมระก็ใช้แรงทั้งหมดไปกับการขืนขัดไม่ยอมแพ้ ความดื้อด้านนั้นอาจทำให้เขาหงุดหงิดมากพอจนยกมือขึ้นตบใบหน้าสีขาวซีดให้ขึ้นเป็นรอยแดง ขณะฟันที่กัดไปโดนก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงรสสนิมในโพรงปาก
“อย่ามาเสือก!” ตามมาด้วยน้ำหนักที่เปลี่ยนไปกดรอบลำคอของเธอ
โชคดีที่เพื่อนสองคนจะรีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปก่อนที่เธอจะขาดอากาศหายใจด้วยเรี่ยวแรงที่ไมระแน่ใจว่าหมายเอาให้ถึงตาย กระนั้นความหวาดกลัวก็หาได้เข้มข้นไปกว่าความแค้นเคือง ซึ่งจะทำให้เด็กสาวผู้ไม่เคยยอมคนพุ่งตัวเข้าไปอีกครั้งเพื่อเหวี่ยงฝ่ามือขึ้นกระทบกับใบหน้า ใบหน้าของเขาหันไปแค่เล็กน้อยเท่านั้นตามเรี่ยวแรงที่เธอมี ก่อนขยับกลับคืนมาพร้อมแววตาอันเยียบเย็น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนรอบข้าง แต่ไมระไม่สนใจพวกเขาอีกแล้ว เมื่อหันกลับไปช่วยประคองร่างของอีกคนที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปให้พ้นจากที่แห่งนั้นด้วยกัน
เขาไม่ได้วิ่งตามมาฉุดกระชากลากเธออย่างที่คิดว่าจะเป็น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากความพรั่นพรึงที่เป็นชนักติดหลังไมระตลอดค่ำคืนนั้น ตามติดมาถึงในความฝันซึ่งทำให้เธอไม่อาจนอนหลับได้เต็มตา
หากแต่เรื่องราวใดๆ ในความคิดและความฝัน ยังไม่อาจเทียบเท่ากับความเป็นจริงที่ไมระได้เผชิญในเช้าวันถัดมา เมื่อทันทีที่เดินเข้าไปในห้องเรียน ทุกสรรพเสียงก็พลันเงียบลงไปราวกับมีใครมากดปิดสวิตช์ ไม่ทันที่เด็กสาวจะได้อ้าปาก ชื่อและนามสกุลที่ส่งมาจากน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อยจากหน้าประตูห้องที่ถูกเลื่อนเปิดเข้ามาก็จะเรียกทุกสายตาให้จดจ้องมอง ตรงกันข้ามกับไมระที่ช้ากว่าของเหลวซึ่งถูกราดรดผ่านศีรษะลงมา
มันคือนมช็อกโกแลต...ที่เพื่อนร่วมห้องบีล้วนเคยได้เห็นเธออาเจียนเพราะกินนมบูดเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
แต่ไม่ใช่กับเด็กหนุ่มห้องอื่นที่แผดเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่ใกล้ๆ และก่อนที่ไมระจะได้เปิดปากหรือพุ่งตัวเข้าไปตอบโต้เอาคืน ท่อนแขนที่ถูกจับเหวี่ยงก็กระชากร่างของเธอล้มลงไปโดนโต๊ะเก้าอี้ที่เด็กแถวหน้าต่างพากันหวีดร้องลุกหนีกระจัดกระจาย ส่วนเขาก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งยองๆ อยู่เบื้องหน้า เอื้อมมือมากดบีบปลายคางโดยไม่ทอนแรง
“อยากแส่กับเรื่องคนอื่นมากนักใช่ไหม เธอน่ะ”
“ฉันไปทำอะไรให้นาย!” ไมระพยายามดันมือของเขาออก แม้จะอย่างเปล่าประโยชน์เมื่อเขายิ่งถ่ายน้ำหนักลงไป
“ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ ไม่สิ...ในเมืองนี้...กล้าหาเรื่องฉันมาก่อน และฉันก็ไม่สนด้วยว่าเธอเป็นใครหรือเพิ่งย้ายมาจากไหน เรื่องทุกอย่างเป็นความผิดของเธอที่แส่เข้ามายุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเอง จำใส่สมองเอาไว้ให้ดีนะ ฉันชื่อทากาฮาชิ ไคโตะ และฉันเป็นพระเจ้าของที่นี่!”
แล้วเขาก็ปล่อยมือจาก เพียงเพื่อที่จะยกมันขึ้นมาตบเข้าที่ใบหน้าของเธออีกครั้งเหมือนกับเมื่อเย็นวาน ก่อนที่จะผุดลุกขึ้น ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะไล่หลังเมื่อเดินออกจากห้องไป ขณะที่ของเหลวจากดวงตาไหลหลั่งลงมาผสานอาบแก้มที่ขึ้นสีเป็นรอยปื้นตลอดทางไปยังห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำเต็มแรงเพื่อสาดใส่เนื้อตัวที่เปื้อนเปรอะโดยไม่สนใจว่าจะเปียกปอน
ให้ไมระได้ตระหนักรู้ว่าพระเจ้าไม่ใช่เพียงผู้สร้าง...แต่ยังเป็นผู้ทำลาย
เพราะเมื่อเธอกลับถึงบ้านในเย็นวันนั้น ครอบครัวใหม่ที่เคยอบอุ่นก็กลายเป็นร้อนรุ่มจากการด่าทอเธอที่ไปหาเรื่องลูกชายคนเล็กของผู้ว่าฯ โดยไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ และไมระก็รู้ว่าถึงต่อให้เธอจะสรรหาคำแก้ตัวอะไรมา ก็ไม่อาจเรียกคืนอาชีพการงานที่เคยเป็นถึงหัวหน้าตำรวจในคุรันกลับมาให้ลุงได้ แม้ว่าเขาจะสามารถหางานเป็นยามในห้างสรรพสินค้ากะดึกหลังจากนั้นได้ แต่ก็เทียบกับอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและเป็นที่นับหน้าถือตาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ทุกคนในบ้านต่างเกลียดชังเธอ เหมือนกับที่ทุกคนในโรงเรียนต่างก็พากันเมินเฉยใส่เธอ แม้แต่คณาจารย์ก็ยังไม่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจากอำนาจที่พระเจ้าพึงมี
ไมระถูกทำร้ายทางกายจากครอบครัวที่บ้าน ถูกทำร้ายทางใจจากทากาฮาชิ ไคโตะที่โรงเรียน จริงอยู่ที่เขาไม่เคยใช้กำลังทำร้ายเธอหรือแตะเนื้อต้องตัวเธออีก นอกไปจากพ่นคำพูดเสียดสี แผดเสียงหัวเราะเยาะเย้ย บ่อยครั้งที่ไม่ระวังตัวก็จะถูกขัดแข้งขัดขา สรรหาอะไรก็ตามมาขว้างปาใส่ เศษกระดาษหรือขยะถ้าเดินผ่านหน้าห้องเรียน อุปกรณ์กีฬาถ้าเดินผ่านโรงยิม บางครั้งก็เป็นของกินถ้าเดินผ่านในโรงอาหาร ไมระที่ไม่เคยกลัวเกรงหากเป็นเรื่องของตัวเองไม่แม้แต่จะผรุสวาทออกมาได้ด้วยซ้ำเมื่อรู้ดีว่าเขาสามารถทำอะไรกับครอบครัวของเธอได้บ้าง ถึงสามคนพ่อแม่ลูกจะเกลียดชังเธอสุดขั้วหัวใจไปแล้ว ไมระก็ยังคงห่วงสวัสดิภาพในเมืองที่เป็นบ้านของพวกเขาอยู่ดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย ไมระคิด แล้วเธอก็จะผ่านพ้นไปได้หลังเรียนจบในอีกไม่ถึงหนึ่งปี พ้นจากครอบครัวที่ไม่เห็นเธอเป็นครอบครัว พ้นจากคุรันที่ไม่มีวันจะเป็นบ้าน และพ้นจากทากาฮาชิ ไคโตะที่ไม่เคยมองเห็นค่าความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจ้องสบนัยน์ตาที่มัวพร่าเพราะน้ำตาที่กักเก็บไว้แต่ไม่ยอมให้มันไหลลงมากับดวงตาเสียดเย้ยคู่นั้น เมื่อไหร่ที่เขายกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน ไมระจะคิดว่าคนชั่วช้าน่าทุเรศอย่างเขาตายๆ ไปซะได้ก็ดี
แต่เธอไม่ได้คิดว่าเขาควรต้องตายด้วยความทรมานเกินกว่าที่ขีดจำกัดของมนุษย์จะรับไหวแบบนั้น
3
เหตุการณ์ที่ไคโตะเจอสร้างความสั่นประสาทให้กับทุกคนในโรงเรียน รวมถึงในเมืองคุรันที่เคยสุขสงบ ทุกคนพากันคาดการณ์ไปต่างๆ นานาว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดแน่ที่ทำร้ายเขาอย่างโหดเหี้ยมทารุณขนาดนั้น
เวลาผ่านไปไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ ในที่สุดพ่อแม่ของไคโตะพร้อมกับชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งก็ออกตามหาพวกเขาจนเจอ เขายังคงมีลมหายใจอยู่จนถึงตอนนั้นแม้จะอย่างโรยแรง จะด้วยความโล่งอก เหนื่อยอ่อน หรืออะไรก็ตามแต่ ท้ายที่สุดไมระก็ล้มหมดสติลงไป ไม่ได้ฝันถึงสิ่งใดแม้แต่ภาพเหตุการณ์สยดสยองที่เพิ่งประสบพบเจอ
กระทั่งตอนสายของวันถัดมา เธอถึงได้ลืมนัยน์ตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้และนอนหลับขึ้นมาในโรงพยาบาล เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเธอเป็นสีขาวสะอาด เช่นเดียวกับผนังรอบด้านที่จัดจ้าจนเธอต้องหรี่ตาลง
“เธอหลับไปนานมากเลยนะ”
หันไปหาเสียงที่ไม่เคยคุ้น เฉกเช่นเดียวกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไมระก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคุ้นเคย นอกจากในเย็นวันนั้น...วันที่เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น
“ฉันนางาเสะ เร็น”
ไมระค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นอยู่ในท่านั่ง ผงกศีรษะเป็นเชิงตอบรับเล็กน้อย แล้วแนะนำตัวกลับไปด้วยรอยยิ้มแสดงความเป็นมิตรเหมือนอย่างที่เขามอบมันให้กับเธอ
“เสียใจด้วยนะกับเรื่องที่เธอต้องเจอ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน...”
“ไม่ใช่นะ!” ไมระรีบชิงตัดหน้าก่อนถ้อยประโยคที่เธอแน่ใจว่าเขาต้องเอ่ยออกมา “เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของคุณนางาเสะเลย! ถ้าจะมีใครผิดก็ต้องเป็นพวกที่กลั่นแกล้งคนอื่นต่างหาก!”
“คุณทสึบากิฮาระเป็นคนดีจริงๆ ด้วยนะ” เขายิ้ม “เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้อยากมอบของขวัญให้ก่อนที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น น่าเสียดายที่ฉันควรจะคิดถึงมันให้เร็วกว่านี้ เธอจะได้ไม่ต้องทนทรมานแบบนี้”
“เอ๊ะ?”
“ทากาฮาชิ ไคโตะ”
นัยน์ตาของเธอเลิกกว้างจากชื่อที่ได้ยิน ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายจะโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างใบหูด้วยคำพูดที่ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะขณะเอ่ยถ้อยประโยค...ที่เธอเองก็เคยคิด...ออกมาราวกับว่ามันคือเรื่องสนุกสนาน ก็จะทำให้ขนของเธอลุกชัน
“คนแบบมันตายๆ ไปซะได้ก็ดี”
ไมระไม่รู้ว่านางาเสะทำอะไรลงไป หรือว่ามันที่เขาพูดถึงนั้นคืออะไร เมื่อเขาจะเพียงจับมือเธอบีบเบาๆ แล้วเอ่ยคำลาบนใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มกว้างราวกับไม่เคยเผชิญกับเรื่องร้ายใด หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเขากำลังมีความสุขมากจากโศกนาฏกรรมที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง คนที่ครั้งหนึ่งก็คงเคยมอบนรกในคุรันให้เขาไม่ต่าง
เช่นเดียวกับที่ไมระก็ไม่อาจหาคำตอบจากโรงพยาบาลได้ว่าทากาฮาชิ ไคโตะเป็นตายร้ายดีอย่างไร พวกเขาปิดปากเงียบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และไมระก็ไม่สามารถบุกเข้าไปกดกริ่งหน้ารั้วบ้าน...คฤหาสน์...ของครอบครัวทากาฮาชิที่อยู่เลยขึ้นไปบนเนินเขาและต้องใช้พาหนะโดยสารเข้าไปสามสิบนาทีเป็นอย่างต่ำได้ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุดอย่างการโทรศัพท์ไปถามพ่อแม่ของเขา แต่เมื่อไม่เคยมีข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมชั้นประกาศตอนคาบโฮมรูม ไหนจะเรื่องที่ว่าพ่อของไคโตะเองก็กลับมาทำงานตามปกติ ไม่มีร่องรอยของความเศร้าเสียใจต่อการจากไปของลูกชายคนเล็กเลยแม้แต่น้อย ไมระจึงเชื่อว่าเขาน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ ด้วยสภาพบาดแผลที่สาหัสสากรรจ์ขนาดนั้น ย่อมไม่มีทางที่เขาจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน
ถึงครั้งหนึ่งไมระจะเคยจงเกลียดจงชังเขามากแค่ไหน หากความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไปนับตั้งแต่การได้เห็นความทรมาน — ที่อาจยิ่งกว่าความตาย — ของเขาเข้ากับตา ไมระไม่เชื่อเรื่องบาปกรรมตามสนอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นบทเรียนที่เขาสมควรจะได้รับมัน แลกกับสิ่งที่เขากระทำต่อเธอ นางาเสะ หรือคนอื่นๆ ที่ต้องมีอีกมาก
ชีวิตที่บ้านของเธออาจยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่กับในรั้วโรงเรียนที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเท่าที่จะเป็นได้ ไมระหายใจหายคอได้คล่องขึ้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่กับตอนที่เธอถูกผ้าเช็ดหน้าโปะจมูกในตอนที่ขี่รถจักรยานกลับบ้านในเส้นทางลัดสายเดิมหลังจากความกลัวที่พ้นผ่านได้ในที่สุด ก่อนถูกพาตัวขึ้นรถไป ทิ้งจักรยานคันเก่าให้นอนระเกะระกะโดยไม่มีใครสนใจจะแตะต้องมัน
_______________
ความคิดเห็น