คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #296 : わっしょい Shuffle : HYSTERIA (95% ปีหน้ามันต้องจบ ก่อนรักกูจะจบ!)
เคียวโมโตะ คาเอระ นึกทึ่งใจที่ตัวเองยังสามารถฝืนปั้นหน้าแสร้งทำเป็นหัวเราะเฮฮากับคนอื่นอยู่ได้ นับตั้งแต่วินาทีที่เพื่อนในกลุ่มอย่างมายูมิ ทาเกยูกิ พามัตสึมูระ มายูริ สาวน้อยตัวเล็กหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา ที่ดูอย่างไรก็แตกต่างลิบโลกจากหญิงสาวตัวสูงหน้าตาสะสวยแบบผู้ใหญ่ทั้งสองคนในกลุ่มชายหญิงที่มีกันทั้งหมดหกคน มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักที่ร้านอาหารแถวมหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งซ่องสุมประจำของพวกเขาในฐานะ ‘แฟนสาว’
เพราะนั่นคือตำแหน่งที่คาเอระเฝ้าฝันมาตลอดครึ่งปีที่ได้รู้จักกับมายูมิจากการเป็นเพื่อนร่วมคณะภาษาอังกฤษ ทั้งรอยยิ้มและความเป็นมิตรที่เขามอบให้นับแต่แรกเริ่มคือสิ่งที่ทำให้คาเอระตกหลุมรักผู้ชายที่ไม่มีอะไรตรงสเปคเลยคนนี้หมดทั้งใจ เหมือนกับที่คาเอระก็คิดเพียงว่าขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็เพียงพอแล้ว ถึงมายูมิจะไม่เคยแสดงออกว่าชอบเธอมากกว่าเพื่อน...แต่เขาก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบใครมากกว่าเพื่อนเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นคาเอระถึงได้ไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องราวของวันนี้ที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณเตือนล่วงหน้าให้ได้ตระเตรียมใจ เหมือนอย่างพยากรณ์อากาศที่บอกว่าสัปดาห์นี้พายุจะเข้าและทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์
และเมื่อคู่รักที่มีเรียกชื่อคล้ายคลึงกันขอแยกตัวกลับไปก่อนเพราะ “มายูริต้องไปทำงานพิเศษ” ด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาจากมายูมิ ทั้งที่เรื่องอย่างนั้นไม่เคยธรรมดาในสารบบชีวิตของลูกเศรษฐีอย่างพวกเขา คาเอระก็ต้องพยายามข่มกลั้นความรู้สึกต่อหน้าเพื่อนคนอื่นที่เหลือต่อไปโดยไม่แสดงพิรุธออกมา ไม่ว่ายังไงความลับก็จะต้องเป็นความลับ เพราะถ้าพวกเขาเกิดรู้ขึ้นมา สุดท้ายก็จะต้องมีคนปากโป้งเอาไปบอกเจ้าตัว แล้วมายูมิก็ต้องเลือกที่จะตีตัวออกหากเพราะไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจ และการไม่ได้เป็นอะไรกับเขาอีกเลยแม้แต่เพื่อนก็ไม่ใช่สิ่งที่คาเอระต้องการ ต่อให้ต้องเจ็บปวดเธอก็แน่ใจว่าอดทนไหว ในเมื่อการแสดงที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมเสียจนน่าจะมอบตุ๊กตาทองให้
ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เกาะกลุ่มกันในคลาสเรียน หรือไปไหนมาไหนด้วยกันหลังเลิกเรียนและวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นกลุ่มเล็กบ้างใหญ่บ้างเสมอ แต่ก็มีแค่มายูมิคนเดียวเท่านั้นที่คาเอระเรียกได้อย่างเต็มปากว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’
เพราะเธอรังเกียจความมักง่ายของฟุคาดะ เบื่อหน่ายความไม่รู้จักคิดของนาสุ และเกลียดความหน้ามืดตามัวของฮิโนฮะ เหมือนกับที่พวกเขาก็คงเหลือรับกับความถือดีของเธอ กระนั้นความสัมพันธ์ที่จอมปลอมไร้ซึ่งความจริงใจต่อกันตลอดมาก็ยังดำเนินต่อไปได้โดยมีจุดศูนย์กลางคือชีวิตที่ร่ำรวยของพวกเขาเอง
หรือที่คาเอระคิดว่าอาจจะเป็นของเพื่อนในกลุ่มอีกคนอย่างโอนิชิ ฟูกะต่างหาก
เพราะเขาคือลูกชายของนายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด หัวดีที่สุด หน้าตาดีที่สุด และเป็นเจ้าของเพนต์เฮาส์ราคาแพงที่สุดในมินาโตะซึ่งสามารถมองเห็นวิวของโตเกียวทาวเวอร์และอ่าวโตเกียวได้ชัดเจนประหนึ่งว่าแค่เอื้อมมือออกไปก็ไขว่คว้ามาได้ หรือก็คือแหล่งซ่องสุมนานๆ ทีเมื่อมีโอกาสอีกแห่งหนึ่ง ที่ทุกคนกำลังมานั่งทำรายงานกลุ่มวิชาเอกด้วยกันในตอนเย็นวันศุกร์ มากกว่าคือการกินดื่มสนทนาและเปิดเพลงเสียงดังแบบไม่เกรงใจใครของเพื่อนทั้งสามที่เธอไม่เคยนึกชอบใจได้ลง คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ คิดอยากจะกลับก็กลับกันไปง่ายๆ ทิ้งภาระทั้งหมดไว้กับเธอ มายูมิ และฟูกะ อันที่จริงมันก็เหมือนกับที่เป็นมาโดยตลอด เว้นก็แต่หนนี้ที่คาเอระทนเก็บปากเก็บคำเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป หลังจากลุกไปหยิบรีโมตมาปิดเพลงร็อคที่หนวกหูเป็นบ้าแล้วกลับมากระแทกตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเตี้ยบนพื้นพรม เหมือนกับที่ก็กระแทกเสียงบ่นด้วยความหงุดหงิดว่า
“ทำไมสามคนนั้นถึงได้ชอบเอาเปรียบพวกเราอยู่เรื่อยเลย เห็นโอนิชิฉลาดเข้าหน่อย เห็นมายูมิไม่เคยว่าอะไร ก็เลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ! บ้านช่องตัวเองก็ไม่ใช่ ไม่เคยเกรงใจเจ้าของห้องเลยด้วยซ้ำ น่าเบื่อน่ารำคาญ!”
“น่าๆ คาเอระ” มายูมิที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเอื้อมมือมาตบแขนเธอเบาๆ ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอย่างไม่ถือสา “รายงานชิ้นนี้ก็ไม่ได้ยากอะไรสักหน่อย อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ แค่เราสามคนก็ทำได้สบายอยู่แล้ว”
“ไหมล่ะ! มายูมิเคยว่าอะไรซะที่ไหน!”
เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากเจ้าตัวเมื่อเอ่ยว่า “ก็ทุกคนเป็นเพื่อนกันนี่นา” ให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของคาเอระกระตุกไหวไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกลับไปแสร้งทำเป็นง่วนกับหน้าจอแล็ปท็อปที่ค้างไว้ต่อ
เพราะเธอก็เป็นได้แค่นั้นสำหรับเขา เป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งที่อาจมีความหมายมากมายสำหรับมายูมิ แต่คนเดียวที่มีความหมายมากมายที่สุดก็คือคนรักของเขา ทั้งที่คาเอระพยายามลืมเลือนหล่อนไปแล้วเพราะช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน หากเธอก็น่าจะรู้ดีว่าจินตนาการนั้นย่อมคงอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และอีกไม่ช้าเธอก็จะต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวด
นั่นคือตอนที่โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นครืดคราดอยู่บนโต๊ะ และชื่อที่คาเอระได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหูก่อนมายูมิจะขอตัวลุกออกไปคุยที่ระเบียงข้างนอกด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยรอยยิ้มก็คือ “มายูริ”
เพราะอย่างนั้นในตอนที่มายูมิกลับเข้ามาในห้องพร้อมส่งสีหน้าขอโทษขอโพย โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร คาเอระก็จะตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า “ที่เหลือฉันกับโอนิชิทำต่อได้สบายมาก! มายูมิไปหามายูริจังเถอะ!”
“แต่ว่า...”
“เหลืออีกแค่นิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วเหมือนอย่างที่มายูมิว่านั่นแหละ!”
“งั้นให้ฉันอยู่ช่วยต่อจนเสร็จ...”
“ไปเถอะน่า! เสียงฟ้าร้องขนาดนี้ เดี๋ยวฝนตกแล้วจะเดินทางลำบากเปล่าๆ”
โชคดีที่ฟูกะจะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วช่วยเสริมรับคำพูดของเธอก่อนมายูมิจะทันได้เปิดปากแย้งอีกหนว่า “อืม นายไปเถอะ”
“งั้นก็ขอบคุณมากนะ! แล้ววันจันทร์จะเลี้ยงข้าวทั้งสองคนเป็นการไถ่โทษ!”
คาเอระยังคงหัวเราะไล่หลังตามมายูมิที่เธอไล่กลับไปจนได้ในที่สุด และเมื่อทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง รอยยิ้มสดใสจนถึงเมื่อครู่ก็จางหายไปจากใบหน้า แบบนี้แหละดีแล้ว คาเอระคิด เพราะอย่างน้อยๆ เธอก็จะได้ไม่ต้องมาทนฝืนนั่งปั้นหน้า ทั้งที่ข้างในใจกำลังทุกข์ตรมเพราะหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือไง
ชายหญิงทั้งสองที่เหลืออยู่ตอนนี้ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกันอีก ไม่ใช่แค่เพราะต่างยุ่งกับการตั้งหน้าตั้งตาทำรายงาน แต่เป็นเพราะต่างก็ไม่ใช่คนช่างพูดช่างจา — ยิ่งโดยเฉพาะระหว่างกันด้วยอีก — และคนกลางตลอดมาก็คือมายูมิที่สนิทกับเธอ หรือไม่ก็ฟุคาดะที่สนิทกับเขาและเป็นคู่ลับฝีปากชั้นยอดให้เธอมากกว่า
คาเอระที่มัวแต่ก้มๆ เงยๆ พิมพ์งานอย่างขะมักเขม้นไม่ทันได้เห็นว่าคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับเธอลุกไปไหนหรือตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบจนมองเห็นไอน้ำเกาะพราวถูกวางลงบนโต๊ะ คาเอระยังไม่ทันได้แหงนเงยขึ้นไปมองหรือพูดขอบคุณเลยด้วยซ้ำ เมื่อปุบปับ คนที่นั่งบนโซฟาด้านหลังก็จะโอบวงแขนแข็งแกร่งทั้งสองข้างรอบลำคอของเธอ ลมหายใจอุ่นที่เมื่อรดรินข้างใบหูของเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นร้อนจัด ยิ่งเมื่อน้ำเสียงที่สั่นพร่าของเขาเอ่ยขึ้นชวนให้เกิดความรู้สึกสั่นไหวข้างในอกได้อย่างน่าประหลาด แวบหนึ่งที่คาเอระคิดว่าเธอจะหลอมละลายเหมือนขี้ผึ้งได้เลยหรือเปล่านะ
“รักฉันนะคาเอระ”
ด้วยชื่อต้นของเธอที่ไม่เคยออกมาจากปากของเพื่อนคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“อ...โอนิชิ”
“แค่คืนนี้ก็ได้ ช่วยรักฉันนะ แล้วฉันจะรักคาเอระให้มากพอจนทำให้เธอลืมมายูมิ นะ”
คาเอระไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาดูออกได้ยังไง เมื่อเธอมั่นใจว่าไม่เคยแสดงพิรุธใดๆ ออกมา แต่บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนที่ทำให้คนเราอ่อนไหว เหมือนกับความรู้สึกที่อ่อนไหวเมื่อได้อยู่ใกล้กับผู้ชายอีกคนมากขนาดนี้...คนที่คาเอระไม่เคยรับรู้ดูออกมาก่อนว่าเขารักเธอตั้งมากขนาดนั้น
สายฝนบดบังแสงไฟสีส้มเหลืองของโตเกียวทาวเวอร์ในยามค่ำคืนซึ่งเธอรักที่จะมองดูให้กลายเป็นความพร่ามัว หากจินตนาการที่แจ่มชัดทุกอย่างก็สามารถเป็นจริงได้เมื่อคาเอระหลับตาลง แหงนเงยใบหน้าที่ถูกรั้งไปด้านหลังเพื่อรับรู้ถึงริมฝีปากที่กดแนบลงมาในทีแรกก่อนควานไขว่เข้ามาเพื่อถ่ายทอดความรักที่มากขนาดนั้น ความรักที่คาเอระโหยหาจากใครอีกคน แต่ก็ยินยอมพร้อมรับความปรารถนาจากใครอีกคนในค่ำคืนนี้...ให้มากกว่านั้นจนหัวสมองของเธอมัวพร่า
∞
เคียวโมโตะ คาเอระ เข้ามาอยู่ในความคิดจิตใจของโอนิชิ ฟูกะ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้จดประสานกับดวงตาแข็งกร้าวไร้ความรู้สึกของเธอไม่ว่ากับใคร และมันจะโอนอ่อนลงไปทุกครั้งยามได้ทอดมองดูเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มอย่างมายูมิ มนุษย์คนเดียวบนโลกที่หญิงสาวผู้เย่อหยิ่งเย็นชามอบความจริงใจให้โดยไร้ซึ่งความเสแสร้งอย่างที่ปฏิบัติต่อพวกเขา แม้ว่านั่นจะไม่ได้หมายถึงเขามากเท่ากับฟุคาดะ นาสุ และฮิโนฮะที่เธอเกลียดชังนักหนาทั้งที่ต่างก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
หรืออันที่จริงตัวเขาเองก็อาจเสแสร้งไม่ได้ต่าง เขาเกลียดการมีปฏิสัมพันธ์ ไม่เคยคิดว่าอยากมีเพื่อนสนิทหรือกลุ่มก้อนกับใครถ้าต้องเจอแต่การหวังผลประโยชน์เหมือนที่แล้วๆ มาจนกลายเป็นด้านชา หากฟูกะกลับยอมปล่อยให้ฟุคาดะที่มีเจตนาตรงตามนั้นแทบทุกประการพาไป เพียงเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าสนใจ ถึงความสนใจของเธอจะไม่เคยเป็นเขาที่เหินห่างกันมากที่สุดในกลุ่มเลยก็ตาม
การต้องมองดูคาเอระกับมายูมิเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจของฟูกะได้ทุกครั้ง หรือแม้แต่การที่เธอคอยแสดงความเหยียดหยันต่อทั้งฟุคาดะหรือนาสุ ขณะที่เขาแทบไม่เคยได้รับอะไรคืนกลับมา แต่จะว่าอะไรได้ในเมื่อเขาก็ไม่เคยให้อะไรเธอเหมือนกัน
ฟูกะที่ฉลาดในทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องคิดคำนวณก็รู้ว่าความเป็นไปได้คือเท่ากับศูนย์ เคียวโมโตะ คาเอระมีตาไว้มอง...มีหัวใจไว้รัก...แต่มายูมิ ทาเกยูกิ เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่จริงใจกับเขามากขนาดที่แค่นึกอยากเกลียดก็ทำใจให้เกลียดไม่ลง และการลงเล่นในสนามที่มองไม่เห็นหนทางชนะก็ไม่ใช่วิธีของเขา ถ้ารู้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่มีหวัง ฟูกะคงไม่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในจุดที่ต้องเจ็บใจ...มากกว่าคือความเจ็บปวดใจ...ตั้งแต่แรกแบบนี้
หากทุกครั้งที่ฟูกะได้สบประสานสายตากับเธอ แม้อาจแค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว หรือต่อให้อย่างไร้ความหมายใดๆ ฟูกะก็จะได้เข้าใจถึงความหมายอย่างมากมายที่คาเอระมีต่อเขา จากผีเสื้อที่กระพืออยู่ในท้อง จากความต้องการสัมผัส ครอบครอง ได้ร้องเรียกชื่อที่ไพเราะที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่ในความฝันหรือความเป็นจริงที่เขาได้หมกมุ่นดำดิ่งเพื่อปลดปล่อยอยู่ในโลกของตัวเองที่มีเธอ
ฟูกะไม่เคยคิดว่าการได้เห็นความเสแสร้งทั้งที่เธอก็เป็นมาตลอดจะทำให้หัวใจของเขาทรมานได้มากขนาดนี้ เขาไม่ได้นึกยินดีที่มายูมิจะมีคนรักเผื่อว่าตัวเองจะมีหวังกับใครอีกคน เพราะคาเอระที่ปั้นหน้าหัวเราะดีใจไปกับมายูมิโดยที่ดวงตาหม่นแสงลงไปราวกับดวงดาวที่ดับลงทั้งที่มันเคยเป็นประกายเจิดจ้าที่สุดในดวงตาของเขาก็คือคำตอบ
_______________
ความคิดเห็น